web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 62
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 150
Total: 150

ผู้เขียน หัวข้อ: บทที่ ๒๐ : ความจริงที่ไม่มีใครรู้  (อ่าน 1862 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทอถักอักษรา

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 73
บทที่ ๒๐ : ความจริงที่ไม่มีใครรู้
« เมื่อ: 21 มกราคม 2014 เวลา 19:18:46 »
Dream ฝันค้างบนทางรัก Yuri
บทที่ ๒๐ : ความจริงที่ไม่มีใครรู้

“สัจจะเอ๋ยขอตั้งจิตอธิษฐาน         ฟ้าเป็นพยานใจมั่นไม่หวั่นไหว
จะขอรักภักดีทุกชาติไป            แม้สิ้นลมหายใจมิสิ้นรัก”
   เสียงหวานแต่ทว่าหนักแน่นและทรงพลัง ลอยมากระทบโสดประสาท ทำให้นงนภัสที่กำลังซบไหล่พิงกันกับไหล่บอบบางของฐิติณัชชาสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างงุนงง เสียงใครกันนะ หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบๆ ก็พบว่านักศึกษาหลายคนกำลังหลับใหลอย่างเหนื่อยอ่อนกับกิจกรรมครั้งนี้ บางคนก็คร่ำเคร่งกับการอ่านนิยายเกาหลี ไม่มีใครที่น่าสงสัยว่าจะพูดอะไรอย่างนั้น หญิงสาวจึงคิดในแง่ดีว่ามันคงเป็นฝันเหมือนที่ผ่านมา
เมื่อคิดได้ดังนั้น หญิงสาวยกข้อมือซึ่งผูกนาฬิกาสีหวานขึ้นมาเพื่อดูเวลา เวลาเพิ่งจะผ่านไปชั่วโมงกว่าเท่านั้น ทำไมเธอถึงรู้สึกเหมือนกับว่าหลับไปนานเหลือเกิน
หญิงสาวเหลือบตามองดูคนรักที่นอนหลับอยู่เคียงข้าง ใบหน้าอ่อนเยาว์กระจ่างใส จิ้มลิ้มราวตุ๊กตาญี่ปุ่นที่นุ่มนิ่มราวผิวเด็ก กลิ่นหอมจางๆของเนื้อกายสาวลอยมาปะทะจมูก ทำให้อีกฝ่ายก้มลงสูดกลิ่นหอมนั้นอย่างเผลอไผล จนอยากประทับริมฝีปากที่แก้มนวลนั้น
หากแต่เสียงโทรศัพท์มือถือของสาวเจ้าที่ดังขึ้นขัดจังหวะ ทำให้นงนภัสเบนสายตามองไปที่หน้าต่างรถที่กำลังมีท้องทุ่งนาเขียวขจีตลอดสองข้างทาง เพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย พร้อมๆกับที่ฐิติณัชชางัวเงียขึ้นมารับโทรศัพท์ 
สำเนียงภาษาคุ้นหูที่คนรักพูดสื่อสารกับคนในสาย ทำให้นงนภัสหันมามองด้วยความประหลาดใจ มันจะบังเอิญเกินไปหรือเปล่านะ ประกอบกับน้ำเสียงของปลายสายที่เล็ดลอดออกมา  ทำให้เธอลอบมองคนรักด้วยความสงสัย เสียงพูดของปลายสายเล็ดลอดออกมาจากโทรศัพท์ น้ำเสียงที่แสนจะคุ้นหู  เสียงเหมือน...เหมือนใครกันนะ ยิ่งนึกก็ยิ่งว่างเปล่า
“พี่ฟ้าคะ ถึงมหาวิทยาลัยแล้วนะคะ ลงกันเถอะค่ะ เดี๋ยวฟางช่วยถือกระเป๋าให้นะคะ” เสียงของฐิติณัชชาดังขึ้น เมื่อรถบัสคันโตได้แล่นมาจอดหน้าคณะเรียบร้อยแล้ว นักศึกษาทยอยลงไปจนหมดเหลือเพียงพวกเธอสองคน ร่างสูงกระชับกระเป๋าสะพายใบย่อมก่อนหยิบกระเป๋าของตัวเองและของคนรักมาถือไว้ ก่อนเดินนำหน้าลงไปจากรถ
“ค่ะ” รับคำก่อนที่จะตามลงไป 
เมื่อนงนภัสลงจากรถแล้วก็พบเกศรายืนรอเธออยู่กับฐิติณัชชา ในขณะที่คนอื่นๆได้ทยอยกลับบ้านกันไปเกือบหมดแล้ว
“มัวทำอะไรอยู่เหรอฟ้า ช้ากว่านี้ได้ติดไปกับรถบัสนะแก” เกศราเอ่ยทักเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงระรื่น
“คิดอะไรเพลินนะจ๊ะ กลับกันเถอะเกด พี่ไปแล้วนะคะฟาง” พูดจบนงนภัสก็ชักชวนเกศรากลับหอพัก
“วันจันทร์เจอกันนะคะ” ฐิติณัชชายิ้มให้พร้อมกับยื่นกระเป๋าเดินทางให้ ทำให้อีกฝ่ายได้แต่ยิ้มอย่างเขินๆ ก่อนเดินตามเกศราไปที่รถจักรยานยนตร์คันเก่งของเพื่อนสาว
“รอพ่อนานหรือเปล่าลูก...” นายอรรณพลงมาจากรถญี่ปุ่นคันโตที่จอดอยู่ใกล้ๆก่อนมองไปที่หลังไวๆของนงนภัสด้วยความรู้สึกที่ยากจะคาดเดา
“ไม่นานหรอกค่ะ กลับบ้านกันเถอะค่ะคุณพ่อ” หญิงสาวเดินนำหน้าบิดาเข้ามาในรถ หากแต่ผู้เป็นบิดากลับยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ตามมาด้วย
“คุณพ่อค่ะ กลับกันเถอะค่ะ ฟางไม่ได้ทานข้าวฝีมือ ‘ยาเอะ’ ตั้งหลายวันคิดถึงจะแย่”
“จ๊ะ” อรรณพตอบรับบุตรสาวก่อนก้าวเข้ามาในรถและขับออกไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล
   ฐิติณัชชาลอบมองบิดาด้วยความรู้สึกสงสัย บิดาของเธอเป็นอะไร ไยใบหน้าจึงเต็มไปด้วยความกังวลเช่นนี้ เธอได้แต่มองด้วยความไม่เข้าใจ
            ..................................................................

   หลังจากแยะตัวออกมาจากกลุ่มเพื่อนแล้ว เมธาวีก็สะพายกระเป่าใบโตเดินลัดเลาะไปตามถนนคอนกรีตเส้นเล็กๆ เพื่อไปยังหอพักนักศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ที่ตั้งอยู่หลังคณะ ยังไม่ทันที่เธอจะเดินไปถึง  เสียงโทรศัพท์ก็กรีดเสียงออกมากระเป๋าสะพายสีหม่น
    “สวัสดีค่ะคุณแม่ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
    “วันนี้กลับบ้านนะลูก แม่คิดถึง”
    “ก็ได้ค่ะ”
   เมื่อรับคำมารดาแล้ว เธอก็หันกลับเดิมเพื่อไปรอรถประจำทางหน้าคณะ หญิงสาวนั่งรอรถประจำทางที่จุดพักรถประจำทาง  เพียงชั่วครู่รถสปอร์ตสุดหรูสีแดงเพลิงก็มาจอดอยู่ตรงหน้า พร้อมๆกับที่คนในรถเลื่อนกระจกรถลง
    “จะกลับบ้านไม่ใช่เหรอ ขึ้นมาสิ” ร่างบอบบางในชุดนักศึกษา ชะโงกหน้ามาจากกระจกรถ
    “แต่เมย์ว่า เมย์ไปรถประจำทางดีกว่าค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธด้วยความเกรงใจ
    “ไม่มีแต่ ขึ้นมาเถอะน่า  อยากให้แม่ของเธอรอนานหรือยังไง” น้ำเสียงของอีกฝ่ายเริ่มขุ่น ทำให้เมธาวีจำต้องแบกกระเป๋าขึ้นไปนั่งข้างๆอย่างเสียไม่ได้
   “ก็แค่นี้ ลีลาอยู่ได้” พูดจบ ก็ขับรถออกไปจากบริเวณนั้นด้วยความเร็วกึ่งกระชาก ซึ่งทำให้เมธาวีนั่งตัวเกร็ง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ
เพียงไม่นาน รถยนต์คันหรูก็ก้าวมาสู่อาณาเขตของนิวาสถานอันกว้างขวาง  มองไปรอบๆรู้สึกบรรเจิดละลานตาถึงความหรูหราของรูปทรงบ้านหลังโต  เมธาวีมีความรู้สึกว่าคล้ายตนเองหลุดจากโลกอันวุ่นวายมาอยู่ยังบ้านอันสงบและสวยงาม  บ้านหลังนี้ช่างใหญ่โตและรูปทรงวิจิตรตระการตาเหลือเกิน
รูปทรงออกแบบก้ำกึ่งระหว่างเรือนไทยโบราณกับบ้านฝรั่งสมัยใหม่  หน้าประตูและฝาผนังบ้านมีลวดลายประดิดประดอยวิจิตรศิลป์สวยงาม  บ้านที่เธออยู่มาตั้งแต่เกิดจนถึงบัดนี้
“ถึงแล้วก็ลงสิ หรือจะต้องให้ฉันส่งเทียบเชิญ ถึงจะลงได้” น้ำเสียงกระทบกระเทียบ แต่ใบหน้าไม่ได้กราดเกรี้ยวตามน้ำเสียง มันกลับเต็มไปด้วยความเอ็นดูเพราะเจ้าของใบหน้ากำลังยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำก่อนลงจากรถแล้วเดินไปตามถนนอิฐมอญสีสวยเข้าไปในตัวบ้าน
“กลับมาแล้วมาแล้วเหรอลูกเมย์ มายังไงล่ะทำไมไม่โทรบอก พ่อจะได้ไปรับ” เสียงดังมาจากชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานด้วยชุดสูทสีเข้มตัดเย็บอย่างดีนำเข้าจากต่างประเทศบ่งบอกฐานะของผู้สวมใส่ซึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์บนโซฟาขนแกะราคาแพง
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ พอดีเมย์มากับพี่มิ้นท์ค่ะ  พี่มิ้นท์แวะรับเมย์มาด้วยค่ะ”
“จริงเหรอลูก ขอบใจหนูมากนะลูกมิ้นท์ที่รับน้องมาด้วย” ผู้เป็นบิดาพูดกับบุตรสาวคนโตซึ่งตามเข้าบ้านมาทีหลังด้วยความปิติ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ยังไงยัยเมย์ก็เป็นลูกสาวคุณพ่อ มิ้นท์ไม่ใจดำให้ลูกสาวคุณพ่อต้องตกระกำลำบากขนาดนั้นหรอกค่ะ มิ้นท์ขอตัวก่อนนะคะ” พิมพ์ฤดาพูดตัดบท ก่อนที่ขึ้นไปบนห้องพักของตัวเอง ทิ้งให้คนทั้งสองมองตามอย่างดีใจที่หญิงสาวยอมเปิดใจขึ้นมาบ้างแล้ว
“อดทนสักนิดนะลูก อีกไม่นานพี่เขาก็ยอมรับได้” นายเมธาพูดกับบุตรสาวคนเล็กก่อนลูบศีรษะเล็กของบุตรสาวอย่างแสนรัก
“เท่านี้ก็ดีมากแล้วค่ะคุณพ่อ คุณแม่อยู่ไหนคะ ตั้งแต่มาหนูยังไม่เจอเลยค่ะ”
“อยู่ในครัวนู่นล่ะ ไปหาแม่เขาสิลูก”
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้น หนูไปหาคุณแม่ก่อนนะคะ” เมธาวีรับคำ ก่อนเดินไปอีกทางเพื่อไปหามารดา
นายเมธามองตามบุตรสาวด้วยความรักระคนสงสาร เมธาวีเป็นบุตรีที่เกิดจากวีรยา ภรรยาคนที่สองของเขา ซึ่งเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาๆ ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยเหมือนคุณหญิงเพชรอำไพ มารดาของพิมพ์ฤดาซึ่งเป็นภรรยาคนแรก ซึ่งหล่อนเสียชีวิตในวันที่พิมพ์ฤดาอายุเพียงขวบเศษ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พบวีรยาที่หญิงที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเขาและเลี้ยงพิมพ์ฤดามาตั้งแต่เด็กราวกับเลือดในอกของตนเอง แต่ทั้งคู่ไม่เคยได้รับการยอมรับจากพิมพ์ฤดาเลยสักครั้งจนมาถึงวันนี้
            .................................................................
   
   รถจักรยานยนตร์คันเก่งของเกศรา มาจอดลงที่บริเวณลานจอดรถของหอพักเป็นที่เรียบร้อย นงนภัสก็สะพายกระเป๋าพร้อมกับถือกระเป๋าเดินทางใบย่อมเดินนำหน้าไปยังห้องพัก ก่อนไขประตูเข้าไปและเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวพักผ่อนเพื่อหลีกเลี่ยงที่ตอบคำถามของเกศราซึ่งอีกฝ่ายคงจะสงสัยไม่น้อยกับความสนิทสนมเกินรุ่นพี่กับรุ่นน้องระหว่างเธอกับฐิติณัชชา เธอไม่รู้จะตอบคำถามเพื่อนว่าอย่างไรกับความรักของเธอทั้งสองที่มันก้าวผ่านคำว่าคนรักมาไกลโขแล้ว
   เสียงเปิดประตูเข้ามาในห้องของเกศรา ทำให้นงนภัสหลับตานิ่งราวกับหลับ และเพียงไม่นานเธอก็หลับจริงๆเพราะความเหนื่อยอ่อนกับกิจกรรมการรับน้องที่ดำเนินมาอย่างหนักตลอดระยะเวลาสามวันที่ผ่านมา
   “ยายฟ้าหลับจริงๆเหรอ หลับไวชะมัดว่าจะถามเรื่องแกกับน้องฟางสักหน่อย”
   เกศราพูดด้วยความขัดใจที่ไม่ได้รู้เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างนงนภัสกับฐิติณัชชา ก่อนที่จะลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวเพื่อออกไปรับประทานอาหารกับศิรภัสสร แฟนสาวรุ่นพี่คณะเดียวกัน หล่อนแต่งหน้าบางๆอยู่ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนที่จะหยิบชุดแซกสีหวานไปสวมในห้องน้ำ
   “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้น ทำให้นงนภัสลุกขึ้นมาเปิดประตู เมื่อพบว่าคนมาเคาะประตู คือ ศิรภัสสร แฟนสาวของเพื่อนสนิท หญิงสาวก็พนมมือไหว้ก่อนจะขอตัวไปนอนพักผ่อน
   “ยายฟ้า ฉันจะออกไปข้างนอกแล้วนะ แกจะเอาอะไรไหม” เกศราถามเพื่อนสาวเมื่อแต่งตัวเสร็จพร้อมที่จะออกไปข้างนอกแล้ว
   “ไม่เป็นไร ตอนนี้ง่วงนอนมากๆเลยแก” นงนภัสพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้
   “ถ้าอย่างฉันไปแล้วนะ เดี๋ยวจะซื้อข้าวผัดไก่ร้านพี่เปียมาฝากก็แล้วกัน” พูดจบเกศราก็ออกไปข้างนอกกับคนรัก โดยที่ไม่ลืมล็อกประตูให้เพื่อนสาว
   หลังจากที่เกศราออกไปได้ไม่นาน เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกรอบทำให้นงนภัสสะดุ้งตื่นขึ้นมา ก่อนลุกขึ้นไปเปิดประตู
   “ยายเกด ทำไมแกไม่เปิดประตูเข้ามาเอง...” พูดได้เพียงเท่านั้นก่อนที่จะยืนงงอยู่หน้าประตูห้อง
   “พี่ฟ้า ฟางเอง ขอเข้าไปหน่อยนะคะ” สาวรุ่นน้องพูดก่อนที่จะถือวิสาสะเข้ามาในห้องของคนรัก
   “ฟางมายังไงคะ แล้วมาห้องพี่ถูกได้ยังไง” สาวรุ่นพี่เอ่ยถามขึ้นหลังจากปิดประตูห้องและนั่งลงด้วยกันบนเตียงสีหวานเรียบร้อยแล้ว
   “แล้วไม่ดีเหรอคะที่ฟางมา...คิดถึงนะคะ” ฐิติณัชชาพูดกับเขยิบไปใกล้ๆและโอบกอดร่างบางนั้นเอาไว้
   “ดีสิคะ เพราะพี่ก็คิดถึงฟางเหมือนกัน”
สิ้นเสียง ริมฝีปากอุ่นของสาวรุ่นน้อง ปะพรมไปทั่วใบหน้าหวานของสาวรุ่นพี่ ก่อนที่จะประทับลงที่ริมฝีปากอวบอิ่ม กลืนกินเข้าครอบครองไปทุกส่วน  ความหวิววูบวาบโถมกระหน่ำไม่ขาดสาย เสียงบรรเลงเพลงรักค่อยๆดังขึ้นทีละนิด ให้หัวใจรักนำทางไป
   สายใยรักที่ถักทอเป็นเกลียวเชือกเสน่หา รัดร้อยดวงใจสองดวงไว้แนบสนิท ไม่มีคำพูดใดที่ต้องเอื้อนเอ่ยอีก นงนภัสทอดร่างปล่อยไปตามธรรมชาติ ปล่อยไปตามใจปรารถนา ปล่อยให้ฐิติณัชชา นำพาไปถึงฟากฝั่งฝัน กระแสธารสวาทโหมซัดระลอกแล้วระลอกเล่า บทเพลงรักที่มีเพียงเธอสองคนขับขานอย่างแผ่วเบา  เคล้าคลอประสานสียงไปกับเสียงสายลมรัญจวน....
   จุมพิตแผ่วเบาปลุกให้นงนภัสตื่นขึ้น เธอลืมตาขึ้นช้าๆ ใบหน้าที่คุ้นเคยคลุกเคล้าคลอเคลียไม่ห่าง ความหวานของรสสัมผัสยังมิทันจากลา เจ้าของหัวใจก็เริ่มมือไม้ซุกซนอีกครั้ง
   “อย่าค่ะฟาง เดี๋ยวสักพักเกดจะมา พี่ยังไม่อยากให้เกดรู้...” สาวรุ่นพี่ร้องปรามคนรัก เมื่อมือไม้ของสาวเจ้าเริ่มอยู่ไม่เป็นสุขเสียแล้ว
   “ฟางรักพี่ฟ้านะคะ...” ฐิติณัชชาก้มลงหอมเนื้อนวลของนงนภัส
   “หอมจังค่ะ....หอมไปหมดทั้งตัว” เสียงเจ้าหล่อนอู้อี้อยู่ที่ปทุมมาอวบอิ่มด้วยความเสน่หา ก่อนที่จะโอบกอดร่างบางของคนรักไว้ด้วยความรักและหวงแหน
“พี่รักฟางมากนะคะ เราจะรักกันตลอดไปใช่ไหมคะ” นงนภัสเอ่ยปากถามในขณะที่ขยับตัวไปจุมพิตเบาๆที่แก้มนวลนั้นอย่างรักใคร่
“ใช่ค่ะ ฟางจะรักพี่ฟ้าตลอดไป พี่ฟ้าเป็นรักแรกและรักเดียวของฟางนะคะ” รุ่นน้องสาวพูดพร้อมๆกับกระชับเรือนร่างไร้อาภรณ์ของคนรักให้กระชับแน่นยิ่งขึ้น
   “ก๊อก  ก๊อก ก๊อก ฟ้าเปิดประตูให้หน่อย ฉันลืมกุญแจ...” เสียงเรียกของเกศราทำให้นงนภัสรีบแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนไปเปิดประตูให้เกศรา ในขณะที่ฐิติณัชชาเดินไปเปิดโทรทัศน์แล้วนั่งดูบนเตียงสีหวานนั้นเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย.......
            ..........................................................................................
      








 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.