web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 31
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 131
Total: 131

ผู้เขียน หัวข้อ: เพื่อน  (อ่าน 2963 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ลำเนา

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 68
เพื่อน
« เมื่อ: 23 มกราคม 2014 เวลา 21:08:49 »
ตอนที่ ๑

   พราวฟ้าเดินออกมาจากประตูทางออกของผู้โดยสารขาเข้าซึ่งเดินทางมาจากต่างประเทศ เธอหยุดยืนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ห้าปีกว่าๆ ที่ไม่ได้กลับมาเมืองไทยที่รู้สึกได้ว่าแสนจะคิดถึง ผู้คนเดินกับขวักไขว่หลายคนโบกมือทักทายกันด้วยรอยยิ้มและน้ำตา อาจจะเพราะความห่างไกลที่ทำให้ไม่ได้พบกันนาน เหมือนดังเช่นเธอที่จากเมืองไทยไปนานหลายปี รอยยิ้มและการโอบกอดที่เธอได้เห็นทำให้พราวฟ้าได้หวนคิดถึงใครบางคน ซึ่งเธอไม่ได้รับการติดต่อใดๆ เลยตั้งแต่ที่ตัดสินใจว่าจะไปจากเมืองไทยตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อน แล้วคนที่โบกมือไหวๆ อยู่ตรงปลายสุดของทางออกก็ได้สร้างรอยยิ้มให้กับเธอ

   “คิดถึงแกมากเลย พราว นึกว่าจะไปเป็นสาวนิวซีแลนด์เสียแล้วสิ” วิลาวัลย์เพื่อนสนิทของพราวฟ้าเดินเข้ามาสวมกอดคนที่เพิ่งเดินทางมาถึง

   “ฉันก็คิดถึงแกนะ วิ คิดถึงมาก ขอบใจนะที่มารับ” พราวฟ้าทักทายเพื่อนรักของเธอเช่นกัน พร้อมกับกอดแนบแน่นเสียจนเพื่อนของเธอเริ่มมีน้ำตาซึมออกมาให้เห็น

   “ดีใจที่ได้เจอแกอีก นึกว่าจะไม่กลับมาเมืองไทยเสียแล้ว” วิลาวัลย์ยิ้มให้เพื่อนทั้งน้ำตา

   “ถ้าไม่กลับแกไม่คิดจะไปเยี่ยมเพื่อนบ้างหรืออย่างไรกัน” พราวฟ้าพูดแหย่เพื่อนรักของเธอ เพื่อที่จะบดบังความรู้สึกภายในหลังจากได้เห็นน้ำตาของวิลาวัลย์ นั่นทำ
ให้เธอหวนนึกถึงน้ำตาของใครอีกคน เมื่อครั้งที่มาส่งเธอเดินทางเมื่อห้าปีก่อน

   “คิดสิ ก็ว่าจะไปอยู่ แกก็บอกว่าจะกลับ” วิลาวัลย์ยิ้มทะเล้นให้

   “ขอบใจ งานเยอะก็บอกเถอะ ไหนจะเจ้าตัวน้อยที่บ้านอีก ไปได้แล้วฉันอยากกอดหลานได้เห็นแต่รูปคราวนี้จะกอดยายจ้ำม่ำให้หนำใจ” พราวฟ้ายิ้มเมื่อนึกถึงภาพลูกสาวของวิลาวัลย์ที่ส่งให้เธอดูอยู่บ่อยๆ ทำให้รู้สึกหมั่นเขี้ยวขึ้นมาในทันที

   “ไปแม่ลูกสาวฉันก็อยากเจอน้าพราวเหมือนกัน ไม่รู้แกหรือหลานจะโดนกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันแน่ แม่หนูวีของฉันก็แปลกนะ ไม่เคยรู้จักแก แต่ก็เหมือนรู้จัก ตื่น เต้นที่แกจะกลับมา” วิลาวัลย์อมยิ้มเมื่อได้บอกเล่าเรื่องลูกสาวของเธอเอง

   “คนน่ารักก็แบบนี้แหละ” พราวฟ้าหัวเราะเล็กๆ

   “ใช่สิ ไม่ว่าหนุ่มหรือสาวถึงได้รุมรักจนต้องหนีไปอยู่นิวซีแลนด์ใช่ไหมล่ะ” วิลาวัลย์พูดแหย่เพื่อน แต่ก็แทบอยากจะตบปากตัวเองเมื่อรอยยิ้มของเพื่อนหายไปในทันทีที่ได้ยิน

    “แต่ที่ฉันไปมันไม่ใช่อย่างที่แกเข้าใจสักหน่อย” เสียงอ่อยๆ ของพราวฟ้าทำให้วิลาวัลย์รู้สึกผิดมากขึ้นที่ไปพูดเรื่องในอดีตเข้า

   “ขอโทษที คิดเสียว่าฉันไม่ได้พูดก็แล้วกันนะ พราว”

   “ช่างเถอะมันนานมาแล้ว” พราวฟ้าอยากบอกกับเพื่อนว่ามันนานมาแล้วและเธอลืมไปแล้ว แต่ดูเหมือนสิ่งที่อยากจะพูดนั้น เธอก็ไม่สามารถจะพูดมันออกมาได้อย่างที่ตั้งใจไว้

   วิลาวัลย์ขับรถไม่เร็วนักด้วยความรู้สึกอยากให้เพื่อนได้เห็นความเปลี่ยน แปลงของกรุงเทพ หลังจากที่ได้จากไปนานหลายปี ตึกรามบ้านช่องรวมถึงคอนโดมีเนียมสูงตระหง่านเสียจนพราวฟ้าแทบจะจำไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้สถานที่ตรงนั้นเคยเป็นอะไรมาก่อน เพราะตอนนี้เต็มไปด้วยตึกสูงเสียเป็นส่วนใหญ่และสถานที่ที่เป็นความทรงจำของเธอก็กำลังปรากฏให้เห็น ตึกสำนักงานสูงแปดชั้นยังคงอยู่ที่เดิมเป็นบริษัทที่พราวฟ้าเคยทำงานอยู่ก่อนที่จะเดินทางไปอยู่ต่างประเทศ รอยยิ้มจางๆ ก็ปรากฏขึ้นเมื่อเธอได้เห็นสถานที่ที่เป็นที่ทำงานเก่าของเธอ ภาพความหลังกำลังกลับเข้ามาในความรู้สึกของเธออีกครั้ง ซึ่งอันที่จริงต้องบอกว่ามันไม่เคยหายไปจากความทรงจำของเธอเลยถึงจะถูก แล้วภาพของผู้หญิงในชุดสูทที่ดูเรียบร้อยมากในครั้งแรกที่ได้พบกันก็ปรากฏขึ้นในความนึกคิดของพราวฟ้า

   “สวัสดีค่ะ เป็นพนักงานใหม่มารายงานตัวค่ะ พอดีผู้จัดการฝ่ายบุคคลไม่อยู่เจ้าหน้าที่ข้างนอกให้เข้ามาพบคุณผู้ช่วย” ผู้หญิงในชุดสูทสีเทาเข้มบอกกับเธอพร้อมรอยยิ้ม พราวฟ้าเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มที่อยู่ตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มสวยๆ

   “ค่ะ แจ้งชื่อด้วยค่ะ”

   “อักษราค่ะ”

   “สักครู่นะคะ คุณอักษรา ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาด รบกวนเซ็นชื่อตรงนี้เลยค่ะ สำหรับรายละเอียดอื่นๆ น้องที่หน้าห้องจะดำเนินการให้นะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ พราวฟ้าค่ะ เรียกสั้นๆ ว่า พราวก็ได้ค่ะ” พราวฟ้ายิ้มสวยๆ ให้พร้อมกับลุกขึ้นและยื่นมือขวาให้กับคนที่เข้ามาพบเธอ

   “ยินดีเช่นกันค่ะ บุ๊คค่ะ”

   “หนังสือ” พราวฟ้าอมยิ้มมองสบตากับสาวในชุดสูทที่ดูดีมากในความรู้สึกของเธอ

   “ใช่ค่ะ บุ๊คที่แปลว่า หนังสือ” อักษราอมยิ้มและบอกขอบคุณกับพราวฟ้าก่อนที่จะออกไปพบกับเจ้าหน้าที่ซึ่งจะแจ้งรายละเอียดต่างๆ กับเธอ พร้อมกับพาไปที่ห้องทำงาน

   “หนังสือ” รถยนต์ขับผ่านตึกสำนักงานซึ่งเป็นที่ทำงานเก่าไปแล้ว และสิ่งที่พราวฟ้าได้พูดขึ้น ถึงแม้จะไม่ดังนักแต่คนที่ขับรถอยู่ก็ได้ยิน

   “หนังสืออะไร ลืมอะไรหรือเปล่า พราว” วิลาวัลย์ถามเพื่อนของเธอ

   “เปล่าแค่คิดอะไรเพลินไปหน่อย พอดีผ่านตึกสำนักงานที่เคยเป็นที่ทำงานเก่าก็เลยคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปน่ะ” พราวฟ้าอมยิ้มหันไปมองที่ตึกนั้นอีกครั้ง

   ณ ที่แห่งนั้นมีความทรงจำดีดีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เพื่อนร่วมงานซึ่งมีทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และน้ำตาในบางครั้ง แต่สิ่งที่เธอจำได้แม่นยำตั้งแต่วันแรกที่ได้รู้จักกัน ก็คือ ผู้หญิงในชุดสูทสีเทาที่ชื่อ อักษรา หรือ บุ๊ค และหนังสือที่เธอชอบแหย่ให้เจ้าของชื่อหน้างอแทบทุกครั้งที่ได้ยินเธอเรียกชื่อว่า หนังสือ ภาพเหล่านั้นได้สร้างรอยยิ้มให้กับพราวฟ้า โดยที่ไม่ทันได้สังเกตว่าวิลาวัลย์กำลังเฝ้ามองด้วยความสงสัยว่าเพื่อนกำลังคิดถึงเรื่องอะไรอยู่

   “นี่ยายพราว ไอ้ยิ้มแบบนี้เหมือนคนตกหลุมรักเลยนะ ตกลงว่าแอบมีใครอยู่ที่โน่นหรือเปล่า ไม่เล่าให้เพื่อนฟังโกรธนะจะบอกให้” วิลาวัลย์อมยิ้มหลังจากได้พูดขู่เพื่อนไป

   “บ้าหรือวิ ก็แค่คิดถึงเรื่องเก่าๆ ที่ทำงานเท่านั้นเอง ผ่านแค่ครู่เดียวก็คิดเรื่อยเปื่อย หัวเราะ ร้องไห้ ยิ้ม ที่นั่นมีให้ครบเลยนะ” พราวฟ้าอมยิ้มหันไปมองเพื่อนที่กำลังตั้งใจกับการขับรถอยู่

   “รวมถึงเรื่องของความรักด้วยใช่ไหมล่ะ” วิลาวัลย์พูดจบก็เงียบไปเพราะเมื่อหันมามองที่เพื่อนรอยยิ้มกว้างๆ เมื่อสักครู่ก็หายไปในทันที รู้สึกอยากตบปากตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง กับการพูดจาเรื่อยเปื่อยโดยไม่คิดก่อนว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร

   “ก็คงอย่างนั้นมีเรื่องราวที่น่าจดจำและไม่ควรจะจดจำเกิดขึ้นมากมาย”

   “พราวก็เลือกสิ เอาเรื่องดีดีจดจำไว้ ไอ้ที่ไม่ดีก็ลืมๆ มันไป อยู่เมืองนอกมาตั้งห้าหกปีน่าจะยกออกไปจากใจได้บ้างนะ” วิลาวัลย์พอจะเข้าใจว่าเพื่อนรักของเธอนั้น
กำลังคิดถึงเรื่องอะไร

   พราวฟ้าถอนใจเบาๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอธิบายหรือตอบคำถามวิลาวัลย์และกำลังปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำในหัวใจเธอ ภาพความทรงจำเก่าๆ กลับมารบ กวนในหัวใจของเธออีกครั้ง แต่อีกใจก็คอยเตือนตัวเองว่า เธอเองไม่ใช่หรือที่ได้เลือกที่จะเดินจากมา เพราะฉะนั้นความทรงจำเหล่านั้น ควรจะถูกลบเลือนไปแล้ว พราวฟ้าคิดเพื่อเตือนตัวเองไม่ให้นึกถึงเรื่องราวในอดีตอีกครั้ง

   “น้าพราว” สาวน้อยวัยหกขวบวิ่งมาที่หน้าประตูบ้านทันทีที่ได้ยินเสียงรถจอด นั่นช่วยดึงพราวฟ้าออกมาจากความทรงจำในอดีต สาวน้อยกระโดดกอดเธอในทันทีที่เปิดประตูรถลงมา

   “น้องวี น่ารักที่สุดเลยค่ะ” ลูกสาวที่แสนจะจ้ำม่ำของวิลาวัลย์หอมแก้มซ้ายและขวาของพราวฟ้าซึ่งหัวเราะเมื่อสาวน้อยได้โอบกอดเธอเอาไว้แนบแน่น

   “ความมีเสน่ห์ไม่เคยห่างหายไปจากพราวเลยนะ ดูสิลูกสาวฉันลืมแม่ไปเลย กอดแต่น้าพราวคนเดียว น่าน้อยใจเหลือเกิน” วิลาวัลย์อมยิ้มกับภาพที่ได้เห็น

   “แม่ยื่นแก้มมาสิคะ เดี๋ยวให้แก้มละสองฟอด เยอะกว่าน้าพราวอีก” เสียงเล็กๆ นั้นกำลังสร้างรอยยิ้มให้กับคนที่เป็นมารดาและพราวฟ้า ซึ่งกำลังหลงรักใน
ความน่ารักของหลานสาวจ้ำม่ำคนนี้ของเธอเข้าให้เสียแล้ว

   “เห็นแค่รูปก็หลงรักแล้ว เจอตัวเข้าหัวปักหัวปำกันเลยทีนี้” เสียงหอมข้างละสองฟอดสำหรับมารดาทำให้พราวฟ้าหัวเราะเสียงดังออกมา สาวน้อยยิ้มอายๆ และจูงมือพาแขกผู้มาเยือนเดินเข้าไปในบ้าน

   ขนมกับกาแฟถูกจัดไว้ที่สนามหน้าบ้าน หลังจากได้ทักทายหลานสาวและ สามีของเพื่อนซึ่งขณะนี้กำลังพาลูกสาวไปว่ายน้ำที่สโมสรหน้าหมู่บ้าน ก็เลยทำให้เพื่อนทั้งสองมีเวลาที่จะพูดคุยกัน

   “พราวกลับมาช้าไปสองสามวันนะ เพราะเมื่อวันก่อนมหาวิทยาลัยจัดงานคืนสู่เหย้า ถ้ากลับมาก่อนหน้านี้คงได้เจอเพื่อนๆ ในคราวเดียวเลย” วิลาวัลย์กำลังบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเพื่อนๆ สมัยเรียนให้พราวฟ้าได้รับทราบ

   “น่าเสียดายจริงๆ”

   “แต่คิดไปคิดมา ไม่ได้ไปก็ดีเหมือนกัน จะได้” วิลาวัลย์กำลังคิดว่าควรจะบอกหรือไม่กับเรื่องของผู้หญิงคนที่เธอเกิดไปได้พบโดยบังเอิญในงานเลี้ยงเมื่อวันก่อน เพราะไม่แน่ใจว่าเพื่อนของเธอคิดอย่างไรและลืมเรื่องราวต่างๆ ไปแล้วหรือยัง ถึงแม้ว่าจะไม่มีการพูดถึงเลยแม้สักครั้งเดียวในตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา แต่เมื่อมานึกถึงเมื่อตอนที่เห็นรอยยิ้มของเพื่อนที่ได้เห็นที่ทำงานเก่าซึ่งมีอดีตหลายเรื่องราวทำให้วิลาวัลย์หยุดพูดแต่เพียงแค่นั้น

   “ตกลงมีอะไร บอกมาเดี๋ยวนี้เลย ไม่อย่างนั้นพราวโกรธจริงๆ นะ” พราวฟ้าพูดแกมบังคับจนเพื่อนยิ้มเจื่อนๆ มองสบตากับเธอ ซึ่งกำลังคิดว่าเรื่องอะไรกันนะที่ทำให้เพื่อนของเธอดูแปลกๆ ไป

   “ก็ฉันเจอกับ” วิลาวัลย์กำลังลังเลว่าจะบอกดีหรือไม่บอกดี

   “อะไรล่ะ วิ เจอกับใครกันแล้วทำไมต้องทำหน้าตาแบบนั้นด้วย” พราวฟ้านึกขำหน้าตาที่ดูแปลกๆ ของเพื่อน

   “เจอพี่ศศิมา ดาวมหาวิทยาลัย แกจำได้ไหม รุ่นพี่ที่คณะเราน่ะ” วิลาวัลย์รู้สึกโล่งใจเมื่อได้บอกเรื่องของศศิมา

   “พี่ศศิจำได้สิ สวย เก่ง ฉลาด พร้อมทุกอย่างทั้งฐานะทางบ้าน ว่าแต่ว่าไอ้ที่จะเล่าไม่ใช่เรื่องพี่ศศิใช่หรือเปล่า” พราวฟ้าจับสังเกตอาการอึกๆ อักๆ ของเพื่อนได้น่าจะมีเรื่องอื่นที่ยังไม่ได้บอกกับเธอมากกว่า

   “อีกคนที่เจอ ก็คือ บุ๊ค อักษรา” วิลาวัลย์พูดเสียอ่อยๆ เมื่อได้พูดถึงชื่อของอักษราซึ่งทำให้หน้าของเพื่อนถอดสีอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินชื่อนั้น

   “เจอบุ๊คหรือ” พราวฟ้าถาม

   “ใช่ที่สำคัญ บุ๊คมากับพี่ศศิ” วิลาวัลย์คิดว่าควรจะบอกเรื่องจริงกับเพื่อนของเธอ หากว่าวันหนึ่งทั้งสองคนได้มีโอกาสพบเจอกันคงจะดีกว่าที่ไม่รู้อะไรเลย

   “วิกำลังจะบอกว่า พี่ศศิกับบุ๊ค” พราวฟ้าไม่รู้ว่าหัวใจของเธอรู้สึกอย่างไร แต่มันเหมือนกับว่าเธอไม่สามารถควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติได้

   “เพื่อนๆ คาดเดากันเองแบบนั้น เพราะดูจากความสนิทสนมที่เห็น และอีกอย่างถ้าไม่ได้คบหากัน พี่ศศิคงไม่พาไปงานแบบนั้นหรอกนะ พราว” วิลาวัลย์บอกสิ่งที่เธอและเพื่อนคิด หลังจากที่ได้พบเจอทั้งสองสาวซึ่งดูเหมาะสมกัน เมื่อวันงานคืนสู่เหย้า ซึ่งเพื่อนๆ ก็ลงความเห็นว่าทั้งสองสาวน่าจะคบหากันเกินเพื่อนหรือคนรู้จักเป็นแน่

   “ก็ดีนะ” พราวฟ้าพูดได้เพียงแค่นั้นเพราะเหมือนอะไรมาทำให้เธอรู้สึกจุกจนไม่สามารถจะพูดอะไรได้ไปชั่วขณะ

   “พูดว่าดี แต่หน้าพราวไม่เห็นจะดีตามที่พูดเลยนะ ฉันว่าคงต้องลืมแล้วล่ะ อดีตก็คืออดีต” วิลาวัลย์พูดตัดบทในทันที โดยไม่อยากให้เพื่อนคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาเมื่อห้าปีก่อน

   “มันก็คงต้องเป็นแบบนั้น เพราะพราวเลือกเองที่จะจากไป” พราวฟ้าฝืนยิ้มให้เพื่อน แล้วเสียงตะโกนของสาวน้อยจ้ำม่ำที่ดังขึ้นเหมือนได้ช่วยชีวิตเธอที่ไม่อยาก จะได้ยินหรือพูดถึงเรื่องราวของอักษราอีก

 :da4c2d5e: :26:




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.