ตอนที่ 8 วันนี้อวิกาต้องขอติดรถพี่ชายของเธอไปทำงานเพราะรถของตัวเองเสียนั่นจึงเป็นเหตุให้เธอไปทำงานสายในวันนี้
“พี่ศิราจะไปได้หรือยังค่ะ สายแล้วนะ”
“เพิ่งจะเจ็ดโมงครึ่งเองใจร้อนไปได้”
อาศิราเอ่ยออกมาอย่างใจเย็นก่อนจะก้มกินข้าวต่อ
“วันนี้เรามีประชุมนะคะจำได้หรือเปล่า”
คนพูดเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นๆจนคนฟังต้องจำใจวางช้อนลง
“พี่ศิราเตรียมเอกสารข้อมูลแล้วเหรอคะ”
ประโยคจี้ใจดำยังคงเอ่ยออกมาอย่างต่อเนื่องจนอาศิราถึงกับชักสีหน้าเล็กน้อยจากนั้นชายหนุ่มก็ลุกขึ้นก้าวเท้าเข้าไปหาคนพูดมาก
“ไปแล้วครับคุณแม่อย่าดุผมเลยนะครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อนเหมือนเด็กแต่รอยยิ้มเจ้าเลห์ที่พี่ชายของเธอกำลังส่งมานี่สิมันไม่เข้าใกล้กับสิ่งที่ตัวเองพูดเลย…นี่ตกลงเธอมีพี่ชายหรือลูกกันแน่นะชักสงสัย
แพรวรุ่งที่นั่งอยู่ด้วยแอบมองสองพี่น้องหยอกล้อกันอย่างกับเด็กโดยเฉพาะอาศิราที่ดูจะกลายร่างเป็นเด็กทุกครั้งที่อยู่กับน้องสาวตัวเอง รอยยิ้มน้องๆผุดขึ้นบนใบหน้าคนมองอย่างไม่รู้ตัวก่อนที่เธอจะรีบดึงสายตากลับมามองจานข้าวตรงหน้าเมื่อคนที่เธอแอบมองกำลังหันกลับมา
“พี่รุ้งอยากได้อะไรเพิ่มมั้ยคะ”
อวิกาเอ่ยถามออกมาพร้อมกับเตรียมตัวจะออกไปทำงาน
“ไม่ค่ะขอบคุณมาก”
“มีอะไรบอกเพชรได้นะคะแล้วถ้าพี่ชายตัวดีของเพชรแกล้งอะไรมาฟ้องได้เดี๋ยวเพชรจัดการให้”
คนพูดหันไปจ้องหน้าชายหนุ่มที่ทำหน้านิ่งอยู่ข้างๆ
“เกี่ยวอะไรกับพี่อีกล่ะ”
“นั่นก็เมีย ในท้องก็ลูกแบบนี้เกี่ยวมั้ยคะ”
อาศิรามองหน้าหญิงสาวสองคนสลับกันไปมาจากนั้นก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่จนคนข้างๆต้องเอื้อมมือมาหยิกให้คนทำท่าเบื่อโลกได้รู้สึกตัว
“ไปทำงานกันเถอะ”
พูดจบอาศิราก็เดินออกไปหน้าบ้านทันทีเขารู้ว่าการกระทำแบบนี้มันไม่สมควรหากแต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วเกินไปจนเขาทำตัวไม่ถูกเลยจริงๆ
อวิกามองตามหลังพี่ชายของเธอจนลับสายตาก่อนจะหันกลับมามองหญิงสาวที่นั่งทำหน้าแบกโลกเอาไว้เธอรู้ว่าอาศิรารู้สึกอย่างไรและก็รู้ดีว่าตอนนี้แพรวรุ่งก็คงรู้สึกไม่ต่างกันแต่คนกลางอย่างเธอคงทำอะไรได้ไม่มากนอกจากการให้กำลังใจ
“อดทนหน่อยนะคะซักวันพี่รุ้งจะได้มาเป็นครอบครัวของเราอย่างสมบูรณ์”
แพรวรุ่งมองหน้าคนพูดอย่างไม่เข้าใจนัก
“พี่ศิราน่ารักกว่าที่พี่รุ้งคิดแน่นอนค่ะ เพชรไปทำงานก่อนนะคะ”
อวิกาพูดจบก็เดินอมยิ้มออกไปทันทีทิ้งปริศนาให้ตกอยู่กับคนฟังต้องคิดตามหากแต่แพรวรุ่งก็ไม่สามารถตีประโยคที่อีกคนทิ้งไว้ให้แตกได้เพราะดูยังไงอาศิราก็ดูร้ายกาจในสายตาของเธออยู่ดี
การประชุมที่เคร่งเครียดจบลงพร้อมกับการเดินกลับเข้าห้องอย่างหมดแรงที่จริงเรื่องก็ไม่มีอะไรมากส่วนใหญ่เป็นเรื่องเดิมที่เกินขึ้นซ้ำๆทั้งการแข่งขันทางธุรกิจแล้วไหนจะเรื่องพนักงานที่ไม่ค่อยจะตั้งใจทำงานนี่คงเป็นปัญหาเรื้อรังที่แก้เท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมดซะที
อวิกาเอนกายลงบนเก้าอี้พร้อมกับหลับตาเพื่อพักสมองเธอมักจะทำแบบนี้ทุกครั้งที่รู้สึกเหนื่อยและมันก็ได้ผลถึงไม่มากแต่ก็ทำให้เธอมีแรงขึ้นสู้กับปัญหาในแต่ละวัน
หญิงสาวสะดุ้งทันทีเมื่อจู่ๆก็มีมือแตะที่หัวของตัวเองอวิกันหันไปมองก็พบเข้ากับใบหน้าของคนที่คุ้นเคย
“พี่ผึ้ง”
คนถูกเรียกชื่อยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะดันตัวให้คนที่นั่งอยู่นอนลงท่าเดิม
“จะ จะทำอะไรคะ”
มาธวีเอาแต่ยิ้มก่อนจะเดินอ้อมไปอยู่ด้านหลังจากนั้นก็เริ่มใช้มือคลึงที่ขมับของคนที่นอนอยู่อย่างเบามือ
“สบายมั้ยคะ”
คนนวดเอ่ยถามเสียงหวานก่อนจะมองอีกคนที่พยักหน้ารับแทนคำพูด เวลาผ่านไปเนิ่นนานจนอวิการู้สึกดีมากขึ้นหญิงสาวลืมตาขึ้นช้าๆพร้อมกับส่งยิ้มให้กับคนนวดแต่สิ่งที่สายตาของเธอได้เห็นเป็นอย่างแรกก็คือ…ใบหน้าเปื้อนเลือดของคนแปลกหน้า!
“เฮ้ย!”
ความตกใจบวกกับสติที่ยังไม่ครบสมบูรณ์ทำให้อวิกาเอ่ยออกมาได้เคยนั้นก่อนจะหงายหลังตกเก้าอี้เสียงดังแต่คงไม่ดังเท่าเสียงหัวเราะของผีกำมะลอที่ตอนนี้ค่อยๆเปิดหน้ากากออกพร้อมทั้งการระเบิดเสียงหัวเราะแบบสะใจอีกครั้ง
อวิกามองคนที่นั่งอมยิ้มอยู่ตรงหน้าก่อนจะหันกลับมาสำรวจร่องรอยความบอบช้ำของตัวเอง
“พี่ไม่ได้ตั้งใจ”
น้ำเสียงเศร้าๆของคนพูดเกือบทำให้คนฟังคล้อยตามแต่เธอไม่ได้ตาบอดที่จะมองไม่เห็นรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนหน้าของคนพูด อวิกาถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะกลับมาให้ความสนใจกับงานตรงหน้าแทน
“น้ำเพชรโกรธพี่เหรอ”
จู่ๆใบหน้าที่ยิ้มแย้มก็ค่อยๆหงอยลงทันทีก่อนที่มาธวีจะพาตัวเองมานั่งบนโต๊ะแทนตำแหน่งเอกสาร
อวิกาเงยหน้าขึ้นมองคนเอาแต่ใจก่อนจะถอนหายใจออกมาเสียงดังทำเอาคนมองอยู่ถึงกับใจเสียมากขึ้น
“พี่ขอโทษ”
“เพชรไม่ได้โกรธค่ะ”
“พี่สำนึกผิดจริงๆน๊าที่ทำไปก็แค่แหย่เล่นไม่อยากให้น้ำเพชรเครียด”
คนพูดเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าๆก่อนจะย้ายก้นลงมานั่งที่ตักของคนหน้าบึ้งแทน
“งั้นกลางวันนี้ให้พี่เลี้ยงข้าวปลอบใจนะ”
มาธวีเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มพร้อมกับใช้มือโอบรอบคอของคนที่เธอนั่งตักก่อนจะค่อยๆซบหน้าลงที่บ่าของอีกคนเหมือนเคยชิน
อวิกาล่ะยอมแพ้ลูกอ้อนของหมีตัวนี้จริงๆทำแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆโตมาก็ยังติดเอามาใช้ ไม่นึกอายบ้างหรือไงนะแต่ก็เป็นเพียงแค่ความคิดเมื่อมือของเธอก็ค่อยๆโอมกอดคนขี้อ้อนเอาไว้เช่นกันต้องยอมรับว่าเธอแพ้ลูกอ้อนแบบนี้จริงๆ
ย้อนกลับไปสมัยเด็กตอนนั้นอวิกากำลังจะขึ้นป.1 เด็กน้อยยิ้มอย่างดีใจที่จะได้เจอเพื่อนใหม่ๆพร้อมกับชุดใหม่ที่บิดาเพิ่งซื้อให้แต่เพียงไม่นานรอยยิ้มนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าบูดบึ้งทันทีเมื่อยัยหมีทำไอศครีมหล่นลงที่เสื้อของเธอ
“พี่ผึ้งแกล้งเพชร! พี่ผึ้งแกล้งเพชร! ”
เด็กน้อยอวิการ้องลั่นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นทางทำเอาคนไม่ได้ตั้งใจถึงกับหน้าซีดทำอะไรไม่ถูก มาธวีไม่ได้ตั้งใจแกล้งอย่างที่อีกคนเข้าใจแต่เพราะอยากแบ่งปันไอศครีมให้กับเด็กขี้โวยวายคนนี้และเพราะความซุ่มซ่ามของตัวเองถึงทำให้เกิดเรื่องใหญ่แบบนี้
“พี่ไม่ได้ตั้งใจพี่ขอโทษนะน้ำเพชร”
เด็กหญิงมาธวีเอื้อมมือไปเกี่ยวก้อยคนขี้แยเอาไว้แต่กลับถูกปฏิเสธโดยการดึงมือกลับอย่างไร้เยื่อใย
“น้ำเพชรพี่ขอโทษ”
“ไม่! เพชรโกรธแล้วไม่ต้องมาคุยกัน”
คนพูดชูนิ้วโป้งใส่คนตรงหน้าก่อนจะวิ่งเข้าห้องไป มาธวีมองตามอย่างรู้สึกผิดก่อนจะเดินตามเข้าไปง้อ
เด็กหญิงมาธวีนั่งลงตรงหน้าเด็กขี้แยก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดที่คราบนั้นอย่างเบามือ
“ไม่ต้องมายุ่งกะเค้า”
เด็กน้อยเอ่ยออกมาอย่างงอนๆแต่ก็ไม่ได้ปัดมือที่กำลังเช็ดคราบที่เสื้อออกและเพียงไม่นานมาธวีก็ยิ้มออกมาก่อนจะค่อยๆเอนตัวซบลงไปที่ไหล่ของเด็กตัวน้อย
“พี่ขอโทษดีกันนะ”
เด็กน้อยอวิกายังคงทำหน้าบึ้งอยู่เช่นเดิมหากแต่ตอนนี้เหมือนเธอจะถูกแรงดึดดูดให้ต้องซบหน้าลงที่ไหล่ของคนที่มาง้อเด็กน้อยไม่รู้หรอกว่าทำไมถึงต้องทำแบบนี้รู้แต่ว่ามันอบอุ่นและปลอดภัยจนเธอไม่อยากผละหนีไปไหน
“อย่าแกล้งเพชรอีกนะ”
“ค่ะ เพชรก็อย่าแกล้งพี่อีกนะ”
อวิกาค่อยๆดันตัวออกก่อนจะทำหน้าเหมือนคิดอะไรบางอย่าง
“ไม่แกล้งพี่ผึ้ง”
เด็กน้อยยิ้มออกมาอย่างเจ้าเลห์ก่อนจะเอาเสื้อที่เปื้อนของตัวเองไปถูกเสื้อของคนตรงหน้าแม้จะเป็นรอยไม่มากแต่ก็สร้างเสียงหัวเราะให้กับคนทำได้ไม่น้อย ก่อนที่เจ้าตัวจะลุกวิ่งออกไปที่ประตู
“ไม่แกล้งหมีก็ไม่ใช่น้ำเพชรสิ ฮ่า ฮ่า”
จบประโยคคนพูดก็วิ่งหัวเราะออกไปทันทีทิ้งให้มาธวีต้องเผชิญกับอารมณ์ขุ่นมัวอีกครั้ง…เป็นเด็กแคระที่แสบเกินเยียวยาจริงๆ
บ้านเอกอมรกุลในตอนนี้คนในบ้านกำลังวุ่นกับการทำหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จเนื่องจากเป็นเวลาเย็นมากแล้วจะมีก็แต่แพรวรุ่งเท่านั้นที่ดูจะว่างไม่มีอะไรทำเพราะไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มีแต่คนช่วยหยิบจับจนเธอแทบจะเป็นง่อย
“ไม่ได้นะคะคุณรุ้งไปนอนตรงนั้นเลย”
นี่ประโยคจากแม่บ้านที่เธอกำลังจะไปช่วยล้างผัก
“อุ้ย! คุณรุ้งขาไปนั่งเถอะค่ะถ้าคุณๆรู้เข้าอีฉันตายแน่ๆ”
อีกหนึ่งเสียงที่เข้ามาแย่งไม้กวาดในมือเธอพร้อมกับการพนมมือไหว้เพื่ออ้อนวอนให้เธอหยุด
แพรวรุ่งเดินมานั่งที่สวนหน้าบ้านด้วยอารมณ์เบื่อๆอาจเพราะเธอเคยชินกับการทำงานมาตั้งแต่เด็กพอไม่ได้ทำอะไรนานๆก็เลยเกิดอาการที่เรียกว่าคันไม้คันมือแต่จะทำอะไรได้ในเมื่องานบ้านทั้งหมดเธอไม่สามารถเข้าไปแตะต้องได้
“มาทำอะไรตรงนี้”
น้ำเสียงแข็งๆลอยมาแพรวรุ่งแทบไม่ต้องหันไปมองเธอก็รู้ว่าเจ้าของเสียงนี้คือใคร
“ถามก็ไม่ตอบเป็นใบ้หรือไง”
อาศิราเอ่ยถามออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เริ่มหงุดหงิดก่อนจะเดินเข้าไปนั่งข้างๆคนที่คุยด้วย
“ฉันไม่รู้จะตอบอะไร คุณก็เห็นนิว่าฉันนั่งเฉยๆ”
น้ำเสียงบวกกับสีหน้าเบื่อหน่ายที่คนพูดแสดงออกมาทำเอาอาศิราถึงกับจุกเพราะไม่คิดว่าจะมีใครกล้าทำแบบนี้กับตัวเอง
“เธอนี่มัน!”
“ฉันขอตัวก่อนนะคะรู้สึกหายใจไม่ออก”
แพรวรุ่งพูดจบก็ลุกขึ้นเดินเข้าบ้านทันทีแต่แล้วการก้าวเท้าก็ต้องหยุดลงเมื่อคนที่เธอหันหลังให้คว้าแขนของเธอเอาไว้
“อย่าเดินหันหลังให้ฉัน!”
“ฉันจะเข้าบ้านไม่ให้หันหลังแล้วจะให้เดินถอยหลังเข้าไปหรือยังไง”
แพรวรุ่งเริ่มหมดความอดทนกับชายหนุ่มนิสัยเสียคนนี้เหมือนกันเธอพยายามจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าเพราะไม่อยากจะทะเลาะด้วยแต่อาศิราก็ขยันเข้ามาหาเรื่องเธอได้ตลอดจนบางครั้งตัวเธอเองก็อดที่จะตอดกลับไปไม่ได้
“ยอกย้อนปากเก่งขึ้นทุกวันนะ”
อาศิราออกแรงบีบมือคนตรงหน้ามากยิ่งขึ้นจนแพรวรุ่งต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแต่ทว่าอารมณ์ที่เริ่มปะทุของชายหนุ่มก็มากเกินกว่าจะดับลงได้
“ฉันจะดูสิว่าเธอจะเก่งได้อยากปากพูดหรือเปล่า”
พูดจบชายหนุ่มก็ดึงตัวหญิงสาวเข้ามาสู่อ้อมกอดพร้อมกับการบดขยี้ริมฝีปากของแพรวรุ่งอย่างรุนแรง หญิงสาวพยายามดิ้นรนให้ออกจากวงแขนของคนตรงหน้าแต่ก็ทำไม่ได้เพราะยิ่งดิ้นอาศิราก็ยิ่งออกแรงกอดเธอแน่นขึ้นและยังเพิ่มความรุนแรงของจูบให้มากขึ้นอีกด้วย หยาดน้ำตาค่อยๆไหลออกมาเป็นทางนั่นถึงทำให้คนขาดสติกลับมาเป็นคนอีกครั้ง อาศิราค่อยๆคลายอ้อมแขนออกก่อนจะมองหน้าคนร้องไห้ด้วยความสับสน
“ไอ้เลว!”
เสียงจากชายหนุ่มอีกคนดังมาจากด้านหลังพร้อมกับการกระชากตัวคนทำผิดออกมาก่อนจะจัดการกระแทกหมัดเข้าที่ใบหน้าของอาศิราอย่างจังจนคนถูกต่อยถึงกับล้มลงไปกองกับพื้น
“ไอ้ชั่วรังแกได้แม้แต่ผู้หญิง อย่าอยู่เลยมึง”
พงศกรก้าวเท้าเข้าไปหมายจะจัดการกับคนที่เหยียบย่ำหัวใจของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่แล้วชายหนุ่มก็ต้องหยุดการกระทำเมื่อมีมือของใครบางคนคว้าแขนของเขาเอาไว้
“พอเถอะพี่กร”
“รุ้งจะปกป้องมันทำไมคนแบบนี้อยู่ไปก็หนักแผ่นดิน”
“รุ้งไม่ได้ปกป้องเค้า”
“แล้วจะห้ามพี่ทำไม”
“รุ้งไม่อยากให้มือสะอาดของพี่ต้องไปแปดเปื้อนกับคนสกปรกแบบนี้”
แพรวรุ่งเอ่ยออกมาอย่างเจ็บปวดไม่อยากจะเชื่อว่าเธอกำลังจะมีลูกให้กับซาตานคนนี้
“เธอว่าฉันเหรอ!”
อาศิราเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวพร้อมกับลุกขึ้นมองคนทั้งคู่ด้วยสายตารังเกียจ
“ผู้หญิงอย่างเธอมีสิทธิ์อะไรมาใช้คำพูดแบบนี้กับฉันส่วนแกก็เตรียมเก็บข้าวของไปได้เลย…ฉันไล่แกออก! ”
คนพูดลูบที่ปากของตัวเองที่บัดนี้มีน้ำสีแดงไหลออกมาไม่หยุด
“ฉันไปแน่! ป่ะรุ้งอย่าอยู่ที่นี่เลยพี่จะพากลับบ้าน”
พงศกรพูดขึ้นก่อนจะหันไปจับมือคนข้างๆเอาไว้
“ฉันให้แกไปคนเดียวไม่เกี่ยวกับเมียฉัน”
“อย่ามาออกคำสั่ง! ฉันมาที่นี่ก็เพราะรุ้งถ้าจะไปรุ้งก็ต้องไปกับฉัน!”
พูดจบพงศกรก็จูงมือแพรวรุ่งเดินออกไปทันทีแต่อาศิราก็เร็วมากพอที่จะเข้าไปแย่งตัวหญิงสาวเอาไว้ก่อนจะเอาคืนด้วยการปล่อยหมัดเข้าที่หน้าของพงศกรจนชายหนุ่มถึงกับกลิ้นไปหลายตลบ
“พี่กร! ”
แพรวรุ่งสบัดมือที่ถูกอาศิราจับไว้ออกก่อนจะวิ่งไปดูคนโดนต่อยอย่างเป็นห่วง อาศิรารู้สึกหวิวๆยังไงบอกไม่ถูกกับภาพที่เห็นแต่อารมณ์ที่ปะทุในตอนนี้มันมีมากพอที่จะทำให้เขาขาดสติพร้อมกับเดินเข้าไปหมายจะจัดการไอ้คนสวนอวดดีอีกครั้ง
“พอได้แล้วค่ะ! ”
น้ำเสียงจากด้านหลังทำให้อาศิราต้องหยุดการกระทำทุกอย่างลงก่อนจะหันกลับไปมองหน้าเจ้าของเสียงที่บัดนี้กำลังทำหน้าเศร้าและสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มเจ็บปวดที่สุดก็คงจะเป็นแววตาผิดหวังที่อวิกามองมายังเขานั่นถึงกับทำให้อาศิราหมดแรงจนถึงกับทรุดลงนั่งกับพื้น
“จะไม่มีใครไปไหนทั้งนั้น”
อวิกาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดก่อนจะหันไปหาแพรวรุ่ง
“เพชรต้องขอโทษสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยนะคะ พี่รุ้งพานายกรไปทำแผลก่อนเถอะค่ะ”
พูดจบอวิกาก็เรียกให้แม่บ้านมาช่วยคนทั้งคู่จากนั้นเธอก็หันหลังเดินกลับเข้าบ้านทันทีโดยไม่เอ่ยอะไรกับคนก่อเรื่องสักคำ
“เพชร”
อาศิราเอ่ยเรียกน้องสาวด้วยน้ำเสียงสั่นๆแต่คนถูกเรียกกลับไปมีทีท่าจะหันกลับมามองเลยแม้แต่น้อย อวิการู้ตัวดีว่าพี่ชายรู้สึกอย่างไรซึ่งมันก็คงไม่ต่างจากเธอแต่ต่อจากนี้ไปอาศิราควรกลับมาเป็นคนเดิมได้แล้วและคงมีวิธีนี้วิธีเดียวที่จะดึงพี่ชายที่น่ารักของเธอกลับมาได้
อาศิรายกมือขึ้นปาดน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาเขารู้สึกเจ็บปวดเมื่อได้เห็นสายตาที่บ่งบอกถึงความผิดหวังและเสียใจของน้องสาวนั่นทำให้เขาได้ตระหนักว่าตัวเองกำลังทำผิดเกินกว่าที่อีกคนจะรับได้และมันคงจะมากไปจริงๆจนอวิกาหันหลังให้กับเขา
เปิดจอง "สัญญาวิวาห์กำมะลอ" วันนี้ - 10 ธ.ค 56 ^^
รายละเอียดการจอง
ราคาเล่มละ 350 บาท
ค่าส่งลงทะเบียน 30 บาท
รวมที่ต้องโอน 380 บาท
สำหรับการสั่งซื้อแบบ pdf ราคา 250 บาท
โอนเงินมาได้ที่
ธนาคารกสิกรไทย
สาขาเซ็นทรัลแอร์พอร์ตเชียงใหม่
457-211-232-8
ชื่อบัญชี สมทรัพย์
โอนเสร็จแจ้งวันเวลาการโอนมาได้ที่
Mail
mydestiny_k@hotmail.com Tel 087-0591110
Line samakae
fb facebook.com/mea.you.927
ถ้าสั่งแบบpdf ให้แจ้งเมล์ที่จะให้จัดส่งไฟล์ด้วยนะคะ
แบบ e-book ก็มีเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่
mebmarket.com/index.php?action=BookSearchResults&type=author&search=meAyou
ขอบคุณที่ติดตามจ้า