web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 31
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 84
Total: 84

ผู้เขียน หัวข้อ: ตอนที่ 7  (อ่าน 3512 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Admin

  • แอดมิน
  • เริ่มติด
  • *****
  • กระทู้: 251
  • I'm sociopath. I don't have feelings.
ตอนที่ 7
« เมื่อ: 07 มกราคม 2014 เวลา 18:50:23 »
ตอนที่ 7

   เสียงเคาะประตูทำให้หญิงสาวที่หลับอยู่ต้องสะดุ้งตื่นก่อนจะหันไปมองนาฬิกาที่บ่งบอกว่าสายมากแล้วแต่มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับรวิกานต์เพราะปกติเธอก็ตื่นสายอยู่แล้วและที่สำคัญไม่มีใครในบ้านที่จะคิดปลุกเธอสักวันแต่วันนี้กลับมีคนมาเคาะเรียกเสียงดังเป็นระยะๆจนเธอนึกแปลกใจและเมื่อเปิดประตูหญิงสาวก็ต้องยกมือขยี้ตาอยู่หลายครั้งก่อนจะจ้องมองคนตรงหน้าให้ชัดๆ
   “มาทำอะไรเนื่ย”
   หญิงสาวตัวเล็กยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะเดินเข้าไปในห้องอย่างถือวิสาสะ
   “เข้ามาทำไม”
   “เธอยังเคยปีนรั้วเข้าบ้านฉันเลย”
   “มันคนละอย่างกัน”
   ละอองดาวชายสายตาไปมองคนพูดครู่หนึ่งก่อนจะหันไปสำรวจภายในห้องต่อ
   “คุณป้าไม่เห็นว่าอะไรยังฝากฉันปลุกเธอด้วยเลย”
   “แม่ก็รู้เห็นเป็นใจเหรอเนื๊ยไม่อยากจะเชื่อ”
   “เอาล่ะรีบอาบน้ำแต่งตัวสิจะได้ลงไปคุยกัน”
   คนพูดนั่งลงที่เตียงช้าๆก่อนจะหันไปสั่งการคนที่ยังทำหน้ามึนเดินตามเธออย่างกับเด็ก
   “เข้ามาขนาดนี้คุยเลยก็ได้มั้ง”
   ประโยคประชดประชันแทบถูกกลืนลงคอเมื่อคนพูดหันไปเห็นสายตาของคนที่นั่งอยู่คนตัวสูงจึงรีบหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปทันที
   ละอองดาวมองสำรวจห้องของคนที่เพิ่งไปอาบน้ำก่อนจะลุกไปหยิบรูปที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงมาดูจะว่าไปรวิกานต์ก็หน้าตาคล้ายภาสกรเหมือนกันแต่ก็แปลกที่ตอนเจอกันครั้งแรกเธอกลับไม่รู้สึกคุ้นเคยแต่อย่างใดทั้งๆที่สองพี่น้องดูคมเข้มไม่ต่างกันหญิงสาววางกรอบรูปในมือลงก่อนจะหยิบอีกอันขึ้นมาผู้หญิงคนนี้เหมือนคนที่เธอเจอเมื่อวันไปส่งรวิกานต์ทำธุระแต่มันจะไม่มีอะไรสะดุดใจเธอเลยถ้าคนในรูปไม่ใช่บุคคลที่กระโดดหอมแก้มเจ้าของห้องนี้
   “ทำอะไร”
   “เปล่า”
   คนตัวเล็กตอบกลับมาก่อนจะวางของในมือลงที่เดิมจากนั้นจึงเดินกลับมานั่งที่เตียง
   “หลักฐานคามือยังจะปฏิเสธอีก”
   รวิกานต์เอ่ยออกมาก่อนจะเดินไปนั่งที่หน้ากระจก
   “แค่ดูเฉยๆไม่ได้จะขโมยซะหน่อย”
   ละอองดาวเอ่ยแก้ตัวก่อนจะหันไปมองคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ
   “ถ้ารูปพี่กรต้องไปหาอีกห้องหนึ่งห้องนี้มีแต่รูปคู่”
   “นี่ก็บอกแล้วว่าไม่ได้จะขโมย”
   คนพูดเอ่ยออกมาพร้อมกับใบหน้าที่เริ่มแดงก่อนจะเดินตรงไปยังคนที่นั่งอมยิ้มอยู่ที่หน้ากระจก
   “เสร็จหรือยังชักช้าจริง!”
   รวิกานต์หยุดเช็ดผมที่เปียกก่อนจะหันไปมองคนที่มาพูดข่มขู่ข้างหูเธอ
   “อยากให้เสร็จไวๆใช่มั้ยอะ…”
   คนพูดยัดผ้าใส่มือคนที่ยืนอยู่ก่อนจะเอียงหัวไปให้
   “ไม่มีทาง”
   
   เวลาผ่านไปไม่นานรวิกานต์ก็จัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยก่อนจะเอื้อมไปหยิบผ้าในมือละอองดาวเอาไปตากส่วนทางด้านคนตัวเล็กก็ออกอาการโมโหตัวเองอยู่ไม่น้อยทั้งๆที่ยืนยันนั่งยันแถมนอนยันว่าไม่ทำแต่สุดท้ายเป็นไงล่ะเธอนี่แหละที่ทั้งเช็ดทั้งเอาไดร์มาเป่าผมให้จนแห้งแถมยังมัดจุกให้อีก…มันน่ามั้ยล่ะ
   “นั่งเหม่ออยู่ได้ลงไปกันเถอะ”
   เจ้าของห้องยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนที่นั่งทำหน้าบูดอยู่แต่ไม่ทันคิดว่าอีกคนจะหันกลับมาจึงเป็นเหตุให้ใบหน้าของคนทั้งคู่อยู่ในระยะประชิดทำเอารวิกานต์ตกใจจนไม่กล้าขยับตัวเพราะเกรงว่าคนตรงหน้าอาจเข้าใจผิดแล้วจับเธอทุ่มลงกับพื้นส่วนละอองดาวก็ตกใจไม่แพ้กันหัวใจของหญิงสาวเร่งจังหวะเร็วและแรงขึ้นอย่างอัตโนมัติเรื่องนั้นยังไม่แปลกเท่าความรู้สึกบางอย่างมันกำลังบอก…ว่าเธอพบความแตกต่างของสองพี่น้องนี้แล้ว
   เสียงเคาะประตูทำให้ทั้งสองสาวต้องผละออกจากกันก่อนจะหันไปมองยังคนที่เปิดประตูเข้ามา
   “ทำอะไรกันอยู่จ๊ะสองสาวเงียบเชียว”
   “แม่!”
   “ก็แม่นะสิจะให้เป็นใคร”
   ศศิวิมลเอ่ยตอบออกมาก่อนจะหันไปมองแขกที่ยืนทำหน้านิ่งไม่พูดไม่จา
   “แกล้งอะไรพี่เค้าหรือเปล่า”
   “โหแม่เห็นกานต์เป็นคนแบบไหนกัน”
   “ก็แบบนั้นแหละถึงได้ถาม…ป่ะหนูดาวเราลงไปข้างล่างกันดีกว่า”
   ละอองดาวยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะเดินไปควงแขนคนพูดเดินออกจากห้องไป
   “คนวัยเดียวกันเค้าคุยกันแบบนี้เอง”
   รวิกานต์บ่นออกมาเบาๆก่อนจะรีบยกมือขึ้นทำท่ารูดซิปปากเพราะคนที่เธอพาดพิงถึงทั้งสองคนกำลังหันมาจ้องหน้าเธอด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
   ทั้งสามคนนั่งทานข้าวเช้าด้วยกันโดยมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันไปมาระหว่างแม่ของเธอและแขกที่มาบ้านรวิกานต์ได้แต่นั่งฟังเพราะไม่รู้จะแทรกประโยคไหนได้
   “หนูดาวคุยสนุกจังว่างๆเรามาคุยกันใหม่นะ”
   “คุยกับคุณป้าก็ได้ความรู้มากเลยค่ะแบบนี้ดาวคงต้องขออนุญาตมาบ่อยๆแล้ว”
   “ได้สิจ๊ะบ้านนี้ยินดีต้อนรับหนูดาวเสมอถ้าป้าไม่อยู่ก็มาคุยกับกานต์ได้”
   “เกี่ยวไรกับกานต์ล่ะแม่”
   “เงียบไปเลยลูกคนนี้”
   รวิกานต์มองหน้าคนพูดก่อนจะหันไปทำหน้าบูดใส่คนที่เอาแต่ยิ้มทำหน้าเป็นนางเอกข้างๆแม่เธอหญิงสาวส่ายหน้าก่อนจะก้มลงกินข้าวต้มต่อคงไม่มีใครรู้หรอกว่ายัยตัวเล็กนี่น่ากลัวขนาดไหน
   เมื่อกินข้าวอิ่มแล้วทั้งสองสาวจึงออกมานั่งคุยกันที่หน้าบ้านโดยมีละอองดาวเป็นตัวตั้งตัวตี
   “ยังไม่กลับอีกเหรอ”
   รวิกานต์เอ่ยออกมาก่อนจะนั่งฝั่งตรงข้ามของคนตัวเล็ก
   “ไล่แขกเหรอ”
   “เปล่าก็เห็นคุณมานานแล้วกลัวเบื่อ”
   “ฉันหรือเธอที่เบื่อ”
   ละอองเอ่ยออกมาอย่างรู้ทันจนคนตัวสูงต้องรีบเบือนหน้าไปทางอื่น
   “ฉันก็ไม่ได้อยากมานักหรอกถ้าไม่มีธุระด่วน”
   “เรื่องอะไร”
   “ฉันรู้ว่าคุณกรจะขึ้นเหนือ”
   “ห๊า!ไม่อยากจะเชื่อ”
   รวิกานต์เอ่ยออกมาอย่างแปลกใจกับประโยคที่ได้ยินจนคนพูดอดทำหน้าสงสัยไม่ได้
   “แปลกตรงไหนแค่พี่เธอจะขึ้นเหนือ”
   “ไม่ได้แปลกใจเรื่องนั้นแต่แปลกที่คุณรู้เรื่องนี้”
   คนตัวเล็กยิ้มออกมาพร้อมกับทำท่ายืดอกแบบภูมิใจ
   “แสนรู้จริงๆ”
   พูดจบรวิกานต์ก็ได้กระถางดอกไม้ที่ตั้งกลางโต๊ะเป็นรางวัลดีนะที่เธอเอามือคว้าได้ทันไม่งั้นหัวเธอคงได้อาบเลือดเป็นแน่ที่สำคัญนึกขอบคุณมารดาที่เลือกใช้กระถางเล็กไม่งั้นล่ะก็…ได้แตกทั้งของทั้งหน้าแน่ๆ
   “ยังมีอะไรจะพูดมั้ย”
   รวิกานต์ส่ายหน้าไปมาก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาเป็นผู้ฟังที่ดี
   “ฉันอยากไปกับคุณกร”
   “อะไรนะ!”
   “เธอต้องทำให้ฉันไปด้วยให้ได้”
   “ห๊า!”
   “แค่นี้แหละเย็นนี้เจอกันเตรียมกระเป๋าด้วยล่ะ”
   พูดจบคนตัวเล็กก็เดินกลับบ้านไปทิ้งภาระปัญหาและความงุนงงไว้ให้คนข้างหลังรวิกานต์มองตามแผ่นหลังนั้นอย่างจนใจนับวันเธอยิ่งเหมือนทาสเข้าไปทุกที

   ภาสกรจัดของไว้ในรถเตรียมตัวเดินทางแต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อจู่ๆน้องสาวที่ดูเหมือนไม่ค่อยสนใจงานพวกนี้ขอไปด้วยแล้วไหนจะขอพาใครบางคนเดินทางไปด้วยอีกแต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่กลับรู้สึกดีซะอีกที่มีละอองดาวนั่งรถไปด้วย
   และแล้วการเดินทางก็มาถึงเมื่อทั้งสี่คนเดินทางโดยเครื่องบินลงที่สนามบินเชียงใหม่จากนั้นก็เช่ารถขับต่อไปอำเภอแม่ริม
   “อีกซัก2ชั่วโมงก็ถึงแล้วครับ”
   ชายหนุ่มส่งยิ้มผ่านกระจกให้กับหญิงสาวตัวเล็กที่นั่งตื่นเต้นกับบรรยากาศรอบๆ
   “ไกลเหมือนกันนะเนื๊ย”
   รวิกานต์เอ่ยออกมาพร้อมกับมองออกไปนอกกระจก
   “นี่ถือว่าใกล้แล้วนะ”
   “คุณกรต้องมาดูงานเองอย่างนี้ตลอดเลยเหรอคะ”
   ละอองดาวหันมาถามคนขับที่ดูอารมณ์ดีตลอดเวลา
   “ครับเรื่องแบบนี้สำคัญถ้าพลาดบริษัทก็จะแย่ไปด้วย”
   ละอองดาวยิ้มรับกับประโยคที่ได้ยินเธอพอจะรู้มาบ้างว่าครอบครัวของชายหนุ่มเปิดบริษัทเกี่ยวกับการก่อสร้างเธอยังเคยได้ยินชื่อมาบ้างโดยเฉพาะผู้บริหารหนุ่มไฟแรงที่เป็นขวัญใจสาวๆอย่างภาสกร

   เมื่อเดินทางมาถึงยังที่พักภาสกรและอรวรรณจึงแยกไปดูงานปล่อยให้ละอองดาวและรวิกานต์เดินเอาของไปเก็บกันเอง
   “เต้นท์”
   รวิกานต์พยักหน้ารับก่อนจะเดินเอาของไปโยนทิ้งข้างใน
   “ที่นี่ไม่มีบ้านพักเหรอ”
   หญิงสาวตัวเล็กเอ่ยถามออกมาพร้อมกับหมุนตัวไปรอบๆก็พบแต่ต้นไม้ใบหญ้า
   “ถ้ามีเค้าคงไม่มาทำรีสอร์ทหรอกจริงมั้ย”
   “ทำไมเธอไม่บอกฉัน”
   ละอองดาวเดินเข้าไปผลักคนที่ยืนลอยหน้าลอยตาชื่นชมธรรมชาติโดยไม่สนใจเธอ
   “ว่ายังไงทำไมไม่บอกฉัน”
   “ก็นึกว่ารู้แล้ว”
   “ใครจะไปตรัสรู้ได้ล่ะยะ”
   รวิกานต์ล้วงมือถือขึ้นมาก่อนจะจัดการถ่ายรูปวิวอย่างหลงใหล
   “อย่าเมินหน้าหนีฉัน”
   คนตัวเล็กกระชากมือถือออกจากมือรวิกานต์ก่อนจะหย่อนลงกระเป๋าของตัวเอง
   “ทำอะไรของคุณ”
   “ยึดมือถือ”
   “ทำอย่างกับเด็กเอามานี่”
   รวิกานต์เดินเข้าไปประชิดตัวก่อนจะเอื้อมมือไปล้วงกระเป๋าคนที่แย่งของเธอไปทั้งสองสาวยื้อแย่งของกันไปมาแต่หากท่าทางที่คนอื่นมองมามันกลับเหมือนการกอดรัดกันมากกว่าภาสกรอึ้งกับภาพที่เห็นจนพูดไม่ออกหากมีแต่อรวรรณเท่านั้นที่ยิ้มได้และกระแอมเสียงดังออกมา
   “คงไม่ได้มาขัดจังหวะอะไรนะคะ”
   อรวรรณเอ่ยออกมาพร้อมกับดึงแขนชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆให้เดินเข้าไปหาทั้งสองสาว
   “หวานกันตลอดเลยนะคะคู่นี้”
   “อะไรนะ!”
   รวิกานต์กับละอองดาวเอ่ยออกมาแทบจะพร้อมกันก่อนจะค่อยๆก้มมองสำรวจตัวเองจนเข้าใจสิ่งที่อีกคนพูดจึงรีบเด้งตัวออกจากกันทันที
   “มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ”
   “ใช่ๆเราสองคนแค่…”
   ยังไม่ทันได้อธิบายอะไรผู้หวังดีอย่างอรวรรณก็ช่วยเคลียร์เรื่องให้อย่างใจดี
   “ไม่ต้องอธิบายหรอกคะเราสองคนเข้าใจดีเดี๋ยวนี้ใครก็รับได้ทั้งนั้นจริงมั้ยคะกร”
   ชายหนุ่มได้แต่ฝืนยิ้มออกมาก่อนจะโดนเพื่อนสาวลากตัวให้ไปช่วยขนของที่รถ
   ละอองดาวมองคนที่เพิ่งเดินจากไปอย่างหัวเสียก่อนจะหันมาหาคนที่ทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดในครั้งนี้
   “เพราะเธอคนเดียว”
   “ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย”
   “นี่ขนาดไม่ได้ทำนะ”
   “เอ้าคุณทำไมไม่คิดว่าเป็นความผิดตัวเองบ้าง”
   “ฉันผิดตรงไหน”
   “ก็…ตะกี้ถ้าคุณไม่ขโมยมือถือฉันไปมันก็ไม่เกิดเรื่อง”
   คนตัวเล็กย่างเท้าเข้าไปหาคนพูดอย่างเร็วก่อนจะเอื้อมมือไปบิดจมูกอีกคนอย่างแรง
   “โอ๊ย!เจ็บนะ”
   รวิกานต์ปัดมืออีกคนออกก่อนจะใช้มือคลึงที่จมูกตัวเองเบาๆ
   “ทำอะไรของคุณ”
   “เธอจะได้รู้ว่าห้ามเถียงฉัน”
   “นี่เกิดสมัยฮิตเลอร์หรือเปล่าเนื่ยเผด็จการชะมัด”
   ละอองดาวชี้หน้าคนพูดเป็นเชิงปรามให้หยุดวิจารณ์เธอไม่งั้นอาจโดนดีอีกและได้ผลเมื่อรวิกานต์รับรู้ถึงสัญณาณอันตรายที่กำลังก่อตัวขึ้นเธอจึงเลือกที่จะสงบปากสงบคำให้มากที่สุด
   “ก็แค่นี้ต่อไปจะทำยังไงดีล่ะ”
   คนพูดทำหน้าเศร้าก่อนจะย่อตัวนั่งลงกับพื้นดิน
   “คืนนี้มีงานเลี้ยงเล็กๆ”
   รวิกานต์เอ่ยออกมาพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มก่อนจะย่อตัวนั่งลงข้างๆคนตัวเล็กพร้อมกับหันไปสบตา
   “แล้วยังไง”
   “ต้องมีดื่ม”
   “อะไรของเธอ”
   คนตัวสูงยื่นหน้าไปกระซิบที่ข้างหูของละอองดาวเบาๆก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างสะใจในแผนการของตัวเองแต่เพียงไม่นานคนตัวเล็กก็จัดการล็อคคอพร้อมกับบีบจมูกคนเจ้าแผนการอย่างแรงและนานมากซะจนรวิกานต์คิดว่าตัวเองอาจตายได้ทุกขณะส่วนทางด้านละอองดาวก็ไม่คิดจะปล่อยอีกคนไปง่ายๆเพราะยัยบ้านี่บอกให้เธอจัดการเผด็จศึกภาสกรซะคืนนี้…ดูพูดเข้า!มันน่าฆ่าให้ตายจริงๆ
   




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.