ตอนที่ 1 บ้านเอกอมรกุลกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดเพราะตอนนี้คนในบ้านได้ถูกเรียกให้มารวมตัวกันโดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้คงทำได้เพียงแค่รอให้ประมุขของบ้านมาเฉลยเท่านั้น
“เพชรว่าพ่อเรียกเรามาทำไมอะ”
อาศิราเอ่ยถามอย่างสงสัยเพราะหากบิดาออกคำสั่งเรียกให้เขาและน้องสาวมาแบบนี้แปลว่าได้มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้วแต่ที่น่าแปลกก็คือครั้งนี้ไม่มีข้อมูลอะไรหลุดออกมาแม้แต่น้อย
“ขนาดพี่ศิรายังไม่รู้แล้วจะเอาอะไรจากเพชรล่ะคะ”
ชายหนุ่มหันมามองน้องสาวที่ตอบออกมาอย่างน่าหมั่นไส้จนอดใจไม่ไหวต้องเอื้อมมือไปฟาดที่หน้าผากอย่างแรง
“โอ๊ย! เจ็บนะ”
“ใครใช้ให้กวนล่ะ”
“เพชรไปกวนตอนไหน”
อวิกาเอ่ยออกมาด้วยใบหน้างอๆ
“ก็ทุกตอนนั่นแหละ”
อาศิราเอ่ยออกมาพร้อมกับเอื้อมมือไปขยี้ผมคนขี้งอนส่วนอวิกาก็ใช่ว่าจะยอมเมื่อหญิงสาวยื่นมือไปจี้เอวชายหนุ่มเพื่อเอาคืนสองพี่น้องแกล้งกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใครอยู่นานจนคนเข้ามาใหม่อดไม่ได้ต้องตะคอกออกมาเสียงดัง
“พอได้แล้วเล่นกันอย่างกับเด็ก”
จบประโยคกำธรก็จัดการฟาดแฟ้มเอกสารที่ถือในมือลงที่หัวของคนทั้งคู่ก่อนจะเดินไปนั่งฝั่งตรงกันข้ามเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เค้าบอกไม่ให้ตีที่หัวเดี๋ยวลูกตัวเองก็ฉี่ใส่ที่นอนหรอก”
อาศิราเอ่ยว่าให้บิดาแต่เจ้าตัวต้องรีบเอามือปิดปากเพราะคนที่ถูกว่าให้กำลังทำท่าจะปาแฟ้มดังกล่าวใส่หน้าของเขา
“พร้อมกันหรือยัง”
ชายหนุ่มวัยกลางคนเริ่มเปิดประเด็นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ค่ะ/ครับ”
สองพี่น้องเอ่ยออกมาอย่างพร้อมเพรียงก่อนจะเข้าสู่โหมดเอาจริงเอาจังเพราะจากสีหน้าของบิดาก็ทำให้พวกเขารู้ว่าเรื่องต่อไปนี้น่าจะหนักเอาการอยู่
“ลูกสองคนจำคุณลุงศิวัชเพื่อนพ่อได้มั้ย”
อาศิราหันไปมองสบตากับคนข้างๆพร้อมกับนึกถึงใครบางคนที่บิดาได้เอ่ยถึงก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆเมื่อนึกออก
“จำได้ครับคุณลุงศิวัชที่อยู่บ้านติดกับเราแล้วก็มีลูกเป็น…”
“ยัยหมีใส่แว่นขี้มูกหนาเตอะ!”
อวิกาพูดต่อคำของพี่ชายตัวเองก่อนที่ทั้งสองคนจะหัวเราะออกมาเสียงดังจนคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งทนไม่ไหวถึงกับปาหมอนใส่
“เล่นแรงอีกแล้วนะคะคุณกำธรขา”
อวิกาเอ่ยติดตลกออกมาหากแต่คนฟังกลับไม่ขำด้วยทำเอาคนพูดถึงกลับทำหน้าไม่ถูกจนต้องกอดหมอนแก้เก้อ
“ต่อเลยล่ะกัน”
“ค่ะ/ครับ”
“ครอบครัวเรากับครัวครัวของลุงศิวัชตกลงหมั้นหมายพวกลูกเอาไว้ตั้งแต่ยังไม่เกิด”
“อะไรนะครับ!”
“ฟังพ่อให้จบก่อนศิรา”
ชายหนุ่มได้แต่กลืนประโยคคำถามมากมายลงคอหากบิดาเอ่ยว่าหมั้นหมายนั่นแสดงว่าเรื่องต่อไปที่จะได้ยินคงจะต้องเกี่ยวข้องกับเขาโดยตรง
“แต่หากมันเป็นปากเปล่าพ่อคงจะไม่มานั่งหน้าเครียดแบบนี้”
คนพูดเอ่ยออกมาหน้าเศร้าๆ
“พ่อกับลุงศิวัชดันลงชื่อร่างเป็นสัญญาขึ้นมาโดยมีทรัพย์สินของเราเป็นตัวค้ำประกัน”
กำธรพูดพร้อมกับยื่นแฟ้มเอกสารให้กับคนตรงหน้าได้ดู
“สัญญาแต่งงาน”
อวิกาอ่านหัวข้อในเอกสารออกมาเสียงดังเพราะตอนนี้พี่ชายของเธอทำท่าทางเหมือนกับคนอดข้าวมาสิบวันมันดูอ่อนแรงซะจนเธอนึกสงสาร
หญิงสาวอ่านข้อความในสัญญาซ้ำไปซ้ำมาก่อนจะส่ายหัวอย่างจนใจเพราะเท่าที่ดูไม่มีส่วนไหนที่เป็นช่องโหวงเลยท่าทางงานนี้จะได้พี่สะใภ้แบบไม่ได้ตั้งตัวซะแล้ว
“ดีใจด้วยนะพี่ศิรา”
คนพูดยิ้มกว้างออกมาพร้อมกับยัดเยียดแฟ้มเอกสารให้กับชายหนุ่มที่เกี่ยวข้องกับข้อความนี้โดยตรง
อาศิรามองแฟ้มในมืออย่างอ่อนใจก่อนที่ใบหน้าของใครบางคนจะปรากฏขึ้นมาทำเอาเขาถึงกับขนลุกไปหมดทั้งตัว ชายหนุ่มเปิดอ่านข้อความในแฟ้มอย่างอ่อนแรง
“อ่านจบก็เตรียมตัวเป็นว่าที่เจ้าบ่าวได้เลยนะศิรา”
“อะไรนะครับ”
“ตามนั้นแหละเดี๋ยวพ่อกับลุงศิวัชหาฤกษ์ดีๆซักวันแล้วจะมาบอก”
“มันไม่เร็วไปเหรอครับพ่ออีกอย่างผมกับยัยหมีใส่แว่น”
ชายหนุ่มถึงกับสะอึกเมื่อได้เห็นแววตาของบิดาก่อนจะรีบกลืนชื่อของว่าที่เจ้าสาวลงคออย่างยากเย็น
“ผมหมายถึงผมกับผู้หญิงคนนั้นยังไม่ได้ศึกษานิสัยใจคอกันเลยแล้วจะแต่งกันได้ยังไงล่ะครับ”
“ก็ตอนเด็กไงพ่อก็เห็นแกดูเอาใจใส่หนูผึ้งดีออก”
“แต่ผมว่าถ้าแต่งไปแล้วอยู่ไม่รอดก็น่าสงสารผู้หญิงคนนั้นนะครับเค้าจะเสียชื่อเปล่าๆ”
“แต่งๆไปเถอะเดี๋ยวก็รักกันเองตามนี้นะอย่าเรื่องมาก”
“แล้วถ้าผมไม่แต่งล่ะครับ”
“ก็ได้”
“จริงเหรอครับ”
อาศิรายิ้มกว้างทันทีเมื่อได้ยินประโยคนี้แต่แล้วความหวังของชายหนุ่มก็ค่อยๆพังทลายเมื่อบิดาเดินมาตบที่ไหล่เบาๆพร้อมกับกระซิบประโยคข่มขู่ที่ทำให้เขาไม่อาจปฏิเสธได้
มาธวีมองตามหลังบิดาที่เดินออกไปก่อนจะหันกลับมามองชายหนุ่มที่ทำหน้าเบื่อโลกอยู่ข้างๆ
“ทำไมเหรอพ่อบอกอะไรพี่ศิราถึงได้ทำหน้าหมาหงอยแบบนี้”
อาศิราหันไปส่งสายตาดุให้คนพูดหากเป็นเวลาปกติเขาคงเล่นงานคนข้างๆไปแล้วแต่ครั้งนี้เรื่องที่ได้ยินมันทำให้เขาหมดแรงจริงๆ
“หนักเอาการ”
“มากที่สุด”
“ขนาดนั้นเลยเหรอบอกเพชรได้มั้ย”
“พ่อบอกไม่แต่งก็ได้แต่ให้ยกมรดกส่วนของพี่ให้ยัยหมีนั่นทั้งหมด”
“ร้ายกาจที่สุด”
“ฉันกำลังจะมีเมียเป็นหมี!”
อาศิราตะโกนออกมาเสียงดังก่อนจะลุกเดินออกจากห้องไปด้วยความรีบร้อน อวิกามองพี่ชายด้วยความเวทนาหากได้ยัยหมีใส่แว่นขี้มูกหนาเตอะมาเป็นพี่สะใภ้จริงๆจะเป็นยังไงนะ
ย้อนกลับไปสมัยที่เธอยังเด็กยัยนั้นก็เหมือนจะชอบพี่ชายเธออยู่แต่กับเธอนี่สิถึงขั้นเกลียดเพราะเธอดันไปแกล้งเขาเอาไว้เยอะไม่รู้ตอนนี้ยัยนั่นจะกระโดดดีใจเรื่องนี้อยู่หรือเปล่านะเหมือนแผ่นดินจะไหวๆยังไงบอกไม่ถูก
“คุณพ่อกำลังอำผึ้งอยู่ใช่มั้ยคะ”
หญิงสาวรูปร่างสมส่วนเดินอวดหุ่นสวยเข้ามาใกล้บิดาก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงอย่างอารมณ์เสีย
“เรื่องจริงไม่ได้โม้”
มาธวีมองคนพูดด้วยสายตาดุก่อนจะถอนหายใจออกมาเสียงดัง
“พ่อไม่คิดถึงความสุขของผึ้งเลยเหรอคะ”
“ตาศิราเป็นคนดีแถมยังหน้าตาหล่อเหลาพ่อว่าลูกน่าจะถูกใจ”
“นั่นคือความคิดของคุณพ่อไม่ใช่ผึ้ง”
“ตอนเด็กๆพ่อก็เห็นหนูติดพี่เค้าจะตายอะไรๆก็พี่ศิรา”
“มันผ่านมาจะยี่สิบปีแล้วนะคะนานมากจนผึ้งนึกหน้าครอบครัวนั้นไม่ออก”
ศิวัชพยักหน้าเข้าใจก่อนจะส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้กับบุตรสาว
“อะไรคะ”
“รูปตาศิราไง”
มาธวีรับมาอย่างเซ็งๆก่อนจะก้มดูรูปที่ได้รับมาอย่าง พิจารณาซึ่งเห็นเพียงแว็บแรกเธอก็ต้องยอมรับว่าอาศิราดูดีสมกับที่พ่อเธอชมไว้จริงๆสูง ขาว หน้าตาหวานคิ้วเข้มตัดกับจมูกคมๆยิ่งทำให้เธอปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆ
“เป็นไงพูดไม่ออกเลยล่ะสิ”
“ไม่รู้จะพูดอะไรต่างหากล่ะคะ”
หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าบึ้งๆถึงเธอจะยอมรับว่าชายหนุ่มดูดีอย่างที่พ่อของเธอโฆษณาแต่ถ้าถึงต้องเอามาเป็นคู่ชีวิตมันก็เร็วเกินไปจริงๆ
“แล้วนั่นรูปอะไรคะ”
มาธวีหันไปเห็นรูปอีกใบที่บิดาของเธอกำลังเก็บเข้าแฟ้ม
“รีบเอาซ่อนหรือว่าเป็นมุมอัปลักษณ์ของอีตานี่”
“เอาเข้าไปอันนี้รูปคู่ตาศิรากับน้องสาวจะดูทำไมอันนั้นน่ะชัดสุดๆแล้ว”
“ส่งมาค่ะ”
หญิงสาวกางมือออกทันทีเพราะเริ่มไม่แน่ใจว่าคนตรงหน้าจะโกหกอะไรเธอหรือเปล่ายิ่งจ้องหน้าก็ยิ่งส่อพิรุธ
“อะๆเอาไปเลยข่มขู่เหมือนเป็นแม่”
มาธวียิ้มรับกับประโยคที่ได้ยินก่อนจะพลิกภาพในมือขึ้นดูหน้าตาทุกอย่างของชายหนุ่มก็เหมือนเดิมไม่มีบูดเบี้ยวแต่อย่างใดส่วนคนข้างๆคงจะเป็นยัยตัวเล็กที่ชอบแกล้งเธออยู่บ่อยๆไม่อยากจะเชื่อว่าเวลาจะทำให้ยัยเด็กแคระนั่นสูงได้มากขนาดนี้ท่าทางจะตัวสูงกว่าเธอซะอีกว่าแต่ถ่ายรูปแล้วดันหันหลังให้กล้องนี่สินะที่เขาเรียกว่ากวนได้ตั้งแต่เด็กยันโต