web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 62
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 137
Total: 137

ผู้เขียน หัวข้อ: อยากให้รู้ว่ารัก : ตอนที่ 6  (อ่าน 1390 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Admin

  • แอดมิน
  • เริ่มติด
  • *****
  • กระทู้: 251
  • I'm sociopath. I don't have feelings.
อยากให้รู้ว่ารัก : ตอนที่ 6
« เมื่อ: 27 ธันวาคม 2013 เวลา 15:05:17 »
ตอนที่ 6

ชั่วโมงพละคาบบ่าย

ตุ๊บๆๆ!! สวบ!!  เฮ! แปะๆๆ

เสียงเฮดังลั่นผสมกับเสียงตบมือ เมื่อเจ้าลูกกลมๆ สีส้มรอดห่วงเหล็กเสียงดังสวบลงมากระทบกับพื้นคอนกรีต หลังจากที่บุกเข้าไปชู๊ตลูกใต้แป้นเก็บเกี่ยวสองคะแนนมาเป็นของทีมตนได้สำเร็จ ชลธิดาและมิ่งขวัญก็วิ่งกลับมาตั้งรับที่โซนของตนเอง จริงๆ แล้วในชั่วโมงนี้ห้องของเธอต้องเรียนตะกร้อ แต่เนื่องจากอาจารย์ผู้สอนติดธุระทำให้คาบนี้กลายเป็นชั่วโมงอิสระไป พวกของชลธิดาและณัฐกานต์จึงตกลงกันว่าจะมาเล่นบาสที่สนามแก้เซ็งกัน และเมื่อมีการแข่งขันการพนันเล็กๆ จึงเกิดขึ้น

“ใครแพ้เลี้ยงเหล้าเย็นนี้ ตกลงป่ะ”  ณัฐกานต์เอ่ยอย่างท้าทาย

“โอเค ตามนั้น”  ชลธิดาตอบ

การแข่งครั้งนี้แบ่งเป็นทีมล่ะสองคน โดยทีมของชลธิดามีมิ่งขวัญเป็นลูกทีม ส่วนของณัฐกานต์มีเพื่อนสาวอีกคนเป็นลูกทีม การแข่งขันเป็นไปอย่างดุเดือดโดยเฉพาะกับคู่ของชลธิดาและณัฐกานต์ ซึ่งทั้งคู่เป็นคู่แข่งทางกีฬากันมาโดยตลอด ต่างก็ไม่มีใครยอมใครณัฐกานต์แม้จะมีรูปร่างที่เตี้ยกว่าแต่ความว่องไวก็มีมากกว่าเช่นกัน ส่วนชลธิดาที่ได้เปรียบด้านความสูงแม้ความว่องไวจะไม่เทียบเท่าอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเท่าใดนัก โดยเฉพาะความคล่องตัวอีกทั้งลูกล่อลูกชนและไวพริบ แล้วยังอ่านทางคู่ต่อสู้เก่ง จึงทำให้เกมนี้น่าจะจบลงด้วยคะแนนที่ทิ้งห่างกันพอดู

ดรุณีหยุดดูกลุ่มรุ่นน้องที่เล่นบาสกันอยู่ที่สนาม จริงๆ แล้วเวลานี้เธอต้องอยู่ที่ห้องเรียนแต่ตอนนี้เธอลงมาทำธุระให้กับอาจารย์ จึงได้มีโอกาสเห็นเจ้าเด็กแสบของเธอในอีกมุมหนึ่ง ความร่าเริงสดใสยามที่ทำคะแนนได้ และใบหน้าที่เอาจริงเอาจังเวลายื้อแย่งลูกบาสกัน ลีลาท่าทางการหลบหลีกและเลี้ยงลูกจนกระทั้งกระโดดชู๊ตทำคะแนน ดูแล้วพลิ้วไหวลงตัวไปซะหมด ไหนจะเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นเกาะพราวอยู่ตามใบหน้าเนียนใส เสื้อพละที่เปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ ทุกสิ่งทุกอย่างมันช่างดึงดูดสายตาเธอยิ่งนัก

ดรุณีเผลอยิ้มให้กับภาพที่เห็น ทำไมหนอนับวันเด็กคนนี้ก็ยิ่งดูน่าสนใจสำหรับเธอนัก ทุกครั้งที่ได้เจอ เธอมักจะพบว่าตัวเองมีความสุขได้อย่างไม่ต้องมีเหตุผล

สิ้นเสียงสัญญาณหมดเวลาการแข่งขัน กลุ่มเพื่อนๆ ของชลธิดาต่างวิ่งปรี่เข้ามาร่วมแสดงความยินดี

“เย้ๆ มื้อนี้ได้กินฟรีอีกแล้วพวกเรา”  ทัศนีย์ร้องอย่างดีใจ แต่จริงๆ แล้วไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ พวกนี้ก็ได้กินฟรีกันอยู่ดีนั่นแหละ

ทุกคนที่มายินดีต่างยกมือทั้งสองข้างขึ้นแล้วตีมือกันกับผู้ชนะ จะยกเว้นก็เพียงแต่สาวตัวเล็กที่สุดในกลุ่มที่วิ่งเข้ามาสวมกอดร่างสูงแทน

ภาพร่างสูงกอดคอกับสาวตัวเล็กเดินไปนั่งพักที่ขอบสนาม ท่าทางที่ดูสนิทสนมกันดีนั้น เห็นแล้วก็รู้สึกขัดหูขัดตาขึ้นมาเสียเฉยๆ จนต้องเบือนหน้าหนี ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกอะไรแบบนี้ ไม่ชอบใจงั้นเหรอ ม่ายยยๆ เด็กคนนั้นก็แค่รุ่นน้องคนหนึ่ง ถึงจะมีท่าทีว่าชอบพอเธอก็เถอะ แต่ก็ไม่ใช่แฟนเธอสักหน่อย  ดรุณีไล่ความรู้สึกแปลกๆ ออกไป แล้วรีบไปทำธุระให้อาจารย์ต่อ

ระหว่างทางขากลับ ดรุณียังคงแอบชำเลืองไปที่สนามบาสอีกครั้ง มองหาอยู่ตั้งนานก็ไม่เห็นเจ้าเด็กแสบอยู่ตรงนั้นเลย ที่เห็นก็มีแค่เพียงกลุ่มเพื่อนที่ยังนั่งคุยกันอยู่ อดคิดไม่ได้ว่าหายไปไหนกันนะ

“อุ๊ย!!”ดรุณีอุทานด้วยความตกใจ เมื่อรู้สึกว่าตัวเองเดินชนกับอะไรสักอย่างจนเซไปด้านหลัง

“เดินไม่มองทางระวังระยองนะคะคนสวย”  เรียวแขนยาวรีบรวบร่างของรุ่นพี่สาวไม่ให้ล้มลง  ก่อนจะเอ่ยแซวอาการเหม่อลอยเดินไม่ดูทางของสาวเจ้า

“น้องเดียร์!” ดรุณีเรียกชื่อบุคคลที่ช่วยพยุงร่างเธอไว้ไม่ให้ล้ม ครั้งที่สองแล้วสินะที่เธอตกอยู่ในอ้อมแขนนี้

“ละ แล้วทำไมต้องระยองด้วยล่ะคะ” ดรุณีถาม พลางเบี่ยงหน้าหลบสายตาที่พราวระยับคู่นั้น

“ก็เดินไม่มองทางระวังชนไงค่ะ แต่เค้าเปลี่ยนจากชลมาเป็นระยองแทนไง อิอิ ขำป่ะๆ”  ชลธิดาว่าหน้าระรื่น แต่...

“ไม่ขำค่ะ”  ดรุณีแกล้งตอบเสียงห้วน ก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวออกจากวงแขนอีกคน

“อ้าว...แล้วกัน เสียชื่อเดียร์เชิญเยิ้มหมดเลย”  ชลธิดาทำหน้าละห้อย แอบเสียดายร่างอุ่นๆ ของรุ่นพี่สาว

“แล้วนี่ไปทำอะไรมา ทำไมปล่อยให้หน้าเปียกอย่างนี้ล่ะค่ะ ดูสิน้ำหยดใส่เสื้อหมดแล้ว”

“เค้าไปล้างหน้ามาน่ะ แต่ไม่มีผ้าเช็ดหน้าก็เลยเปียกอย่างที่พี่เห็นนี่แหละ ว่าจะไปขอกระดาษทิชชูที่เอมอยู่พอดี”  ชลธิดาบอก พลางลูบหน้าลูบตาเช็ดหยดน้ำที่เกาะพราวบนใบหน้า

“กระดาษทิชชูเช็ดแล้วมันลุ่ยติดหน้าติดตา ใช้ผ้าเช็ดหน้าดีกว่าค่ะ” ดรุณีบอกพลางจับมือคนตัวสูงที่กำลังลูบหน้าตัวเองไว้ แล้วล้วงผ้าเช็ดหน้าสีหวานออกมาจากกระโปรงใส่มือให้แทน

“ขอบคุณค่ะ” ชลธิดามองผ้าเช็ดหน้าสีหวานในมือด้วยรอยยิ้ม แต่ก็ไม่ยอมใช้มันเสียที

“พี่ยังไม่ได้ใช้หรอกน่า รับประกันความสะอาดหรือว่ารังเกียจกัน”

“เปล่านะคะ ไม่ได้รังเกียจซะหน่อย”  ชลธิดารีบปฏิเสธ ก่อนที่คนตรงหน้าจะเข้าใจผิด

“ต่อให้พี่ใช้แล้วก็เถอะ เดียร์ก็ไม่เคยคิดรังเกียจพี่เลยนะคะ เพียงแต่ว่า....แค่อยากให้เจ้าของช่วยเช็ดหน้าให้หน่อยเท่านั้นเอง ได้ไหมคะ~”  ชลธิดาทอดเสียงอ่อน มองสบนัยน์ตาสีกาแฟอย่างเว้าวอน

“มือตัวเองก็มี เช็ดเองสิคะ”  ดรุณีเอียงหน้าหลบ รู้สึกแปลกๆ จนไม่กล้าสบตา

“แต่เค้าอยากให้พี่เช็ดให้นี่นา~ นะๆ เช็ดหน้าให้เดียร์หน่อยนะคะ~~” ชลธิดาร้องขอเสียงหวาน พร้อมกับถือวิสาสะรวบมือนุ่มทั้งสองข้างของอีกฝ่ายมาเกาะกุมไว้

“ไหนบอกว่าโตแล้วไงคะ แล้วนี่อะไรอ้อนเป็นเด็กน้อยเลยน้า”  ดรุณีอมยิ้มกับท่าทางขี้อ้อนของรุ่นน้อง

“แล้วพี่สาวคนสวยพอจะใจดี เช็ดหน้าให้เด็กน้อยคนนี้ได้ไหมล่ะคะ” ชลธิดายิ้มหวาน ส่งผ้าเช็ดผ้าในมือคืนให้เจ้าของ

“คงต้องได้ล่ะคะ ก็โดนเด็กโข่งอ้อนซะขนาดนี้” ดรุณียิ้มสวย รับผ้าเช็ดหน้าในมือรุ่นน้องไปแต่โดยดี ทำเอาเด็กแต่ตัวไม่น้อยยิ้มร่าด้วยความดีใจ

ชลธิดาย่อตัวลงมาเล็กน้อย เพื่อให้ใบหน้าของเธอเสมอกับรุ่นพี่สาวจะได้เช็ดหน้ากันได้สะดวกๆ ดรุณีใช้ผ้าเช็ดหน้าสีหวานของตนบรรจงซับหยดน้ำใสที่เกาะพราวอยู่ตามใบหน้าขาวนวลกลมมนนั้น เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นใบหน้าของรุ่นน้องคนนี้ชัดๆ ในระยะใกล้ ดวงหน้าขาวใสนวลละเอียด เรียวคิ้วเข้มโค้งรับพอดีกับดวงตารีเรียวที่กำลังพริ้มหลับ ขนตาแพรบางยาวงอนสวยเป็นธรรมชาติจนน่าอิจฉา จมูกโด่งเป็นสันพอเหมาะไร้ซึ่งสิวเสี้ยน ริมฝีปากบางสีแดงระเรื่อเผยอเล็กน้อยชวนน่าสัมผัส....

ชลธิดาเปิดเปลือกตาขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อรู้สึกว่าผ้าเช็ดหน้าหยุดการเคลื่อนไหวไปแล้ว ภาพที่เห็นคือสายตาหวานของสาวรุ่นพี่ที่กำลังจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากตน ร่างสูงจึงขยับกายเข้าไปชิดอีกนิด และเลื่อนใบหน้างามเข้าไปหาอย่างจงใจ แล้วประกบจูบเข้ากับเรียวปากอิ่มสีชมพูนั้นทันที ไม่มีการรุกล้ำ เพียงแค่เบาๆ แต่ก็สัมผัสได้ถึงความนุ่มบนเรียวปาก หลังจากสัมผัสปากนุ่มได้ไม่นานชลธิดาก็ผละออก

“ขอบคุณนะคะ” ปากที่ยกยิ้มขึ้นน้อยๆ กล่าวคำขอบคุณแล้วเดินจากไป ทิ้งอีกคนให้ยืนอึ้งตะลึงงันกับสิ่งที่เกิดขึ้นไว้เพียงลำพัง

ดรุณียกปลายนิ้วขึ้นไล้สัมผัสที่ริมฝีปากอิ่มของตัวเองเบาๆ ความเย็นชื้นจากปากอีกคนแต่กลับให้ความรู้สึกอุ่นวาบยังคงแผ่ซ่านไปทั่วทั้งเรียวปาก แล้วรอยยิ้มสวยๆ อวดลักยิ้มบุ๋มที่สองแก้มก็ฉายชัดขึ้นบนใบหน้าเนียนที่เริ่มขึ้นสี บ้าจริง! นี่เธอ เสียจูบแรกให้กับเจ้าตัวแสบไปซะแล้วเหรอเนี่ย

อีกด้านหนึ่งของมุมตึก

ก้อนเนื้อข้างซ้ายถูกบีบรัดจนแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อเห็นบุคคลอันเป็นที่รักยืนจูบกับคนอื่น แม้จะไม่ใช่ต่อหน้าแต่เธอก็เห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน นุชนารถตั้งใจจะนำกระดาษทิชชูมาให้กับชลธิดา เพราะเธอรู้ดีว่าเพื่อนสาวไม่ได้พกผ้าเช็ดหน้ามาในวันนี้ มือเล็กกำห่อกระดาษทิชชูของตนเอาไว้เสียแน่น จนสภาพของมันเปลี่ยนเป็นยับยู่ยี่ นึกโกรธตัวเองที่มาช้าเกินไป หากมาเร็วกว่านี้อีกสักนิดคน ที่ยืนเช็ดหน้าให้ร่างสูงนั้นจะต้องเป็นเธอ ถึงแม้จะไม่ได้รับจูบเป็นค่าตอบแทนเหมือนกับใครบางคน แต่อย่างน้อยคนที่เธอรักก็ไม่ต้องไปจูบปากกับใคร

สาวหมวยขยับเท้าถอยห่างออกมา เพราะรู้สึกถึงม่านในตากำลังจะทำให้เธอมองอะไรไม่เห็น และเพียงแค่ปิดเปลือกตาลง ก็รู้สึกได้ถึงน้ำอุ่นๆ ที่ไหลออกมาจากขอบตาทั้งสองดวง ขออยู่คนเดียวสักพักแล้วทุกอย่างจะเป็นเหมือนเดิม....

เย็นวันเดียวกัน

“เอ๊าหมดแก้ว!” เสียงแก้วกระทบกันทันทีเมื่อสิ้นเสียงบอกของเจ้าภาพ ทุกคนต่างยกแก้วขึ้นกระดกอึกๆ ราวกับของเหลวที่อยู่ในนั้นคือน้ำเปล่าแสนบริสุทธิ์

“เฮ้ย! ไอ้หนึ่ง กูมึงถามจริงๆ เถอะ ว่าบ้านมึงมีแผ่นซีดีอยู่แค่แผ่นเดียวหรือไงว่ะ แมร่งมาที่ไรเปิดแต่อิแผ่นเนี๊ย” มิ่งขวัญถามสิ่งที่ข้องใจมานาน

“มีหลายแผ่น แต่ฉันจะฟังแผ่นนี้มีอะไรไหม” หนึ่งฤทัยปรายตาตอบ สีหน้าเอาเรื่องนิดๆ ก็เริ่มมึนๆ แล้วนี่

“ไม่มีอะไรหรอก แต่กูเบื่ออออออออ  เปิดจนกูร้องได้ทุกเพลงแล้ว เพลงต่อไปชื่อเพลงอะไรกูยังรู้เลย” มิ่งขวัญตอบเซ็งๆ อย่าว่าแต่เพลงต่อไปเลย ให้บอกต่อจนกระทั้งจบแผ่น เธอยังบอกได้เลยว่ามีเพลงอะไรบ้าง

“เออ  น่านดิ แต่ฉันว่าจะให้ดีแกปิดไปเลยดีกว่า แล้วไปยืมกีตาร์พี่เอกมาให้ไอ้เดียร์มันร้องแทนเหอะ” ชโลธรบอก เพราะเธอเองก็เบื่อเพลงแผ่นนี้เต็มทนแล้วเหมือนกัน คิดหมายในใจว่ามันเผลอเมื่อไร แม่จะจับหักทิ้งแล้วโยนใส่ถังขยะซะเลย

“งั้นรอแป๊ป” หนึ่งฤทัยตอบก่อนจะย้ายร่างบางหายลับไป

ใช้เวลาไม่นานหนึ่งฤทัยก็กลับมาพร้อมกับกีตาร์สองคนและผู้ชายหนึ่งตัว เย๊ย! กีตาร์สองตัวและผู้ชายหนึ่งคน

“ได้ข่าวว่าวันนี้มีเจ้ามือ ขอพี่แจมด้วยคนได้ไหมจ๊ะสาวๆ” เอกหนุ่มม.ปลายข้างบ้านส่งยิ้มหวานมาแต่ไกล เอกเป็นทั้งเพื่อนบ้านและรุ่นพี่ที่อยู่โรงเรียนเดียวกัน ทำให้เขาสนิทสนมกับเด็กสาวกลุ่มนี้เป็นพิเศษ แต่ในปีหน้าเอกก็จะเป็นเด็กมหาลัยแล้วโอกาสที่จะได้เจอกันบ่อยๆ คงจะลดน้อยลงไป

“โหยยยยย กะจะมาล้มทับน้องอีกคนรึไงพี่เอก ไม่ต้องเลยงานนี้แจมได้แต่ต้องช่วยน้องออกด้วยนะ” ณัฐกานต์รีบออกตัวเพราะเธอเสียเงินไปหลายร้อยแล้ววันนี้

“อ้าว~~~นึกว่าจะได้กินฟรีซะอีก กลับเสียตังค์อีกต่างหาก”

เสียงโอดครวญของเอกเรียกเสียงหัวเราะจากเหล่าบรรดาเมรีขี้เมาได้ทั้งวง แล้วบรรยากาศการดื่มกินก็เป็นที่สนุกสนานมากยิ่งขึ้นเมื่อได้คู่ขาดูโอขับกล่อมดนตรีให้ฟัง บทเพลงเพราะๆ ฟังสบายๆ หลายต่อหลายเพลงที่ถูกรีเควสมาไม่หยุดหย่อน แต่นักดนตรีทั้งสองก็ไม่มีท่าทีว่าจะเหนื่อย เล่นได้บ้างไม่ได้บ้างมั่วบ้างก็มี บางครั้งก็แปลงเนื้อเพลงออกไปแนวทะลึ่งตึงตังเป็นที่ถูกอกถูกใจวงเหล้ายิ่งนัก

“อ้าว...เหล้าหมด ไอ้นัทเหล้าหมดแล้ว” ทัศนีย์ที่วันนี้ได้รับเกียรติให้เป็นมือชงสะกิดบอกเจ้าภาพ

“พี่เอกเหล้าหมดแล้ว ตาพี่เลี้ยงน้องบ้างแหล่ะ ควักมาเร็วๆ อย่าให้ขาดตอน” ณัฐกานต์หันไปเร่งเอาที่เอกต่อ

“แหม ใจเย็นๆ ซิคร๊าบบวัยรุ่น....อ่ะ เอาไป”  เอกควักแบงค์ร้อยออกมาสามใบแล้วยื่นให้คนทวง

“พี่เอก...ไอ้เดียร์มันกินผู้ชายร้อยคนนะไม่ใช่เลขสามตัว**” ณัฐกานต์บอกเมื่อมองเงินในมือแล้วมันไม่พอ

(**ผู้ชายร้อยคนคือ 100 pipers เลขสามตัวคือ 285 เด็กดีไม่ควรเลียนแบบนะจ๊ะ)

“เออใช่ อ่ะเอาไปอีกใบ ลืมไปว่าน้องเรามันหัวสูง กินเหล้าแต่ละทีล่อผู้ชายตั้งร้อยคน ฮ่าๆ”  เอกแกล้งประชดแล้วหัวเราะออกมา พลอยทำให้คนอื่นหัวเราะตามไปด้วย

“ไอ้พี่เอก! ล่อเล่ออะไรกันพูดจาน่าเกลียด”  ชลธิดาฟาดมือไปที่ไหล่ชายหนุ่มเสียเต็มแรง  จนเอกร้องลั่นแต่ก็ไม่ยอมหยุดหัวเราะเธอสักที

“แล้วใครจะเป็นคนออกไปซื้อล่ะ” ณัฐกานต์ถาม

“ฉันไปเอง เอมไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยดิ” ชลธิดาวางกีตาร์ลงแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะส่งมือฉุดสาวหมวยที่นั่งข้างๆ กันให้ลุกขึ้นตามมา

สองสาวพากันเดินออกมาจากตัวบ้าน แล้วชลธิดาก็บอกให้สาวหมวยเดินไปเปิดประตูรั้วรอก่อน  ส่วนตัวเองจะเป็นคนนำพาหนะที่จอดอยู่หลังบ้านมาเอง สักพักคนตัวสูงก็มาพร้อมกับจูงจักรยานแม่บ้านสีหวานออกมาด้วย ร่างสูงขึ้นคร่อมจักรยานทันทีที่มาถึง ก่อนจะหันมาตบเบาะแปะๆ ท้ายรถเป็นสัญญาณให้อีกคนขึ้นมานั่งซ้อนท้าย

“ขึ้นมาสิจ๊ะน้องสาว เดี๋ยวปี๋.........จะพาไปแว้น”  ชลธิดาทำหน้าทะเล้น  แกล้งลากเสียงเลียนแบบจิ๊กโก๋แซวสาว

“จักรยานนะพี่ ไม่ใช่มอไซค์จะได้แว้นได้อ่ะค่ะ”  นุชนารถบอกยิ้มๆ อยู่ดีๆ ก็จะให้เธอเป็นสก๊อยซะงั้น

“ได้ดิ เดี๋ยวปี๋.........จะตีโค้งงงงงงง...แล้วยกล้อให้น้องดูรับรอง เสียวหวาบๆ ฮ่าๆ แว้นๆ”  พูดแล้วก็ทำเป็นยกล้อหน้าลอยขึ้นมาโชว์ พร้อมกับบิดแฮนด์ไปมาเลียนแบบเสียงมอเตอร์ไซค์

“งั้นน้องเปลี่ยนใจไม่ไปดีกว่า ดูท่าจะอันตราย”  นุชนารถยิ้มขำ แกล้งทำขยับจะเดินเข้าบ้านแต่ก็โดนอีกฝ่ายรั้งแขนเอาไว้เสียก่อน

“ไม่ซิ่งแล้วค๊าบบบ รีบขึ้นมาเห๊อะ  เดี๋ยวร้านจะปิดซะก่อน” หันมาตบเบาะหลังอีกครั้งพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างจนตาปิด

“ก็ได้ แกก็ขี่ดีๆ แล้วกัน  ฉันยังไม่อยากเสียโฉม” นุชนารถบอกพร้อมๆ กับขึ้นคร่อมเบาะนั่ง

“แกก็เกาะแน่นๆ สิจะได้ไม่หล่นลงไปไง” ชลธิดาหันมาคว้ามือสาวหมวยทั้งสองข้างให้เกาะที่เอวตัวเอง  แล้วจักรยานก็เคลื่อนที่ออกตัวไปพร้อมกับเสียงเพลงที่ชลธิดาเป็นผู้ขับร้อง

“แฟนของใครจักรยานทำหล่น  หน้ามลสวยสะดุดตา  ป่านฉะนี้ก็ไม่มีใครมา  ตามหาเธอเลยซักคน~”

“โห...เพลงเก๋าเก่า ยังจะร้องได้อีกเนาะ”  นุชนารถแซว

“ถึงจะเก่าแต่ก็เพราะดีนะ ไม่ชอบรึไง” นักร้องวัยละอ่อนแต่ร้องเพลงรุ่นเดอะเอี่ยวตัวมาถาม

“ชอบ..ร้องต่อดิ” นุชนารถกระชับกอดที่เอวให้แน่นขึ้น พลางซบหน้ากับแผ่นหลังอุ่นของชลธิดาแล้วฟังเพลงที่คนอีกร้องให้ฟัง

“แฟนของใครจักรยานทำร่วง  พุ่มพวง ผิวบาง คางมน เจ็บตรงไหน ปวดตรงไหนมากล้น หน้ามน แล้วพี่จะฝนยาทา โอย~โฉม~งาม~ ถ้าใครไม่ตาม ก็โง่เป็นบ้า แม้นว่าใครไม่ปรารถนา จะรีบคว้า น้อง ‘เอม’ มาเชยชื่น~~ แฟนของใครจักรยานคิดสั้น ข้ามวันห้ามทวงเอาคืน หากวันนี้ ถ้าไม่มีโจทย์ยื่น ข้ามคืน แล้ว ‘เดียร์’ จะตีทะเบียน~~....ไปจดทะเบียนกันมั้ยจ๊ะน้องสาว...”

“บ้า!” นุชนารถหัวเราะคิกคัก ชอบใจกับเพลงที่ชลธิดาแปลงเนื้อร้องให้เธอฟัง ก็เพราะทะเล้นทะลึ่งอย่างนี้ไงล่ะ เธอถึงตัดใจจากคนตรงหน้าไม่ได้สักที ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้คนๆ นี้ทำให้เธอเศร้าจนน้ำตาร่วงแท้ๆ แต่ตอนนี้คนๆ เดียวกันกลับทำให้เธอมีความสุขมากมาย เฮอ~~~ แค่ได้อยู่ใกล้ๆ ก็มีความสุขที่สุดเลย สุขแบบหน่วงๆ เศร้าดีชะมัด




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.