การมาเรียนวันที่สามของกนต์รพีเป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะวันนี้มีเรียนพละซึ่งเป็นวิชาที่เธอไม่ชอบสักเท่าไหร่และความกดดันก็ทวีเป็นร้อยเท่าเมื่อวันนี้เธอมีคาบเรียนพละตรงกับธัญวรัตน์
กนต์รพีมองรุ่นพี่ที่แอบปลื้มด้วยความชื่นชมเพราะไม่ว่าอีกฝ่ายจะหยิบจับทำอะไรก็ดูสง่าสวยงามไปหมดช่างแตกต่างกับตัวเธอมากมายเหลือเกินที่ทำอะไรก็ผิดพลาดไม่สำเร็จสักอย่าง
ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันซวยของเธอหรืออย่างไรที่มาเรียนวิชาพละวันแรกก็เจอกับการทดสอบครั้งยิ่งใหญ่ซะแล้ว
“วิ่งรอบสนามจับเวลา!” สำหรับหลายคนอาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่เธอผู้ที่แบกน้ำหนักมากกว่าคนปกติหลายเท่ามันไม่ง่ายเลย
กลิ้งไปยังจะง่ายกว่าอีก!
มาทางด้านของกลุ่มรุ่นพี่ที่ใกล้จะหมดชั่วโมงเรียนแล้วก็ต่างพากันแยกย้ายจะมีก็แต่กลุ่มของธัญวรัตน์เท่านั้นที่ยังคงไม่ไปไหนเพราะอยากจะทำอะไรสนุกๆกันก่อน
“วันที่สามแล้วนะธัญ”
“แล้วไง”
“ก็ใกล้ครบกำหนดแล้วไม่เห็นเด็กหมูของเธอจะออกตัวซักที”
ธัญวรัตน์ปรายตาดุใส่คนพูดก่อนจะชักกลับไปมองยังเป้าหมายอีกครั้ง
“พวกเธอเตรียมทำตามข้อตกลงเถอะน่ะอย่างอื่นฉันจัดการเอง”
“เรื่องของก็ไม่ต้องห่วงถ้าเธอทำได้ก็เอาไปเลยแต่เด็กหมูเธอนี่มองทีไรก็อดขำไม่ได้ดูท่าวิ่งสิชาตินี้จะถึงมั้ยล่ะนั่น”
“นั่นสิฉันว่ากลิ้งน่าจะไวกว่านะ”
เป็นประโยคเสริมจากเพื่อนอีกคนและพอจบประโยคคนทั้งกลุ่มก็หัวเราะออกมารวมทั้งธัญวรัตน์เองก็ด้วยเพราะเธอก็คิดไม่ต่างกับเพื่อนๆสักเท่าไหร่
“หยุดหัวเราะได้แล้ว”
ธัญวรัตน์รีบเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเป้าหมายกำลังเดินมาทางตัวเอง
“แหม๋ๆมีปกป้องน่าอิจฉาเด็กหมูจัง”
“นี่ถ้ายังไม่หยุดฉันจะจับเธอไปปูแทนหญ้าที่สนามนะ”
คนพูดหันไปทำตาเขียวใส่คนที่แซวทันทีก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้ดูเป็นนางเอกแล้วเดินเข้าไปหากนต์รพีช่างเป็นการกระทำที่ทำให้เพื่อนทั้งกลุ่มขนลุกได้อย่างพร้อมเพรียงเพราะหากเปรียบเรื่องนี้เป็นละครธัญวรัตน์ต้องได้รับบทเด่นดังเช่นนางร้ายหน้าสวยแน่ๆ
กนต์รพีรีบยึดตัวตรงพร้อมกับการสะบัดอาการหอบทิ้งออกไปทันทีเมื่อเห็นใครบางคนส่งยิ้มมาแต่ไกล
“สวัสดีค่ะ”
น้ำเสียงหวานและรอยยิ้มที่ได้รับทำให้กนต์รพีรู้สึกดีและหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งหากได้เห็นแบบนี้ทุกวันคงจะดีมากสำหรับเธอ
“เหนื่อยแย่เลยดูสิเหงื่อออกเต็มเลย”
ธัญวรัตน์ล้วงผ้าเช็ดหน้าขึ้นมายื่นให้กับคนตรงหน้าแต่พอกนต์รพียื่นมือมารับรุ่นพี่คนสวยก็เปลี่ยนใจมาเช็ดให้แทนทำเอาเจ้าของใบหน้าถึงกับทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนนิ่งๆน้อมรับการกระทำของคนตรงหน้าโดยดี
“ขอบคุณนะคะ”
“ไม่เป็นไรพี่เต็มใจ”
“พี่ธัญใจดีจังนะคะ”
“ใจดีเหรอไม่เห็นมีใครเคยบอกเลย”
“จริงๆนะคะ”
กนต์รพีรีบเอ่ยขึ้นเพราะอยากให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าเธอรู้สึกแบบนั้นจริงๆแต่พอสายตาประสานเข้ากับรุ่นพี่คนสวยเธอก็ถึงกับเข้าอ่อนเพราะมันหวานและมีความนัยน์แฝงในนั้นและดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องเดียวกับเธอซะด้วย
“พี่ใจดีเฉพาะกับคนพิเศษเท่านั้นแหละแล้วเจอกันนะคะ”
พูดจบธัญวรัตน์ก็เอาผ้าเช็ดหน้ายัดใส่มือของคนตรงหน้าพร้อมกับการยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ
“ซักแล้วเอามาคืนพี่ด้วย…รออยู่นะคะ”
ธัญวรัตน์โปรยยิ้มหวานก่อนจากไปและทันทีที่รุ่นพี่คนสวยเดินลับสายตาไปเสียงแซวและโหก็ดังขึ้นทำเอาคนที่กำลังเคลิ้มตกใจไม่น้อยแต่กนต์รพีก็ไม่คิดจะเอามาใส่ใจ
ตอนนี้เธออยากให้ถึงเวลาเลิกเรียนเร็วๆเพราะจะได้กลับบ้านไปจัดการซักผ้าในมือให้หอมๆแต่เดี๋ยวก่อน…หากจะเอาผ้าไปคืนเธอก็น่าจะมีของติดไม้ติดมือไปให้ด้วยถึงจะถูก
หลังจากเลิกเรียนกนต์รพีก็ลากตัวมาริษาให้มาเป็นเพื่อนในการซื้อของขวัญแทนใจที่เธอทุ่มทุนทุบกระปุกออมสินที่อดออมมาตลอดแม้จะเป็นเงินไม่มากแต่มันคือความตั้งใจที่เธอคิดว่าธัญวรัตน์ต้องดีใจเมื่อรับ
“แน่ใจแล้วเหรอพี”
“เรื่องอะไร”
“จะเรื่องอะไรซะอีกล่ะอย่าทำเป็นไม่เข้าใจที่เราพูด”
สีหน้าจริงจังของมาริษาทำให้กนต์รพีต้องเลิกให้ความสนใจกับสร้อยในร้านแล้วหันมามองหน้าคนพูดแทน
“ทำไมล่ะเราแค่อยากซื้ออะไรให้พี่ธัญบ้าง”
“แต่ก็ไม่น่าจะลงทุนมากขนาดนี้”
“ไม่เป็นไรหรอกเงินเก็บเมื่อไหร่ก็ได้แต่ความรู้สึกดีๆหาไม่ได้ง่ายๆนะ”
“ชอบพี่เค้าขนาดนั้นเชียว”
กนต์รพียืนนิ่งอยู่นานก่อนจะพยักหน้ารับอย่างอายๆ
“แล้วถ้าอะไรไม่ได้เป็นอย่างที่คิดล่ะ”
“หมายถึงอะไรเหรอ”
“ก็ ก็เปล๊า…เอาเป็นว่าขอให้โชคดี”
พูดจบมาริษาก็เดินไปดูของอย่างอื่นทิ้งปริศนาไว้ให้คนฟังได้คิดตามแต่เพียงไม่นานความสนใจของกนต์รพีก็ถูกดึงมาที่สร้อยจี้นางฟ้าซึ่งโดนใจเธอมากจนต้องยอมควักเงินทั้งหมดที่มีอยู่
มาริษามองเพื่อนที่เอาแต่จ้องสร้อยที่เพิ่งซื้อมาอย่างนึกสงสารแต่เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าการเตือนเพราะหากทำอะไรมากกว่านี้คนที่แย่อาจจะเป็นตัวเธอเอง
ไม่รู้ว่ารุ่นพี่กลุ่มนี้เป็นโรคจิตกันหรือยังไงถึงได้เล่นสนุกจีบเด็กที่เข้าใหม่โดนมีของเดิมพันเป็นสิ่งของแพงๆและไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเลือกกนต์รพีทั้งๆที่มีเด็กใหม่เข้ามาพร้อมๆกับเพื่อนเธออีกตั้งหลายคน
“อิ่มแล้วเหรองั้นเดี๋ยวช่วยกินนะ”
กนต์รพีคว้าไก่ชิ้นที่อยู่ในจานของเพื่อนที่นั่งเหม่อเข้าปากทันทีและเพียงไม่กี่วินาทีไก่ชิ้นโตก็หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย
“อิ่มล่ะกลับกันเถอะ”
มาริษาอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออกทำได้เพียงมองคนพูดที่เดินสบายท้องออกไปจากร้าน
สาบานได้ว่าเธอยังไม่ได้กินอะไรเลยก็ถูกยัยหมูแย่งกินจนหมดไอ้เราก็อุตสาห์เป็นห่วงแต่ดูผลที่ได้รับสิมันกลับว่างเปล่าจริงๆ
วันที่สี่ของการมาเรียนวันนี้กนต์รพีตั้งใจมาดักรอธัญวรัตน์ที่โรงอาหารเพราะตั้งแต่เช้ายังไม่เห็นอีกฝ่ายแม้แต่เงา
ในที่สุดคนที่รอคอยก็เดินเข้ามาและเหมือนเป็นความเคยชินเพราะทุกครั้งที่เจอกันธัญวรัตน์จะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาทักเธอก่อนตลอดแต่ครั้งนี้กนต์รพีตั้งใจว่าจะเป็นฝ่ายเข้าไปหาอีกฝ่ายก่อนบ้าง
“สวัสดีค่ะพี่ธัญ”
“สวัสดีค่ะวันนี้เข้ามาหาพี่เองเลยนะ”
“ก็ต้องเปลี่ยนกันบ้าง”
กนต์รพีก้นหน้าพูดอย่างอายๆก่อนจะสูดหายใจเรียกความกล้าแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาคนตรงหน้าถึงแม้จะมีความรู้สึกเขินอยู่บ้างแต่เธอก็จะต้องทำตามความตั้งใจให้สำเร็จ
“มีอะไรจะพูดกับพี่หรือเปล่า”
“เอ่อ พี่ธัญรู้ด้วยเหรอคะ”
“พอจะดูออกค่ะว่าแต่มีเรื่องอะไรเอ่ย”
“คือ…”
พอถึงเวลาจริงๆกนต์รพีก็รู้สึกเกร็งจนสมองมึนเบลอไปหมดและเหมือนความจำจะเริ่มเสื่อมถอยเมื่อเธอจำประโยคที่นั่งซ้อมมาทั้งคืนไม่ได้
“ว่าไงค่ะ”
“เอ่อคือ…นี่ค่ะ”
ธัญวรัตน์รับของที่คนตรงหน้าส่งให้พร้อมกับทำหน้าแปลกใจเมื่อมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในผ้าเช็ดหน้าของตัวเอง
“อะไรคะเนี้ย”
“ผ้าเช็ดหน้าของพี่ธัญไงคะ”
“พี่รู้แล้วแต่หมายถึงของที่อยู่ข้างในต่างหาก”
“เอ่อ ลองเปิดดูสิคะ”
กนต์รพีเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาพร้อมกับการบิดไปบิดมาซึ่งเป็นอาการที่ผู้เชี่ยวชาญอย่างธัญวรัตน์เดาได้ไม่ยากว่าต้นเหตุเกิดจากอะไรและคงจะถึงเวลาแล้วที่เธอจะจบเรื่องน่าขนลุกแบบนี้ลงซะที
“ให้พี่เหรอ”
“ค่ะ”
“ในวันพิเศษอะไรล่ะพี่ว่ายังไม่ถึงเทศกาลให้ของขวัญกันนะ”
คนพูดทำหน้าใช้ความคิดนั่นยิ่งทำให้คนให้ของรู้สึกเขินมากขึ้นไปอีก
“คิดไม่ออกจริงๆ”
“ไม่ใช่วันสำคัญอะไรหรอกค่ะพีแค่อยากให้”
“พี่ขอบใจมากนะคะแต่คงรับไว้ไม่ได้ เกรงใจน่ะ”
ธัญวรัตน์ยื่นสร้อยคืนให้กับคนตรงหน้าที่ตอนนี้เริ่มมีสีหน้าเศร้าลงเรื่อยๆ
“ไว้มีโอกาสพิเศษค่อยมาให้พี่นะแต่ถ้าวันธรรมดาอย่าเลยเปลืองตังค์เปล่าๆ”
รุ่นพี่คนสวยเอ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มจากนั้นก็เดินแยกตัวออกมาเพื่อไปหาเพื่อนที่รออยู่
“รอก่อนค่ะ”
กนต์รพีวิ่งมาดักหน้ากลุ่มรุ่นพี่เอาไว้ก่อนจะเดินตรงไปหาคนที่ตัวเองแอบปลื้มด้วยสีหน้าและแววตาที่แน่วแน่
“รับไว้เถอะนะคะ”
“พี่บอกแล้วไงคะว่ารอวันพิเศษก่อน”
“วันนี้ก็พิเศษนะคะ”
“พิเศษ”
ธัญวรัตน์ทวนคำก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากแล้วหันไปมองหน้าเพื่อนที่ยืนทำท่าทางเหงื่อตกเพราะรู้ชะตากรรมของตัวเองในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า
“พิเศษยังไงเหรอคะ”
น้ำเสียวหวานที่เอ่ยออกมาทำให้กนต์รพีหัวใจเต้นแรงแทบไม่เป็นจังหวะแต่เธอก็พยายามเรียกความกล้าเพื่อที่จะทำในสิ่งที่ตั้งใจให้ได้
“ว่ายังไงคะน้องพี”
“พีชอบพี่ธัญค่ะ”
เป็นประโยคบอกความรู้สึกที่ทำให้คนฟังรู้สึกขนลุกมากทีเดียวแต่ทนอีกแค่ไม่กี่นาทีเธอก็จะหลุดออกจากวงโคจรของยัยหมูนี่แล้ว
“อะไรนะคะพี่ได้ยินไม่ชัดเลย”
กนต์รพีมองหน้าคนถามซ้ำอย่างอายๆแต่เธอก็สามารถรวบรวมความกล้าออกมาได้อีกครั้ง
“พีชอบพี่ธัญค่ะแล้ววันพิเศษที่พีหมายถึงก็คือวันที่…ที่พีมาบอกชอบพี่…เราคบกันนะคะ”
จบประโยคทุกคนทั่วทั้งโรงอาหารต่างพากันนิ่งเงียบมองมาทางเด็กใหม่ใจกล้ากันเป็นแถวแต่เพียงไม่นานเสียงหัวเราะของคนที่กนต์รพีบอกชอบก็ดังขึ้นต่อด้วยเสียงหัวเราะของคนในกลุ่มและตามมาด้วยคนทั้งโรงอาหาร
“มะมะมีอะไรตลกเหรอคะ”
กนต์รพีเอ่ยถามอย่างสงสัยยิ่งมองท่าทางหัวเราะของทุกคนเธอก็ยิ่งไม่เข้าใจ
“ปิดเกมภายในสี่วัน”
เสียงเพื่อนในกลุ่มของธัญวรัตน์เอ่ยขึ้นพร้อมกับการเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างรุ่นน้องตัวกลมกับเพื่อนสนิทของตัวเอง
“ทำลายสถิติเลยนะธัญ”
“นั่นสิ ไม่รู้ว่าเสน่ห์ของเธอมันแรงหรือเด็กหมูของเธออ่อนหัดกันแน่”
เสียงเพื่อนสาวอีกคนหนึ่งของธัญวรัตน์เอ่ยขึ้นบ้างพร้อมกับสายตาที่มองสำรวจกนต์รพีตั้งแต่หัวจรดเท้า
“จะอะไรก็ช่างเถอะ! จบเกมแล้วพวกเธอก็เตรียมของที่สัญญาไว้เลย”
พูดจบธัญวรัตน์ก็หันหลังให้กับกนต์รพีจากนั้นก็ก้าวเท้าเดินออกจากโรงอาหารทันทีเพราะเธอคงกินอะไรไม่ลงแล้วตอนนี้แต่แล้วการก้าวเดินก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีใครบางคนวิ่งเข้ามาขวาง
“เดี๋ยวก่อนสิคะคุยกันก่อน”
“ฉันไม่มีอะไรต้องคุยกับเธอ”
“ฉัน…เธอ นี่มันอะไรกันคะ”
กนต์รพียิ่งงงเข้าไปใหญ่เมื่อสรรพนามที่ถูกเรียกฟังดูห่างเหินพร้อมๆกับสายตาที่เย็นชาเวลามองมา
“พีทำอะไรให้พี่ธัญโกรธหรือเปล่าคะให้พีแก้ตัวนะคะได้โปรด”
คนพูดเดินเข้าไปประชิดตัวคนตรงหน้าแต่กลับถูกเพื่อนในกลุ่มของธัญวรัตน์ผลักอย่างแรงจนล้มลง
“หมดเวลาที่น้องจะเข้าใกล้ธัญแล้วต่อจากนี้ไปอยู่ให้ห่างเพื่อนพี่ให้มากที่สุด”
“หมายความว่ายังไงคะ”
“น้องนี่เข้าใจยากจังเลยนะ ก็ได้พี่จะพูดให้ฟังเอาแบบชัดๆรอบเดียวจบนะ! ทุกอย่างคือเรื่องสนุกที่พวกพี่วางแผนขึ้นมาแต่น้องไม่น่าจะใจง่ายขนาดนี้เลยนะ อีกอย่างสารรูปแบบน้องเนี้ยน่าจะเจียมตัวบ้างนะ ใครที่ไหนเค้าจะชอบลง”
“พอแล้วศรณ์”
ธัญวรัตน์เดินเข้ามาแตะแขนคนพูดก่อนจะจ้องไปยังคนฟังที่ทำหน้าตาเหมือนคนกำลังจะร้องไห้
“มันเป็นแค่เกมน่ะ สนุกๆอย่าคิดมาก”
คนพูดตบไหล่คนตรงหน้าเบาๆก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนที่กนต์รพีพึ่งเอามาคืนขึ้นมา
“ผ้าเนี้ยฉันคงใช้ไม่ลงแล้วล่ะยกให้เธอละกัน”
กนต์รพีมองผ้าเช็ดหน้าที่ค่อยๆหล่นลงพื้นพร้อมกับน้ำตาที่ค่อยๆไหลออกมาของตัวเอง
ผู้หญิงที่เคยเข้าใจว่าเป็นนางฟ้ากลับกลายร่างมาเป็นแม่มดได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ความรู้สึกเจ็บวิ่งวนทั่วหัวใจและตามมาด้วยความอับอายด้วยเพราะตอนนี้ทุกสายตากำลังมองมาทางเธอพร้อมกับการแอบซุบซิบนินทาหนักสุดก็คือการหัวเราะเยาะออกมาเสียงดัง
และตอนนี้กนต์รพีก็ไม่สามารถยืนอยู่ในที่นี้ได้อีกต่อไปขาทั้งสองข้างพาเธอวิ่งออกจากโรงอาหารอย่างรวดเร็วแม้จะยังไม่รู้จุดหมายแต่เธอคงไม่อาจอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป…