ตอนที่ 15
“จ้องมากๆ ระวังไอ้เอมมันท้องนะเว้ยเฮ้ย” เสียงกวนประสาทของมิ่งขวัญดังขึ้นพร้อมกับน้ำที่ถูกวักขึ้นมาสาดใส่ชลธิดาแบบไม่ยั้ง ทำให้คนโดนแซวที่ร่างกายช่วงบนเริ่มแห้งไปบ้างแล้วกลับมาเปียกมะลอกมะแลกอีกครั้ง ก่อนจะว่ายน้ำหนีไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ
สองสาวผละออกจากกันในทันที พร้อมกับใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดงร้อนผ่าวด้วยกันทั้งคู่ และถึงแม้จะอายกับสิ่งที่เพิ่งผ่านไปแต่นุชนารถก็แอบเสียดายอยู่นะ นึกแล้วก็ขุ่นๆ กับไอ้เพื่อนตัวดีที่ดันเข้ามาขัดจังหวะกันเสียได้
ส่วนไอ้คนโดนเพื่อนแกล้งเองก็ทำตัวไม่ถูก ได้แต่ตะโกนไล่หลังต่อว่าไอ้เพื่อนตัวแสบเพื่อแก้เก้อความขัดเขินของตัวเอง
“มาก่อหวอดแล้วคิดจะชิงหนีไปง่ายๆ เหรอว่ะไอ้ขวัญ”
“ไม่ได้หนีโว้ย แค่ถอยไปตั้งหลัก” มิ่งขวัญหันกลับมาบอกก่อนจะว่ายน้ำห่างออกไปอีก
“ตั้งหลักซะไกลเลยนะมึง แล้วคิดเหรอว่าระยะแค่นี้มึงจะรอด” ชลธิดาตะโกนขู่เตรียมหมายหัวไอ้เพื่อนตัวดี
“โอ้ยๆ น่ากลัวจุงเบย อย่าเก่งแต่ขู่สิโว้ย แน่จริงก็ลงมาเด่ แบร่ๆ” แต่มิ่งขวัญกลับไม่มีท่าทีสะทกสะท้านกับท่าทางคาดโทษของเพื่อนตัวสูงเลย แถมคราวนี้ยังทำท่าแลบลิ้นปลิ้นตาล้อหลอกท้าทายอีกด้วย
ชลธิดาหัวคิ้วกระตุกทำอย่างนี้คิดจะลูบคมกันนี่หว่า ว่าแล้วก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะหันหลังเดินห่างจากขอบสระไป พวกที่เหลือเห็นอย่างนั้นก็ทำหน้างงๆ ว่าเพื่อนตัวสูงเป็นอะไรไป เพราะถ้าเป็นปกติป่านนี้ได้กระโจนลงน้ำเพื่อไปสำเร็จโทษไอ้ตัวป่วนแล้ว หรือว่าจะโกรธกันขึ้นมาจริงๆ แล้วก็เป็นไอ้ตัวป่วนเองที่เป็นคนเปิดปากถาม
“อ้าวเฮ้ยไอ้เดียร์ เป็นไรว่ะป๊อดรึไงมึง ไม่แน่จริงนี่หว่า” แม้จะสงสัยว่าโกรธกันจริงหรือเปล่า แต่ก็ไม่วายแกล้งแหย่เพื่อนรักไปอีกดอก หวังจะให้คนที่เดินหนีไปหันกลับมาต่อปากต่อคำกับตัวเองเหมือนเดิม
แล้วก็ได้ผล ชลธิดาหยุดเดินทันทีก่อนจะหันหลังกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มประทับอยู่บนใบหน้า ที่มิ่งขวัญเห็นแล้วถึงกับหน้าสลด ยิ้มแบบนั้น รอยยิ้มแบบนั้น ใช่แน่ๆ
“ซวยแล้วๆ” มิ่งขวัญรีบหันหลังกลับเพื่อที่จะว่ายน้ำหนีแต่ก็ดูจะช้าเกินไป เมื่อชลธิดาออกตัววิ่งกลับไปที่ขอบสระน้ำด้วยความเร็ว ก่อนจะกระโดดตัวลอยละลิ่วลงไปยังสระน้ำตรงจุดที่มิ่งขวัญอยู่
ตู้มมมมม! เสียงของหนักตกลงสระพร้อมกับสายน้ำที่สาดกระเซ็นกระจายเป็นวงกว้าง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องอันโหยหวนของปีศาจร้าย อาเมน~~~~~~~~~
“ฮ่าๆๆ” นุชนารถนั่งหัวเราะขำกับพฤติกรรมเด็กๆ ของสองเพื่อนซี้ที่ยังคงไล่ตีกันอยู่ในน้ำไม่ยอมหยุด ก่อนที่ร่างอรชรของเพื่อนสาวสุดซี้ของตัวเองจะโผล่ขึ้นมาจากน้ำ แล้วว่ายมาเกาะที่ขอบสระตรงที่นุชนารถนั่งอยู่
“ไง ขอโทษกันเรียบร้อยแล้วล่ะสิ” ชโลธรร้องทัก
“อืม เรียบร้อยแล้วล่ะ” นุชนารถตอบใบหน้าของเธอตอนนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“แหม อารมณ์ดีจังเลยน้า~~~~ เอ....หรือว่าไอ้ที่นั่งจ้องตากันเมื่อกี้มันจะมีอะไรดีๆ นะ บอกให้รู้กันมั่งสิคุณเพื่อน” ชโลธรแกล้งทำเป็นลากเสียงยาวล้อเลียนคนที่ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
นุชนารถไม่ได้พูดอะไรออกไป ได้แต่ส่งยิ้มสวยๆ ให้แทนคำตอบ ชโลธรเห็นรอยยิ้มที่ยิ้มทั้งหน้าทั้งตาที่เพื่อนรักส่งมาให้เธอก็รู้ได้ทันทีว่ารอยยิ้มนั้นหมายความว่าอย่างไร ก็อย่างที่เขาว่าล่ะนะเพื่อนที่สนิทกันมากๆ ไม่ต้องบอกไม่ต้องอธิบายกันให้มากความแค่มองสีหน้าก็เข้าใจ เธอจึงยิ้มตอบกลับไปด้วยความยินดี แต่ก็ไม่วายขอแขวะเพื่อนรักสักหน่อยเถอะ ก็มันอดหมั่นไส้คนมีความสุขไม่ได้นี่นา
“หุบยิ้มบ้างก็ได้นะแก เดี๋ยวใครเขาจะหาว่าบ้า” แต่นุชนารถกลับหัวเราะชอบใจก่อนจะหันไปถามคนที่ว่าเธอบ้าง
“แล้วแกไม่คิดอยากจะเป็นคนบ้าบ้างเหรอ”
“ไม่อ่ะ อยู่คนเดียวดีกว่าสบายใจดี ไม่วุ่นวาย ไม่ปวดหัว” ชโลธรบอกอย่างไม่ยี่หระ
“ก็เห็นพูดอย่างนี้กันทุกคน แต่พอเจอใครถูกใจเข้าหน่อยสิ ขี้คร้านจะรีบหาวิธีใช้หัวให้ได้ปวดกันตลอดเวลา”
“นั่นมันคนอื่นแต่รับรองว่าไม่ใช่ฉันแน่นอน ถ้าให้คบเล่นๆ ไว้บริหารเสน่ห์ชั่วครั้งชั่วคราวก็พอได้แต่จะให้จริงจังจริงใจแบบแกฉันไม่เอาด้วยหรอก” ชโลธรบอกพร้อมกับหันร่างให้หลังพิงกับขอบสระแทน
“จ้า แล้วฉันจะรอดูว่าไอ้ temporary love อย่างแกมันจะเปลี่ยนเป็น true love ได้รึเปล่า”
“no way รับรองว่าแกได้รอจนแก่ตายแน่ๆ ยัยเอม ฮ่าๆๆ”
‘หึๆ หัวเราะเข้าไปเถอะยัยอ้อม ฉันจะรอดูแกแน่ๆ’ นุชนารถไม่ได้พูดออกไป ได้แต่นึกในใจเท่านั้น
ทางด้านสองสาวที่ยังคงไล่ตีกันอยู่ในน้ำ
“หยู๊ดดดดด.........ขอเวลานอกพักหายใจกันก่อนโว้ย แฮ่กๆ” มิ่งขวัญที่ว่ายหนีมาแตะที่ขอบสระได้ก็รีบหันมาร้องห้ามเสียงดัง พลางยกมือขึ้นมาทำท่าประกอบบอกคนที่กำลังว่ายน้ำไล่ตามตนเองมาติดๆ แต่......
เพี๊ยะ! ไม่ทันซะแล้วฝ่ามืออรหันต์ได้ฟาดลงมาเป็นที่เรียบร้อย ตามมาด้วยเสียงร้องครางอู้ของมิ่งขวัญนั่นเอง
“อูยย....เจ็บฉิบเป๋ง ไอ้เดียร์มึงแน่ใจนะว่าไอ้ที่ฟาดลงมาเป็นมือไม่ใช่อย่างอื่น” มิ่งขวัญต่อว่าพลางลูบแขนตัวเองป้อยๆ เพื่อลดความเจ็บ
“มือสิว่ะ ถ้าไม่เชื่อจะลองอีกทีก็ได้นะโว้ย” ชลธิดาว่าพลางยกมือขึ้นทำท่าว่าจะฟาดคนถามอีกสักที
“พอๆ ไม่ต้องเลยมึง มือคนแต่แรงควายอย่างนี้ ถ้าฟาดมาอีกทีแขนกูได้หักกลายเป็นคนพิการแน่ๆ” มิ่งขวัญรีบออกตัว ร้องห้ามคนมือหนักให้ยั้งมือเอาไว้ก่อนที่เธอจะเจ็บตัวมากไปกว่านี้
“แหม...โคแนนอย่างมึงแขนมันไม่หักง่ายๆ หรอกโว้ย ออกจะเถื่อนถึก”
“เอ๊ะไอ้นี่! เดี๋ยวปั๊ดตบปากแตก อยู่ดีๆ มาว่ากูเถื่อน เกิดหนุ่มๆ มาได้ยินเข้าก็วิ่งหนีหัวหดกันหมดนะสิว่ะ” มิ่งขวัญแว๊ดกลับมาทันที มีอย่างที่ไหนมาว่าผู้หญิงตัวน้อยๆ อย่างเธอเถื่อนแถมยังมีถึกตามหลังอีกต่างหาก
“โอ้ยย...ต่อให้มันไม่ได้ยิน มันก็วิ่งหนีมึงกันหมดอยู่แล้ว ออกจะบ้าพลังซะขนาดนี้ ใครมันจะไปคิดว่ามึงจะพึงใจกับอกสามศอกมากกว่าอกคัพซีห๊ะ!” ชลธิดาว่าเสียงดัง
“ชิชะไอ้นี่ มันก็ต้องมีพลาดมาสักคนมั่งแหละ สวรรค์คงไม่ใจร้ายกับผู้หญิงตาดำๆ อย่างกูมากนักหรอก เชอะ!” มิ่งขวัญว่าพลางส่งค้อนปะหลับปะเหลือกใส่
“มีแน่ถ้ามึงลดความห้าวลงแล้วเพิ่มความเป็นหญิงมากขึ้น ขี้คร้านหัวกระไดได้มันแผล็บๆ” ชลธิดาบอก ก็มิ่งขวัญตาหน้าไม่ได้ขี้เหร่สักหน่อยออกจะหน้าตาดีด้วยซ้ำ แถมยังกระเดียดออกไปทางฝรั่งอีกต่างหาก อย่างกับลูกเสี้ยวทั้งๆ ที่ไม่มีเชื้อสายเลยสักกะนิ๊ด จนบางครั้งเธอยังเคยคิดเลยว่ามิ่งขวัญอาจจะเป็นเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยงก็เป็นได้
“อะไรของมึงห๊ะหัวกระไดมันแผล็บๆ” มิ่งขวัญถาม ภาษาบ้าบออะไรของมันอีกล่ะเนี่ย
“ก็หัวกระไดไม่แห้งไง เหยียบกันจนพื้นลื่นแผล็บๆ จนหนุ่มๆ พากันลื่นหัวแตก อดเข้าไปขอลูกสาวในบ้านเลย ฮ่าๆ” ชลธิดาว่าอย่างขำๆ
“แหมอินี่ บ้านกูมีแผ่นยางกันลื่นโว้ย แต่ต่อให้ไม่มี แต่ถ้าใครถูกใจเดี๋ยวกูบริการอุ้มเข้าบ้านเองก็ด้ายยยยย ฮี่ๆ” มิ่งขวัญบอกหน้าระรื่นก่อนจะหัวเราะเลียนแบบเสียงม้า
“เวร! ให้มันได้อย่างนี่สิ เขามีแต่ให้ผู้ชายอุ้ม แต่เพื่อนกูดันจะอุ้มผู้ชายเข้าบ้านแทน แล้วยังจะมีหน้าบอกว่าไม่แมนอีกนะมึง”
“อย่างนี้เขาไม่ได้เรียกแมนเว้ย เขาเรียกว่าผู้หญิงแข็งแกร่งต่างหาก อิอิ” มิ่งขวัญลอยหน้าลอยตาเถียง ภูมิอกภูมิใจกับความแข็งแรงเกินหญิงของตัวเองเหลือเกิ๊น
“จร้าาา อิผู้หญิงแข็งแกร่ง แต่มึงลืมอะไรไปรึเปล่า”
“ลืมไรว่ะ”
“ก็ลืมว่า ผู้ชายมันอยากได้แฟน ไม่ได้อยากได้ผู้หญิงแกร่งไปแมนแข่งกับมันไง”
“เออว่ะ มันก็จริงของมึงนะ แต่จะให้กูเปลี่ยนมาทำตัวเรียบร้อยอ่อนหวาน น่ารักแอ๊บแบ๊วแบบนั้น กูทำไม่เป็นหรอกแล้วก็ไม่คิดจะทำด้วย” แม้จะเห็นด้วยกับสิ่งที่เพื่อนพูด แต่มิ่งขวัญก็ยังเชิดหน้ากับตัวตนที่แท้จริงของตัวเองได้
“ก็ไม่ได้ให้ทำขนาดน๊านนน แค่ให้ลดความห้าวลงบ้างหนุ่มๆ มันจะได้ชายตามอง ไม่ใช่มีแต่สาวน้อยอย่างน้องเชอร์รี่มาคอยป้วนเปี้ยนเรียกเสียงอ่อนเสียงหวาน พี่ขวัญคะพี่ขวัญขาอยู่แบบนี้” พูดพลางทำเสียงเล็กเสียงน้อยเลียนแบบรุ่นน้องที่เข้ามาติดพันให้เพื่อนสาวออกอาการหน้าบูด
“แหมๆ พูดนิดพูดหน่อยทำเป็นนอยด์นะมึง แต่ก็ไม่แน่นะอาจจะมีตุ๊ดซี่หรือเกย์ดามาหลงเสน่ห์ความแมนของมึงก็ได้ใครจะรู้ อิอิ”
“พอเลยๆ ไอ้เพื่อนเวร ยิ่งมึงพูดมากเท่าไหร่กูยิ่งเสียความมั่นใจมากเท่านั้น เพราะฉะนั้นเปลี่ยนมาพูดเรื่องของมึงมั่งดีกว่า” มิ่งขวัญตัดบทเสียงดังฉับ! ทำเอาเพื่อนรักหัวเราะค้างกลางอากาศจนแทบสำลักน้ำลายตัวเอง
“เอ๊า ไอ้นี่อยู่ดีๆ เปลี่ยนเรื่องคุยเฉยเลยวุ้ย!” ชลธิดาพูดเหมือนบ่นเพราะตามอารมณ์เพื่อนรักไม่ทัน
“ก็คุยเรื่องกูมันไม่สนุกนี่หว่า คุยเรื่องของมึงดีกว่าสนุกกว่ากันเย๊อะ” มิ่งขวัญว่าพลางยักคิ้วได้อย่างน่าหมั่นไส้มาก
“คุยเรื่องกู?”
“เหวยๆ เรื่องของมึงนั่นแหละ ไม่ต้องมาทำหน้าหมางงเลย รีบคายออกมาซะดีๆ” มิ่งขวัญบอกพลางกระดิกนิ้วดิ๊กถี่ๆ
“มึงพูดถึงเรื่องอะไรเนี่ย คนหน้าตาดีอย่างกูไม่เข้าจายยยย” ชลธิดาไม่เข้าใจว่ามิ่งขวัญต้องการอะไร
“หนอยแน่ะ...ทำเป็นไม่เข้าใจนะไอ้แสบ ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าเมื่อกี้มึงกับไอ้เอมกำลังจะทำอะไรกัน” มิ่งขวัญพูดพร้อมกับใช้สันมือเฉาะเข้ากลางหัวให้เพื่อนครางอู้ ก่อนจะส่งสายตาว่ากูเห็นจริงๆ นะเว้ย ให้คนมองเสียวสันหลังวาบ
“ทะ ทำอะไร พูดอะไรของมึง กูไม่เห็นจะรู้เรื่อง”คราวนี้ไม่ได้มึนจริงๆ แต่กำลังแกล้งตีมึนของแท้เลยล่ะ
“แหมๆ ทำอารายยยยยยย ช่างกล้าพูดดดดด”
“ก็กูไม่รู้จริงๆ นี่หว่า” ชลธิดาโว้ยวายกลบเกลื้อน
“อุเหม่ ไอ้นี้นี่ ทำเป็นโว้ยวายกลบเกลื้อนนะมึง ด้ายยยยในเมื่อไม่ยอมบอกกันดีๆ งั้นกูจะเอาเรื่องนี้ไปป่าวประกาศให้ทุกคนในกลุ่มรู้กันหมดเลย” มิ่งขวัญขู่อย่างเป็นต่อ
“มึงจะประกาศเรื่องอะไร” ชลธิดาถามเสียงห้วน
“ก็เรื่องที่มึงกับไอ้เอมกำลังจะ....จอ อู บอ จูบ กันอ่ะดิ อิอิ” มิ่งขวัญว่าพลางทำปากจู๋ล้อเลียนให้เพื่อนสาวหน้าเหวอ
“เฮ้ย! ไอ้บ้า จูบเจิบบ้าบอบ้านมึงอ่ะดิ มั่วใหญ่แล้ว” ชลธิดารีบพูดปฏิเสธ ทั้งๆ ที่หน้าตากับทางท่ารนๆ ที่แสดงออกมานั้นก็เท่ากับเป็นการยอมรับหมดแล้ว
“เหรออออ......” มิ่งขวัญลากเสียงยาว ไม่เชื่อที่เพื่อนบอกสักนิด ก็หลักฐานมันฟ้องอยู่ทนโท่ หน้ามันแดงแจ๋ซะขนาดนั้น
“ก็เออดิ” ชลธิดาโกหกหน้าตาย
“เชื่อตายล่ะ กูไม่ได้ปัญญาอ่อนและก็ไม่ได้ตาบอดด้วยนะว้อยยย จะได้ไม่เห็นที่พวกมึงทำกันอ่ะ” เอาแล้วไง สงสัยงานนี้เห็นทีจะลี้ลำบากซะแล้วไอ้เดียร์เอ้ย
“เห็นไร ไหนมึงบอกกูสิว่ามึงเห็นอะไร” คนตัวสูงท้าทาย เพราะไหนๆ ก็เลี่ยงลำบากแล้ว สู้ถามมันให้รู้แล้วรู้แรดไปเลยดีกว่าว่ามันเห็นอะไรบ้าง จะได้แก้ตัวกันถูกจุด ขอดิ้นเป็นเฮือกสุดท้ายค๊าบ
“ไอ้หอย กูเห็นตั้งแต่ไอ้เอมมันหอมแก้มมึงแล้ว ดังนั้นมึงอย่ามาเฉไฉใส่กู รีบๆ สารภาพบาปมาซะดีๆ อย่าให้หลวงพ่อมีน้ำโห เข้าใจ๊” เวรแล้วไง เล่นเห็นตั้งแต่ต้นอย่างนี้แล้วกูจะดิ้นหนีไปทางไหนได้ว่ะเนี่ย ชลธิดาคิด
“ไอ้เดียร์ มึงอย่ามาทำเป็นตั๊กลีลาบอกกูมาซะดีๆ เร็วๆ ให้ว่องเลย” มิ่งขวัญเร่งเร้าคนตัวสูงก็คนมันอยากรู้ใจจะขาดแล้ว
ในเมื่อหลบเลี่ยงไม่ได้แล้วก็คงต้องบอกความจริงเท่านั้น ไม่อย่างนั้นมีหวังวันนี้ทั้งวันเธอคงโดนมิ่งขวัญซักไซ้ไม่เลิกแน่
“ก็อย่างที่มึงเห็นนั่นแหละ พักนี้ไอ้เอมมันทำตัวแปลกๆ กับกูอยู่เรื่อย” ชลธิดาบอกพลางทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างคนคิดไม่ตก
“แปลกยังไง ไหนมึงลองสาธยายมาให้กูฟังหน่อยสิ เอาแบบละเอียดๆ เนียนๆ เลยนะมึง ห้ามมุบมิบหมกเม็ดตัดตอนเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นกูไม่ให้คำปรึกษามึงจริงๆ ด้วย” มิ่งขวัญพูดแกมข่มขู่ด้วยสีหน้าที่จริงจังแต่ในใจนะเหรอ....กำลังตื่นเต้นดีใจที่จะได้ลวงลับตับแตกเพื่อนสาวอยู่นะสิ ฮี่ๆ
ชลธิดาพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ไปซ้อมเดทรวมถึงเรื่องที่ตัวเองโดนอีกฝ่ายลักหลับแล้วนำรูปถ่ายขึ้นบนหน้าจอมือถือ เรื่องที่ตื่นเช้ามาแล้วเจออีกคนในอ้อมกอด เรื่อยมาจนกระทั้งเรื่องในวันนี้ที่ถูกสาวหมวยจุ๊บแก้ม ตลอดเวลาในขณะรับฟังเรื่องราวจากเพื่อนตัวสูง มิ่งขวัญอดไม่ได้ที่จะแสดงอาการต่างๆ นาๆ ทั้งตื่นเต้น แปลกใจและซักถามบางเป็นบ้างครั้ง
“เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้แหละ มึงว่ามันแปลกไหมล่ะ” ชลธิดาถามความเห็นหลังจากถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมดให้เพื่อนซี้ฟังอย่างหมดเปลือก เออ ยกเว้นเหตุการณ์ระทึก(หัว)ใจบิ๊กเปาลอยน้ำก่อนหน้านี้เท่านั้น ที่ขอเก็บเงียบเอาไว้ชื่นชมคนเดียวพอ หุหุ
“เออแปลกจริงๆ ด้วยว่ะ แต่ไอ้คนที่แปลกคือมึงน่ะ ไม่ใช่ไอ้เอม” มิ่งขวัญตอบพร้อมกับมองหน้าเพื่อนนิ่ง
“อ้าว ไงเป็นงั้นว่ะ” ชลธิดาร้องเสียงหลง เมื่อคำตอบที่ได้ไม่ได้เป็นอย่างที่ใจคิด
“ก็ไอ้เอมมันชอบมึงมาตั้งนานแล้ว มันจะแสดงออกแบบนั้นก็ไม่ได้แปลกอะไรนี่” มิ่งขวัญบอกหน้าตาเฉยเพราะรู้เรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว แต่ไอ้คนฟังสิ หูตั้งหน้าตื่นขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน
“เฮ้ย จริงดิ!” ชลธิดาร้องถามอย่างตกใจ
“เออ กูดูออกมาตั้งนานแร่ะ แต่กูเห็นมึงเฉยๆ กูเลยไม่อยากพูดมากเดี๋ยวจะเสียเพื่อนกันซะเปล่าๆ” มิ่งขวัญยักไหล่ตอบ
“อ้าว แล้วทำไมตอนนี้มึงถึงมาบอกกูว่ะ” คนตัวสูงถามอย่างไม่เข้าใจเพื่อน
“ไอ้เดียร์ กูถามมึงจริงๆ เลยนะ มึงคิดยังไงกับไอ้เอม” มิ่งขวัญไม่ตอบแต่กลับยิงคำถามใส่ด้วยสีหน้าจริงจังแทน
“กู....กู...ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ” ดวงตาที่ฉายแววแห่งความสับสนหลุบลงต่ำ ก่อนจะตอบคำถามอย่างอ้ำอึ้งและไม่เต็มเสียงนัก
“นั่นไง! กูว่าแล้ว ก็เพราะมึงแปลกไปไงกูถึงได้บอก” มิ่งขวัญดีดนิ้วเสียงดังเปาะ เมื่อความคิดของตัวเองเริ่มส่อเค้าความเป็นจริงขึ้นมา งานนี้ไอ้หอยหลอดโดนหมวยน้อยหยอดปูนขาวใส่ซะแล้ว อิอิ
“แปลกยังไงของมึง ไอ้ขวัญมึงอธิบายดีๆ สิว่ะกูสับสนไปหมดแล้วเนี่ย” เมื่อเจอคำตอบที่ไม่ตรงกับคำถามแถมยังไม่ได้ทำให้เข้าใจอะไรเลยด้วย มีแต่จะยิ่งทำให้สับสนมากขึ้น จึงทำให้ชลธิดาเริ่มออกอาการหงุดหงิดเล็กๆ เมื่อเพื่อนตัวดีโยกโย้ตอบไม่ตรงคำถามซะที
มิ่งขวัญเห็นอาการเหวี่ยงเล็กๆ ของเพื่อนก็อมยิ้ม ก่อนจะอธิบายคำตอบให้คนร้อนใจได้กระจ่างเสียที
“ก็ถ้าเป็นเมื่อก่อนมึงคงตอบได้ทันทีว่าไม่ได้คิดอะไร แต่นี่มึงเล่นอ้ำอึ้งแบบนี้กูฟันแล้วทิ้งได้เลยว่าตัวมึงเองก็มีใจให้ไอ้เอมเหมือนกัน”
“บะ บ้าแล้ว” ตาที่เคยตี่บัดนี้กลับโตขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“มึงอ่ะสิบ้า! จะจูบกับมันอยู่แล้วยังทำเป็นไม่รู้ใจตัวเองอีก จะทำอะไรรีบเข้านะโว้ย เวลาไม่คอยท่านารีไม่คอยใคร มัวแต่คิดมากเกินไปเกิดมันเปลี่ยนใจขึ้นมา อย่ามานั่งซึมเป็นหมาเหงาให้กูลูบหัวปลอบใจก็แล้วกัน” มิ่งขวัญพูดพร้อมกับตบไหล่เพื่อนเบาๆ เป็นการทิ้งท้าย ก่อนจะว่ายน้ำออกไป เพื่อปล่อยให้เพื่อนรักค้นหาความรู้สึกของตัวเอง
ส่วนคนที่ถูกทิ้งให้จมกับความคิดของตัวเองเพียงลำพังนั้น เวลานี้หัวสมองเต็มไปด้วยความสับสน เรื่องของหัวใจบทมันจะมาก็มาซะไวเหลือเกินจนเธอตั้งรับไม่ทัน แถมรักครั้งนี้ยังเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกันอีกด้วย ไอ้ครั้นจะมาลองคบเล่นๆ ดูกันก่อนก็คงจะทำไม่ได้ ดังนั้นเธอต้องช่างใจตัวเองให้หนักพร้อมกับถามใจตัวเองให้ดีๆ ว่าความจริงแล้วสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในหัวใจนี้ มันคือความรักหรือความหวั่นไหวที่เกิดจากความใกล้ชิดกันแน่