ตอนที่ 2
หญิงสาวตัวเล็กเปิดม่านที่หน้าต่างรับแสงอาทิตย์ตอนเช้าอย่างอารมณ์ดีก่อนที่สายตาจะไปสะดุดเข้ากับเพื่อนบ้านหนุ่มรูปหล่อที่เธอออกอาการปลื้มมากตั้งแต่เจอกันครั้งแรกถือว่าเป็นโชคดีที่สุดที่เธอได้มาอยู่บ้านหลังนี้และเพื่อไม่ให้เสียเวลาละอองดาวรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดูรัดกุมมากยิ่งขึ้นก่อนจะวิ่งลงไปหาเป้าหมาย
“ตื่นเช้าจังนะคะคุณกร”
ภาสกรหันไปส่งยิ้มให้หญิงสาวที่ยืนเกาะขอบรั้วคุยกับเขา
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณดาวก็ตื่นเช้าเหมือนกันนะครับ”
ชายหนุ่มพูดขึ้นพร้อมกับเดินเข้าไปหาอีกคน
“ก็ยังแพ้คุณกรอยู่ดี”
ละอองดาวกล่าวออกมาอย่างเขินๆเพราะที่จริงแล้วชายหนุ่มตรงหน้าต่างหากที่ทำให้เธอตาสว่างและมายืนอยู่ตรงนี้
“แล้วนี่หายไปไหนมาครับไม่เห็นตั้งหลายวัน”
คนถูกถามยิ้มออกมาอย่างดีใจที่อย่างน้อยชายหนุ่มคนนี้ก็ยังสนใจเธออยู่บ้าง
“คือดาวไปทำธุระที่กรุงเทพมาน่ะค่ะพอเสร็จปุ๊บก็รีบกลับมาเลย”
“เหรอครับเมื่อวานผมก็ไปรับน้องที่สนามบินน่าเสียดายถ้ารู้ว่าคุณดาวมาเที่ยวไหนจะได้รับกลับพร้อมกัน”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะแค่คุณกรนึกถึงกันบ้างก็ขอบคุณแล้ว”
ภาสกรยิ้มให้กับคนพูดเขารู้สึกได้ถึงความรูสึกดีๆบางอย่างที่ส่งผ่านทางคำพูดและสายตาของผู้หญิงตรงหน้ามันดู…
“หาตั้งนานมาอยู่นี่เอง”
เสียงจากบุคคลที่สามแทรกเข้ามาทำให้ชายหนุ่มต้องสลัดความคิดก่อนจะหันไปหาคนพูด
“มาก็ดีแล้วตัวแสบเดี๋ยวพี่แนะนำให้รู้จักเพื่อนบ้านของเรา”
“ค่ะ”
“คุณดาวครับนี่ยัยกานต์น้องสาวผมเองกานต์นี่คุณดาวเพื่อนบ้านที่น่ารักของเรา”
ชายหนุ่มเอ่ยแนะนำทั้งสองคนให้รู้จักกัน
“สวัสดีค่ะพี่…”
รวิกานต์จ้องมองเพื่อนบ้านคนใหม่เหมือนกับไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองส่วนละอองดาวที่กำลังจะเอ่ยประโยคทักทายออกมาก็ถึงกลับกลืนคำทักทายลงคอเพราะเธอไม่อยากเชื่อว่าโลกจะกลมขนาดนี้
“รู้จักกันมาก่อนเหรอครับ”
“เปล่าค่ะ”
หญิงสาวตัวสูงเอ่ยออกมาก่อนจะฉีกยิ้มออกมาแบบเหนือกว่า
“สวัสดีค่ะพี่ดาวยินดีที่ได้เจอกัน”
รวิกานต์เอ่ยออกมาพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้คนหน้าซีด
“ดีใจจังนะคะที่ได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ”
ละอองดาวรีบดึงสติกลับมาก่อนจะยิ้มออกมาบ้าง
“พี่ก็ดีใจนะคะที่ได้เจอน้องกานต์”
“เหรอคะ”
“ที่สุดค่ะ”
ทั้งๆที่สองสาวจ้องหน้ากันด้วยรอยยิ้มแต่ทำไมชายหนุ่มเพียงคนเดียวถึงได้รู้สึกว่าบรรยากาศมันดูวังเวงยังไงพิกล
“เย็นนี้เราจะทำบาร์บีคิวหน้าบ้านกันเชิญคุณดาวด้วยนะครับ”
ภาสกรพูดส่งท้ายก่อนขอตัวเข้าบ้านเพื่อเตรียมตัวไปทำงานส่วนคนที่ถูกชวนก็หน้าบานไปตามระเบียบ
“คิดจะกินพี่ชายฉันเหรอ…ไม่มีทาง!”
พูดจบรวิกานต์ก็รีบวิ่งตามพี่ชายเข้าบ้านทันทีเพราะเกรงว่าอาจเกิดอันตรายกับตัวเองได้แต่ก่อนที่เจ้าตัวจะเลี้ยวเข้าประตูก็ยังไม่วายหันมาแลบลิ้นใส่คนที่ยืนมองมา
“ยัยเด็กเปรตแล้วเราจะได้เห็นดีกัน”
ละอองดาวเดินกระแทกเท้าเข้าบ้านอย่างอารมณ์เสียดูสิเช้าที่แสนจะสดใสของเธอพังทลายเพราะยัยนั่นคนเดียว…ไม่น่า เลยเป็นเพราะเธอลืมกรวดน้ำหรือเปล่านะถึงได้ตามมาหลอกกันถึงที่นี่หน่ำซ้ำยังได้ชื่อว่าเป็นน้องสาวของคนที่เธอชอบอีก…แย่ที่สุด!
และแล้วก็ได้เวลาแห่งความอร่อยรวิกานต์ยิ้มให้กับมารดาที่กำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมของอยู่หน้าบ้านหญิงสาวเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะเข้าไปกอดแบบอ้อนๆ
“เป็นอะไรอีกล่ะลูกคนนี้”
“กำลังอ้อนแม่อยู่ไงคะ”
“โตแล้วนะเรา”
“แล้วอ้อนไม่ได้เหรอคะ”
“ได้ถ้าไม่อายแขก”
รวิกานต์มองตามสายตาของคนพูดเธอก็พบว่าตอนนี้ไม่ได้มีตัวเองกับมารดาเท่านั้นแต่มีแขกที่ได้รับเชิญจากพี่ชายของเธอมายืนทำหน้าระรื่นอยู่ด้วยหญิงสาวรีบเด้งตัวออกก่อนจะรีบเก๊ก
“ไม่ทันแล้วมั้งจ๊ะ”
ศศิวิมลเอ่ยแซวบุตรสาวก่อนจะเดินยิ้มเข้าบ้านไปหาของมาเพิ่ม
“แม่อะ”
ละอองดาวเดินอมยิ้มเข้ามาใกล้คนขี้อ้อนก่อนจะส่งสายตาเชิงล้อเลียนไปหาอีกฝ่าย
“มีปัญหาอะไร”
“เปล่าจ่ะพี่ดาวไม่มี้ไม่มีปัญหา”
รวิกานต์เบะปากใส่คนที่พูดกวนอารมณ์ตัวเองก่อนจะหันไปยิ้มให้กับภาพคนสองคนที่กำลังเดินมาทางเธอคนตัวสูงสะกิดคนข้างๆเบาๆ
“มีอะไร!”
“ทำไมต้องดุด้วยล่ะคะแค่จะบอกว่ากานต์ก็ไม่ได้มีปัญหาแต่คนที่มีน่าจะเป็นคนอื่นมากกว่า”
รอยยิ้มแกมเยาะเย้ยบวกกับสายตาที่บ่งบอกถึงความสะใจของคนพูดทำเอาคนตัวเล็กมองอย่างไม่เข้าใจ
“ไงครับสาวๆ”
เสียงทักทายมาแต่ไกลทำให้ละอองดาวต้องรีบหันไปส่งยิ้มหวานให้แก่ชายหนุ่มที่เพิ่งมาถึงแต่เพียงไม่นานเพราะเธอเพิ่งสังเกตเห็นใครบางคนที่เดินตามเข้ามาด้วย
“ตัวจริงเค้ามาแล้วสวยด้วยสิ”
รวิกานต์เอ่ยออกมาเสียงเบาๆเพื่อให้ได้ยินกันเพียงสองคนก่อนจะเดินชนคนที่ยืนอึ้งอยู่ให้เซไปอยู่ข้างทาง
ละอองดาวมองตามหลังคนพูด…ที่จริงเธอไม่ได้รู้สึกอะไรมากมายกับการที่ผู้หญิงคนนั้นจะเดินตามคนที่เธอชอบมาในบ้านแต่อารมณ์มันจะขึ้นก็เพราะไอ้คนที่เพิ่งเดินไปนี่แหละ….คอยดูนะเราจะได้เห็นดีกัน!
เสียงหัวเราะของคนในโต๊ะดังมาเป็นระยะๆได้ข่าวว่าวันนี้จัดเพื่อต้อนรับเธอกลับบ้านไม่ใช่เหรอแต่ทำไมคนสำคัญของงานถึงต้องมายืนปิ้งบาร์บีคิวหน้าดำอยู่นี่
“ไม่ไปกินด้วยกันอะ”
ภาสกรเดินเข้ามาตบไหล่น้องสาวเบาๆก่อนจะส่งยิ้มพร้อมกับโบกมือไปให้สาวๆที่โต๊ะ
“ฮอทเหลือเกินนะพี่ชาย”
“ไม่ใช่ซะหน่อย”
“ปากไม่ตรงกับใจ”
“เป็นเด็กเป็นเล็กไม่รู้หรอกว่าผู้ใหญ่เค้าคิดอะไรกัน”
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปขยี้หัวคนอวดรู้ก่อนจะหยิบบาร์บีคิวใส่จาน
“บริการดีอย่างนี้สิน๊า…”
“ยังไม่ยอมหยุดอีกนะปิ้งเร็วๆจะได้มานั่งคุยกัน”
ภาสกรแกล้งทำเป็นดุคนพูดมากเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินของตัวเองก่อนจะเดินกลับไปยังโต๊ะนั่ง
“น่าทานจังเลยนะคะ”
รษาเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มที่คนมองอย่างละอองดาวไม่แน่ใจว่าคนพูดหมายถึงบาร์บีคิวหรือคนที่ถือจานกันแน่
“น่ากินนะคะคุณดาว”
ละอองดาวยิ้มรับแทบไม่ทันไม่คิดว่าคนที่มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาไม่เป็นมิตรจู่ๆจะหันมาชวนคุย
“ว่าไงคะน่ากินหรือเปล่า”
“น่ากินค่ะ”
ภาสกรหันมองหน้าเพื่อนสาวสลับกับเพื่อนบ้านอย่างไม่เข้าใจในอาการของคนทั้งคู่
“น่ากินก็ลงมือได้แล้วนะครับมีอีกเยอะไม่ต้องแย่งกัน”
ชายหนุ่มเอ่ยออกมาทีเล่นทีจริงทำให้ทั้งสองสาวหัวเราะออกมาพร้อมๆกันก่อนจะหันมาสนใจบาร์บีคิวในจานแทน
รวิกานต์เดินถือบาร์บีคิวมาวางที่โต๊ะก่อนจะชายตาแลไปยังที่นั่งของตัวเอง
“นั่งสิคะน้องกานต์เหนื่อยแย่เลย”
น้ำเสียงที่แสดงความห่วงใยของละอองดาวดังขึ้นหากแต่ใครจะรู้ว่าใบหน้าที่หันมาหาเธอมันนางมารพันปีชัดๆ
“พ่อกับแม่ล่ะพี่กร”
“ขึ้นไปนอนแล้ว”
“อ่าว…ได้ไงกัน”
รวิกานต์โวยวายออกมาอย่างไม่จริงจังนัก
“มันดึกแล้วนี่ไงเรายังมีเพื่อนนั่งอีกตั้งหลายคน”
ชายหนุ่มหันไปส่งยิ้มให้กับสองสาวที่นั่งขนาบข้างเขาส่วนรวิกานต์ก็ได้แต่แอบถอนหายใจเบาๆที่พี่ชายเธอพูดก็มีถูกอยู่บ้างแต่แค่ส่วนน้อยเพราะเหตุผลที่ทั้งสองสาวนั่งทนให้ยุงกินเลือดแบบนี้ไม่ใช่เพื่อเธอซักหน่อย
“คุณดาวทำงานอะไรคะ”
อยู่ๆรษาก็ถามฝ่าความเงียบเข้ามาเธอคิดว่าตัวเองสมควรจะรู้ข้อมูลคู่แข่งหัวใจไว้บ้างและตอนนี้ก็เป็นโอกาสดีที่สุด
ละอองดาวหันไปสบตาคนถามก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆ
“ฉันทำเกี่ยวกับรีสอร์ทคะ”
“ออ…น่าตาสวยๆแบบนี้ษาว่าทำตำแหน่งเกี่ยวกับต้อนรับหรือเปล่าคะท่าทางลูกค้าน่าจะชอบ”
คนฟังหัวเราะออกมาน้อยๆหากตอนนี้ไม่มีภาสกรนั่งอยู่ข้างๆเธอคงจะเอาบาร์บีคิวในจานโปะหน้ายัยนี่ไปแล้ว
“ว่าไงล่ะคะ”
“ก็ทำอยู่ด้วยค่ะทำหลายอย่างเลยไม่รู้ว่าอยู่ตำแหน่งอะไร”
“โถ…น่าสงสารนะคะตำแหน่งจับฉ่ายแบบนั้น”
“ไม่นิคะฉันว่าสนุกดีออกไม่ซ้ำซากจำเจจริงมั้ยคะคุณกร”
ละอองดาวหันไปยิ้มหวานให้ชายหนุ่มที่นั่งทำหน้า เอ๋ออยู่ข้างๆ
“เอ่อ…ครับ”
“เห็นมั้ยล่ะคะคุณกรเค้าก็ชอบ”
คนพูดหันมาจิกตาใส่หญิงสาวที่หาเรื่องเธอแน่มาจากไหนกล้ามาลองดีกับละอองดาวคนนี้…
รษาจ้องมองคนที่ส่งสายตามาหาเธออย่างท้าทายแบบนี้มันหมายถึงการประกาศตัวเป็นศัตรูชัดๆ…ก็ดีเธอจะได้ตั้งรับถูกหญิงสาวมองน้ำที่อยู่ข้างมือของตัวเองก่อนจะแกล้งปัดให้หกลงกระโปรง
“อุ๊ย!เปียกหมดเลย”
ภาสกรรีบหยิบทิชชูส่งให้เพื่อนสาว
“เป็นไงบ้างษา”
“เปียกหมดเลยกรพาษาไปทำความสะอาดในห้องน้ำหน่อยสิ”
รษาพูดพร้อมกับลุกไปคว้ามือชายหนุ่มที่ยังนั่งลังเลเข้าไปในบ้านละอองดาวส่ายหัวให้กับการกระทำที่จงใจของคู่แข่งเธอ
“แรงจริงแม่คนนี้”
“อิจฉาเค้าอะดิ”
รวิกานต์ละสายตาจากคนที่เพิ่งเข้าบ้านไปก่อนจะหันมาหาคนที่นั่งข้างๆ
“ไม่มีทาง”
“แต่ทำไมตาคุณมีไฟล่ะ”
“นี่!...อย่ามาหาเรื่องไม่สงสารพี่ชายของตัวเองหรือไง”
คนฟังทำท่าคิดนิดๆก่อนจะลุกขึ้นยืนช้าๆ
“ก็สงสารอะนะแต่ดีกว่าได้พี่สะใภ้ชื่อละอองดาว”
รวิกานต์พูดจบก็เดินเข้าบ้านทันทีปาร์ตี้บาร์บีคิวสำหรับเธอมันจบลงแล้วและคงไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องมานั่งบริจาคเลือดให้ยุงพร้อมกับคนที่เธอไม่ชอบขี้หน้า
ส่วนทางด้านละอองดาวแทบอยากจะวิ่งไปกระชากคอเด็กปากเก่งมาอัดสักทีสองทีเพื่อระบายอารมณ์แต่ตอนนี้เธอทำได้เพียงท่องขันติ…ขันติพร้อมกับเดินกลับบ้านเท่านั้นเพราะยัยเด็กนั่นมียันต์คุ้มภัยอย่างดีแต่ซักวัน…ต้องมีซักวันที่เป็นวันของเธอบ้างคอยดู!