Dream ฝันค้างบนทางรัก
บทที่ ๒ : ฤๅนิมิตนี้ดั่งบ่วงลวงใจ
ฐิติณัชชายังนั่งอึ้งอยู่เป็นนาน เธอยังนึกถึงใบหน้าของรุ่นพี่คนนั้นสลับกับใบหน้าหญิงสาวในฝันที่สวมชุดไทยโบราณ เพราะหลังจากคืนนั้นแรกที่เธอฝันเห็นหญิงสาวประหลาดคนดังกล่าวแล้ว ทุกคืนหลังจากนั้นหญิงสาวก็มาเข้าฝันเธออยู่ทุกค่ำคืน โดยเป็นฝันที่ต่อเนื่องกัน คืนต่อมาหลังจากที่คืนแรกได้พบกันแล้วเธอก็ได้ทำความรู้จักกัน คืนต่อๆมาเธอยังฝันถึงนางวนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกล้าเอ่ยปากฝากรักกับนาง จนในที่สุดก็ได้ ผูกสมัครรักใคร่กันฉันคนรัก คืนแล้วคืนเล่าที่เธอฝัน ในฝันนั้นเธอรู้สึกมีความสุขมากที่ได้อยู่กับคนรัก และได้ร่วมอภิรมย์สมปองกับนางอันเป็นที่รักนั้น
บทอัศจรรย์ ๑
กอดประทับกับกายสายสวาท อนงค์นาฏถนอมจิตสนิทสนอง
เสน่ห์แนบแอบเอียงเคียงประคอง ตามทำนองสองสนิทไม่บิดพลิ้ว
อัศจรรย์หวั่นไหวไม่เร่งรัด เป็นลมพัดเรื่อยเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยฉิว
ช่อใบไม้ไหวกระดิกริกริกริ้ว ระหวยหิวหอบระเหยเลยหลับไป ๒
เรื่อยเรื่อยเหล่าภุมรินต่างบินว่อน เกลือกเกสรบัวทองอันผ่องใส
รื่นรื่นรสสุคนธ์ปะปนไป ส่องดวงใจจ่อจิตสนิทนอน ๓
อัศจรรย์บันดาลเป็นฝอยฝน ดวงอุบลชื่นแช่มแย้มขยาย
ที่ห่อหุ้มกลีบกล้ำก็จำคลาย คลี่ระบายบานแบ่งรับแสงจันทร์
หมู่ภุมรินบินร้องเที่ยวเร่ร่อน แทรกไซ้เกสรโกสุมสวรรค์
สองสมสอดคล้องทำนองกัน เกษมสันต์หรรษาในราตรี ๔
จนในที่สุดความรักก็แทรกซึมเข้าสู่หัวใจของเธออยู่ทุกอณูจากแต่ก่อนเธอรู้สึกรักนางในฝันคนนั้นแค่เพียงยามที่เธอหลับฝันเท่านั้น พอตื่นขึ้นมามันก็เป็นเพียงฝันที่สร้างความประหลาดสุขอย่างให้เธอเท่านั้นเมื่อตื่นขึ้นมาเธอยังใช้ชีวิตปรกติต่อไป แต่หลังจากที่ฝันติดต่อกันทุกคืนเธอก็หลงใหลในตัวนางนั้นทั้งยามหลับและตื่น แต่เธอสามารถพบกันได้แค่เพียงในความฝันของเธอเท่านั้น เธอจึงพยามยามเร่งวันเร่งคืนให้ฟ้ามืดเร็วๆ เพื่อจะได้เข้าสู่ความฝันอันแสนหวานนั้นได้รักกันกับนางนั้น
สวรรค์กำลังเล่นตลกกับเธอใช่ไหมถึงให้เธอมีความรักแบบนี้ เธอเคยรู้สึกรับไม่ได้กับสิ่งที่มารดาและอาสาวของเธอเป็น เพราะเธอไม่ยอมรับว่ามันคือความรักอีกรูปแบบหนึ่ง แต่ในวันนี้เธอกลับต้องมาพบเจอและยอมรับโดยดุษณีว่ามันคือความรัก หรือมันเป็นเวรกรรมจากการเธอตะโกนใส่หน้ามารดาและอาสาวในวันนั้น บาปที่ทำให้มารดาบังเกิดเกล้าต้องเสียน้ำตา วันนี้เธอเข้าใจแล้วว่าความรักแบบนี้มันทุกทรมานแค่ไหนเธอเข้ามารดาและอาสาวของเธอแล้ว มารดาของเธอคงต้องทุกข์ทรมานที่ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักนับสิบปี มารดากับและอาอันณิภาต้องแกล้งทำเป็นไม่คิดอะไรและไม่สามารถทักทายกันเกินกว่า พี่สะใภ้และน้องสะใภ้ได้ ทั้งๆที่คนรักอยู่ต่อหน้า วันนี้เธอรู้สึกทรมานมากกว่ามารดาเป็นร้อยเท่าเสียอีกเพราะคนรักของเธอนั้นไม่ได้ตัวตนอยู่บนโลกไปนี้ คนรักของเธอไม่มีตัวตนให้เธอได้พบหน้าและจับต้องเช่นนั้น คนรักของเธอเป็นเพียงจินตนาการในภาพนิมิตฝันของเธอเท่านั้นเอง
เธอนิ่งคิดถึงใบหน้าของรุ่นพี่คนนั้นสลับกับใบหน้าของหญิงสาวคนรักของเธออยู่เป็นนาน เธอไม่ได้ฝันไปเหมือนทุกครั้งใช่ไหม วันนี้คนรักที่เธอเคยคิดว่าเธอเป็นเพียงจินตนาการในภาพนิมิตฝันของเธอได้มาปรากฏตัวให้เห็นต่อหน้าของเธอแล้ว ถึงแม้ว่าจะมาในนามของนักศึกษารุ่นพี่ก็ตามแต่เธอก็คิดว่ามันคงต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกันแน่นอน แค่เพียงเห็นหน้าเท่านี้ในความรู้สึกของเธอเหมือนกับว่านางในฝันของเธอนั้นกับรุ่นพี่เป็นคนเดียวกันเพราะแววตาที่เธอจ้องมองเข้าไปมันบอกเธออย่างนั้น
.....................................................................
จนกระทั่งพิธีการการปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่เสร็จสิ้นลง ทางมหาวิทยาลัยได้ให้นักศึกษาใหม่แยกกันนั่งตามคณะต่างๆเพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ฐิติณัชชาจึงย้ายที่นั่งไปนั่งยังส่วนของคณะของเพื่อพบปะกับคณาจารย์และรุ่นพี่นักศึกษาคณะเดียวกัน และได้ทำความรู้จักกับเพื่อนนักศึกษาร่วมชั้นปี ฐิติณัชชานั่งมองเพื่อนนักศึกษาหลายคนพุดคุยกันอย่างสนุกสนาน พวกเขาอาจจะรู้จักกันก่อนหน้านี้แล้ว แต่เธอเพิ่งมาจากญี่ปุ่นจึงไม่รู้จักใคร ได้แต่นั่งนั่งเงียบๆ คนเดียว ในขณะที่ฐิติณัชชากำลังนั่งเหงาอยู่คนเดียวก็ได้มีคนมาทักทายเธอ
“สวัสดีค่ะ ชื่ออะไรเหรอคะ เราเมย์ – เมธาวี บริรักษ์พงศ์ค่ะ” เมธาวีกล่าวทักทายฐิติณัชชาพร้อมกับส่งยิ้มมาให้
“เราฟาง – ฐิติณัชชา ประพันธ์กุล ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ นั่งด้วยกันสิคะ” ฐิติณัชชารู้สึกดีใจที่เมธาวีมาทักทายเธอ จึงแนะนำตัวไปบ้างและเชื้อเชิญให้นั่งข้างๆ
“ขอบคุณค่ะ เราก็ยินดีที่ได้รู้จักฟางเช่นกัน แล้วนี่ฟางไม่มีเพื่อนเหรอคะ”
“ไม่มีหรอกค่ะพอดี คุณพ่อเพิ่งพาเรามาจากที่อื่นนะคะ....” หลังจากนั้นฐิติณัชชาจึงเล่าเรื่องราวของเธอให้เมธาวีฟัง
“งั้นก็เหมือนเราเลย เราก็ไม่มีเพื่อนเหมือนกันเพราะเรา....” เมธาวีหลังจากฟังเรื่องราวของตัวเองให้ฐิติณัชชาเพื่อแลกเปลี่ยนกัน
“ถ้าเราต่างคนต่างไม่มีเพื่อนแบบนี้ เรามาเป็นเพื่อนกันนะคะ” ฐิติณัชชาเอ่ยปากขอเป็นเพื่อนกับเมธาวีซึ่งเมธาวีตอบรับด้วยความดีใจ
“ค่ะด้วยความยินดี”
เมธาวีเล่าให้ฐิติณัชชาฟังว่าตัวเธอมาเรียนคณะนี้คนเดียวและไม่มีเพื่อนมาเรียนด้วยเช่นเดียวกับฐิติณัชชา เมธาวีเป็นที่มีพื้นเพในจังหวัดนี้แต่อยู่ต่างอำเภอ เพื่อนๆที่สนิทกันที่โรงเรียนเดิมต่างแยกย้ายไปเรียนที่มหาลัยอื่นๆ เมธาวีสังเกตเห็นฐิติณัชชานั่งอยู่คนเดียวไม่มีเพื่อน จึงคิดว่าอาจจะมาเรียนที่นี่คนเดียวเหมือนกันกับเธอ เธอจึงลุกจากเก้าอี้เพื่อไปทักทายและทำความรู้จัก เมธาวีเช่าหอพักอยู่คนเดียวซึ่งไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้เท่าใดนัก
ในระหว่างการปฐมนิเทศที่ต้องพักในมหาวิทยาลัยสามวัน ฐิติณัชชาได้พักในห้องเดียวกันกับเมธาวี ทั้งคู่จึงสนิทสนมกันมากกว่าเพื่อนนักศึกษาในคณะแพทย์ศาสตร์คนอื่นๆ มีการแลกเบอร์โทรศัพท์กัน เพื่อใช้ติดต่อกันภายหลังจากปฐมนิเทศเสร็จ
หลังการปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ที่จัดขึ้น ๓ วันได้เสร็จสิ้นลงและได้มีการนัดหมายกันระหว่างนักศึกษารุ่นพี่กับนักศึกษาใหม่เรียบร้อยแล้ว นักศึกษาเหล่านั้นก็ได้เดินทางกลับบ้านเพื่อเตรียมตัวสำหรับการศึกษาเล่าเรียนที่จะเปิดภาคเรียนในอีกไม่กี่วันต่อจากนี้
เมื่อกลับบ้านฐิติณัชชาก็โทรศัพท์คุยกันกับณัฏฐรินีย์ น้องสาวฝาแฝดของเธอ สอบถามสารทุกข์สุขดิบกันพอสมควรแล้วจึงขอตัวนอนหลับพักผ่อนหลังจากที่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับกิจกรรมที่ต้องปฏิบัติในระหว่างการปฐมนิเทศ
............................................................
๑ บทอัศจรรย์ คือ บทที่พระนางมีเพศสัมพันธ์กัน โดยใช้ภาษาและธรรมชาติเป็นสัญลักษณ์แทนการแสดงพรรณนาฉากรักฉากพิศวาสของตัวละคร โดยการใช้ลักษณะของลมพายุ คลื่น ทะเล ผีเสื้อกับดอกไม้ ฯลฯ ถือว่าเป็นการนำเสนอศิลปะอย่างหนึ่งของผู้ประพันธ์ เพราะผู้ประพันธ์จะไม่นำเสนอแบบตรงไปตรงมา ในการแปลความหมายจะไม่แปลตามตัวอักษรผู้อ่านต้องใช้อาศัยจินตนาการจึงจะซาบซึ้งถึงความไพเราะของบทประพันธ์นั้นๆ ซึ่งในนิยายเรื่องนี้ทอถักอักษราต้องการใช้บทอัศจรรย์แสดงบทที่ตัวละครมีเพศสัมพันธ์กันเพื่อให้เป็นงานศิลปะและไม่ใช่อนาจาร
๒ จากเรื่อง พระอภัยมณี บทประพันธ์ ของสุนทรภู่
๓ จากเรื่อง พญาราชวังสัน พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๖
๔ จากเรื่อง อิเหนา พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๒