ตอนที่ 10
หลายวันผ่านมาแล้วที่รวิกานต์ยังไม่มีโอกาสได้คุยเรื่องที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวข้างบ้านไม่รู้เจ้าหล่อนมายุ่งอะไรเอาช่วงนี้เช้าออกบ้านกลับมาก็ดึกดื่นจนเธอหลับไปแล้ว
“วันนี้ไม่ออกไปเที่ยวไหนเหรอกานต์”
ภาสกรเดินเข้ามาทักน้องสาวหลังจากที่จอดรดเป็นที่เรียบร้อย
“กานต์ไม่ได้ไปไหนบ่อยซะหน่อย”
“พี่แค่แซวเล่น”
ชายหนุ่มยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะเงยหน้าไปมองบ้านอีกฝั่งหนึ่งที่บัดนี้มันดูว่างเปล่าเมื่อไม่มีเจ้าของบ้านคนสวยอยู่ไมนั้น
“พักนี้ไม่เห็นคุณดาวเลยเนาะ”
รวิกานต์มองหน้าคนพูดก่อนจะหันไปจ้องยังบ้านที่ไร้สิ่งมีสิ่งวิตอาศัยอยู่หรือถ้ามีก็ใช้ชีวิตและเวลาที่แตกต่างจากบ้านของเธอ
“กานต์ได้เจอคุณดาวบ้างหรือเปล่า”
“ตั้งแต่กลับมาจากเชียงใหม่ก็ไม่ได้เจอเลยค่ะ”
“เธอคงยุ่งมาก”
“คงจะอย่างนั้นมั้งคะ”
“คุณดาวเธอทำงานอยู่โรงแรมไหนกานต์พอจะรู้มั้ย”
รวิกานต์ส่ายหัวช้าๆเธอลืมถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปเสียสนิทจริงสินะ…ตั้งแต่รู้จักกันมาเธอยังไม่เคยถามละอองดาวเกี่ยวกับงานเลยแต่เท่าที่ฟังและเห็นท่าทางเจ้าหล่อนตำแหน่งคงจะใหญ่โตพอสมควรถึงได้ตะคอกใส่คนในโทรศัพท์ได้น่ากลัวขนาดนั้น
“สนิทกันขนาดนั้นไม่รู้ได้ไงน่าแปลก”
“กานต์เนื่ยนะคะสนิทกับยัย…เออพี่ดาว”
หญิงสาวถามออกมาอย่างสงสัย
“สนิทสิ”
“ไม่อยากจะเชื่อ”
“พี่ขอถามอะไรหน่อยสิ”
ภาสกรเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าจริงจังจนคนฟังรู้สึกกดดันไปด้วย
“ท่าทางปัญหาจะใหญ่นะคะดูพี่กรทำหน้าเครียดเชียว”
“ก็คงจะประมาณนั้นเพราะเรื่องนี้มันเกี่ยวกับตัวพี่กานต์แล้วก็คุณดาว”
หญิงสาวพยักหน้าเข้าใจก่อนจะหันมาตั้งใจฟังในสิ่งที่คนข้างๆจะถาม
“สัญญาได้มั้ยว่าจะไม่โกรธพี่”
“กานต์ไม่โกรธหรอกค่ะถามมาเลย”
“สัญญากับพี่ก่อน
รวิกานต์หัวเราะออกมาน้อยๆก่อนจะชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว
“ด้วยเกียรติลูกเสือค่ะ”
“กานต์กับคุณดาวรู้จักกันมาก่อนใช่มั้ย”
“เอ่อ…จะเรียกว่ารู้จักก็คงจะไม่ใช่เอาเป็นว่าเคยเจอกันมาก่อนแค่สองครั้งเองค่ะ”
“งั้นคงสนิทกันเร็วมาก”
“เรียกว่ามีเหตุให้ต้องใกล้กันบ่อยน่าจะถูก”
“อะไรนะ”
ชายหนุ่มเอ่ยถามคำตอบอีกครั้งเพราะเขามัวแต่คิดอะไรเพลินจนไม่ทันได้ยินที่คนข้างๆพูด
“ไม่มีอะไรค่ะกานต์บ่นอะไรไปเรื่อยว่าแต่มีอะไรถามอีกมั้ยคะ”
“ข้อสุดท้ายพี่อยากรู้ว่ากานต์กับคุณดาวชอบกันหรือเปล่า”
ภาสกรตัดสินใจเอ่ยถามปัญหาคาใจของตัวเองออกไปหากว่าเป็นจริงอย่างที่เขาคิดมันก็ไม่สายที่เขาจะตัดใจแต่หากเป็นเพียงแค่เรื่องที่คิดไปเองเขาก็พร้อมที่จะเดินหน้าต่อ
“ไม่ค่ะ…ไม่มีทางทำไมจู่ๆพี่กรถามแบบนี้คะ”
รวิกานต์รีบตอบออกมาทันทีเพราะกลัวว่าคนถามจะเข้าใจผิดเธอไม่เข้าใจว่าอะไรที่ทำให้อีกคนเข้าใจแบบนั้นแต่อย่างเธอเนื่ยนะที่จะไปชอบผู้หญิงบ้าพลังแบบนั้น
“แล้วคุณดาวล่ะท่าทางเค้าจะชอบกานต์นะ”
คนฟังทั้งโบกมือและส่ายหัวจนหวิดคอเคล็ดเธออยากจะหัวเราะให้กับความคิดแบบนี้ของพี่ชายตัวเองไม่รู้ว่าใช้อะไรวิเคราะห์ถึงได้เพ้อเจ้อมากขนาดนี้
“ไม่มีทางค่ะรายนั้นยิ่งต้องตัดความคิดแบบนี้ออกไปได้เลย”
“แต่พี่ว่า…”
“ไม่มีแต่ค่ะเอาเป็นว่าถ้าพี่ดาวเค้าจะชอบคนในบ้านเราก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่ชายสุดหล่อของกานต์”
รวิกานต์เอ่ยออกมาพร้อมกับหันไปส่งยิ้มให้กับชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ เธอว่าตอนนี้ละอองดาวคงมีหวังแล้วล่ะเพราะว่าท่าทางที่พี่ของเธอแสดงออกมามันบ่งบอกว่าเขาให้ความสนใจกับเพื่อนบ้านสาวมากแค่ไหน
“เชื่อสายตากานต์สิคะ”
“จริงเหรอ”
“ถามแต่ความรู้สึกคนอื่นแล้วของพี่กรล่ะคะชอบเพื่อนบ้านของเราหรือเปล่า”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับอย่างอายๆเพียงแค่นี้รวิกานต์ก็ได้คำตอบที่ต้องการแล้วเรื่องที่ละอองดาวให้เธอช่วยคาดว่าอีกไม่นานก็คงสำเร็จแต่ปัญหาใหม่ที่เกิดนี่สิเธอไม่รู้จะแก้ยังไงเพราะขนาดเรื่องราวเป็นอย่างไรเธอยังไม่รู้เลย
กลับมาทางด้านคนตัวเล็กที่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานอาจด้วยช่วงนี้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาหลายกรุ๊ปทำให้เธอยุ่งได้มากมายขนาดนี้หญิงสาวตัวเล็กเอื้อมมือไปหยิบมือถือขึ้นมาก่อนจะกดไล่เบอร์ไปเรื่อยๆเพียงไม่นานละอองดาวก็โยนมันทิ้งไปอย่างอารมณ์เสียเธอลืมไปเสียสนิทว่าไม่มีเบอร์ของรวิกานต์เห็นทีต้องรีบกลับบ้านเสียแล้วคิดได้ดังนั้นหญิงสาวจึงเก็บของเข้าที่ทันทีก่อนจะคว้ากระเป๋าเดินออกไปแต่เมื่อก้าวขาออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะหันมาสั่งงานเลขาหน้าห้อง
“อย่าลืมสรุปการประชุมวางบนโต๊ะด้วยนะ”
“ได้ค่ะ”
“ส่วนเรื่องจะต่อเติมโรงแรมเดี๋ยวฉันจะมาสรุปอีกทียังไม่ต้องใส่รายละเอียดลงไปล่ะ”
พูดจบคนตัวเล็กก็หมุนตัวเดินไปทันทีส่วนเลขาสาวก็มองตามแทบไม่กระพริบตาใครๆก็รู้ว่าเจ้านายสาวของเธอทั้งสวย รวย เก่งมีเสน่ห์แพรวพราวไปเสียทุกด้านแต่ก็น่าแปลกที่ไม่ยักกะเห็นควงใครที่ไหนสักที…หากเปิดตัววันไหนเธอจะขอเข้าไปดูใกล้ๆอยากรู้นักว่าจะหล่อลากดินขนาดไหน
ละอองดาวเอื้อมมือไปดึงกุญแจก่อนจะก้าวลงรถอย่างช้าๆหญิงสาวหันไปมองบ้านหลังข้างๆที่ดูเงียบผิดปกติแสงไฟที่เปิดไม่ครบทุกดวงทำให้เธอรู้ว่าเจ้าของบ้านไม่ได้อยู่ในนั้น
“ไปไหนกันนะ
หญิงสาวตัวเล็กบ่นพึมพำออกมาพร้อมกับถอนหายใจเบาๆก็เธออุตสาห์รีบกลับมาแต่อีกคนดันไม่อยู่บ้านมันน่าหงุดหงิดมั้ยล่ะ
“จ๊ะเอ๋!”
เสียงและการแตะตัวของใครบางคนทำเอาเจ้าของบ้านสาวตกใจจนเผลอฟาดกระเป๋าลงไปและเร็วเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อละอองดาวจัดการกระชากแขนคนร้ายเข้ามาบิดพร้อมกับหมุนตัวล็อคเอาไว้ด้วยแขนข้างเดียว
“กล้ามาลวงคองูเห่ามันต้องโดนดี”
จากนั้นคนพูดก็ลงมือทุบโจรโชคร้ายอย่างเมามันก่อนจะลากตัวออกมาจากที่มืดเพื่อดูหน้าให้ชัดๆ
“รวิกานต์!”
ละอองดาวเอ่ยชื่อคนร้ายออกมาพร้อมกับปล่อยมือทันที
“เธอมาทำอะไรที่นี่”
“ก็คุณเป็นคนลากมา”
“ฉันไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นเธอเข้ามาบ้านฉันทำไม”
“ก่อนคุยเรื่องอื่นพาฉันไปใส่ยาก่อนดีกว่ามั้ย”
คนพูดเอ่ยออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นชี้คิ้วที่แตกของตัวเองก่อนจะยื่นมือให้คนตรงหน้าช่วย
“จะทำอะไร”
“ก็ช่วยพยุงหน่อย”
“ไม่…เดินเองสิ”
“ทำร้ายร่างกายคนอื่นแล้วยังไม่คิดช่วยอีก”
คนฟังที่กำลังจะเดินเข้าบ้านหันกลับมามองหน้าคนที่พูดว่าตัวเองก่อนจะเดินเข้าไปช่วยประคองอย่างจำใจ
“ใครสั่งใครสอนให้เธอเข้ามาแบบนี้ล่ะ”
“แล้วฉันจะรู้มั้ยล่ะว่าคุณจะเล่นบทโหด”
“ถ้าฉันมีปืนป่านี้เธอกลายเป็นผีไปแล้ว”
“แค่คุณมีมีดพกอันเล็กๆฉันก็ไม่คิดว่าจะรอดแล้วล่ะ”
ละอองดาวหันไปมองคนช่างเถียงอย่างอ่อนใจทำไมคนข้างๆไม่คิดจะยอมเธอบ้างนะเรื่องจะได้จบเมื่อถึงห้องนั่งเล่นเจ้าของบ้านค่อยๆประคองคนเจ็บนั่งที่โซฟาก่อนจะเดินเข้าไปหยิบยา
“เจ็บชะมัด”
“สมน้ำหน้า”
หญิงสาวตัวเล็กพูดพร้อมกับยื่นยาให้คนที่นั่งนวดหน้าตัวเองไปมา
“อะไร”
“ยาไงทาซะจะได้ไม่มาตายที่นี่”
“ใจคอคุณจะให้คนเจ็บทำแผลเองโดยไม่คิดช่วยเลยเหรอ”
รวิกานต์เอ่ยขึ้นก่อนจะหันไปทำหน้าตาน่าสงสารอ้อนคนตรงหน้าละอองดาวมองการกระทำนั้นอย่างอึ้งๆเธอไม่คิดว่าคนตัวสูงจะมีมุมน่ารักแบบนี้ด้วยแปลก!...ไม่ได้หมายถึงการกระทำของอีกคนนะแต่เป็นเธอต่างหากที่ดันไปมองว่าคนตรงหน้าน่ารัก
“ก็ได้ๆถ้าฉันไม่ได้เป็นคนทำอย่าหวังเลยนะว่าจะทำให้”
คนพูดเอ่ยออกมาพร้อมกับแสดงท่าทางไม่ชอบใจแต่รวิกานต์ก็ไม่คิดจะถือสาอะไรเพราะแค่เจ้าของบ้านยอมทำแผลให้เธอก็น้ำตาแทบจะไหลอยู่แล้ว
สีหน้าบูดบึ้งที่แสดงออกมาช่างตรงกันข้ามกับการกระทำซะเหลือเกินเมื่อละอองดาวกำลังตั้งใจทำแผลอย่างเบามือที่สุดเธอไม่คิดว่าการกระทำของตัวเองจะรุนแรงถึงขนาดทำให้คนตรงหน้าคิ้วแตกยังดีที่แผลไม่ลึกมากสักเท่าไหร่แต่ดูเจ้าของแผลก็อดทนอยู่ไม่น้อยเพราะตลอดเวลาที่เธอเช็ดและล้างแผลเจ้าตัวไม่ปริปากเลยหากแต่มีอาการกระตุกเกือบทุกครั้งที่เธอสัมผัสกับแผลคงจะกลัวเสียหน้าสินะ…
“เสร็จแล้ว”
ละอองดาวเอ่ยออกมาก่อนจะเดินเอาอุปกรณ์ยาไปเก็บยังที่ของมันแต่แล้วหญิงสาวก็นึกอะไรขึ้นได้เธอจึงเดินกลับมาหารวิกานต์อีกครั้ง
“ทำไม”
“ฉันลืมใส่ยาอีกอย่างให้เธอ”
รวิกานต์เงยหน้ามองคนพูดอย่างสงสัยแต่คำตอบและยาที่ได้รับทำให้เธออึ้งมากจนพูดอะไรไม่ออกเมื่อคนพูด
ค่อยๆก้มหน้าลงมาที่บาดแผลก่อนจะทำการเป่าลมเบาๆลงไป
“เพี๊ยง!”
ละอองดาวยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะเดินกลับไปเก็บของมารดาเคยทำแบบนี้กับเธอตอนเด็กๆจำได้ทุกครั้งที่เธอหกล้มจนมีบาดแผลท่านจะมีมนต์วิเศษมาปัดเป่าให้เธอได้รู้สึกดีขึ้นแม้จะไม่ได้ทายาอะไรเลยหากเพียงแต่ได้การกระทำแบบนี้เธอก็จะหายและกลับมายิ้มได้ในทันที…เธอไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถทำแบบเดียวกับท่านได้และไม่คิดอยากแบ่งปันความรู้สึกดีๆแบบนี้ให้ใครแต่ไม่รู้ทำไมเธอถึงคิดและไม่ลังเลที่จะทำแบบเดียวกันนี้ให้กับรวิกานต์น่าแปลกใจจริงๆ
ทางด้านคนที่กำลังอึ้งอยู่ก็ค่อยๆยกมือขึ้นสัมผัสที่แผลของตัวเองลมอุ่นๆที่คนตัวเล็กเป่าทิ้งไว้มันยังคงลอยละล่องอยู่รอบๆแผลของเธอเหมือนมีกระแสของอะไรสักอย่างกำลังไหลเวียนวนไปเรื่อยๆมันกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่หัวใจเพราะตอนนี้เธอรู้สึกได้ว่าหัวใจของตัวเองกำลังเต้นไม่เหมือนเดิม
“ดีขึ้นมั้ย”
น้ำเสียงเรียบๆจากเจ้าของบ้านทำให้รวิกานต์เลิกคิดเรื่องของตัวเองก่อนจะหันมาหาคนพูด
“ค่ะขอบคุณมาก”
“เธอมีอะไร”
ละอองดาวเอ่ยถามออกมาตามตรงเพราะเธอก็พอจะรู้ความต้องการของอีกคนอยู่บ้าง
“ฉันเอ่อ…ฉัน”
“ทำไม”
“เอ่อ…คือ”
“ตอนทำทำไมไม่ลังเลแบบนี้บ้าง”
นั่นประไรประโยคเด็ดเล่นเอาคนฟังแทบจะหงายหลังแล้วอีตอนทำเธอจะรู้มั้ยล่ะอีกอย่างเธอทำคนเดียวซะทีไหน
“ว่ายังไง”
“บอกคุณตามตรงฉันจำอะไรไม่ได้ซักนิดขนาดกลับเต็นท์ยังไงฉันยังไม่รู้เลย”
คนฟังยกมือขึ้นกุมหน้าผากพร้อมกับถอนหายใจออกมาแรงๆเพราะเธอก็เป็นแบบเดียวกับอีกคนเหมือนกันแล้วแบบนี้ใครจะบอกเธอทั้งสองคนได้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้น
“ถะ…ถ้าคุณจะให้ฉันรับผิดชอบเอ่อ…หรือว่าคุณอยาก…”
คนตัวสูงพูดยังไม่ทันจบคนฟังก็รีบยกมือทำท่ากากบาททันที
“ไม่มีทางฉันไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้น”
“แต่ว่าเราสองคน”
“ช่างเถอะ…ถึงมันจะมีหรือไม่มียังไงเราก็เป็นผู้หญิงทั้งคู่มันคงไม่เสียหายอะไรมากหรอก”
“คุณคิดแบบนั้นเหรอ”
ละอองดาวหันไปสบตาคนถามก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่นเธอสับสนไปหมดทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วจนไม่อาจตั้งตัวได้ทันมันเหมือนความฝันที่เธออยากจะตื่นขึ้นมาเร็วๆ
“ฉันว่าเราน่าจะลืมเรื่องนี้ซะหรืออาจจะถือว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นเพราะยังไงเราก็จำมันไม่ได้อยู่แล้ว…วิธีนี้น่าจะดีที่สุด”
รวิกานต์ก้มหน้าลงพื้นเธอรู้อยู่แล้วว่าคำตอบที่ได้รับมันจะเป็นอย่างไรที่ถามหรือเสนอออกไปแบบนั้นก็เพื่อให้อีกคนได้เห็นว่าเธอไม่ได้คิดจะละเลยทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แก่ใจหรือทั้งที่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับอีกฝ่ายแต่ทำไมหัวใจของเธอถึงได้รู้สึกชาไปหมดเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น คนตัวสูงค่อยๆปรับสีหน้าให้เป็นปรกติก่อนจะเงยหน้ามาส่งยิ้มให้กับเจ้าของบ้าน
“ก็ดี…เราจะได้ทำตามสัญญากันต่อและคงอีกไม่นานที่คุณจะได้สมหวัง”
คนฟังยิ้มรับกับคำพูดนั้นแต่ทำไมหัวใจของเธอกลับรู้สึกเจ็บเหมือนมีคนเอาเข็มมาทิ่มแทงมันไม่เจ็บมากแต่กลับให้ความรู้สึกรำคาญเสียด้วยซ้ำ ละอองดาวกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆก่อนจะหันไปมองนอกหน้าต่าง…เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่นะ