ตอนที่ 3 ตอนนี้ทั้งร้านกำลังตกอยู่ในความเงียบเมื่อกำธรได้สั่งให้บุตรสาวไปจัดการเหมาร้านทั้งหมดเพื่อที่จะสะดวกในการสนทนามากยิ่งขึ้นและลูกสาวเขาก็ทำได้ดีดังคาดเมื่อจัดการเคลียร์ลูกค้าคนอื่นๆออกจากร้านไปได้อย่างรวดเร็ว
“หนูเพชรนี่ก็เก่งนะไม่เหมือนกับคนบางคน”
ศิวัชเอ่ยชมคนที่เพิ่งเดินกลับมาจากใจจริงแต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะต้องพาดพิงถึงอดีตว่าที่ลูกเขยที่สร้างความผิดหวังให้แก่เขาอย่างมากมาย
“จะเอาไงกันต่อดีล่ะ”
ประโยคต่อมาคนพูดเบนเป้าหมายไปหาเพื่อนที่ร่วมทำสัญญาก่อนจะเคาะนิ้วเป็นจังหวะช้าๆ
“ฉันก็ไม่ได้อยากได้ทรัพย์สินของแกหรอกนะ…แต่!”
คนพูดแทบจะถลึงตาออกนอกเป้าเมื่อหันไปมองหน้าคนที่ดูจะต้องรับผิดชอบมากที่สุดในเรื่องนี้
“ใจเย็นๆก่อนนะมันน่าจะมีทางออกอื่นอีกค่อยๆคิด”
กำธรเอ่ยออกมาก่อนจะยกผ้าซับเหงื่อที่ไหลเป็นทาง
“ถ้าแกมีลูกชายอีกคนก็พอจะมีหวังนะแต่ฉันรู้ว่าแกมีลูกแค่สองคนซึ่งก็นั่งอยู่ตรงนี้ด้วยกันทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ!”
คนพูดกระแทกเสียงใส่คนข้างๆอย่างเหลืออด
“หมดธุระจะคุยละเตรียมทำตามข้อตกลงได้เลย”
ศิวัชลุกขึ้นพร้อมกับหันไปมองอดีตว่าที่ลูกเขยอย่างแค้นใจก่อนจะเดินอารมณ์เสียออกประตูไปอย่างรวดเร็ว
“เห็นมั้ยเธอทำอะไรลงไป”
หลังจากที่ศิวัชเดินออกประตูไป อาศิราก็พูดต่อว่าคนทีเป็นต้นเหตุให้เรื่องออกมาเป็นแบบนี้ทันที
“ทำไมคุณไม่โทษตัวเองบ้างล่ะ”
“โทษตัวเองงั้นเหรอแล้วถ้าเธอไม่ให้ความร่วมมือมันจะทำได้มั้ยล่ะ”
“แต่คุณข่มขื่นฉันนะ”
กำธรถึงกับสำลักน้ำเป็นการใหญ่ก่อนจะหันไปมองหน้าบุตรชายอย่างคาดโทษ
“เธอ เธอพูดอะไร”
“มันคือความจริงแล้วในท้องฉันก็คือหลักฐาน”
หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“คุณทำให้ฉันต้องสูญเสียทุกอย่างเพราะฉะนั้นคุณต้องรับผิดชอบ!”
แพรวรุ่งเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉยหากแต่สายตาที่แฝงไปด้วยความรู้สึกเจ็บแค้นมันมากมายจนทำให้ชายหนุ่มถึงกับต้องกระเถิบเก้าอี้หนี ย้อนนึกไปถึงวันที่เกิดเรื่องวันนั้นเป็นวันเกิดของพี่ที่รู้จักกันทำให้เขาไม่อาจปฏิเสธได้
“ศิราแกเห็นเด็กเสิร์ฟคนนั้นมั้ยวะ”
อาศิราหันมองไปยังตำแหน่งที่เจ้าของวันเกิดพูดก่อนจะพยักหน้ารับอย่างมึนๆงงๆเนื่องจากตอนนี้แอลกอฮอล์ได้ไหลเวียนวนอยู่ในกระแสเลือดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“โทษฐานที่แกไม่ได้เอาอะไรมาให้พี่ในวันเกิดไปเอาตัวหล่อนมาให้ได้”
จบประโยคคนทั้งโต๊ะก็ต่างยกแก้วชนพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนานรวมทั้งตัวของชายหนุ่มที่ถูกสั่งด้วย
อาศิราเดินโซซัดโซเซไปตามทางเดินตอนนี้เป้าหมายของเขาได้หายไปไหนก็ไม่รู้ทั้งๆที่เดินตามติดมาตลอดแต่คลาดกันเพราะเขาดันเดินสะดุดก้อนหิน….ให้มันได้อย่างนี้สิ!
“ช่วยด้วย! ช่วย…”
ทันใดนั้นชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงคนร้องขอความช่วยเหลือถึงมันจะฟังดูขาดตอนแต่เขาก็มั่นใจว่าคนร้องต้องกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างแน่นอน
อาศิราสลัดเป้าหมายก่อนหน้าทิ้งทันทีแล้วเปลี่ยนเป็นเดินตามเสียงร้องนั้นแทนและเมื่อเดินไปถึงเขาก็เจอเข้ากับผู้ชายสองคนที่กำลังสนุกอยู่กับการลวนลามหญิงสาวไม่รอช้าเข้าจึงรีบเดินเข้าไปห้าม
“ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้นะ”
“เกี่ยวอะไรกับแก”
หนึ่งในสองคนนั้นหันมาถามพร้อมกับทำหน้ากวนๆ
“ฉันทำหน้าที่พลเมืองดีปล่อยเธอซะแล้วพวกแกจะไปไหนก็ไป”
สองคนร้ายมองหน้ากันก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“กลัวจนตัวสั่นเลยหวะ”
“นั่นสิขนลุกเลย”
“งั้นกูว่ามึงปวดขี้แล้วล่ะ”
จากนั้นทั้งสองคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกันอีกครั้งและหญิงสาวโชคร้ายก็ได้โอกาสสะบัดตัวออกมาแล้ววิ่งไปหลบด้านหลังชายหนุ่มที่มาช่วย
“คุณไม่เป็นไรนะ”
อาศิราพูดปลอบใจคนที่วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาก่อนจะหันกลับไปยังสองคนร้ายที่ตอนนี้เดินเข้ามาประชิดตัวเขาพร้อมกับกระแทกหมัดเข้ากับใบหน้าของเขาอย่างจัง
“เป็นไงพ่อสุภาพบุรุษรับหมัดของคนเถื่อนไหวมั้ย”
“แค่นี้ก็ถึงกับปากแตกอ่อนจริงๆหวะ”
สองคนร้ายส่งยิ้มให้กันอย่างมีเลศนัยก่อนจะเดินมาล็อคตัวอาศิราเอาไว้พร้อมกับยัดอะไรบางอย่างลงไปในปากของเขา
“อยากรู้นักว่าถ้าสุภาพบุรุษเจอแบบนี้เข้าไปจะเป็นยังไง”
พูดจบทั้งสองก็เดินจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ฟังดูแปลกๆแต่ก็ไม่มีใครได้ฉุกคิดว่ากำลังจะมีเรื่องเลวร้ายตามมา
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
อาศิราเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหอบๆตอนนี้ความเจ็บทุกอย่างได้มลายหายไปหมดสิ้นตอนนี้เหลือเพียงความรู้สึกบางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นและดูเหมือนว่าจะรุนแรงมากขึ้นทุกที “ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอด้วยก่อน”
หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลตอนนี้เธอพอจะดูออกแล้วว่าชายหนุ่มกำลังต้องการอะไรและทางที่ดีที่สุดก็คือเธอต้องออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
“เดี๋ยวสิ!”
ชายหนุ่มกระชากแขนหญิงสาวให้กลับมาที่เดิมก่อนจะดึงตัวเธอเข้ามากอด
“ผมว่าคุณควรตอบแทนที่ผมช่วยคุณบ้าง”
อาศิราถึงกับสะบัดภาพทั้งหมดให้ออกไปจากความคิดมันเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เขารู้สึกผิดมากจนไม่อยากจะจำหากแต่ไม่คิดว่ามันจะมีเรื่องอะไรต่อเนื่องแบบนี้
“พ่อครับผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
กำธรก็ไม่รู้จะปลอบลูกชายยังไงแม้ว่าเป็นเรื่องที่สุดวิสัยแต่ก็เข้าข่ายใช้กำลังอยู่ดี
“เอาเป็นว่าพวกเราจะดูแลหนูกับลูกเองส่วนแกต่อไปนี้ก็เตรียมตัวเป็นพ่อคนได้เลย”
“แต่ผม”
อาศิรารีบเอามือปิดปากเมื่อเจอเข้ากับสายตาของบิดาที่มองมาก่อนจะก้มหน้ารับอย่างจำยอม
เมื่อสะสางปัญหาที่ลูกชายตัวดีก่อเสร็จแล้วคราวนี้ก็ถึงปัญหาใหญ่ระดับชาติเพราะตอนนี้ครอบครัวเอกอมรกุล กำลังทำผิดสัญญาแบบเต็มๆ
“คราวนี้คงได้กลับไปอยู่บ้านนอกกันจริงๆแล้ว”
อวิกาเอ่ยออกมาลอยๆก่อนจะแอบชายตามองพี่ชายที่ตอนนี้เอาแต่ก้มหน้า
“ศิวัชมันคงไม่ใจร้ายอย่างน้อยมันคงให้เงินค่ารถเราอยู่มั้ง”
กำธรพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาก่อนจะแลตามองคนก่อเรื่องที่เอาแต่มองหาเลขหวยในจาน
“ฉันไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกน่า”
จู่ๆคนที่ถือไพ่เหนือกว่าก็เดินกลับมาก่อนจะตบบ่าเพื่อนรักอย่างอารมณ์ดี
“อ้าว! แกยังไม่กลับอีกเหรอ”
กำธรเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ
“แล้วแกคุยกับใครอยู่ล่ะ”
คนอารมณ์ดียังกวนไม่เลิกหากแต่คนฟังนี่สิกลับไม่มีรอยยิ้มมาประดับแม้แต่น้อย
“คนอุตสาห์จะเอาทางออกมาให้ไม่เอาใช่มั้ย”
ศิวัชค่อยๆหุบยิ้มลงก่อนจะเดินหันหลังกลับช้าๆ
“เอาๆๆ โธ่แก่แล้วยังจะทำใจน้อยเป็นเด็กๆไปได้”
กำธรรีบคว้าแขนเพื่อนรักเอาไว้ก่อนจะดึงให้นั่งลงข้างๆ
“คุณลุงเปลี่ยนใจแล้วเหรอคะ”
อวิกาเอ่ยออกมาอย่างมีความหวัง
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับลุงแต่อยู่ที่ลูกสาวของลุง”
“ยัยหมีเอ้ย! พี่ผึ้งว่ายังไงบ้างคะ”
“รายนั้นเขาก็ไม่เคยคาดหวังอะไรอยู่แล้วแหละออกจะดีใจด้วยซ้ำที่ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายห่วยๆ”
คนพูดหันไปมองหน้าคนทำผิดครู่หนึ่งก่อนจะเมินไปทางอื่นเมื่ออาศิราเงยหน้าขึ้นมาสบตา
“ผมต้องกราบขอโทษคุณลุงจริงๆนะครับ”
อาศิราเอ่ยอย่างรู้สึกผิดถึงเขาจะไม่ได้อยากแต่งงานกับยัยหมีแต่เมื่อมันเป็นสัญญาของบิดาเขาก็ไม่คิดจะขัดแต่ดันมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นซะก่อน
“ช่างเถอะคนไม่ใช่คู่กันฝืนไปก็เท่านั้น”
“แล้วที่แกบอกมีทางออกคืออะไรเหรอ”
กำธรเอ่ยแทรกขึ้นมาเพราะอยากรู้จริงๆว่าทางออกคืออะไร
“สัญญาที่ครอบครัวแกต้องทำตาม”
“อะไรนะ!”
“นี่แกหูหนวกหรือเปล่าต้องให้พูดซ้ำอยู่ได้”
“แต่พี่ศิรากำลังจะมีลูกนะคะหรือว่าพี่ผึ้งจะ…จะ…”
อวิกาถึงกับพูดประโยคที่อยู่ในความคิดไม่ออกจนต้องหันไปมองหน้าบิดาที่ดูจะสงสัยไม่แพ้เธอ
“จะเอาอย่างนั้นจริงๆเหรอ”
กำธรเอ่ยออกมาก่อนจะหันไปจ้องหน้าบุตรชายที่ทำท่ากระอักกระอ่วนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ศิวัชส่ายหน้าให้กับครอบครัวเพี้ยนก่อนจะส่งของบางอย่างให้กับคนที่นั่งข้างๆ
“นามบัตรอีกแล้วเหรอ”
กำธรรับสิ่งของนั้นมาดูพร้อมกับเอ่ยออกมาอย่างหนักใจก่อนจะหันไปมองหน้าลูกชายตัวดีที่ไม่รู้ไปทิ้งนามบัตรไว้ที่ไหนบ้าง
“ฉันพร้อมจะรับผิดชอบมีอะไรโทรมาได้…นะคะ”
ประโยคลงท้ายทำเอาคนอ่านถึงกับหน้าถอดสีก่อนจะพลิกกลับไปอ่านชื่อบนบัตรช้าๆ
“อวิกา เอกอมรกุล”
อวิกาหันไปหาคนที่เรียกชื่อเธอเต็มยศก่อนจะรับของที่บิดาส่งมาให้อย่างงงๆ
“นี่มัน!”
“ตกใจอะไรกันนักหนาแค่เปลี่ยนจากพี่เป็นน้อง”
ศิวัชเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆก่อนจะเรียกใครบางคนที่แอบอยู่หลังประตูให้เข้ามา
“นี่มาธวี ประกอบกิจขจร ลูกสาวคนเดียวของฉัน”
คนทั้งโต๊ะเงยหน้าขึ้นมองคนมาใหม่อย่างตะลึงเมื่อยัยหมีใส่แว่นขี้มูกหนาเตอะได้เปลี่ยนไปแล้วนี่มันนิยายชัดๆ
“ตะลึงเลยล่ะสิบอกให้นะลูกสาวฉันสวยที่สุดในโลกใครก็อย่ามาแตะให้เจ็บช้ำเพื่อนก็เพื่อนเถอะ!”
คนพูดหันไปมองเพื่อนรักตาขวางก่อนจะจูงมือบุตรสาวให้มานั่งข้างๆ
“สวัสดีคะคุณลุง พี่ศิรา”
มาธวีเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มหวานก่อนจะหันมาหาคนที่ดูจะอึ้งมากกว่าคนอื่นๆ
“สวัสดีอย่างเป็นทางการนะคะน้องน้ำเพชร!”
อวิกาถึงกับพูดอะไรไม่ออกนี่มันยัยพี่หมีตัวจริงใช่มั้ย…แต่เธอก็ปฏิเสธไม่ได้เพราะบนโลกนี้คนที่เรียกเธอแบบนี้มีคนเดียวเท่านั้น
มาธวีเอื้อมมือไปคว้านามบัตรในมือหญิงสาวที่นั่งข้างๆทันทีก่อนจะเก็บลงกระเป๋า ที่จริงเธอมาถึงตั้งแต่ต้นแล้วดังนั้นเธอจึงรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดแต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกเสียดายอาศิราแม้แต่น้อยตอนนี้ในหัวของเธอมีเพียงการเอาคืนใครบางคนที่แกล้งเธอมาตั้งแต่เด็กคราวนี้ถึงเวลาเธอเอาคืนบ้างแล้วล่ะ…ยัยแคระ!