"ร้ายนักนะพี่ริน ปิดความลับเก่งเหลือเกินนะคะ"
"เราก็ปิดความลับเก่งไม่ใช่เล่น" อครินโต้กลับไม่ลดละ
"เรื่องอะไรคะ" นับดาวย้อนถามงงๆ ไม่คาดคิดว่าอครินจะล่วงรู้เรื่องของเธอ
"เรื่องดาวกับพี่เพลินไงล่ะ ไม่ต้องมาปฏิเสธเลย พี่รู้พี่เห็นด้วยสองตาของพี่เอง ตอนที่ดาวไม่ได้สติ พี่เพลินแสดงออกเลยว่าดาวเป็นคนรัก เป็นห่วงเป็นใยออกขนาดนั้นเป็นใครก็มองออก ว่าไม่ธรรมดาๆๆ" อครินพูดดักคอ เมื่อนับดาวอ้าปากจะเถียง ตอนท้ายยังร้องเป็นเพลงยั่วเธออีก
"ไม่ได้ปฏิเสธซะหน่อย" บอกเก้อๆ ยิ้มแหยๆ ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง
"รับรองพี่ไม่บอกใครหรอกน่า สัญญา" อครินบอกให้เธอสบายใจ พร้อมกับยิ้มให้ นับดาวยิ้มตอบอย่างโล่งอก ก่อนจะแยกย้ายกันเข้าไปแต่งตัว โดยมีเพลินพิณนั่งรออยู่ด้านนอก จนค่อนดึกนับดาวถึงได้เดินออกมาโดยมีอครินเดินตามหลังมาติดๆ
“กลับกันเถอะค่ะพี่เพลิน ดาวเหนื่อยจังเลย” เข้าไปซบหน้าลงตรงไหล่เพลินพิณบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า ลืมไปว่าอครินเดินตามหลังมา
“อ้อนจังนะ” เสียงอครินหยอกล้อ นับดาวถึงกับทำหน้าเหวอเขินอายจนหน้าแดง
“ยังอยู่อีกเหรอนึกว่าไปแล้ว”
“ไปแล้วจะได้ยินอะไรดีๆ เหรอ”
“ไปได้แล้ว ลูกเมียพี่รออยู่นะคะ” ว่าพลางดันหลังอครินให้เดินออกไปด้วยความเขินอาย
“ผมไปก่อนนะครับพี่เพลิน ก่อนที่ดาวจะอายจนทำอะไรผมมากกว่านี้” อครินบอกปนเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานที่ได้แกล้งนับดาว ก่อนเดินจากไป
“น่าอายจัง พี่เพลินน่ะไม่ยอมเตือนดาว” หันมาต่อว่าเพลินพิณหน้ายังแดงซ่าน
“คุณอายแบบนี้ก็น่ารักดีนะคะ” เพลินพิณยื่นหน้ามาบอกยิ้มๆ พร้อมกับโอบเอวนับดาวให้เดินออกไปยังลานจอดรถ
“ไม่ต้องมาพูดดีเลย ดาวอายนะคะ” ต่อว่าไม่จริงจังมากนักซุกหน้าแนบไหล่พร้อมกับตีเบาๆ ลงบนแขน เพลินพิณหัวเราะร่วนอย่างมีความสุข จนลืมระวังตัวว่ามางานแบบนี้มักจะมีนักข่าวมาทำข่าวด้วย
อ้อมใจตื่นเช้าตามปกติเดินออกมาด้านนอก ตั้งใจจะทำอะไรให้กิ่งฟ้าได้ทานในตอนเช้า แต่ต้องแปลกใจ เมื่อเดินออกมาไม่เห็นกิ่งฟ้านอนขดตัวอยู่เหมือนทุกวัน เดินเลยไปหน้าห้องน้ำ เห็นประตูเปิดแง้มอยู่ เธอค่อยๆ ผลักเข้าไปอย่างสงสัย ไม่มีแม้แต่เงาของกิ่งฟ้า มีแต่ร่องรอยของหยดน้ำที่บ่งบอกว่าคนที่เธอกำลังตามหา อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว รู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่างแทบจะวิ่งออกจากห้องน้ำ ตรงไปยังที่ๆ กิ่งฟ้าวางกระเป๋าและข้าวของไว้ แต่ไม่มีร่องรอยให้เห็น ใจหายอย่างบอกไม่ถูก แสดงว่ากิ่งฟ้าจากไปแล้วจริงๆ ทรุดนั่งลงอย่างหมดแรง เธอรู้อยู่แล้วว่ากิ่งฟ้าจะต้องไป แต่ไม่นึกว่าจะไปโดยไม่บอกลากันแบบนี้
"ไม่คิดจะบอกลากันสักคำเลยหรือไงนะ ยายเด็กบ้า" ต่อว่าอย่างขัดเคืองใจ พลางมองโซฟาที่กิ่งฟ้าใช้นอน ทุกอย่างจัดวางไว้เรียบร้อย สายตาสะดุดที่สมุดวาดภาพวางอยู่บนหมอน หยิบมาดูอย่างสงสัย
"สมุดภาพวาดของดาวหรือเปล่านะ หวงขนาดนั้นลืมไว้ได้ยังไงกัน" บ่นกับตัวเองก่อนตัดสินใจเปิดออกดู แล้วหัวใจก็แทบจะหยุดเต้นเสียให้ได้ ก็ภาพวาดที่เห็นในสมุดนั้น เป็นภาพของตัวเธอเอง ที่สำคัญไม่ได้มีแค่ภาพเดียว มีตั้งหลายภาพหลากหลายท่าทาง เหมือนกับว่าเธอเป็นแบบให้วาดโดยที่เธอไม่เคยรู้ตัว ถ้าเป็นภาพถ่ายก็คงเป็นการแอบถ่าย แต่นี่เป็นภาพวาดที่ต้องใช้เวลาและความตั้งใจอย่างละเอียดอ่อนด้วยซ้ำ ความอบอุ่นแล่นผ่านเข้ามาในหัวใจ เธอค่อยๆ ใช้ปลายนิ้วลูบไล้ไปตามเส้นดินสอที่คนวาดบรรจงวาดอย่างแผ่วเบา น้ำตาเคลือบคลออย่างรู้สึกตื้นตันกับการกระทำของกิ่งฟ้าที่ทำให้เธอ เปิดดูไปเรื่อยๆ จนถึงภาพสุดท้าย มีกระดาษแผ่นเล็กๆ สอดไว้ เธอรีบเปิดอ่านอย่างรวดเร็ว
'พี่อ้อม...
กิ่งวาดภาพให้พี่อ้อมตามที่เคยสัญญาไว้แล้ว หวังว่าพี่จะชอบนะคะ กิ่งขอบคุณพี่อ้อม มากๆ ที่ให้กิ่งได้มาพักด้วย ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ กิ่งมีความสุขเหลือเกิน ขอบคุณที่ดูแลกิ่งเป็นอย่างดี กิ่งขอโทษที่ไม่ได้บอกลากับพี่ด้วยตัวเอง กิ่งขี้ขลาดเกินไป กิ่งคงไม่อาจเดินจากพี่ไปได้ง่ายๆ กิ่งกลัวจะร้องไห้ให้พี่เห็น อย่าโกรธกิ่งเลยนะคะ ลาก่อนค่ะ
กิ่งฟ้า'
"กิ่ง..." พึมพำเรียกชื่อคนเขียนราวกับละเมอ เมื่ออ่านจดหมายของกิ่งฟ้าจบลง รีบเดินกลับเข้าห้องไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างรีบร้อน
อ้อมใจขับรถอย่างรวดเร็วไปยังท่ารถ ที่กิ่งฟ้าจะต้องใช้บริการเพื่อเดินทางกลับบ้าน พลางพร่ำภาวนาขอให้กิ่งฟ้ายังคงอยู่แถวนั้น อย่าเพิ่งจากไปเธอเพียงแค่อยากจะได้เอ่ยคำลา เธอตัดสินใจจอดรถขวางรถตู้คันที่กำลังจะออกจากท่า จนคนขับรถเบรกจนตัวโก่งพร้อมกับเสียงร้องของผู้คนแถวนั้น แต่เธอไม่มีเวลาจะสนใจรีบลงไปหาคนขับที่เปิดประตูลงมาตั้งท่าจะด่าเธอ พร้อมกับยกมือไหว้
"ขอโทษค่ะพี่ หนูจะรีบมาหาน้องกลัวไม่ทัน" บอกก่อนจะรีบเปิดประตูรถตู้ขึ้นไปชะโงกมองหากิ่งฟ้า สายตาของคนบนรถมองมาที่เธออย่างแปลกใจ แม้จะอายแค่ไหนแต่เธอก็ต้องทำเป็นไม่สนใจ เมื่อมองหาจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีคนที่เธอตามหา เธอเลยได้แต่เอ่ยคำขอโทษ ก่อนจะรีบไปเลื่อนรถที่จอดขวางเปิดทางให้ คนขับรถตู้ส่ายหัวบ่นอุบอย่างอารมณ์เสียใส่เธอ
อ้อมใจอยู่รอดูจนรถตู้ออกไปจากท่ารถอีกสองคัน เธอก็ยังไม่เห็นวี่แววของกิ่งฟ้า จนในที่สุดเธอยอมถอดใจ คิดว่ากิ่งฟ้าน่าจะไปก่อนที่เธอจะมาถึง จึงขับรถออกไปอย่างหงอยเหงา รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก ขับรถเรื่อยมาจนถึงสตูดิโอ เดินเข้าไปอย่างเงียบๆ ไม่ทักทายใครๆ เหมือนเช่นทุกครั้ง อาการของเธอไม่อาจรอดพ้นจากสายตาเพื่อนอย่างนับดาวไปได้
"เป็นอะไรไปอ้อม ทำไมดูเธอเหม่อๆ" ทักถามอย่างเป็นห่วง
"เปล่า...ไม่ได้เป็นอะไร" ปฏิเสธเบาๆ
"ยังจะมาเปล่าอีก เธอเข้ามาไม่ทักทายใครเลยสักคน มานั่งซึมอยู่นี่เป็นอะไร ท่าทางยังกะคนอกหัก" นับดาวถามเป็นชุด
"กิ่งเค้าไปแล้วนะ" บอกโดยไม่ตอบคำถาม ทำเอานับดาวขมวดคิ้วอย่างสงสัย
"เค้าทำงานเสร็จแล้วนี่ อย่าบอกนะว่าที่ซึมกะทืออยู่นี่เป็นเพราะกิ่งกลับไป"
"เฮ้ย...!ไม่เกี่ยว เค้าจะไปก็เรื่องของเค้าสิ"
"ไม่จริงมั้ง ทำไมต้องเสียงดังด้วย กลบเกลื่อนอะไรหรือเปล่า" นับดาวซักเมื่อเห็นท่าทีผิดปกติของเพื่อน
"เปล่า...ว่าแต่เค้าจะกลับบ้าน ได้บอกเธอบ้างหรือเปล่า" ปฏิเสธเสียงเบา แต่ก็ยังอดถามในสิ่งที่ค้างคาใจ
"บอกสิ เค้ามาลาแล้วล่ะ"
"ดีนะ ดาวคงสำคัญกับเค้ามาก ถึงได้บอกทุกเรื่อง" เสียงแผ่วความน้อยใจตีตื้นขึ้นมาจนน้ำตาเอ่อคลอ เบือนหน้าหนีหลบสายตานับดาว
"ไหนบอกไม่มีอะไรไง บอกดาวสิ กิ่งทำอะไรให้อ้อมไม่สบายใจหรือเปล่า" ถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นอาการแปลกๆ ของอ้อมใจ
"เปล่า ไม่มี" ยังยืนกรานปฏิเสธ
"ไม่มีหรือไม่บอก ดีถ้าอ้อมไม่บอกดาวจะถามกิ่งเอง"
"เค้าไม่อยู่ให้ดาวถามแล้วล่ะ" น้ำเสียงสั่นเครืออย่างไม่อาจห้ามไว้ได้
"กิ่ง...กิ่งมานี่ก่อนสิ" นับดาวตะโกนเรียก อ้อมใจหันไปตามสายตานับดาว เห็นกิ่งฟ้าเดินมา รู้สึกแปลกใจ...ดีใจ สับสนจนแทบระงับไว้ไม่อยู่
"กิ่ง...!" เรียกชื่อคนที่เดินมายืนตรงหน้าราวกับละเมอ
"กิ่งทำอะไรเพื่อนพี่" นับดาวถามกิ่งฟ้าน้ำเสียงคาดคั้น
"ทำอะไร...กิ่งไม่ได้ทำอะไรนะคะ" กิ่งฟ้ารู้สึกงุนงงกับคำถามของนับดาว พลางมองหน้าอ้อมใจเป็นเชิงถาม
"ก็บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไร อย่าไปฟังดาว คิดไปเอง"
"เออ...ดาวไม่ยุ่งก็ได้ คุยกันเองล่ะกัน" นับดาวแกล้งทำงอนเลี่ยงออกไป เพราะดูจากสายตาของอ้อมใจแล้วคิดว่าคงอยากจะคุยกับกิ่งฟ้าตามลำพังมากกว่า
"จะกลับไม่คิดจะบอกลากันสักคำเลยเหรอ" อ้อมใจเอ่ยถามน้ำเสียงน้อยใจ เมื่อนับดาวเดินออกไปแล้ว
"กิ่งก็เขียนบอกเหตุผลไปแล้วไงคะ"
"ทำไม...?พี่ไม่มีค่าพอที่กิ่งจะบอกลาได้เลยเหรอ"
"ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ พี่มีค่ามากจนกิ่งไม่อยากบอกลาเลยต่างหาก" บอกเสียงอ่อยหน้าแดงหลบสายตา กลัวว่าอ้อมใจจะล่วงรู้ความรู้สึกของตัวเอง แต่คำพูดแค่นั้นก็ทำให้อ้อมใจคลี่ยิ้มออกมาได้ สำนวนแบบนี้เธอมักใช้เขียนหนังสืออยู่บ่อยๆ ทำให้เธอรู้ว่ากิ่งฟ้าน่าจะมีใจให้เธอบ้าง
"สองคนนั้นมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าจ๊ะ" เพลินพิณเดินเข้ามาถามนับดาวที่ยังคงแอบมองอ้อมใจกับกิ่งฟ้าอยู่
"ถ้าดูไม่ผิดน่าจะเป็นปัญหาหัวใจนะคะ" นับดาวบอกเสียงเบา
"หา...! อะไรนะคะ แล้วถ้าคุณดูผิดล่ะ" เพลินพิณถามอย่างตกใจพลางขยับเข้าไปมองทั้งสองคนอย่างอยากรู้
"รับรองไม่ผิดหรอกค่ะ ไม่เชื่อพี่ดูสิ" นับดาวยืนยันหนักแน่น
"สงสัยจะจริงอย่างคุณว่า เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าคุณนับดาวช่ำชองเรื่องของหัวใจด้วย นึกว่าจะเก่งแต่เรื่องบันเทิง" เพลินพิณเห็นคล้อยตามนับดาว เมื่อเห็นกิ่งฟ้ามีท่าทีเอียงอายแล้วเดินออกไป โดยมีอ้อมใจยิ้มกริ่มเดินตามไปติดๆ แบบนั้นราวกับเป็นคู่รักกัน คนอื่นอาจจะมองไม่ออก แต่สำหรับเธอสองคนผ่านเหตุการณ์แบบนั้นมาแล้ว เลยทำให้มองออกว่าทั้งสองคนนั้นมีใจให้กันแน่ๆ
"ก็ดาวมีครูดีนี่คะ" หันมาบอกพร้อมกับรอยยิ้มหวาน นัยน์ตากรุ้มกริ่มที่ทำเอาคนมองอยากจะรวบร่างบางเข้ามากอดแนบอก
"อย่ามายิ้มแบบนี้ ทำสายตาแบบนี้นะคะ เดี๋ยวพี่อดใจไม่ไหว"
"อดใจไม่ไหวแล้วจะทำไมคะ" แกล้งทำเสียงใสซื่อถาม
"พี่ก็จะกอดคุณ จะจูบคุณโชว์ไงคะ" บอกเสียงเข้ม พร้อมกับหายใจเข้าแรงๆ ทำเอานับดาวหัวเราะร่วน
“กล้าๆ หน่อยค่ะ” ท้าเสียงใสก่อนจะเดินหนีไปจากตรงนั้น เพลินพิณมองตามอย่างแสนรัก อาการแบบนั้นของทั้งคู่อยู่ในสายตาของน้ำตาลที่มองดูอยู่นาน ความหวาดหวั่นมีอยู่เต็มสีหน้าและแววตา พร้อมกับถอนหายใจอย่างแรง รู้สึกหนักใจกับภาพที่มองเห็น
"กิ่งจะรีบไปไหน รอพี่ด้วยสิ" อ้อมใจเดิมตาม ร้องเรียกกิ่งฟ้าที่เดินจ้ำอ้าวออกมาจากสตูดิโอ
"กิ่งจะกลับบ้านแล้วคะ เดี๋ยวจะถึงมืดหารถเข้าสวนไม่ได้"
"พี่ไปส่ง" อ้อมใจตัดสินใจบอกอย่างรวดเร็ว
"อะไรนะคะ" กิ่งฟ้าหันมาถามอย่างแปลกใจ
"คือว่าพี่ต้องเขียนหนังสือส่งสำนักพิมพ์ แล้วตอนนี้สมองมันตื้อๆ เขียนอะไรไม่ค่อยออก ถ้าได้ไปอยู่ที่อากาศดีๆ มีดอกไม้สวยๆ น่าจะเขียนได้ไหลลื่นดี พี่ขอไปด้วยคนนะ" เหตุผลมากมายพรั่งพรูออกมาอย่างรวดเร็ว กิ่งฟ้าหันมาจ้องมองอย่างสงสัย
"ไปกันเถอะ" อ้อมใจรีบดึงแขนกิ่งฟ้าให้เดินตามไปที่รถ โดยไม่ยอมสบสายตา กิ่งฟ้าเลยได้แต่เดินตามอย่างไม่ขัดขืน มองดูมือของเธอที่อยู่ในมือของอ้อมใจ มันเหมือนมีกระแสบางอย่างพุ่งเข้าสู่ตัวเธอจนรู้สึกอุ่นวาบ รู้ดีว่าเหตุผลที่ได้ยินเป็นเพียงแค่ข้ออ้างเท่านั้นเอง รอยยิ้มอย่างพึงพอใจผุดขึ้นโดยที่เธอไม่รู้ตัว
"พี่อ้อมรู้จักดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ไหม" อยู่ๆ กิ่งฟ้าก็ถามขึ้น เมื่ออ้อมใจขับรถออกมาได้ครึ่งทางแล้ว
"เคยได้ยินเหมือนกัน เห็นเค้าว่าสวยเหมือนดอกซากุระ แต่พี่ยังไม่เคยเห็น ถามทำไมจ๊ะ"
"อยากเห็นหรือเปล่าล่ะ ตอนนี้กำลังบานสะพรั่ง เค้าว่ามันบานแค่ปีละครั้งเท่านั้นเองนะ"
"อยากสิ แต่จะไปดูที่ไหนล่ะ ที่เหนือเหรอไกลขนาดนั้นคงไม่ทันได้เห็นแล้วล่ะ"
"ใครบอก แค่นครปฐมนี่ก็มีให้ดู"
"จริงเหรอ งั้นพาพี่ไปดูหน่อยสิ กิ่งเคยไปดูแล้วเหรอ" หันมาถามอย่างตื่นเต้นราวกับเด็กๆ
"กิ่งก็ยังไม่เคยเห็น ได้ยินแต่เพื่อนๆ เล่าให้ฟัง เพื่อนกิ่งเค้าไปวาดรูปกันเมื่อสองสามวันก่อน แต่กิ่งต้องทำงานเลยไม่ได้ไป ยังนึกเสียดายอยู่เลย" เสียงอ่อยในตอนท้าย
"โอ๋... ไม่ต้องเสียใจนะ เดี๋ยวเราไปดูด้วยกัน จะได้เป็นครั้งแรกของเราสองคนที่ได้เห็นพร้อมๆ กันไง ตื่นเต้นจังเลย" เอื้อมมือมาลูบผมกิ่งฟ้าราวกับจะปลอบใจ ทำเอากิ่งฟ้ารู้สึกแปลกๆ กับการกระทำนั้นอีกครั้ง เนื้อตัวร้อนวูบวาบขึ้นมาจนต้องเบี่ยงตัวหลบ
"ว่าแต่กิ่งรู้ทางใช่ไหม" แม้จะรู้สึกผิดหวังที่กิ่งฟ้าขยับออกห่าง แต่อ้อมใจก็ยังคงทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุด
"รู้ค่ะ ไปทางสุพรรณบุรี อยู่ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กำแพงแสน น่าจะหาไม่ยาก"
"โอเค...งั้นไปกันเลย" ขับรถมุ่งหน้าไปตามเส้นทางที่กิ่งฟ้าบอก ต่างคนต่างนั่งเงียบจมอยู่กับความคิดของตัวเอง จนเข้าเขตของถนนสายที่มีต้นชมพูพันธุ์ทิพย์บานรอผู้คนมาเยือนอย่างสวยงาม
"โอ้โห...สวยจัง" อ้อมใจถึงกับร้องเสียงดังอย่างตื่นเต้น เมื่อเลี้ยวรถเข้าไปยังถนนเส้นที่มีแต่ดอกไม้สีชมพู มองเห็นได้แต่ไกลสุดลูกหูลูกตา
"ไม่คิดว่าบ้านเราจะมีที่ๆ สวยแบบนี้เลยนะคะ" กิ่งฟ้าก็รู้สึกไม่ต่างกัน จ้องมองภาพตรงหน้า ดวงตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้น
"ใช่ ถนนทั้งเส้นมีแต่สีชมพูหวานจัง พี่ว่าเราขับดูไปเรื่อยๆ จนสุดถนนก่อนดีกว่านะ แล้วค่อยหาที่เหมาะๆ นั่งกัน" อ้อมใจบอก ก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนรถเข้าไปบนถนนสายสีชมพู ที่มีต้นชมพูพันธุ์ทิพย์บานสะพรั่งอยู่สองข้างทาง
"ค่ะ" กิ่งฟ้ารับคำเสียงใส โดยไม่ละสายตาจากความงดงามที่เห็นอยู่ตรงหน้า
มาหลังสงกรานต์ตามสัญญาค่ะ