web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 153
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 145
Total: 145

ผู้เขียน หัวข้อ: นกของทิฆัมพร บทที่ 16  (อ่าน 1220 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ อาพัทธ์ อันธการ

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 74
นกของทิฆัมพร บทที่ 16
« เมื่อ: 27 ธันวาคม 2013 เวลา 00:08:10 »
บทที่16

เมื่อซื้อโทรศัพท์มาเด็กสาวก็ไม่รีรอที่จะโทรบอกคนที่อยู่ไกล หล่อนกดปุ่มต่างๆ อย่างเงอะงะเพราะไม่ชิน

“ฮัลโหล” เสียงหวานปลายสายรับทำเอาหัวใจเต้นแรง

“ดี” เธอพูดสั้นๆ เป็นการทักทายอดตื่นเต้นไม่ได้

“นั่น...อ้อยเหรอ” วรดาเดาด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่

“ใช่ อ้อยเอง” คนผมประบ่ายิ้ม แม้แฟนสาวจะไม่มีโอกาสได้เห็น

“อ้อยซื้อโทรศัพท์แล้วเหรอ นี่เบอร์อ้อยใช่ไหม” อีกฝ่ายพูดรัวเร็ว เห็นได้ชัดว่าดีใจมากแค่ไหน

“อือ” ไม่รู้ทำไม ทิฆัมพรถึงรู้สึกเขินขึ้นมาเพราะได้ฟังประโยคเหล่านั้น อาจจะเพราะคนอยู่ไกลแสดงอาการบ่งบอกว่าหล่อนมีความหมาย

“พูดยาวๆ เหมือนตอนเขียนจดหมายก็ได้” ปลายสายพูดล้อๆ

“ข้าวสบายดีไหม” เธอถามอย่างเป็นห่วง เพราะไม่ได้เห็นหน้ากันจึงไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร ต่อให้คนสวยโกหกหล่อนก็ไม่อาจรู้ได้

“ดี ก็เรื่อยๆ แหละ อ้อยล่ะ” สาวผมยาวไม่วายถามกลับ

“ดี ดีมาก” ถ้าเป็นเมื่อก่อนคำๆ นี้คงไม่มีวันออกจากปากของเด็กสาวเป็นแน่ แต่เพราะตั้งแต่นี้ไปทุกอย่างจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกแล้ว

“ข้าว” เธอเรียกด้วยน้ำเสียงจริงจัง ต้องการให้อีกฝ่ายฟังอย่างตั้งใจ

“หือ” สาวปากอิ่มส่งเสียงในลำคอขานรับ

“อ้อยออกจากบ้านแล้วนะ” คนร่างผอมบางไม่อาจข่มความรู้สึกดีใจได้

“...จริงเหรอ ยังไง ทำไม” ปลายสายเงียบไปสักพักคล้ายตกใจจนไม่สามารถพูดได้ ก่อนจะมีคำถามตามมา

คนหน้านิ่งยิ้มอีกครั้ง นึกใบหน้าของคนรักออก ตาสีน้ำตาลอ่อนคงเต็มไปด้วยประกายแวววาวดั่งดาวยาวค่ำคืน ปากอิ่มคงยิ้มกว้างดีใจแทนหล่อนเป็นแน่ คนตัวสูงจึงเล่าให้ฟังทั้งหมด

“ดีจัง” คำพูดคำแรกที่อีกฝั่งพูดเต็มไปด้วยความโล่งใจ เธอเหมือนจะได้ยินเสียงถอนหายใจเสียด้วยซ้ำไป

“อ้อยรักข้าวนะ” สาวตาสีเข้มเอ่ยย้ำความรู้สึก

“อือ ข้าวก็เหมือนกัน” เด็กสาวจับน้ำเสียงเขินอายได้

เธอสุขใจเหลือเกินที่ได้ยินเสียงของวรดาอย่างนี้ มันดีกว่าการเขียนจดหมายหลายอย่าง แต่วิธีเดิมก็ดีตรงที่ว่าหล่อนสามารถอ่านทุกอย่างซ้ำไปซ้ำมาได้ ไม่เหมือนคำพูดที่จะหายไปเหลือไว้แค่เพียงในความทรงจำ



การทำงานที่บ้านของพ่อเลี้ยงไม่ใช่เรื่องง่าย เธอต้องตื่นเวลาเดียวกับตอนทำงานที่ไร่คือหกโมงเช้า และแต่งตัวให้เสร็จพร้อมเริ่มงานภายในครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็ต้องเข้าครัวช่วยป้าน้อยกับนิดลูกสาวทำกับข้าว เพื่อนสาวเองก็เช่นกัน ส่วนคนงานคนอื่นนั้นจะมาทำงานตอนแปดโมง

“เอ้ายกไปเสิร์ฟคุณเสือเลย ระวังอย่าให้หกล่ะ” ป้าหัวหน้าครัวดูกระตือรือร้นและเป็นกังวล หล่อนรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ทำตามอย่างว่าง่ายโดยมีหนูช่วยยกอาหารคนละไม้คนละมือ

“ป้าแกดูกลัวๆ นะ” เป็นสาวแกร่งที่กระซิบระหว่างทางเดินไปยังห้องรับประทานอาหารของบ้าน ซึ่งเป็นโต๊ะไม้ยาวซึ่งถูกขัดจนเป็นมันเงา

“อือ” ทิฆัมพรเห็นด้วย แต่ไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะหล่อนเพิ่งมาวันแรกยังไม่รู้ว่าอาการนั้นคืออะไร และเหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น

“มาแล้วเหรอ ฉันกำลังรออยู่พอดี” เสียงทุ้มห้าวทรงอำนาจดังขึ้นทันทีที่เธอเดินเข้าไปในห้อง

เขาใส่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีน ใบหน้าดูน่าเกรงขาม ลำตัวบึกบึน หล่อนไม่เคยเจอใครที่ให้ความรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย ถ้าเธอไม่เคยเจอเรื่องแย่ๆ ต่างๆ มาก่อนอาจจะกลัวคนตรงหน้าเหมือนที่หนูกำลังเป็นอยู่ตอนนี้ มือใหญ่ของคนข้างๆ สั่นเล็กน้อย แต่เด็กสาวยังคงรักษากิริยานิ่งเฉยไว้ได้

“ไม่ต้องกลัว ฉันไม่ใช่ยักษ์ใช่มาร” ปากหนาได้รูปยิ้มคงเพราะเป็นพรรณรายออกอาการเช่นนั้น ชายหนุ่มน่าจะเห็นคนที่มีปฏิกิริยาอย่างนี้จนชาชิน

เธอและเพื่อนวางจานและชามบนโต๊ะด้วยความนอบน้อมแต่คนละความหมายกัน หล่อนทำเพราะเขาเป็นเจ้านาย ส่วนสาวแกร่งทำเพราะกลัวในอำนาจซึ่งแผ่ออกมา

“โอ๊ย เครียดชะมัด คนอะไรดูน่ากลัวจริง” สาวผมยุ่งบ่นถอนหายใจยาว

สาวร่างบางไม่ได้เอ่ยอะไรออกเพราะ เพราะคิดว่าลักษณะท่าทางของอนุชาก็เหมาะสมกับสิ่งที่เขามี หล่อนฟังจากป้าน้อยว่าชายหนุ่มเป็นเจ้าของกิจการหลายแห่ง และมีเส้นสายกับทางราชการมาก ไม่น่าแปลกที่เขาจะดูเป็นคนน่าเกรงขาม



พอสองทุ่มเธอก็หมดภาระหน้าที่ หล่อนรู้สึกเหนื่อยมาก มากกว่าตอนที่ทำงานในไร่เสียอีก อาจจะเพราะที่นี่มีงานมากจริงอย่างที่พี่กล้าซึ่งเป็นหัวหน้าคนงานพูด หลังจากตอนเช้ามีคนงานมาช่วยอีกหลายคนแต่ก็ไม่พอ

อาณาเขตบ้านพ่อเลี้ยงกว้างมากและทุกๆ บริเวณต้องได้รับการดูแลทั้งหมด ในบ้านป้าน้อยจะเป็นคนคุมสาวๆ ให้ทำงาน ส่วนนอกบ้านก็เป็นของพี่กล้า ทิฆัมพรต้องทำงานในบ้านให้เสร็จในตอนเช้า พอตกบ่ายก็ทำงานข้างนอกอีก ไม่มีการพักใดๆ ทั้งสิ้น

ป้าและลูกสาวโชคดีที่ไม่ต้องทำงานหนักขนาดนั้น เป็นเพียงสองคนที่ยกเว้นไม่ต้องออกไปทำงานตากแดดอาบเหงื่อข้างนอก เนื่องจากเป็นคนเก่าแก่ของบ้านนี้ ชุติมาอยู่ที่นี่มาตั้งแต่สาวๆ สมัยที่บิดาของพ่อเลี้ยงยังหนุ่ม หญิงมีอายุแต่งงานกับคนงานชายในไร่ ซึ่งต่อมาก็เสียชีวิตด้วยโรคส่วนตัวทิ้งให้ป้าเลี้ยงลูกลำพัง เพราะพ่อเลี้ยงเห็นเธอมาตั้งแต่เด็กจึงเห็นใจไม่ให้ทำงานหนัก

เด็กสาวอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยเตรียมตัวจะนอนเอาแรงเพื่อที่จะได้ทำงานในวันต่อไป เธอล้มตัวลงบนเตียงที่คงแข็งสำหรับคนอื่น แต่สำหรับคนตาสีเข้มแล้วมันนุ่มกว่าไม้ไผ่ที่เคยนอนมากนัก หล่อนเคลิ้มหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนในไม่ช้า

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่เสียงเคาะประตูนั้นปลุกให้คนผมสั้นลืมตาขึ้น เธองัวเงียเพราะไม่เคยโดนปลุกกลางดึกแบบนี้มาก่อน ตอนอยู่บ้านนั้นพอเข้านอนแม่ก็จะไม่ยุ่งกับเธอเลย แม่หล่อนเป็นคนหลับสนิทและจะหลับจนถึงรุ่งเช้าไม่ตื่นกลางดึก

“ตื่นๆ ไปช่วยกันเตรียมอาหารให้คุณๆ เร็ว” นิดพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หล่อนแทบจะลืมตาไม่ขึ้น ปากบางอ้ากว้างหาว เธอพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินออกจากห้องไปทั้งชุดนอนและตรงไปที่ห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา

เมื่อเข้าไปที่ครัวก็เห็นป้าน้อยกับหนูทำอาหารกันวุ่นวาย เด็กสาวมองนาฬิกาที่ผนังห้องเข็มสั้นชี้ที่เลขหนึ่งทำเอาหล่อนขมวดคิ้ว

“อ้อยคนนี่หน่อย สุกแล้วใส่จานเลยนะ” เพื่อนสาวหันมามองพร้อมกับดันให้เธอไปยืนหน้าเตาซึ่งมีลาบหมูอยู่ในหม้อ เนื้อหมูยังคงสีแดงคนจมูกรั้นจึงคนๆ เล็กน้อย

“ทำไมเยอะอย่างนี้นะ” เสียงแหบบ่นเบาๆ

“ทำๆ ไปเถอะ” เป็นลูกสาวของป้าน้อยที่บอกอย่างหัวเสียไม่แพ้กัน

หล่อนและนิดยกกับข้าวที่เพิ่งทำเสร็จ ควันยังลอยส่งกลิ่นหอมฉุยไปทั่วทางเดิน เมื่อเข้ามาในห้องรับประทานอาหารก็พบหญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อยนั่งบนตักของพ่อเลี้ยงอยู่ เล็บสีแดงนั้นกรีดกราย ใบหน้าทั้งสองแทบไม่ห่างจากกัน ทำเอาเธอหน้าร้อนฉ่ากับภาพที่เห็น

“ชักช้าจัง” สาวสวยแสนเปรี้ยวนั้นมองด้วยหางตาก่อนจะพูดออกมา

สาวปากบางไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไหร่ นี่ถือว่าเร็วแล้วด้วยซ้ำสำหรับเวลาดึกดื่นแบบนี้ มีใครเขากินข้าวกันตอนนี้บ้าง ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้จักเวลาร่ำเวลาเอาเสียเลย และพ่อเลี้ยงก็ไม่ได้ว่าอะไรหล่อนสักคำเดียว เขาดูจะให้ความสนใจกับอกอิ่มที่แทบปิดไม่มิดนั้นมากกว่า

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครคะ” เด็กสาวถามเมื่อกลับมานั่งพักเหนื่อยที่เก้าอี้ในห้องครัว

“คงเป็นผู้หญิงอย่างว่าน่ะแหละ ไม่ต้องสนใจหรอก คงเห็นหน้ากันแค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ” ป้าน้อยบอกบอกเสียงนิ่ง

“แค่ครั้งเดียวหนูก็เบื่อจะแย่อยู่แล้วแม่” นิดบ่นใบหน้าบึ้งตึง เห็นได้ชัดว่าคงจะเจอบ่อย

“ทำไมต้องทำตามที่ผู้หญิงคนนั้นบอกล่ะจ้ะ” เพื่อนสาวอดถามไม่ได้

“ก็เพราะเขาอยู่กับคุณท่านไง” สาวหน้าจืดชืดชิงป้าน้อยตอบ

“เป็นอย่างนี้ประจำเหรอคะ” เธอถามต่อ จะได้ปรับตัวถูก

“อือ ก็ทุกๆ สองสามวันน่ะแหละ” หญิงสาวคนเดิมตอบน้ำเสียงเบื่อหน่าย

“ทำไมคุณเขาไม่หานายหญิงล่ะจ้ะ”

“ก็มีแต่คนจ้องจะจับน่ะซีถึงหาไม่ได้” หล่อนไม่แปลกใจกับคำตอบ คนที่มีเงินมีอำนาจก็อย่างนี้ หลายคนยังให้ความสำคัญกับสิ่งของมากกว่าความรู้สึก สำหรับทิฆัมพรแล้ว เธอรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต

“แล้วถ้าไม่ทำล่ะจ้ะ จะเป็นไรไหม” พรรณรายเหมือนจะยังคงมีคำถามค้างคาใจอยู่มาก จึงได้ถามไม่เลิกอย่างนี้

“เวลาคุณเสือแกอารมณ์ดีนะ แกก็แสนดียังกับเทพบุตร แต่อย่าทำให้ท่านอารมณ์เสียขึ้นมาล่ะ ไม่มีใครเข้าหน้าติดสักคน ทำให้พวกผู้หญิงเหล่านั้นไม่พอใจก็เหมือนกัน” ป้าน้อยถอนหายใจแรงๆ กับนิสัยของเจ้านายที่เห็นมาแต่เล็กแต่น้อย เธอมองด้วยความเข้าใจ อยู่ด้วยกันมานานคงผูกพันรักเหมือนลูกเหมือนหลาน แต่เพราะอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่จะตักเตือนว่ากล่าวได้ จึงทำได้เพียงอยู่เฉยๆ และมองดูเพียงเท่านั้นเอง

อ้อยพอจะเข้าใจถึงอาการที่ทั้งสองคนแสดงออกมาเมื่อเช้าแล้ว คงเพราะไม่อยากให้คุณอนุชาโกรธนั่นเอง ทั้งสองคงเคยเห็นเวลาที่เป็นแบบนั้นแล้ว เธอเดาว่าคงน่ากลัวมากทีเดียวเพราะแค่พ่อเลี้ยงอารมณ์ดียังกดดันได้มากขนาดนั้น แล้วไม่พอใจจะขนาดไหน



“อ้อย” หนูเรียกระหว่างทางที่เดินกลับห้องนอน

“หือ” คนตัวสูงเริ่มถูกความง่วงเข้าครอบงำ และรู้สึกอยากพักผ่อนเต็มที

“ทำงานแบบไปเช้าเย็นกลับเหอะ ต้องตื่นแบบนี้บ่อยๆ ไม่ไหวหรอก” สาวแกร่งทำหน้าเครียด

“ตามใจ แต่อ้อยทนได้” หล่อนไม่ห้ามเพราะเข้าใจ แต่ตัวเธอเองถึงแม้จะต้องลำบากแบบนี้ก็ยังดีกว่ากลับไปบ้าน

“แค่พันเดียวเอง อย่างกเลย” อีกฝ่ายเข้าใจผิดคิดว่าทิฆัมพรเห็นแก่เงินจึงยอมทน

“อ้อยตัดสินใจแล้ว” สาวตาเข้มไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติม แต่ยืนยันในสิ่งที่ตัวเองพูดแทน

“ตามใจ เดี๋ยวพรุ่งนี้หนูจะไปบอกพี่กล้า ไม่ไหวเหนื่อยจะตาย” สาวผิวคล้ำอดบ่นก่อนจะเปิดประตูและเดินเข้าห้องนอนตัวเองไม่ได้

คนร่างบางเองก็เข้าห้องตัวเองเช่นกัน หล่อนไม่คิดจะบอกแก่คนที่อยู่แสนไกลว่าความเป็นอยู่เป็นเช่นไรบ้าง เพราะไม่ต้องการให้อีกคนเป็นห่วง เพื่อคนที่รักหล่อนยอมทนได้ทุกอย่าง



email+facebook : N.Rattanawadikant@gmail.com
fanpage : www.facebook.com/อาพัทธ์-อันธการ/107884562739822

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.