ทั้งๆ ที่บอกว่าง่วงแต่พอเอาเข้าจริงๆ นับดาวกลับนอนไม่หลับ อาจจะเพราะแปลกที่ และเสียงแมลงกลางคืนที่ร้องดังด้วยหรือเปล่าไม่รู้ ทำให้พยายามข่มตานอนยังไงก็นอนไม่หลับ จนในที่สุดเธอตัดสินใจลุกขึ้นไปเคาะห้องของเพลินพิณ ซึ่งนอนไม่หลับอยู่เหมือนกัน คนที่รักอยู่ห่างแค่ผนังกั้นยากนักจะทำใจให้หลับลงได้ แค่เพียงเสียงเคาะประตูเบาๆ ด้วยความเกรงใจของนับดาว เพลินพิณก็แทบจะกระโดดมาเปิดประตูให้อย่างรวดเร็ว
"คุณ...มีอะไรเหรอคะ" ถามอย่างเป็นห่วง เก็บอาการตื่นเต้นไว้แทบไม่มิด
"ดาวนอนไม่หลับ ขอดาวนอนด้วยคนได้ไหม..." บอกเสียงเบาอย่างรู้สึกเกรงใจ
"ได้สิ พี่ก็นอนไม่หลับเหมือนกัน เชิญค่ะ" บอกอย่างดีใจรีบเปิดประตูกว้างให้นับดาวเข้าห้อง ด้วยหัวใจที่เต้นแรงอย่างรู้สึกดีที่นับดาวเป็นฝ่ายมาขอนอนด้วย ทั้งๆ ที่เธออยากให้มานอนด้วยกันตั้งแต่แรก แต่เกรงว่านับดาวจะอึดอัดและลำบากใจ
"ไม่คิดจะถอดเสื้อคลุมออกก่อนเหรอคะ" ทักขึ้นเมื่อเห็นนับดาวคลานขึ้นเตียงทั้งที่ยังใส่เสื้อคลุมทับชุดนอนอยู่แบบนั้น
"เอ่อ...คือว่าชุดนอนมันบาง ไม่คิดว่าจะมานอนกับพี่นี่" บอกเบาๆ อย่างเขินอาย
"โธ่เอ๊ย...แล้วจะมาอายอะไรพี่คะ ถอดเลยเดี๋ยวนอนไม่สบายนะคะ" ว่าพลางช่วยดึงผ้าที่ผูกเสื้อคลุมออกให้ หากแต่นับดาวกลับดึงไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
"ก็อายพี่นั่นแหล่ะ ปิดไฟก่อนสิ" ต่อรองเสียงเบา เพลินพิณยอมทำตามโดยการเดินไปปิดไฟกลางห้อง โดยยังมีโคมไฟตรงหัวเตียงฝั่งที่เธอนอนเปิดอยู่
"พอใจหรือยังคะ" ถามก่อนจะเดินมานั่งบนเตียงฝั่งของเธอ
"ยัง...พี่หันไปทางโน้นก่อน อย่าหันมานะคะ" บอกพร้อมกับจ้องตาเสียงแข็ง เพลินพิณเลยต้องยอมทำตาม โดยการล้มตัวนอนหันหลังให้อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก นับดาวรีบลงไปถอดชุดคลุมออกพาดเก้าอี้ตรงปลายเตียงไว้ ก่อนจะรีบคลานขึ้นเตียง เผยให้เห็นชุดนอนบางเบาสีฟ้าตัดกับผิวขาวของนับดาวในแสงไฟสลัว ทำเอาเพลินพิณที่แอบชำเลืองมอง เป็นฝ่ายหน้าแดงเสียเองใจเต้นระรัว รีบหลับตาพร้อมกับเอื้อมมือไปปิดไฟหัวเตียงเงียบๆ
นับดาวนอนห่มผ้าขึ้นมาถึงคอ ใจสั่นหวั่นไหวเมื่อต้องมานอนใกล้กับเพลินพิณแบบนี้ 'คิดผิดหรือเปล่านะเรา' อดถามตัวเองไม่ได้ เพราะเอาเข้าจริงกลับตาสว่างยิ่งกว่านอนคนเดียวเสียแล้ว
"ดาวมากวนพี่หรือเปล่าคะ?" ถามทำลายความเงียบเบาๆ เมื่อหันไปเห็นเพลินพิณนอนหันหลังให้
"เปล่านะคะ ไม่ได้กวนอะไรเลย ดีใจมากต่างหากที่คุณมานอนด้วย" ขยับตัวหันมาบอกอย่างรวดเร็วใบหน้าห่างแค่คืบ ต่างตกใจเมื่อสบสายตาในระยะใกล้ จมูกแทบชนกันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่รินรด นับดาวรู้สึกหน้าร้อนวูบวาบ ถ้าเป็นตอนกลางวันเธอว่าหน้าของเธอต้องแดงแน่ๆ ขยับตัวออกห่างอย่างขัดเขิน หากแต่เพลินพิณกางแขนมาโอบตัวเธอไว้พลางบอก
"อย่าหนีไปไหนอีกเลยนะคะ ขอพี่กอดให้ชื่นใจหน่อย" ไม่ต้องรอให้นับดาวเอ่ยปากอนุญาต เพลินพิณก็สอดมือใต้ตัวนับดาวก่อนจะดึงให้ร่างบางเข้ามาซุกตรงอกเธอได้อย่างง่ายดาย นับดาวตัวแข็งทื่ออย่างนึกไม่ถึง รู้สึกร้อนวาบไปทั้งหน้าแต่ก็ไม่ได้ขัดขืน ซบหน้านิ่งตรงซอกคอ ได้กลิ่นหอมจากผิวกายเพลินพิณ ใจสั่นรัวความรู้สึกแปลกใหม่แล่นพล่านไปทั่วกาย
เพลินพิณหอมลงไปบนเรือนผมยาวแผ่วเบา เธอรู้สึกตื่นเต้นวูบวาบไม่ต่างกัน อยากทำอะไรมากไปกว่านี้ แต่ต้องยอมหักใจ ไม่อยากให้นับดาวต้องหวาดกลัวไปมากกว่านี้
"นอนเถอะนะคะคนดี ขอพี่กอดคุณไว้แบบนี้ทั้งคืนนะคะ" พลางกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ลูบเส้นผมยาวสลวยอย่างเบามือ คล้ายขับกล่อมน้องน้อยนอนหลับ
"ฝันดีค่ะ" นับดาวบอกเสียงสั่น ขยับตัวเล็กน้อยอย่างรู้สึกดีกับการกระทำนั้น ก่อนจะวางแขนพาดไปบนลำตัวของคนนอนข้างๆ อย่างแผ่วเบา เธอยังเขินอายเกินไปที่จะกอดตอบเพลินพิณ แต่ก็ทำให้คนนอนนิ่งเงียบยิ้มอย่างพึงพอใจ เพียงแค่นี้แหล่ะที่เธอต้องการในค่ำคืนนี้
เมื่อมีอ้อมกอดอุ่นๆ ให้ซุกซบเพียงไม่นานนับดาวก็หลับสบายอยู่ในอ้อมกอดของเพลินพิณ ทิ้งให้อีกคนไหวหวั่นกับความรู้สึกของตัวเอง กว่าจะข่มตาหลับลงได้ก็เกือบฟ้าสาง
"คุณ...!" เพลินพิณร้องเสียงหลง เมื่อพลิกตัวควานหาร่างบางที่เธอกอดกระชับไว้ตลอดทั้งคืน แต่ตอนนี้เหลือเพียงเธอนอนอยู่บนเตียงเพียงคนเดียว จากที่ยังรู้สึกง่วงแทบจะหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง
"คุณ...อยู่ในห้องน้ำหรือเปล่าคะ" ร้องเรียกอยู่นานไม่มีเสียงตอบรับ ค่อยๆ ผลักประตูห้องน้ำเข้าไปเบาๆ ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ อยู่เลย
เพลินพิณรีบเดินออกจากห้องนอน สอดส่ายสายตามองหานับดาว จนเดินมาถึงหน้าห้องครัวเธอถึงกับยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ เมื่อเห็นร่างบางที่คุ้นตากำลังทำอะไรสักอย่าง ง่วนอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ อมยิ้มนิดๆ ค่อยๆ ก้าวเข้าไปหาอย่างแผ่วเบา
"อุ้ย...!พี่เพลินดาวตกใจหมดเลย" นับดาวร้องเสียงหลงเมื่อเพลินพิณค่อยๆ ย่องเข้ามากอดเธอทางด้านหลัง
"พี่ใจคอไม่ดีเลยที่ตื่นมาไม่เห็นคุณ ตื่นมาทำอะไรแต่เช้าคะ หิวเหรอ...ทำไมไม่ปลุกพี่คะ พี่จะได้มาทำให้" หลากหลายคำถามที่ออกจากปากคนที่สวมกอดอยู่ด้านหลัง นับดาวหันมายิ้มอย่างขบขันพลางถาม
"มาเป็นขบวนรถไฟเลยนะคะ แล้วดาวจะตอบคำถามไหนก่อนดีล่ะ แล้วดูสิหน้าตาไม่ล้าง คราบน้ำลายยังติดอยู่เลย" บีบแก้มเพลินพิณพลางล้ออย่างอารมณ์ดี
"ไม่มีหรอกอย่ามาอำหน่อยเลย ทำอะไรคะหอมเชียว" มั่นอกมั่นใจแล้วยังยื่นหน้าเข้าไปถามใกล้ๆ ทำเอานับดาวหมั่นไส้ตีแขนเบาๆ
"ไม่ต้องมาใกล้เลยเหม็น ไปล้างหน้าล้างตาก่อนนะคะ จะได้มาทานกัน ดาวทำสุดฝีมือเลยนะคะ"
"จริงเหรอคะ ขอชิมก่อนได้ไหม" อ้อนขอเสียงอ่อน หวังให้หญิงสาวใจอ่อนแต่ใช้ไม่ได้ผลกับนับดาว แทนที่จะใจอ่อนยังเสียงแข็งกว่าเดิมอีก
"ไม่ได้ค่ะ ไปล้างหน้าก่อน พอพี่ออกมาดาวก็ทำเสร็จพอดี ไปเลยอย่าดื้อนะ"
"ก็ได้..." บอกเสียงอ่อยก่อนจะยอมเดินกลับเข้าไปด้านใน นับดาวมองตามยิ้มๆ พลางหันไปทำอาหารเช้าของเธอต่ออย่างมีความสุข นานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้ลุกมาทำอะไรตอนเช้าๆ แบบนี้ ส่วนใหญ่เธอก็แค่ดื่มกาแฟถ้วยเดียวในตอนเช้า แต่วันนี้เธอรู้สึกอยากลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าให้เพลินพิณทาน การที่ได้ทำอะไรเพื่อใครอีกคน มันทำให้เธอรู้สึกดีและหัวใจพองโตบอกไม่ถูก
แค่ไม่กี่นาทีเพลินพิณก็กลับออกมา ในสภาพที่ใบหน้ายังมีละอองน้ำติดอยู่เต็ม นับดาวเห็นแล้วอดไม่ได้คว้ากระดาษมาซับหน้าให้ พลางต่อว่าไม่จริงจังนัก
"ดูทำเหมือนเด็กๆ ไปได้ ทำไมไม่เช็ดหน้าให้เรียบร้อยก่อนคะ"
"เสียเวลา...แล้วอยากให้คุณดูแลด้วย ชอบจัง" แหงนเงยหน้าหลับตาพริ้มให้นับดาวซับหน้าให้อย่างมีความสุข นับดาวเลยบิดจมูกให้อย่างหมั่นเขี้ยว
"ชอบเหรอ...แบบนี้ชอบมั๊ย"
"อุ้ย...! เดี๋ยวจมูกพี่ก็เบี้ยวหมดหรอก ทำมาตั้งแพงนะคะ" แกล้งว่าพร้อมกับครางเสียงอ่อย
"ถ้าพี่ทำดาวว่าคงเบี้ยวไปนานแล้วล่ะไม่ต้องมาอำ มาทานกันดีกว่า นี่ค่ะไข่กวนนับดาว"
"นึกว่ามีเมนูเด็ดอะไร ที่แท้ไข่คนนี่เอง" แกล้งทำเสียงผิดหวังแต่แอบกลืนน้ำลาย เมื่อนับดาวยกจานมาวางให้ตรงหน้า
"ไข่คนที่ไหนไข่กวนนับดาวต่างหาก ดาวกวนเองกับมือเลย แล้วอีกอย่างในครัวพี่มีแต่ไข่นี่นา โชคดียังมีหอมหัวใหญ่กะเห็ดเหลืออยู่จากเมื่อวาน แล้วก็ได้ตุ้มแดงในสวนพี่มาสร้างสีสันให้ดูดีหน่อย"
"ไข่กวนก็ไข่กวน แต่เดี๋ยวนะคะขอเคลียร์ก่อน ตุ้มแดงนี่คืออะไรมาจากไหนคะ" เพลินพิณถามอย่างสงสัย
"ก็นี่ไงคะ สีแดงๆ ที่เก็บมาจากในสวนผักของพี่" บอกพลางใช้ช้อนตักให้ดู
"มะเขือเทศ...ตุ้มแดง...?" เพลินพิณทวนคำของนับดาวอย่างสงสัย
"ใช่แล้วค่ะ ดาวตั้งชื่อให้เองแหล่ะ" บอกกลั้วหัวเราะอย่างขำๆ กับสีหน้าของเพลินพิณเมื่อได้ยินเธอเฉลย
"อือ...ค่ะ ตุ้มแดงพี่จะจำไว้ อื้อ...อร่อย" บอกอย่างชื่นชมในตอนท้าย เมื่อตักไข่คนใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ
"ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ยว่าคุณนับดาวจะมีฝีมือในการทำอาหารด้วย ขนาดใส่เครื่องแบบตามมีตามเกิดนะ ยังอร่อยได้ขนาดนี้ ถ้ามีของครบนี่จะอร่อยแค่ไหนเนี่ย" ชมไม่ขาดปาก ทำเอานับดาวยิ้มหน้าบานที่เพลินพิณชอบสิ่งที่เธอทำให้ แม้ว่าจะชมเกินจริงไปหน่อยก็ตาม
"คุณรู้ไหม เช้าวันนี้เป็นเช้าที่พี่มีความสุขที่สุด เพิ่งรู้ว่าบ้านพี่น่าอยู่มากๆ ก็วันนี้แหล่ะ" เพลินพิณบอกอย่างมีความสุข
"ดาวก็มีความสุขค่ะ" บอกอย่างรู้สึกดีไม่แพ้กัน
"คุณสัญญาแล้วนะคะ ว่าจะมาบ่อยๆ อย่าลืมล่ะ" ส่งสายตาออดอ้อน
"ไม่ลืมค่ะ เพราะความสุขของดาวก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน" บอกเสียงหนักแน่น ทำเอาเพลินพิณยิ้มกว้างแก้มแทบฉีก
"เมื่อคืนหลับสบายไหม" ถามยิ้มๆ
"ก็สบายดีค่ะ" ตอบเบาๆ
"อุ่นไหม..." คำถามที่ตามมา ถึงกับทำให้นับดาวหน้าแดงขึ้นมาทันที เมื่อคิดถึงว่าเมื่อคืนเธออยู่ในอ้อมกอดของเพลินพิณทั้งคืน
"ก็อุ่นดีนะคะ ผ้าห่มออกจะหนา รีบทานเลยค่ะเดี๋ยวไปกองถ่ายสายนะคะ" ตอบคำถามเสียงเบา ก่อนจะบอกเสียงแข็งในตอนท้ายกลบเกลื่อนอาการขัดเขินของตัวเอง เพลินพิณมองอาการนั้นอย่างหลงใหล สายตาที่ทอดมองหญิงสาวนั้น แสดงออกถึงความรักที่มีต่อนับดาวอย่างไม่ปิดบัง และนับดาวก็รู้สึกได้เช่นกัน
ทั้งคู่ทานอาหารเช้ากันเสร็จแล้ว พากันออกไปเดินสูดอากาศดูแปลงดอกไม้ด้วยกันอย่างมีความสุข และเหมือนอยากจะหยุดเวลาไว้แค่ตรงนี้
“ไม่อยากไปทำงานเลย ไม่ไปได้ไหม” เพลินพิณเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน
“นั่นสิ...ได้ไหมผู้กำกับขา” นับดาวย้อนถามเสียงใส
“ไม่ได้น่ะสิ อยากมีพลังพิเศษหยุดเวลาไว้แค่ตรงนี้จัง” ตอบกลับเสียงอ่อยทำสีหน้าทดท้อ ให้นับดาวได้หัวเราะอย่างขำๆ
“ในเมื่อผู้กำกับไม่มีพลังพิเศษ ก็ต้องรีบๆ เลยค่ะก่อนที่พี่รุ้งจะโวยเพราะทีมงานรอผู้กำกับกับนางเอกอยู่” นับดาวบอกพลางดึงให้เพลินพิณเข้าบ้านไปอาบน้ำแต่งตัว หากแต่เพลินพิณกลับขืนตัวเองไว้ไม่ยอมเดินตาม
“ขอกอดก่อน” โดยไม่ต้องรอคำตอบรวบร่างบางเข้ามาไว้ในอ้อมกอดทันที
“อุ้ย...!เดี๋ยวก็ยิ่งช้านะคะ” นับดาวต่อว่าเบาๆ แต่ไม่ได้บ่ายเบี่ยงอะไร เธอชอบที่จะอยู่ในอ้อมกอดของเพลินพิณไม่น้อยเหมือนกัน
“ช้านิดช้าหน่อยจะเป็นไรไป พี่เป็นผู้กำกับนะคะ” บอกนัยน์ตากรุ้มกริ่ม พร้อมกับก้มลงหอมแก้มนวลอย่างรวดเร็ว
“ฉวยโอกาสตลอดเลยนะคะ” ทุบแขนที่โอบกอดเบาๆ ด้วยความเขินอายหน้าแดงระเรื่อ ยิ่งทำให้คนมองอดไม่ได้ ก้มลงหอมแก้มเนียนใสไปอีกหลายฟอด