web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 153
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 119
Total: 119

ผู้เขียน หัวข้อ: ประมูล... รัก ตอนที่ 14  (อ่าน 1429 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ UPsidedown

  • Moderator
  • หน้าใหม่
  • *****
  • กระทู้: 31
ประมูล... รัก ตอนที่ 14
« เมื่อ: 28 ธันวาคม 2013 เวลา 16:06:31 »
ตอนที่ 14
จิ๊บ จิ๊บ
เอก อี้ เอ้ก เอ้ก
เสียงนกการ้องเรียกกันและเสียงไก่แจ้โก่งคอขันดังตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดี อรินทิพย์ตื่นแล้ว แต่ยังนอนหลับตา ฟังเสียงดนตรีของสัตว์นักร้องเสียงดีแถวนี้อย่างเพลิดเพลินอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเด็กสาวลุกขึ้นมานั่งแล้วมองไปยังอีกด้านของเตียง เธอพบว่าผ้าห่มถูกพับเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเรียบร้อย อรินทิพย์ไม่แปลกใจเลย คุณแม่ของเธอนอนเร็ว ตื่นเช้า เข้านอนตอน
หัวค่ำ สองรึสามทุ่ม ตีสามตีสี่ก็ตื่น

เด็กสาวรีบลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเครื่องแต่งกายจากชุดนอนเป็นชุดเสื้อยืดคอวีสีฟ้าสดขนาดพอดีตัวกับกางเกงยีนส์ขาสามส่วนสีน้ำเงินเข้ม อรินทิพย์เปิดประตู เดินออกมาจากห้องนอน ตรงไปยังโถงกลางของบ้าน มุมด้านขวาติดกับระเบียงมีเคาน์เตอร์บาร์ ภายในตู้กระจกด้านหลังเคาน์เตอร์มีขวดเหล้าขวดไวน์หลายชนิดหลากรูปทรงจนไม่อยากจะนับให้เสียเวลา แต่นอกจากจะมีไว้ชงเหล้า ผสมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บนเคาน์เตอร์ยังมีเครื่องชงกาแฟสดขนาดกลางวางตั้งอยู่ กลิ่นเมล็ดกาแฟคั่วบดหอมฟุ้งไปทั่วห้องโถงเปิดโล่ง เก้าอี้สี่ตัวที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ตอนนี้ถูกจับจองไปแล้วสองตัว เด็กสาวเดินอมยิ้มตรงรี่ไปนั่งบนเก้าอี้กลมตัวที่สาม คนนั่งข้างเธอวางแก้วกาแฟลงบนจานรองแล้วส่งยิ้มทักทาย
“เมื่อคืนหลับสบายไหมคะ? ลูกแมวน้อย”
“หัวถึงหมอนไม่ทันไรก็หลับสนิทเป็นตายเลยค่ะพี่ปริม อากาศเย็นสบายดีมาก ไม่ต้องเปิดแอร์เลย”
“กินโกโก้ไหม? เดี๋ยวพี่ชงให้”
พอได้รับคำตอบเป็นยิ้มหวานและการพยักหน้า พี่สาวคนสวยก็ลุกจากเก้าอี้ เดินไปยืนหลังเคาน์เตอร์ หยิบแก้วเซรามิคสีขาวมาหนึ่งใบ จัดการชงโกโก้ร้อนให้เธอ อรินทิพย์นั่งยิ้มค้าง มองพี่ปริมด้วยสายตาเป็นประกายเชื่อมหวานปนปลาบปลื้ม อะไรจะใจดีขนาดนี้ พี่แมวใหญ่ของอินนี่น่ารักจริง ๆ ขณะที่เธอกำลังนั่งชมพี่สาวคนสวยอยู่ในใจ ชายหนุ่มคุณพี่คนขับรถซึ่งนั่งอยู่ถัดจากพี่ปริมไป พอไม่มีใครนั่งบัง เขาจึงหันหน้ามาคุยกับเธอ 
“เมื่อคืนน้องอินไม่ได้นอนห้องเดียวกันกับพี่ปริมเหรอ?” 
เด็กน้อยก้มหน้ายิ้มเขิน ส่ายหน้าแดง ๆ ไปมา อรินทิพย์แอบหัวเราะขำเมื่อได้ยินเสียงดังเพียะ ตามมาด้วยเสียงหง่าว ๆ อย่างขุ่นเคืองของพี่แมวตัวโตที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ พี่ปริมพูดดุพี่เก้าใหญ่เลย
“พี่เก้านิ่! ไปถามน้องอย่างนั้นได้ยังไงเล่า”
“อ่ะ... ถามน้องไม่ได้ งั้นพี่ถามปริมละกัน...”
“จะถามใครก็ไม่ได้ทั้งนั้นแหละค่ะ!”
“ปริมจะโกรธจะโวยพี่ทำไมเนี่ย? ในเมื่อคำตอบก็คือนอนคนละห้อง ไม่ได้ฟีทเจอริ่งอะไรกันซะหน่อย...”
อรินทิพย์เอียงหน้านิดหนึ่ง “ฟีทเจอริ่ง???”
ลูกแมวน้อยอินโนเซ้นส์พูดทวนคำ ทำหน้างุนงง มองพี่แมวใหญ่ที่แก้มดูแดง ๆ ผิดปกติ กางอุ้งเท้าตะปบแมวหนุ่มขนสีน้ำตาลสามทีพร้อมกับแยกเขี้ยวใส่ พี่เก้าหัวเราะขำหึหึคิกคิก รีบซดกาแฟจนหมดแก้วแล้วกระโดดเผ่นแผล็วลงจากเก้าอี้กลมไม่มีพนัก วิ่งหนีลงจากบ้านไปเลย ลูกแมวน้อยเห็นพี่แมวหนุ่มจากไปแล้วจึงหันกลับมาถามพี่แมวโตเต็มวัยอีกตัวที่คงจะให้คำตอบแก่เธอได้
“ที่พี่เก้าพูดเมื่อกี้มันแปลว่าอะไรเหรอคะ? อินเคยเห็นเขาใช้คำนี้กับเพลงที่มีนักร้องรับเชิญ”
“น้องอินไม่รู้จริงอ่ะ?”
“หึ... หนูไม่รู้”
ลูกแมวน้อยที่ใช้สรรพนามแทนตัวเองว่าหนูส่ายหน้าไปมา กะพริบตากลมโตปริบ ๆ สองที ทำหน้าบ้องแบ๊วอย่างจริงจัง แมวตัวโตเห็นดังนั้นก็หัวเราะขำจนหนวดกระดิกอย่างนึกเอ็นดู พอหยุดขำได้ แมวใหญ่ก็อมยิ้ม กวักอุ้งเท้าหน้าข้างซ้ายหยอย ๆ ทำท่าเหมือนแมวกวักนำโชค บอกให้ลูกแมวน้อยเอียงหูข้างขวามา พี่แมวใหญ่จะเฉลยคำตอบให้รู้...

กระซิบ กระซาบ

ปุ้ง!
ฉ่า~
พอรู้คำตอบ ลูกแมวน้อยก็หน้าแดงแจ๋ร้อนฉี่

อ่อ... ที่พี่เก้าพูดเมื่อกี้มันหมายความว่าอย่างนี้นี่เอง
มี้~ พี่เก้าอ่ะ พูดอะไรอย่างนั้น >///////<

แมวตัวโตถอยหน้าออกมาขำลูกแมวน้อยที่ทำแก้มแดง เกิดอาการเขินย้อนหลัง แล้วลูกแมวน้อยก็ต้องเขินปัจจุบัน และเขินล่วงหน้าด้วย เพราะพี่แมวใหญ่ยื่นหน้ามาพูดกระซิบกระซาบอีกรอบ
“ตอนนี้ยังเร็วไป ไว้อีกสองปีข้างหน้า... พี่จะชวนมาฟีทเจอริ่งด้วย ห้ามปฏิเสธนะคะ”
“พี่ปริมทะลึ่ง!”
แมวใหญ่พูดชวนฟีทเจอริ่งจบก็ทำตาวับตาวาวเป็นประกายไหวไหว ยิ้มหวานกรุ้มกริ่มใส่อยู่ใกล้ ๆ ลูกแมวน้อยจึงทนไม่ได้ จัดการเอาอุ้งเท้าหน้าข้างขวายันแก้มซ้ายพี่แมวทะลึ่งให้เบือนหน้าไปทางอื่นและถอยไปไกล ๆ

อ๊ายยย... พี่แมวใหญ่อ่า...
พูดชวนล่วงหน้าเป็นปีเลยเหรอคะ ลูกแมวน้อยเขินนน~ >///////<

ลูกแมวน้อยจิบโกโก้ไปก็เขินไป กว่าแก้มจะหายแดง โกโก้ก็หายไปจากแก้วเกือบหมดแล้ว

หลังทานเครื่องดื่มร้อน ๆ เพิ่มพลังงานเติมความอบอุ่นยามเช้าเสร็จเรียบร้อย แมวใหญ่ก็จูงมือลูกแมวน้อยเดินลงจากบ้าน ปณิตาพาเด็กสาวเดินตัดสนามหญ้าเขียวชะอุ่มชุ่มชื้นเพราะอุ้มหยาดน้ำค้าง ตรงไปยังศาลาไม้รูปทรงหกเหลี่ยม ศาลานี้ตั้งอยู่ริมเนินทางด้านทิศตะวันออก เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับมานั่งพูดคุยโอภาปราศรัยกับคนข้างกาย พูดจาทักทายกับสายหมอก และดักรอส่งยิ้มเซย์ไฮให้ดวงอาทิตย์ที่เพิ่งเดินทางมาทำงาน ขณะนี้ศาลาชมตะวันมีผู้คนมานั่งจับจองพื้นที่อยู่ก่อนแล้วสามคน กับอีกหนึ่งตัว ปณิตาจึงส่งเสียงทัก
“อรุณสวัสดิ์ค่ะทุกคน”
หญิงสาวเห็นคุณปู่กับนมแจ่มหันมายิ้มให้ คุณพี่อรทัยก็เช่นกัน ส่วนเจ้าบิงโก มันลุกมาหา กระดิกหางต้อนรับ เจ้าหมาแสนรู้เดินนำเธอไปยังม้านั่งยาวบริเวณที่ยังว่างอยู่ ปณิตาแอบขำเมื่อเห็นว่าเจ้าสี่ขามีการหันกลับมามองเธอเป็นระยะ ๆ เพื่อดูว่าเดินตามหลังมันมารึเปล่าด้วย คิดแล้วแมวใหญ่ก็นึกสนุก อยากจะแกล้งหมา ทำเป็นเดินไปอีกทางให้หมานำทางเสียความตั้งใจ จากนั้นทุกคนก็ต้องหัวเราะขำเสียงดัง เพราะหมารับแขกรีบวิ่งกลับไปดักหน้า ยืนบังทางเอาไว้ มองสบตาเหมือนกับจะบอกว่าตรงนี้มีคนนั่งตั้งหลายคนแล้ว จะเดินมาทำไม ในที่สุดปณิตาก็ต้องยอมพาน้องน้อยเดินไปนั่งลงตรงที่ว่างที่หมาแนะนำ พอเธอนั่งลงปุ๊บ คุณปู่ก็หันมาเรียก
“ปริม”
“คะ?”
“ยิงฟันซิ”
“ให้ปริมยิงฟันทำไมล่ะ?” แมวใหญ่ทำหน้าฉงนสงสัย ถามไปอย่างนั้น แต่ก็ยอมแยกเขี้ยวให้ดู
“ปู่ว่ามีอะไรติดฟันปริมนะ...”
“จะมีอะไรติดได้ยังไง เช้านี้ปริมแปรงฟันแล้วนา... แถมกินแต่กาแฟ ยังไม่ได้เคี้ยวอะไรเลย...”
“มีสิ... ปู่เห็นว่ามีเศษหญ้าอ่อนติดฟันปริมน่ะ”
“คุณปู่!”
คนโดนแซวว่ากินหญ้าอ่อนร้องครางพลางทำหน้าแดง แต่ก็เขินได้ไม่นานหรอก คนที่เขินนานคือคนถูกเปรียบว่าเป็นต้นหญ้า ตอนนี้ยอดหญ้าอ่อนเปลี่ยนสีเป็นแดงเข้มไม่แพ้ลูกองุ่นแดงในไร่ คุณปู่นะคุณปู่ แซวทีเดียวเขินไปสองคนเลย ร้ายกาจมาก

พอเริ่มจะตั้งตัวตั้งหลักได้ ปณิตาก็หลุดจากวงโคจรความเขิน คิดหาทางพูดแก้ไขความเข้าใจ
“ปริมจะมีเศษหญ้าติดฟันได้ยังไงล่ะคะ ยังไม่ทันได้เคี้ยวหญ้าเลยปู่...”
พูดกับคนแซวเสร็จแล้ว ปณิตาก็หันไปพูดกับต้นหญ้าบ้าง
“ปริมกำลังรอให้ต้นหญ้าโต คอยดูแลใส่ใจ คอยรดน้ำพรวนดินให้อย่างดีเลยน้า... ใส่ปุ๋ยสูตร 16-16-16 ให้ด้วย... N P K ครบเลย ไนโตรเจนจะได้ช่วยให้ต้นหญ้าใบเขียวสังเคราะห์แสงเก่ง ฟอสฟอรัสช่วยบำรุงราก ทำให้โตเร็ว ลำต้นแข็งแรง ส่วนโพแทสเซี่ยม ถ้าจำไม่ผิด เขาว่าใส่ไปแล้วจะช่วยเพิ่มน้ำหนักและเพิ่มความหวานนน~”
คนปลูกหญ้าพูดจารไนยประโยชน์ของธาตุอาหารหลักสามชนิดได้อย่างถูกต้อง แถมยังมีการใส่ปุ๋ยโพแทสเซี่ยมเพิ่มความหวานให้ต้นหญ้าผ่านทางสายตาอีกต่างหาก คุณปู่จึงได้ประเด็นเอามาพูดแซวต่อ
“ใส่ปุ๋ยมากเกินไปแล้วมั้งปริม ต้นหญ้าสำลักปุ๋ยจนใบหงิก ต้นม้วน ยอดไหม้แล้ว”
ทุกคนในที่นั้นบ้างก็ยิ้มบ้างก็หัวเราะ ต้นหญ้าก็เลยยิ่งเกิดอาการสำลักปุ๋ย เขินหนักเข้าไปใหญ่ มือไม้ที่เปรียบเสมือนใบกุมกำประสานกันแน่นจนงอหงิก ร่างกายท่อนบนที่คุณปู่เปรียบเป็นต้นบิดไปมาซ้ายทีขวาที อายม้วนต้วน ส่วนยอดหรือใบหน้านั้นตอนนี้แดงแจ๋ร้อนผ่าว เกิดอาการยอดไหม้แล้วอย่างที่คุณปู่แซวไม่มีผิด ต้นหญ้าอ่อนก้มหน้าก้มตา อมยิ้มบิดไหล่ทำท่าขวยเขินกระมิดกระเมี้ยนอย่างน่าเอ็นดู พวกผู้ใหญ่ต่างก็พากันส่งเสียงขำ ต้นหญ้ากอน้อยที่โดนรุมแกล้งจึงทนไม่ไหว ถอนรากลุกขึ้น เปลี่ยนตำแหน่งที่นั่งจากข้างคนปลูกไปอิงแอบกอดซบกอหญ้าต้นแม่
.
.
ยามสายของวัน...
หลังทานอาหารเช้าเสร็จ คุณปู่เจ้าของไร่บอกว่าจะพาหลานและเด็กของหลานไปเที่ยวชมไร่องุ่น ปณิตาจึงหายตัวเข้าห้องไปเปลี่ยนชุด จากกางเกงขาสั้นและเสื้อยืด หญิงสาวเปลี่ยนมาใส่เสื้อกล้ามสีขาวทับด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาวลายสก็อตสีน้ำตาลอ่อน ท่อนล่างเป็นกางเกงยีนส์ยืดขาสามส่วน ตบท้ายด้วยการหยิบรองเท้าผ้าใบสีน้ำตาลเข้มจากชั้นวางรองเท้ามาสวม พอแปลงร่างเรียบร้อย ปณิตาก็พาเด็กน้อยและหมาใหญ่ลงไปยืนคอยคุณปู่บริเวณลานปูนหน้าบันได ไม่นานนักปู่นรินทร์ในชุดเสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีแดงกับกางเกงยีนส์ขากระบอกก็ค่อย ๆ เดินลงบันไดมาอย่างช้า ๆ หลานสาวเห็นคุณปู่แล้วร้องว้าว เท่ห์มากเลยปู่ ปณิตาทำท่าว่าจะวิ่งขึ้นไป กะจะช่วยประคองคุณปู่เดินลงบันได แต่ชายชรายกมือขวาขึ้นมาทำท่าห้าม บอกว่าไม่ต้อง จากนั้นหลานสาวกับว่าที่หลานสะใภ้ก็ต้องร้องว้าวกันอีกหน เพราะคุณปู่เดินนำหน้าไปยังโรงรถ ยกขานั่งคร่อมบนอานรถ ATV  สีดำสนิท หยิบแว่นตาดำที่เหน็บอยู่ตรงสาบเสื้อมาสวม
“โหย... เท่ห์ซะไม่มีล่ะ ปู่ใครก็ไม่รู้”
ปณิตาพูดเสียงกลั้วหัวเราะอวยญาติผู้ใหญ่แล้วยื่นหน้าไปฝากรอยจุ๊บตรงแก้มคุณปู่สุดเท่ห์หนึ่งที คุณปู่รอให้ผู้โดยสารสองคนกับอีกหนึ่งตัวขึ้นไปนั่งบนเทรลเลอร์กระบะบรรทุกของที่ต่อพ่วงท้ายอยู่กับรถ ATV พอหลานสาวชูมือขึ้นฟ้า ตะโกนเสียงใสว่าไปกันเลย คุณปู่ก็บิดคันเร่ง ขับพาผู้โดยสารวิ่งวนชมทิวทัศน์รอบไร่ นอกจากองุ่นแล้ว ที่ไร่นี้ยังมีต้นส้มและแก้วมังกรปลูกเรียงยาวเป็นระเบียบ เห็นเป็นแถวเป็นแนวยาวไกลสุดลูกหูลูกตา คุณปู่จอดรถให้สองสาวได้ลงไปสอยส้มเขียวหวานนอกฤดูที่ซุกหลบใต้ใบ หลงลอดสายตาลูกจ้างคนทำสวน แวะปลิดลูกแก้วมังกรสีชมพูอมแดงลูกโต ต่อด้วยการพาไปเก็บองุ่น ซึ่งคราวนี้ไม่ได้ทำแค่แวะ คุณปู่ดับเครื่องยนต์แล้วก้าวลงจากรถ ชี้มือไปยังแถวต้นองุ่น บอกกับหลาน ๆ ว่า
“ช่วยปู่เก็บองุ่นแถวนี้ให้หมด ถ้าเก็บไม่หมดปู่จะไม่ให้กินข้าวกลางวัน”
หลานสาวแท้ ๆ ทำหน้ายู่ ส่งเสียงโห่หู่ แต่ก็ยอมเดินไปยังองุ่นต้นแรกของแถว ปณิตาพับแขนยาวของเสื้อสีน้ำตาลอ่อนที่ตนสวมขึ้นมาสามทบ เตรียมตัวใช้แรงงาน
“ว่าแล้วว่าปู่ต้องมาไม้นี้... ถ้าเก็บไม่หมด เดี๋ยวปริมกินองุ่นแทนข้าวกลางวันก็ได้ เชอะ ๆ”
คุณปู่ได้ยินอย่างนั้นจึงคิดแผนเพื่อทำให้หลานสาวมีแรงทำงาน และไม่จิ๊กผลไม้กินระหว่างเก็บ
“เอาอย่างนี้... ปู่ให้ปริมกับอินแข่งกันเก็บองุ่นดีกว่า ให้เวลาตัดองุ่นถึงเที่ยงตรง ใครเก็บองุ่นได้มากกว่ามีสิทธิ์สั่งให้คนแพ้ทำอะไรก็ได้ อ่ะ... 
ปริมตัดองุ่นใส่ตะกร้าสีเขียวไป อินเก็บใส่ตะกร้าสีแดงนะ”
คุณปู่พูดเองเออเอง ไม่ฟังเสียงคนแข่งขันเลยว่าอยากจะแข่งรึเปล่า เด็กน้อยรับกรรไกรมาจากชายชรา ย่นคิ้วเข้าหากันและพูดเสียงอ่อย
“อินไม่เคยเก็บองุ่นนะคะ”
“ไม่ยากหรอก เดี๋ยวปู่สอนให้”
ชายชราเจ้าของไร่สอนวิธีดูพวงองุ่นที่สุกแก่ ตัดผลไม้พวงใหญ่ใส่ตะกร้าสีแดงให้เด็กน้อยสามสี่พวง ผู้เข้าแข่งขันอีกคนเห็นเข้าก็ส่งเสียงประท้วง
“ปู่ช่วยน้องอินตัดนี่ ขี้โกงอ่ะ”
“เห่ยยย... ต่อให้น้องบ้างสิ ถ้าอยากชนะก็อย่ามัวแต่โวยวายอยู่เลย รีบไปตัดองุ่นเข้าซิ”
“แล้วปู่ตัดสินผลแพ้ชนะยังไงคะ?”
“ชั่งน้ำหนักเอา”
“โอเค... ลุยล่ะน้า~ ปณิตาทีมตะกร้าเขียว สู้ตาย... ถ้าชนะจะสั่งให้น้องอินทำอะไรดีน้า~ ให้จุ๊บพี่ปริมสิบทีดีไหม คิคิ”
เด็กน้อยได้ยินดังนั้นก็กัดริมฝีปากล่าง “ถ้าอินชนะ อินจะสั่งกักบริเวณพี่ให้อยู่แต่ในห้องนอน”
“จะกักบริเวณพี่เหรอ? ไม่มีทาง...” แมวใหญ่พูดจบก็เร่งมือขยับกรรไกรตัดพวงองุ่นดังฉับ ฉับ
“จะให้อินจุ๊บพี่เหรอ ผู้ใหญ่ทะลึ่ง ชอบเอาเปรียบเด็ก... อินไม่ยอมแพ้หรอก จะจับพี่แมวใหญ่ใส่ห้องขังให้ดู” แมวน้อยพูดพลางวางองุ่นสองพวงลงในตะกร้าสีแดง
ชายชราอมยิ้ม “ปู่ช่วยหนูอินดีกว่า หมั่นไส้ผู้ใหญ่รังแกเด็ก”
ผู้เข้าแข่งขันอีกฝ่ายจึงชูกรรไกรร้องโวยวาย “อ่าว! ปู่อ่ะ อย่าไปช่วยน้องอินสิคะ กรรมการไม่เป็นกลางแบบนี้ใช้ไม่ได้”
“ก็ปริมเคยตัดองุ่นมาก่อน ชำนาญกว่าน้อง... อย่ามัวแต่พูด ปู่ตัดองุ่นไปได้หลายพวงละ โดนจับขังในห้องแน่ หึหึ”
“ชิ... ปู่เล่นตัดแต่พวงใหญ่ ๆ อ่ะ ปริมย้ายไปตัดแถวอื่นดีกว่า”
ปณิตาบ่นเสียงงุบงิบทำหน้าบุ๊ยบุ่ย ยกตะกร้าเขียวของตัวเองไปยังต้นองุ่นอีกแถวหนึ่งโดยมีเจ้าบิงโกเดินตามไป มันคงเห็นว่าทีมนู้นมีสองคน แต่ทีมนี้มีคนเดียว งั้นบิงโกขอตามไปช่วยพี่ปริมละกัน

เวลาผ่านไปสามชั่วโมง...
“เที่ยงแล้ว หมดเวลา ๆ”
คุณปู่กรรมการตะโกนเสียงดังเพื่อให้ผู้เข้าแข่งขันฝ่ายตะกร้าเขียวที่ตัดองุ่นอยู่แถวอื่นได้ยินด้วย กรรมการร้องบอกให้ผู้เข้าแข่งขันฝ่ายตะกร้าเขียวเดินมาส่งกรรไกรคืน จากนั้นปู่นรินทร์ก็เดินไปยังรถ ATV ที่จอดไว้ด้านนอก ขับมันเข้ามาในระหว่างแถวต้นองุ่นเพื่อบรรทุกตะกร้าใส่ผลไม้ของผู้แข่งขันทั้งสองฝ่าย พอกรรมการวัยชราเห็นตะกร้าสีเขียวซึ่งมีองุ่นพวงโตใส่อยู่จนเกือบล้นตั้งสี่ตะกร้า คุณปู่ก็ออกอาการอึ้ง ๆ นิดหน่อย ส่วนเด็กน้อยเองก็ทึ่ง เพราะปริมาณมันมากมายสูสีกับที่ตนกับปู่ช่วยกันเก็บเลยทีเดียว
“พี่ปริมเก็บได้เยอะขนาดนี้เชียว!”
“ก็พี่กลัวโดนกักบริเวณนี่คะ แล้วก็... อยากได้จูบจุ๊บจุ๊บจากเด็กน้อยด้วย แรงจูงใจมันสูง งานนี้พี่ชนะแน่ อิอิ”
“...(>_<“)...”
อรินทิพย์ออกอาการเหงื่อตก รู้สึกหวั่น ๆ อยู่ในใจ แต่คุณปู่เดินมาใกล้ วางมือลงบนไหล่เธอ บอกว่าไม่แน่หรอก ต้องเอากลับไปชั่งกิโลดูถึงจะรู้ผลแพ้ชนะ

ณ โรงเก็บองุ่น
คุณปู่ขับรถมาถึงปุ๊บก็จัดการวัดผล ให้คะแนนการแข่งขัน ปณิตากับอรินทิพย์กัดฟันยืนลุ้น ตาจ้องเป๋งไปที่หน้าปัดของตาชั่ง
องุ่นสามตะกร้าแรกของแต่ละฝ่ายถูกชั่งน้ำหนักไปแล้ว คุณปู่เหลือไว้ฝ่ายละหนึ่งตะกร้าไว้ชั่งทีหลังให้ตื่นเต้นกัน ตอนนี้ปณิตากลายเป็นฝ่ายต้องยกแขนเสื้อมาซับเหงื่อตรงขมับเพราะคะแนนตามอยู่หนึ่งกิโลกับอีกสามขีด
และแล้ว... ตะกร้าสุดท้ายก็ถูกยกขึ้นวางบนจานกิโล
คุณปู่แกล้งนั่งบังหน้าปัดตาชั่ง หญิงสาวจึงนั่งยอง ๆ และกอดเจ้าบิงโกจนแน่น ลุ้น ลุ้น ลุ้น ลุ้นระทึก ใจเต้นตึกตักจนเหงื่อตก เจ้าสี่ขาสังกัดทีมพี่ปริมก้มหน้าลงนิดหน่อยและกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก ความรู้สึกตื่นเต้นของคนคงถูกส่งไปยังหมาด้วย คุณปู่เห็นหลานกับหมาช่วยกันทำท่าลุ้นซะขนาดนั้นก็หัวเราะขำก่อนจะหันกลับไปทำปากขมุบขมิบ บวกน้ำหนักคิดคะแนน จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับประกาศผล

“ปริมชนะไปสองขีด”
“เย้~ ยะฮู้ ฮะฮิ้ว...” \(*ω*)/
ผู้ชนะดีดตัวลุกขึ้นยืนพร้อมกับชูสองมือขึ้นฟ้า จากนั้นก็หันไปรับตัวลูกทีมขนสีทองที่ยืนสองขา โถมตัวมากอดเอวเจ้านายสาว เอียงหน้ายาว ๆ ซบแถวใกล้ ๆ อกแล้วหลับตาพริ้ม แน่นอนว่าหมาใหญ่ต้องโดนลูกแมวน้อยมองเขม่นเอา อรินทิพย์ห่อปากจนย่น หรี่ลดเปลือกตาลงครึ่งหนึ่งด้วยความไม่พอใจ

หนอยแน่ะ เจ้าหมาตัวใหญ่...
ฉวยโอกาสนะ ฉวยโอกาส... แมวน้อยหมั่นไส้ แมวน้อยหมั่นไส้

คนแพ้มัวแต่ยืนส่งสายตาดุดุไปให้เจ้าสี่ขา ลืมอะไรไปรึเปล่าจ๊ะหนู

อรินทิพย์เห็นคนชนะปล่อยหมาให้กลับไปยืนสี่ขาเหมือนเดิม พี่สาวคนสวยหันมาส่งยิ้มทำตาวิบวับให้
“มามะ... คนแพ้มานี่เลย มาจุ๊บพี่ปริมเลย”
“...>/////<...”
“จุ๊บแค่ที่แก้มก็ได้”
“หึ ไม่เอา ไม่จุ๊บ... คนตั้งเยอะแยะ อายเค้า”

อ่ะ... โอเค แถวนี้คนงานคนสวนเดินกันขวักไขว่ น้องแมวน้อยก็เลยอายไม่กล้าจูบ พี่แมวใหญ่เข้าใจ รอให้กลับไปถึงบ้านก่อนก็ได้

พอคุณปู่ขับรถ ATV พามาส่งถึงบ้านปุ๊บ ปณิตาก็รีบกระโดดลงจากกระบะพ่วงท้าย ยังไม่ทันยืนตัวตรงเท้าแตะพื้นดีเลย แมวใหญ่ใจร้อนก็ยิ้มกริ่มส่งเสียงหง่าว ๆ ทำท่าเอียงแก้มพร้อมกับเอานิ้วจิ้ม ๆ พูดทวงรางวัล
“ไม่มีใครแล้ว มาจุ๊บแก้มพี่เร้ว”
“หึ... ไม่จุ๊บ”
“ทำไมล่า?”
“แก้มพี่ปริมเลอะเหงื่อ”
ลูกแมวน้อยหาข้ออ้างมาบ่ายเบี่ยง อมยิ้มเอียงอายแก้มเป็นสีแดง ปณิตาจึงยิ้มขำอาการขวยเขินของเด็กสาว จากนั้นแมวใหญ่ก็ยิ้มร่า เป็นฝ่ายเดินดุ่ม ๆ ย่างสามขุมไปหาแมวเด็กเสียเอง คิดว่าเดี๋ยวพี่จะคว้าตัวมากอดแล้วจุ๊บแก้มโชว์คุณปู่ซะเลยนิ่ แต่แมวเด็กก็รู้ทันความคิด วิ่งหนีถอยห่างไปเสียไกล แมวใหญ่เห็นลูกแมวหลบไปยืนหลังเสาบ้านแต่โผล่หน้า
แดง ๆ ออกมานิดหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะคิกคัก
“ให้พี่ไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาก่อนก็ได้ คราวนี้จะมาอ้างว่าพี่หน้ามอมตัวเหม็นไม่ได้แล้วนะ”
แมวใหญ่พูดยิ้ม ๆ ก่อนจะวิ่งขึ้นไปบนบ้าน

เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมง...
แมวใหญ่ที่เพิ่งทานอาหารกลางวันอิ่มรวบช้อนส้อมเข้าด้วยกันตรงกลางจาน ปณิตานั่งยิ้มเล็กยิ้มน้อย มองจ้องลูกแมวน้อยด้วยสายตาวับวาวเป็นประกาย แมวเด็กกลอกตาไปมา ค่อย ๆ ละเลียดเล็มข้าวอย่างเชื่องช้า พยายามซื้อเวลายื้อนาทีให้ยืดออก แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้น...

“น้องอินจ๋า~”
“... >_<...”

พี่ปริมอ่า... จะไม่รอให้อินวางแก้วน้ำก่อนเลยเหรอ >/////<

เด็กน้อยคิดในใจและรีบเสตามองไปทางอื่น อรินทิพย์เกือบจะสำลักน้ำอึกสุดท้ายเพราะเสียงเรียกหวานหูกับนัยน์ตาวิบไหวของพี่แมวใหญ่ พอเธอวางแก้วลงบนจานรองดังแกร็ก พี่ปริมก็ลุกขึ้นยืน เดินอ้อมโต๊ะมาหาเธอ
“ไปเดินเล่นกัน”
“เดินเล่นตอนบ่ายโมงกว่า ๆ เนี่ยนะคะ เดี๋ยวก็โดนแดดเผาตัวไหม้กันพอดี”
พี่ปริมอมยิ้ม โน้มตัวลงมา เอามือป้องปากพูดกระซิบกรอกหู
“ชวนไปเดินเล่นแล้วไม่ไป เดี๋ยวชวนเข้าห้องซะเลยนี่”
“ไม่ไป... ไม่เข้า ๆ อุ๊บ! อื้อ!>//////<”
เพราะเธอเผลอพูดโวยวายเสียงดังและส่ายหน้าไปมา พี่ปริมจึงส่งมือมาปิดปาก บรรดาผู้ใหญ่ร่วมโต๊ะพากันหันมามองเป็นตาเดียว พี่สาวคนสวยจึงรีบปล่อยมือออกและบอกว่า
“พี่แค่แกล้งพูดไปอย่างนั้นเอง ลงไปนั่งรับลมที่ศาลาหกเหลี่ยมกันดีกว่าค่ะ ไปเร้ว...”
อรินทิพย์ยอมลุกจากเก้าอี้ เดินตามแรงจับจูงของผู้ใหญ่ไป แต่ก็พยายามขืนตัวเองเอาไว้นิดหนึ่ง พอลงมายืนตรงเชิงบันได เธอเขย่าแขนพี่ปริมพลางส่งเสียงออดอ่อยอ้อนวอนขอร้อง
“พี่ปริมขา... อย่าสั่งให้อินทำอะไรแบบนั้นเลยน้า... เค้าเขินอ่ะ...”

ลูกแมวน้อยหรี่ลดเสียงให้เบาลงเรื่อย ๆ เพราะอาการเค้าเขินอ่ะกำเริบหนัก ส่งผลให้เสียงหดหาย อันที่จริงอยากจะพูดให้ยาวกว่านี้ เด็กน้อยยังมีคำพูดหลงเหลืออยู่ในใจ...
 
เค้าเขินอ่ะ... เขินจริง ๆ นะนี่ พี่เห็นไหม? >///////<
แค่พูดถึงเรื่องจะให้ “ทำอะไรแบบนั้น” ยังเขินจนหน้าร้อนหน้าแดงไปหมดแล้ว พี่ยังจะมาบังคับให้เค้าทำแบบนั้นอีกเหรอ เดี๋ยวเค้าก็เขินตายกันพอดี...
อรินทิพย์ก้มหน้าพูดอุบอิบในใจต่อไปเสียยืดยาว เด็กน้อยเหลือบตาขึ้นมานิดหนึ่งเมื่อรับรู้ได้ว่ามีอะไรมาวางแปะบนศีรษะ พี่ปริมหัวเราะเบา ๆ และส่งมือมาโยกหัวเธอเล่น พี่สาวคนสวยบอกว่ารออยู่ตรงนี้นะ จากนั้นก็หายตัวขึ้นไปบนบ้านอีกครั้ง พอกลับลงมาอีกที ในมือของพี่ปริมก็มีองุ่นแดงไร้เมล็ดพวงโตเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง พี่แมวใหญ่ยิ้มกริ่ม ยื่นพวงผลไม้มาตรงหน้าเธอและพูดประกาศ...
“คำสั่งของผู้ชนะเกมแข่งขันเก็บองุ่นก็คือ... ให้คนแพ้ป้อนองุ่นให้คนชนะกินจนกว่าจะอิ่ม โอเคไหม?”
“โอเคค่ะ”
ลูกแมวน้อยยิ้มหวาน ยื่นขาหน้าไปรับพวงองุ่นมาถือ การป้อนผลไม้ให้พี่แมวใหญ่กิน ถึงจะทำให้รู้สึกเขินอยู่บ้างก็เถอะ หนูพอจะทำได้ ^_^
แต่แล้วอรินทิพย์ก็เกือบจะปล่อยองุ่นให้หลุดจากมือ เพราะพี่ปริมผุดยิ้มตรงมุมปาก พาดวงตาเจ้าเล่ห์เป็นประกายแพรวพราวเข้ามาใกล้ กระซิบเสียงแผ่วแทบจะมีแต่ลม บอกกับเธอว่า...
“ใช้ปากป้อนนะคะ”
“พี่ปริมอ่า... >///////<”
“คิคิ... พี่ล้อเล่นนน~”
พอได้ยินว่าเป็นแค่คำพูดล้อเล่น ไม่ได้ให้ทำอย่างนั้นจริงจัง อรินทิพย์ก็ผ่อนลมหายใจออกดังเฮ้ออย่างโล่งอก แต่ใบหน้ายังไม่เปลี่ยนสีกลับมาเป็นอย่างเดิม ผู้ใหญ่ขี้แกล้งจึงส่งมือมาหยิกหยอกเขี่ยแก้มเธอเล่นและส่งเสียงหัวเราะชอบใจ
“แค่พี่พูดแหย่แค่นี้ก็หน้าแดงหูแดงไปหมดละ อิอิ... ลูกแมวน้อยขี้เขินของพี่ น่ารักจริงจริ๊งงง~ ฮ่า ๆ ๆ ๆ อุ๊บ!”

แมวใหญ่ต้องหยุดหัวเราะอย่างกะทันหัน เพราะแมวเด็กเด็ดองุ่นลูกใหญ่ยัดใส่ปากที่กำลังอ้ากว้างหัวเราะร่า ปณิตาขยับกรามเคี้ยวองุ่นลูกโตหงุบหงับ พอปากว่างก็ตั้งท่าอ้าปากเป็นวงกลม ว่าจะส่งเสียงโวยเสียหน่อย แต่ก็โดนลูกแมวน้อยเอาองุ่นอีกลูกมาอุดปาก แมวเด็กพอแกล้งแมวโตเต็มวัยได้สำเร็จก็ใช้หลังอุ้งเท้าเล็ก ๆ ปิดปากหัวเราะกิ๊กคิกคักจนตาโค้ง จากนั้นก็กลับหลังหัน ตั้งท่าว่าจะวิ่งหนีไป แมวใหญ่จึงส่งเสียงอื้ออื้อเพราะปากไม่ว่างและรีบส่งมือไปตะปบเสื้อยืดเอาไว้ได้ทันก่อนที่ลูกแมวจะหนี แมวใหญ่ขังลูกแมวน้อยที่ยังหัวเราะขำไม่เลิกเอาไว้ในอ้อมแขน กอดลูกแมวจากทางด้านหลัง แมวโตเต็มวัยยื่นหน้าไปหอมแก้มจุ๊บแก้มเนียนใสของแมวเด็ก ทำให้แมวเล็กขี้แกล้งห่อไหล่หดคอ แปลงร่างกลับมาเป็นลูกแมวน้อยขี้เขินของพี่เหมือนเดิม

เจ้าบิงโกนั่งมองแมวใหญ่แมวน้อยกอดจูบหยอกกันอยู่ตรงใต้ถุนบ้านอยู่นาน ในที่สุดมันก็ทนไม่ได้ หมาใหญ่อิจฉา หมาใหญ่อิจฉา
พี่ปริมของผมกอดคนอื่นด้วยอ่า บิงโกไม่ย้อม~

“อ๊าย! อะไรกันล่ะเนี่ย?”

ปณิตาร้องอุทานและถามด้วยความตกใจ เพราะอยู่ดี ๆ ก็มีอะไรมาเกาะเอวจากทางด้านหลัง เธอจึงปล่อยเด็กน้อยออกจากอ้อมกอด พอเห็นว่าบริเวณเอวของเธอโดนขามีขนสีทองโอบกอดเกาะอยู่ ปณิตาก็หัวเราะขำ หญิงสาวจับขาหน้าของมันเอาไว้แล้วหมุนตัว หันไปเผชิญหน้ากับมัน เธอพูดด้วยน้ำเสียงเจือขบขันถามเจ้าสี่ขา
“บิงโก... หึงพี่ปริมเหรอ?”
“งี้ด~”
“โอ๋ ๆ... พี่ปริมก็รักบิงโกน้า~”
“หงิง~ งี้ด~”
เจ้าหมาขี้อ้อนขี้หวงส่งเสียงงื้ดงี้ดแล้วเอียงหน้าซบเธอ ปณิตาจึงหัวเราะขำได้อีกรอบ แล้วเธอก็ต้องเร่งเสียงหัวเราะให้ดังกว่าเดิม
“ถ้ารักกันนักก็ไปให้บิงโกป้อนองุ่นให้เลย”
เพราะได้ยินเสียงลูกแมวน้อยพูดงึมงำอย่างงอน ๆ ปณิตาจึงลูบหัวสุนัขไปมาสามสี่ทีแล้วปลดอุ้งเท้าที่มีเล็บงาม ๆ ของมันออกจากบั้นเอวอย่างรวดเร็ว แมวใหญ่โบกมือลาหมาตัวโต รีบวิ่งตามแมวน้อยที่เดินหนี ทำแก้มพองงอนตุ๊บป่องไปยังศาลาหกเหลี่ยม ปณิตาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ เด็กน้อย ดึงร่างบางของคนถือพวงองุ่นเข้ามากอด แมวตัวโตหอมหัวแมวตัวเล็กพลางหัวเราะขำอยู่ในใจ

ลูกแมวน้อยขี้หึงสุด ๆ เลยแฮะ หึงแม้แต่กับเจ้าบิงโกรึเนี่ย

พี่แมวใหญ่คิดไปก็ยิ้มไป ลูกแมวน้อยหวงเรามากแบบนี้ก็แสดงว่ารักเรามากเลยสิน้า~ พี่แมวใหญ่ดีใจ๊ ดีใจ...

“พี่ปริมรักน้องอินมากกว่ารักบิงโกร้อยเท่าเลยน้า~”

พูดจบแล้วแมวตัวโตก็ต้องแสดงออกให้แมวตัวเล็กรู้เสียหน่อยว่ารักจริง ๆ  โดยการ...
จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ (ɔˆ ³(>/////<)
ที่แก้ม... แบบเบา ๆ แต่ต่อเนื่อง
พอหมดจูบชุดที่หนึ่ง ปณิตาก็พูดบอกเด็กน้อย
“ไม่กงไม่กินมันละ องุ่นแดงไร้เมล็ดน่ะ พี่ขอกินแก้มเด็กแดง ๆ ปลอดสารพิษดีกว่าค่ะ... หอมหวานอร่อยนุ่มนิ่ม... ถึงจะกินแล้วไม่อิ่มท้อง แต่พี่
ปริมกินแล้วอิ่มใจนะจ๊ะ... พี่ขอเปลี่ยนคำสั่งจากป้อนองุ่นเป็นป้อนแก้มให้พี่กินแทนจนกว่าจะอิ่มละกัน”
จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ (ɔˆ ³(>/////<)
...............




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.