web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 62
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 151
Total: 151

ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องเล่าของความรัก ตอนที่ 14  (อ่าน 1612 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ลำเนา

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 68
เรื่องเล่าของความรัก ตอนที่ 14
« เมื่อ: 30 ธันวาคม 2013 เวลา 10:14:43 »
ตอนที่ 14

ปานวาดใช้เวลากับการพูดคุยกับผู้ใหญ่ทั้งสองท่านซึ่งเป็นน้าสาวของจีรธร ท่านทั้งสองให้ความกรุณาในหลายๆ เรื่องโดยเฉพาะการแนะนำเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงานของเธอ เวลาของการสนทนาทำให้ปานวาดลืมเรื่องของรสาไปได้ชั่วขณะ หาก แต่สายตาก็ยังคงชำเลืองดูโทรศัพท์อยู่บ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งทั้งปทุมมาศและบุษบาสังเกตเห็น

“หนูสายังไม่โทรมาอีกหรือ หนูปาน” ปทุมมาศถามขึ้นหลังจากเห็นปานวาดมองดูโทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือบ่อยครั้งขึ้น

“ยังเลยค่ะ อันที่จริงน่าจะโทรหาปานได้แล้วนะคะ คงถึงกรุงเทพนานแล้ว” ปานวาดยิ้มจางๆ

“เจอครอบครัวอาจจะมัวพูดคุยทักทายกัน อีกสักพักก็คงจะโทรมา” บุษบาปลอบใจปานวาดซึ่งก็เข้าใจสิ่งที่ท่านพูด

“แต่ถ้าเป็นห่วง น้าว่าโทรไปก็คงไม่เป็นหรอกนะคะ หนูปานจะได้สบายใจ” ปทุมมาศพูดแล้วหันไปมองสบตากับบุษบาที่กำลังมองด้วยความสงสัย ปานวาดจึงขออนุญาตออกไปที่ระเบียงเพื่อโทรหารสา

“บัวว่ามันแปลกไหม หนูสาก็ถึงกรุงเทพก็นานแล้ว แต่ทำไมไม่โทรมาหาหนูปาน” บุษบาพูดขึ้น แต่สายตาก็ยังจ้องมองไปที่ปานวาด

“ไม่แน่ใจค่ะ แต่เท่าที่เราทราบจากเด็กทั้งสองคน ทางครอบครัวหนูสาน่ะไม่ค่อยชอบหนูปานสักเท่าไหร่ บางทีอาจจะยังไม่สะดวกที่จะโทรมาก็ได้นะคะ”

“ก็ขอให้เป็นอย่างนั้นก็แล้วกัน น่าเป็นห่วงนะ ถ้าครอบครัวแสดงออกชัด เจนว่าไม่ชอบแบบนี้” บุษบารู้สึกเป็นห่วงปานวาดกับรสามากขึ้น

“เราสองคนยังผ่านช่วงเวลาอย่างนั้นมาได้ เด็กสองคนนี้ก็น่าจะผ่านไปได้ ถ้ามั่นคงต่อกันพอ หนูปานก็เป็นเด็กดีโชคชะตาคงไม่ใจร้ายกับเธอนักหรอกนะคะ” ปทุมมาศบอกกับบุษบา

ปานวาดโทรหารสาหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับใดๆ เธอจึงตัดสินใจว่าจะรอให้รสาเป็นฝ่ายโทรหาเธอน่าจะสะดวกกว่า อีกอย่างตัวเธอเองก็รู้อยู่เต็มอกว่ามารดาของรสาไม่ชอบเธอสักเท่าไหร่ ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะนั่งรอเงียบๆ มองออกไปยังทิวไม้บนเขาที่ไกลสุดลูกหูลูกตา สีเขียวๆ ของต้นไม้รวมถึงป่าที่อุดมสมบูรณ์ คือสิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอรู้สึกมีความสุข ปานวาดสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หวังว่าอากาศบริสุทธิ์จะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น

แสงแดดเริ่มลดความร้อนแรงบอกช่วงเวลาของช่วงที่พระอาทิตย์ใกล้จะลาลับขอบฟ้า จีรธรจอดรถเรียบร้อยก็วิ่งเสียงตึงตังขึ้นมาบนตัวบ้าน ซึ่งทำให้น้าสาวของเธอส่ายหัวกับความกระโดกกระเดกของหลานสาวเสียเหลือเกิน แต่ปทุมมาศกลับยิ้มเมื่อเห็นอากัปกิริยาของบุษบาที่มีต่อหลานสาว

“มันน่าตีให้ขาหักนักนะเรา เดินไม่เป็นหรืออย่างไร ยายจี๊ด” บุษบาส่งเสียงเอ็ดตะโรหลานสาวของเธอที่ยิ้มแป้น แต่ตอนนี้นั่งลงกับพื้นพับเพียบเรียบร้อยแล้วไปกราบที่ตักน้าสาวของเธอ

“ก็น้าบุษกับน้าบัวจะได้รู้ ว่าหลานสาวแสนน่ารักกลับมาแล้วอย่างไรล่ะคะ” จีรธรพูดจบก็ยิ้มหน้าเป็นให้น้าสาวของเธอที่เขกหัวหลานสาวไปหนึ่งทีตอบแทนความทะเล้น

“น้าบุษใจร้าย ไปกอดน้าบัวในครัวดีกว่า” ปทุมมาศได้ยินเสียงจีรธรซึ่งไปแหย่น้าสาวแท้ๆ ของตัวเองจนโดนเขกหัว เดี๋ยวก็คงมาฟ้องแล้วก็มาอ้อนเธอเป็นแน่

“หัวปูดเป็นลูกมะกรูดหรือเปล่าคะ” ปทุมมาศพูดกับหลานสาวที่เดินเข้ามาสวมกอดเธอจากทางด้านหลัง

“ไม่หรอกค่ะ จี๊ดหัวแข็งโป๊กค่ะ แต่แหย่จนน้าบุษหัวเราะได้ แค่นี้ก็มีความ สุขแล้ว แต่กับน้าบัวหอมสักฟอดดีกว่า” จีรธรทำอย่างที่พูดเธอหอมปทุมมาศเสียงดังฟอดใหญ่ๆ อยากแกล้งให้ได้ยินไปถึงบุษบาซึ่งนั่งอยู่ด้านนอก

“แก้มหอมดีจริง แฟนใครก็ไม่รู้นะคะ” จีรธรแกล้งพูดเสียงดังให้ได้ยินไปถึงน้าสาวแท้ๆ ของเธอ

“คุณจี๊ดก็ชอบไปแหย่น้าบุษ เดี๋ยวก็ได้โดนดุอีกนะคะ” ปทุมมาศอมยิ้มกับความน่ารักของทั้งน้าและหลาน

“น้าบัวก็ช่วยจี๊ดหน่อยสิคะ แค่ยืนขวางบังจี๊ดไว้ น้าบุษก็ไม่กล้าทำอะไรจี๊ดแล้วล่ะคะ” จีรธรพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ

“ขี้อ้อนเหลือเกินนะคะ ทำเอาน้าใจอ่อนทุกที อยากรู้จริงๆ ถ้าเกิดมีแฟนจะ ขี้อ้อนแบบนี้ด้วยหรือเปล่า” ปทุมมาศพูดยิ้มๆ มองสบตากับจีรธร

“ต้องเยอะกว่านี้ค่ะ เพราะถ้าเจอฤทธิ์เดชจี๊ด อาจจะถอยทัพเลิกจีบไปง่ายๆ เพราะฉะนั้นต้องอ้อนเข้าไว้ให้มากที่สุด” จีรธรยิ้มและทำหน้าเป็นจนปทุมมาศหัวเราะออกมา

“น้าจะคอยดูค่ะ ว่าใครคือผู้โชคดี”

“คงนานสักหน่อยนะคะ น้าบัว ว่าแต่ว่าคุณปลัดขวัญใจน้าบุษไปไหนเสียล่ะคะ” จีรธรถามขึ้นหลังจากมองดูรอบๆ บ้านแล้วไม่เห็น

“รดน้ำต้นไม้อยู่หลังบ้านค่ะ เออหมอรสายังไม่โทรมาเลยนะคะ น่าแปลกไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ทำเอาคุณปลัดของคุณจี๊ดไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจาเลยค่ะ น้าบุษบอกให้โทรหาโทรไปทางโน้นก็ไม่รับสายจนจะมืดค่ำแล้วก็ยังไม่โทรมา จนตอนนี้หนูปานวางโทรศัพท์ทิ้งไว้ไม่พกไปไหนมาไหนด้วยแล้วค่ะ น้าว่าคุณจี๊ดไปดูหน่อยก็ดีนะคะ” ปทุมมาศพูดด้วยความเป็นห่วงปานวาด จีรธรก็รู้สึกเป็นห่วงเช่นกัน เพราะตอนไปส่ง รสาก็บอกว่าถึงแล้วจะรีบโทรหาทั้งเธอและปานวาด แต่ก็ไม่เห็นโทรมามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จีรธรออกมาจากห้องครัวก็มองสบตากับน้าสาวของเธอที่ได้ยินการพูดคุยของหลานสาวกับปทุมมาศ เธอจึงพยักหน้าแสดงอาการเห็นด้วยที่จะให้จีรธรลงไปดูคนที่ลงไปช่วยรดน้ำต้นไม้อยู่ด้านล่าง จีรธรยิ้มให้น้าสาวของเธอก่อนที่จะเดินลงไปเพื่อไปยังหลังบ้านซึ่งปทุมมาศบอกกับเธอว่าปานวาดอยู่ที่นั่น

“ขยันจริงนะคะ อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้หลานท่านเล่น” จีรธรเริ่มทักทายด้วยการยั่วโมโห เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอถนัด แต่น่าแปลกตรงที่คนที่ยืนหันหลังรดน้ำต้นไม้อยู่ดูท่าทางไม่ได้สนใจอะไรเธอเลย

“ปลัด” จีรธรแกล้งเดินเข้าไปทางด้านหลัง แล้วตะโกนเรียกปานวาดเสียงดังจนได้ยินไปถึงข้างบน ทำเอาคนที่ยืนคิดอะไรเพลินตกใจหันหลังกลับมาจนทำให้ไหล่กระแทกเข้ากับตัวของจีรธรเซจนเกือบล้มแต่ปานวาดก็คว้าตัวไว้ได้ทันโดยการโอบกอดเอาไว้แนบแน่น เพราะกลัวว่าจีรธรจะล้มลงไปกระแทกพื้น

“ขอโทษค่ะ คุณจี๊ด” ปานวาดรีบพูดขึ้นแต่ก็ยังไม่คลายอ้อมกอดออกจากจีรธร

“ขอบคุณค่ะ” จีรธรรู้สึกตกใจเล็กน้อย คิดว่าตัวเองจะล้มไม่เป็นท่าไปเสียแล้ว ถ้าปานวาดคว้าไว้ไม่ทันอาจจะได้แผลไม่ส่วนใดก็ส่วนหนึ่งบนร่างกายเป็นแน่

“ขอโทษด้วยค่ะ พอดีปานตกใจไปหน่อยก็เลยไม่ทันระวังเลยชนคุณจี๊ดเข้า” ปานวาดสบตากับจีรธรที่ยังคงอยู่ในอ้อมกอดของเธอ

“แต่จี๊ดว่า” จีรธรพูดอึกอัก

“ขอโทษค่ะ” ปานวาดรีบคลายอ้อมกอดออกจากจีรธรในทันที

“จี๊ดผิดเองที่เล่นอะไรแผลงๆ” จีรธรยิ้มแหย่ๆ ความรู้สึกแปลกๆ ทำให้เธอเรียงลำดับคำพูดได้ลำบากไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ทั้งๆ ที่ปกติก็พูดเจื้อยแจ้วเรื่อยเปื่อย แต่ตอนนี้ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นมา ถึงคิดคำพูดอะไรออกมาไม่ได้เสียอย่างนั้น

“ไม่ได้เจ็บตรงไหนใช่หรือเปล่าคะ ที่ข้อเท้าเป็นอะไรหรือเปล่า” ปานวาดนั่งลงจับที่ข้อเท้าของจีรธรด้วยความเป็นห่วง

“ไม่ได้เจ็บตรงไหนเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ คุณปลัด” จีรธรรีบบอกทันที

“เมื่อไหร่คุณจี๊ดจะยอมให้ปานเป็นเพื่อนสักทีคะ เรียกชื่อเฉยๆ ก็ได้ค่ะ เรียกแต่คุณปลัดได้ยินทีไรนึกว่าทำงานอยู่ทุกที” ปานวาดยิ้มจางๆ ให้จีรธร

“ก็ได้ค่ะ คุณปลัด เอ๊ยไม่ใช่สิ ปานก็ต้องเรียกจี๊ดเฉยๆ เหมือนกัน ยุติธรรมดีไหมคะ” จีรธรยิ้มทะเล้นจนตาปิด

“ยินดีค่ะ จี๊ด ขอบคุณนะคะ” ปานวาดยิ้มจางๆ ให้จีรธรก่อนที่จะหันกลับไปรดน้ำต้นไม้อีกครั้ง

“เอ่อโทรหาคุณสาหรือยังคะ” จีรธรเริ่มสิ่งที่เธอรับหน้าที่มาจากน้าสาวทั้งสองของเธอ

“โทรแล้วค่ะ แต่สาไม่รับสาย” ปานวาดพูดเสียงเรียบๆ โดยไม่ได้หันมามองจีรธรที่ไม่รู้ว่าควรจะถามต่อหรือไม่ถามดี

“ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวจี๊ดโทรเองค่ะ” จีรธรอาสาพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตของเธอออกมาโทรหารสาในทันที ตอนนี้ปานวาดหันกลับมามองทางจีรธรและกำลังตั้งตารอว่าจะมีการตอบรับจากปลายสายหรือไม่ แต่ยิ้มเจื่อนๆ ของจีรธรก็เป็นคำตอบสำหรับปานวาด จีรธรส่ายหน้าบอกแทนคำพูด

“สาคงยังไม่สะดวกน่ะคะ หรือบางที” ปานวาดไม่อยากพูดถึง เพราะเกรงว่ามันจะเป็นอย่างที่เธอคิดจริงๆ จีรธรเดินไปโอบไหล่ปานวาดเป็นการปลอยโยนคนที่กำลังมีอาการวิตกกังวลกับเรื่องของคนรัก

“ปานคิดอะไร บอกจี๊ดได้หรือเปล่าคะ” จีรธรถามตรงๆ เพราะเธอคิดว่าบางทีการบอกเล่าสิ่งที่อยู่ในใจอาจจะทำให้ปานวาดรู้สึกสบายใจขึ้น เหมือนเธอที่เวลามีปัญหาเธอก็จะบอกเล่ากับน้าสาวของเธอไม่ปทุมมาศก็บุษบา ซึ่งจะช่วยเธอได้มากสำหรับคำแนะนำในทุกเรื่อง หรือบางทีน่าจะพาไปคุยกับน้าสาวของเธอน่าจะดีกว่า เพราะทั้งสองท่านก็ผ่านเรื่องราวของความรักที่ไม่แตกต่างกับปานวาดและรสามาก่อน คงมีคำแนะนำดีดีให้ได้บ้างไม่มากก็น้อย

“สาถูกบังคับให้กลับ และเรื่องที่แม่ของสาบังคับสาได้ ก็น่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับปาน” ปานวาดบอกเล่าสิ่งที่เธอคิด

“หมายความว่า ปานกำลังคิดว่า การที่คุณสาไม่รับโทรศัพท์หรือไม่โทรกลับ มาก็เพราะถูกทางบ้านบังคับอย่างนั้นหรือคะ” จีรธรถามเพื่อความกระจ่าง

“ค่ะ สาบอกกับปานว่าสาต้องกลับไปตามที่แม่จัดการ เพราะไม่อย่างนั้นคนที่เดือดร้อนมากที่สุด ก็คือ ปาน”

“มิน่าถูกย้ายรวดเร็วเหลือเกิน ตำแหน่งงานในกรุงเทพก็ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ มาเฟียชัดๆ อุ๊ยขอโทษค่ะ” จีรธรยิ้มแหยๆ ที่พูดจาไม่ดี

“ความรักของแม่มากกว่าค่ะ ปานเข้าใจ” ปานวาดยิ้มจางๆ ให้จีรธร

“ล้างมือแล้วไปทานข้าวกันดีกว่าค่ะ ผู้มีประสบการณ์ตั้งสองคนบนบ้านผ่านเรื่องราวคล้ายๆ ปานมาก่อน น่าจะมีคำแนะนำดีดีโดยการบอกเล่าให้เราสองคนได้รับฟัง แล้วลองคิดหาทางว่าจะติดต่อหาคุณสาได้อย่างไร” จีรธรยิ้มให้ปานวาดด้วยความจริงใจ

“จี๊ดเวลาน่ารักก็น่ารักเสียจนทำเอาปานแปลกใจนะคะ ก่อนหน้านี้จี๊ดคงไม่ค่อยชอบปานสักเท่าไหร่ แต่พอเวลาปานมีทุกข์กลับมาคอยดูแลเอาใจใส่อย่างดี สมแล้วที่เป็นหลานของคุณน้าทั้งสอง” ปานวาดพูดยิ้มๆ

“ฟังดูเหมือนชม เอ๊ะหรือว่ากันแน่คะ อย่าเริ่มนะปลัด มารขาวกำลังทำงานอย่าพามารดำเข้ามาในตัวจี๊ด เดี๋ยวก็มีเรื่องอีกจนได้” จีรธรพูดยิ้มๆ แล้วเดินนำหน้าปานวาดขึ้นไปบนบ้าน เพราะป่านนี้น้าสาวของเธอคงเตรียมอาหารพร้อมแล้ว คนที่เดินตามก็เดินอมยิ้มกับความน่ารักของจีรธร กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ยังติดอยู่ที่ตัวของปานวาด ซึ่งแอบสูดกลิ่นหอมๆ นั้นเข้าไปเต็มปอด ความอบอุ่นจากตัวของจีรธรเหมือนยังแอบแฝงอยู่ในความรู้สึกของเธอ

“น่ารักเหมือนที่คุณน้าทั้งสอง และสาบอกจริงๆ” ปานวาดรำพึงกับตัวเองและรีบเดินตามจีรธรไปทันที




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.