web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 153
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 130
Total: 130

ผู้เขียน หัวข้อ: นกของทิฆัมพร บทที่ 6  (อ่าน 1178 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ อาพัทธ์ อันธการ

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 74
นกของทิฆัมพร บทที่ 6
« เมื่อ: 26 ธันวาคม 2013 เวลา 23:59:45 »
บทที่ 6

พรรณรายมองเด็กสาวร่างบางมาเดือนหนึ่งเต็มๆ แล้ว ตอนแรกเธอไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่ หล่อนไม่ชอบคนที่ดูอ่อนแอ แต่เมื่อทิฆัมพรทำงานได้สักระยะผิวพรรณก็เปลี่ยนแปลงไป ร่างกายแข็งแรงขึ้นตัวหนามากกว่าวันแรกที่พบ และมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด

เธอทำงานที่นี่มาสองปีแล้วเคยเห็นคนผมประบ่าเมื่อครั้งอยู่โรงเรียนเก่า ซึ่งแน่นอนว่าหล่อนไม่เคยแลด้วยซ้ำ วันนี้หญิงสาวตัดสินใจว่าจะลองตีสนิทดู เพราะอีกฝ่ายน่าจะยังไม่มีใคร เห็นเพื่อนที่ทำงานด้วยกันเล่าว่าอ้อยแทบจะไม่พูดกับใครไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย

"เธอๆ" หญิงสาวผมยาวถึงกลางหลังร้องเรียกพร้อมกับวิ่งเหยาะๆ ไปหาคนที่เดินก้มหน้าก้มตาไม่สนใจใคร

"หือ" คนตรงหน้าส่งเสียงแสดงความสงสัย คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อยจนแทบไม่สังเกตเห็น

"ชื่ออะไรเหรอ" หล่อนถามในทันที

"อ้อย" อีกฝ่ายตอบหลังจากมองเธออยู่พักหนึ่ง

"ฉันชื่อหนู อายุมากกว่าสองปีแต่ไม่ต้องเรียกพี่หรอก" สาวแกร่งพูดเองเออเองเสร็จสรรพ ไม่รอให้คนร่างบางไต่ถามอะไร

"ค่ะ" คำตอบรับแสนสั้น สาวผิวคล้ำไม่แน่ใจว่าคนตรงหน้ารู้สึกอย่างไรกับเธอ

"ฉันชอบเธอ เป็นแฟนกันไหม" หล่อนลองรุกดู

"อ้อยมีแฟนแล้ว" เสียงนุ่มพูดเรียบๆ รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏที่ปากบางสวย

หญิงสาวไม่คิดว่าจะได้รับคำตอบแบบนี้มาก่อน เธอคิดว่าอย่างแย่สุดคนตรงหน้าก็คงปฏิเสธ ถึงเวลานั้นหล่อนค่อยเสนอความเป็นเพื่อนไปก่อน และหวังว่ามันจะพัฒนาในภายหลัง

"จริงเหรอ" เธอตาโตไม่ค่อยอยากจะเชื่อ งานในไร่ก็ยุ่งเลิกงานก็เย็น แถมคนผมประบ่าก็แทบไม่คุยกับใครเลย หล่อนชักอยากรู้ว่าคนๆ นั้นเป็นใคร

คนหน้าเรียวไม่ตอบแต่พยักหน้าเบาๆ และทำท่าเหมือนจะเดินต่อ หนูจึงดึงแขนไว้จนเจ้าตัวต้องชะงักและหันหน้ามามองด้วยความสงสัย

"เราเป็นเพื่อนกันก็ได้" หล่อนเสนอ แต่ความรู้สึกแตกต่างกับที่คิดไว้

"ได้" คำตอบรับสั้นๆ ถูกเอ่ยออกมาและคนตรงหน้าก็เดินจากไป ทิ้งเธอให้ยืนอยู่หน้าไร่ด้วยความรู้สึกบางอย่าง



วรดาเริ่มชินกับโรงเรียนใหม่ เธอได้เพื่อนสนิทถึงสามคน เริ่มแรกทุกคนก็คุยกันแค่เพียงผิวเผินตามประสาคนอยู่ห้องเดียวกัน แต่เมื่อคุณครูให้ทำรายงานและทั้งสี่คนถูกบังคับให้อยู่กลุ่มเดียวกันความสนิทสนมก็เพิ่มขึ้น

อภิชัจเป็นผู้ชายคนเดียวในกลุ่มของหล่อน เวลาเดินไปไหนมาไหนในโรงเรียนด้วยกันเขาดูเหมือนเดือนที่ถูกดาวล้อม เป็นเรื่องแปลกที่ผู้ชายจะอยู่ในกลุ่มที่มีแต่ผู้หญิง ส่วนมากผู้ชายในโรงเรียนจะคบแต่เพื่อนผู้ชายกันเอง จะมีผู้หญิงห้าวเข้าไปในกลุ่มบ้างเท่านั้น การที่เขามาอยู่กลุ่มเดียวกับเธอแบบนี้จึงมีการซุบซิบลับหลังว่าเขาไม่ใช่ชายแท้

หญิงสาวไม่คิดว่าเป็นแบบนั้นเพราะเห็นนิสัยกันมาแต่แรก เขาไม่ได้มีทีท่าว่าจะชอบผู้ชายด้วยกันเองเลยแม้แต่น้อย เก่งเป็นคนจริงจังและก็สุภาพมาก แต่เรื่องรสนิยมทางเพศเธออาจจะเดาผิดก็ได้

ส่วนปรางกับจันทร์นั้นเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยมศึกษาตอนต้น นิสัยก็คล้ายๆ กันแต่จันทร์ออกจะเป็นคนเงียบๆ กว่า ทำให้ข้าวมักจะนึกถึงคนรักที่บ้านเกิด

หล่อนเป็นคนเดียวในห้องที่อยู่หอพักตั้งแต่ระดับมัธยมเช่นนี้ เด็กในห้องล้วนแล้วแต่มีบ้านในกรุงเทพฯ กันทั้งนั้น บางคนก็อยู่ไกลอีกฝั่งหนึ่งแต่ก็ยอมตื่นเช้ากว่าปกติเพื่อมาเรียนที่นี่เพราะมีชื่อเสียงและขึ้นชื่อว่ารับแต่คนเก่ง

ข้าวหอมอ่านจดหมายตอบกลับของคนร่างบางแล้ว เธออมยิ้มตลอดเวลา แฟนสาวเขียนเก่งกว่าพูด มีการใช้ประโยคยาวๆ ตั้งหลายครั้ง แต่หล่อนก็อดถอนหายใจไม่ได้ที่คำชวนไม่เป็นผล แต่เธอเข้าใจอีกฝ่ายดีและยอมรับเหตุผลได้

"ข้าว" เสียงน่ารักเรียก

"หา" เธอหลุดจากความคิดของตัวเอง

"เหม่อไปไหนน่ะ" ปพิชญาถาม

"เปล่าๆ" หล่อนปฏิเสธ

"เย็นนี้ปรางกับเก่งให้ถามว่าจะไปเดินห้างกันต่อไหม" หญิงสาวมองไปรอบห้องก็ไม่พบกับคนที่ฝากคำถามมา หล่อนเดาว่าทั้งสองคนคงไปหาซื้ออะไรทานก่อนที่จะเข้าเรียน เพราะทั้งคู่ทานเก่งยังกับม้าหิวโซ ดีที่ไม่อ้วน

"ก็ได้ แล้วจันทร์ไปด้วยใช่ไหม" คนผมยาวถาม เพราะมีบางครั้งที่คนตรงหน้าปฏิเสธไม่ไป

"อือ" ใบหน้าน่ารักพยักอย่างเนือยๆ ไม่ค่อยกระตือรือร้น

"ข้าวไปไหม" สองเสียงประสานกันถามจันทร์ ในมือหอบขนมหลายถุง

"ไปอยู่แล้ว ข้าวเคยปฏิเสธด้วยเหรอ" เธอถามทั้งสองคนกลับ

"ก็ไม่เคยหรอก" เป็นรักษณาลีที่ตอบก่อน

หญิงสาวมองเพื่อนทั้งสองคนอย่างสงสัย ทั้งเก่งและปรางทำไมต้องอยากให้ข้าวหอมไปเที่ยวขนาดนี้ หล่อนมองเข้าไปในตาทั้งคู่ อภิชัจพอเห็นอย่างนั้นจึงชิงหลบตาเสีย เธอเลยเดาไม่ออก แต่เพื่อนสาวปพิชญาพอคิดได้ ไม่แน่เก่งเองก็อาจจะชอบวรดาเหมือนกับปราง

หล่อนถอนหายใจ เพื่อนกันชอบกันเองมีแต่จะวุ่นวายเพราะความรู้สึกไม่ตรงกัน แต่เรื่องนี้ก็พูดยากบางทีสาวสวยอาจจะมีใจให้ใครคนใดคนหนึ่งก็ได้ เพราะทั้งคู่หน้าตาค่อนข้างดี โดยเฉพาะเก่งที่เกือบจะหล่อเหลาเลยด้วยซ้ำ นิสัยก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย

จันทร์ตั้งใจว่าจะคอยดูอยู่ห่างๆ และไม่เข้าไปยุ่งหากทั้งคู่เผยความในใจจริง แต่ก็หวังไปอีกทางว่าจะเลิกชอบในแบบนั้นแล้วเป็นเพื่อนกันแทน เพราะเพื่อนยั่งยืนกว่าเสมอ



'ข้าวไม่เหงาแล้วนะ ได้เพื่อนๆ หลายคนเลย จันทร์จะเป็นคนเงียบๆ คล้ายอ้อยมากๆ ปรางก็ร่าเริงสนุกสนาน ส่วนเก่งผู้ชายคนเดียวก็ดี แต่ทั้งคู่ทานเก่งมากๆ เลยแหละ อยากให้อ้อยทานเยอะๆ แบบนี้บ้างจะได้ไม่ผอม ผอมเกินไปมันก็ไม่ดีนะเดี๋ยวจะเป็นโรคเอา ข้าวเป็นห่วง
งานที่ไร่หนักมากไหม ข้าวไม่อยากให้อ้อยต้องเหนื่อยเลย ชีวิตอ้อยเหนื่อยมามากพอแล้ว ถ้าเหนื่อยก็พักบ้างนะ อย่าฝืน
ที่โรงเรียนแข่งขันกันสูงมากเลย มีแต่คนเก่งๆ แต่ข้าวก็พยายามขยันเต็มที่ เสาร์อาทิตย์ก็ต้องเรียนพิเศษด้วยนะ เรียนกันตั้งแต่ม.4เลย ทุกคนคิดเหมือนกันว่าไปเรียนเอาตอนม.6มันไม่ทันการ ข้าวก็เลยเหมือนตกกระไดพลอยโจนเรียนไปกับเขาด้วย แต่ก็ดี ครูที่สอนพิเศษสอนเข้าใจง่ายกว่าในโรงเรียนเยอะเลย มีเทคนิคตั้งหลายอย่าง
สามเดือนที่อ้อยว่ามันนานนะ เราเจอหน้ากันตลอดเกือบทุกวันตอนที่ข้าวยังอยู่ที่บ้าน ไม่ได้เจอแค่วันเดียวข้าวก็คิดถึงแล้วแหละ
ตอนเย็นที่ข้าวกลับไปถึงหอพัก มันรู้สึกวังเวงมากเลย เวลานอนก็นอนคนเดียว อยากให้อ้อยกอดข้าวเหมือนวันสุดท้ายที่เรากอดกันในกระท่อมไม้ไผ่หลังนั้น ข้าวชอบที่นั่นนะ ถึงมันจะเก่าแต่เราอบอุ่น
คิดถึงเสมอ
ข้าว'

เธอรู้สึกว่าตัวเองเปิดเผยทุกอย่างแก่คนรักอย่างไม่มีปิดบัง ไม่มีไว้ตัวเลยสักนิด บางทีหล่อนก็อดรู้สึกว่าเปิดเผยมากไปไม่ได้ เหมือนกับคนไม่มียางอาย แต่หญิงสาวคิดว่าแค่ต้องห่างไกลกันก็แย่มากพอแล้ว ถ้ามัวมาเล่นตัวกันอีกคงไม่ไหว
จดหมายของอีกฝ่ายในซองขาวทุกครั้งที่ข้าวหอมเหงา บางครั้งมากจนอยากร้องไห้ เธอก็จะหยิบขึ้นมาอ่านแล้วกอดแนบอกจนหลับไป



ทุกๆ เช้าทิฆัมพรจะออกจากบ้านด้วยความคาดหวังว่าจะได้รับจดหมายจากคนที่ห่างไกล แต่หล่อนก็เข้าใจแฟนสาวว่าคงยุ่งกับการเรียน ไม่สามารถเขียนมาหาได้บ่อยๆ

หลังจากที่หนูมาขอเป็นเพื่อนแล้วนั้น วันต่อๆ มาอีกฝ่ายก็พยายามชวนพูดคุยด้วยตลอดทั้งเวลากลางวันและเย็น

เรื่องราวของคนงานทุกคนก็คล้ายๆ กันในความคิดของเด็กสาว จุดที่เหมือนกันคือทุกคนจน จึงต้องทำงานเอาเหงื่อแลกเงิน บางคนเคยทำงานในเมืองหรือต่างจังหวัดมาแล้ว ซึ่งก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันส่วนมากมักจะบ่นเรื่องข้าวของแพงกว่าที่นี่เป็นหลัก คนผมประบ่าไม่ค่อยพูดทุกคนจึงพูดอยู่ฝ่ายเดียว หล่อนเป็นผู้ฟังที่ดี ไม่มีปากมีเสียง หรือเอาเรื่องใครไปนินทาลับหลัง

หล่อนทำงานได้ชำนาญกว่าเดิม ทั้งรดน้ำ เติมปุ๋ย ฉีดยา ห่อผลไม้กันแมลง และสารพัดงานที่ถูกบอกให้ทำ มือเธอหนาจนคิดว่าถ้าเอามีดกรีดก็คงไม่รู้สึกหรือแม้แต่เลือดออกด้วยซ้ำ แขนเล็กๆ เริ่มมีกล้ามหน่อยๆ จากการยกของหนักทุกๆ วัน

จริงๆ แล้วเธอน้ำหนักเยอะขึ้นพอสมควรตั้งแต่ทำงานที่นี่ แต่ทุกคนก็ยังบอกว่ายังดูผอมไปสำหรับคนใช้แรงงาน หล่อนเองก็พยายามจะกินให้เยอะขึ้น แต่เหมือนน้ำหนักตอนนี้จะอยู่ตัวแล้วจึงไม่ขยับไปไหน

"อ้อย คืนนี้ไปงานวัดกันไหม" พรรณรายชวนเธอให้ไปเที่ยว หล่อนรู้ข่าวแว่วๆ มาบ้างเหมือนกันจากการฟังคนในไร่คุยกัน เป็นงานฉลองที่หล่อพระพุทธรูปเสร็จพร้อมกับโบสถ์ใหม่

วัดอยู่เลยไร่ไปไม่ไกล หล่อนอยากไปอยู่เหมือนกันเพราะจำได้ว่าตอนเด็กสมัยประถมเคยมีโอกาสได้ไปเพียงครั้งเดียว แต่ความทรงจำก็รางเลือนเต็มที ติดแค่ว่าแม่จะยอมให้เธอไปหรือไม่เท่านั้น เธอไม่อยากจะมานั่งทะเลาะกับสาววัยกลางคนอีกหลังจากที่เหนื่อยกับการทำงานมาทั้งวันแบบนี้

"ดูก่อน" หญิงสาวแบ่งรับแบ่งสู้ ยังไม่ตัดสินใจตอบในทันที

"ต้องขออนุญาตแฟนก่อนเหรอ" สาวแกร่งพูดดักคอ

"เปล่า" คนผมสั้นตอบตามจริง หล่อนคิดว่าไม่จำเป็นต้องขอเพราะไม่ได้ทำอะไรเสียหายหรือกระทบกระเทือนความสัมพันธ์ อีกอย่างแฟนสาวอยู่ไกล ถ้าขอจริงๆ กว่าจดหมายจะตอบกลับมางานก็คงเลิกไปแล้ว

"เหรอ" เสียงนั้นฟังดูไม่เชื่อ แต่เธอไม่สนใจ ไม่จำเป็นต้องพูดจาโน้มน้าวใครให้เชื่อในคำพูดของตัวเองเสียหน่อย

คิดไปคิดมาสาวร่างบางคิดว่าหล่อนจะไปงานวัดโดยที่จะไม่กลับบ้านไปถามก่อน เพราะถ้าไปเที่ยวจริงๆ กว่าจะเดินกลับไปกลับมาคงดึกดื่นมืดค่ำ



สาวผิวคล้ำดีใจที่อีกฝ่ายยอมตกลงในที่สุด หล่อนชวนเพราะอยากอยู่ด้วยกันตามลำพังบ้าง เพราะวันทั้งวันแทบไม่มีโอกาสได้เจอกันเลย เธอทำงานที่ไร่เงาะ ส่วนคนน่ารักทำงานที่ไร่มังคุด ถึงจะอยู่ในผืนดินซึ่งมีเจ้าของคนเดียวกัน แต่ไร่ก็ไม่ใช่แคบๆ อีกทั้งงานที่ทำก็หนักมากพอจะไม่มีเวลาเถลไถลแอบไปคุยกับใครได้

หลังจากเลิกงานหญิงสาวแวะเข้าห้องน้ำคนงานในไร่ หล่อนล้างหน้าล้างตา พยายามจัดผมเผ้าให้เรียบร้อยไม่ยุ่งเหยิง

จากนั้นจึงเดินไปหาทิฆัมพรซึ่งยืนรออยู่ที่หน้าประตูแล้ว เธอส่งยิ้มไปให้ คนหน้าเรียวไม่ได้ยิ้มตอบ หล่อนไม่ใส่ใจ เข้าใจว่าเป็นธรรมชาติของคนผมสั้นที่ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกออกมาสักเท่าไหร่ แต่นั่นไม่เป็นปัญหาสำหรับพรรณรายอยู่แล้ว

หล่อนถือโอกาสจับมือบางที่เกรียมแดดนั้นแล้วจูงออกไปจากไร่อย่างอารมณ์ดี ตอนแรกคนข้างๆ ดูเหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็เดินตามมาโดยดี



email+facebook : N.Rattanawadikant@gmail.com
fanpage : www.facebook.com/อาพัทธ์-อันธการ/107884562739822

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.