Chapter 17.5 : นิทานไม่มีตอนจบ เวลากลางคืนมาถึงแล้ว แล้วก็ถึงเวลาได้พักกันสักที ดาเรนนั่งดูทีวีช่องการ์ตูนอยู่กับฝาแฝดที่คนหนึ่งเอาหัวเล็กๆหนุนอกเธอและตัวนั่งจุ้มปุ้กอยู่บนตักชวนคุยนู่นนี่ไม่หยุดปาก ส่วนอีกคนก็นั่งข้างๆพิงหัวอยู่กับแขน ปากก็ดูดขวดนมจุ๊บจั๊บไปด้วย สบายเสียจริงลูกสาว ก็แบบนี้แหละเจ้าแฝดคนเล็กของเธอ ต้องเติมพลังงานตลอดเวลา เดี๋ยวผอม เสียหุ่นหมด ไม่ได้หรอก..
แล้วมะม๊าคนสวยไปไหนล่ะ ป่านนี้ก็คงจะดูแลเรื่องที่หลับที่นอนให้บรรดาแขกๆเหมือนเดิม เรื่องปัดกวาดเช็ดถูกทำความสะอาดครัวด้วย ถึงแขกอย่างแอนนาเบลล์จะคอยช่วยดูแลเรื่องนี้ตลอด หากคนรักบ้านแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะขอตรวจตราดูแลมันก่อนจะเข้านอนในทุกคืน นี่เองที่เป็นเหตุผลที่ไม่มีความจำเป็นที่เธอจะจ้างแม่บ้านหรือคนงานมาช่วยงาน เมื่อคุณแม่บ้านประจำไม่ยอมวางมือเลย ไม่เคยไว้ใจใคร.. จะเหนื่อยบ้างไหมนะ..
“ยังไม่หลับอีกเหรอคะเด็กๆ”
ดาเรนยิ้มอัตโนมัติที่ได้ยินเสียงนี้ นิโคลเข้ามาใกล้เตียงและก้มลงจุ๊บปากเธอเบาๆก่อนไปจัดการกับฝาแฝดต่อ จากนั้นทีวีก็กลายเป็นสิ่งที่ไม่น่าสนใจไปเสียแล้ว เมื่อมีใครคนนี้เข้ามา มะม๊าคนสวยนั่งลงข้างๆเอนตัวพิงเธอขณะที่เจ้าตัวน้อยแอนเดรียเปลี่ยนไปนั่งพิงซุกอกมะม๊า ทำให้เธออิจฉาที่มือเล็กๆนั่นเอื้อมไปลูบคลำล้อเล่นกับหน่มน๊มของแม่ แม้ปากจะดูดน้ำนมกับขวดนมอยู่
อา... ลูกยังเล็กอยู่นะดาเรน.. อย่าเชียว..
“ดูอะไรกันอยู่คะ คืนนี้จะนอนกับมะม๊า ปะป๊าเหรอ.?”
คำถามครั้งใหม่ทำให้ใครบางคนตาเบิกโต นิโคลเห็นแล้วขำ ดาเรนยังดูหวาดๆทุกครั้งที่เธอชวนเด็กๆให้นอนด้วยกัน ก็หล่อนอดนอนกอดเธอไง..
อะไรกันนี่ลูกไม่ใช่เหรอ..
“แล้วอิซซี่ล่ะ อิซซี่จะมานอนด้วยไหม.?” เสียงใสๆจากแฝดคนพี่ถาม ผู้ใหญ่สองคนมองหน้ากันแปลกใจ ท่าทางจะติดน้องเสียแล้วสิ แบบนี้ถ้าถึงวันที่อิซซาเบลตัวน้อยกลับบ้าน จะไม่ร้องไห้ตามน้องเหรอ..
“เอ.. มะม๊าก็ไม่แน่ใจนะคะ อาราเชลอนุญาตหรือเปล่าไม่รู้สิ”
“อิซซี่บอกอยากอยู่กับแอนเดรีย”
นิโคลกระพริบตามองหน้าลูกคนเล็ก แล้วเงยหน้ามองดาเรนบ้าง หล่อนก็ท่าทางประหลาดใจเหมือนกัน “อิซซี่พูดกับหนูเหรอคะ.?”
“อมีเลียกับแอนเดรียถาม แล้วน้องก็พยักหน้ารับ เมื่อกลางวัน”
ดาเรนอยากหัวเราะแต่ก็แค่อมยิ้ม เพิ่งรู้วิธีการสื่อสารระหว่างเด็กเล็กๆด้วยกัน ถึงจะพูดไม่ได้ ก็ยังคุยกันรู้เรื่องนะเนี่ย.. ลูกใครหนอฉลาดจริง..
“งั้นเหรอ.. แต่ตอนนี้น้องอาจจะหลับอยู่กับอาราเชลกับอาเบลล์แล้วก็ได้นะคะ” นิโคลออกความเห็น ถึงจะไม่อยากให้ลูกๆผิดหวังที่ไม่ได้เล่นกับน้อง แต่ก่อนจะเข้าห้องมา เธอก็ไม่ได้ยินว่าแอนนาเบลล์จะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
บางทีพวกหล่อนอาจจะไม่ได้เล่นอะไรกันจนลูกอยู่ด้วยไม่ได้!
เอ๋.. แล้วเล่นอะไรกันนะ.?
ก็แบบ... แบบที่เธออยากจะเล่นกับดาเรนไง.. อยากเล่นคืนนี้ซะด้วยสิ!
“ทำไมน้องนอนไว.?” เสียงใสๆถามอย่างผิดหวัง มันจึงเป็นหน้าที่ของพวกเธอคนใดคนหนึ่งที่ต้องอธิบาย การเป็นพ่อเป็นแม่คนไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ เพราะพวกคุณจะต้องมีคำตอบให้ทุกคำถามของพวกเขา ไม่ว่าจะยากหรือง่ายสักเท่าไหร่ พวกเธอต้องพยายาม และมันก็หน้าที่ที่เต็มใจทำไม่ใช่หรือ...
ใช่.. ฉันเต็มใจที่สุด เพราะพวกเขาคือหัวใจของฉัน..
และหัวใจของดาเรนด้วยสินะ..
“เพราะว่าน้องเล่นมากไงคะ น้องเลยเหนื่อยต้องพักผ่อน”
นั่นไงล่ะ ดาเรนยื่นมือมาช่วยเธอแล้ว เหมือนทุกครั้ง หล่อนยิ้มเอ็นดูลูกสาวน้อยๆทั้งสอง ก่อนเงยหน้าสบตาเธอด้วยรอยยิ้มแห่งความรัก ทำไมเธอช่างโชคดีแบบนี้..
“ถ้างั้นมะม๊าก็ต้องพักผ่อนด้วยน่ะสิ” อมีเลียตั้งความเห็น ดาเรนกับนิโคลมองลูกสาวแปลกใจ เขาก็เหมือนจะรู้ว่าพวกเธองง “ก็มะม๊าเตะบอลเมื่อกลางวัน วิ่งเล่นกับอาราเชลด้วย เล่นกับอมีเลียกับแอนเดรียด้วยนะ”
“ทำกับข้าวด้วย ของกินเยอะแยะเลย” แอนเดรียเสริมรีบร้อน ยอมสละจุกขวดนมที่อมอยู่มาพูดบ้าง พวกเธอสองคนทั้งขำทั้งดีใจที่ลูกๆใส่ใจเรื่องแบบนี้
“ว้า.. งั้นแบบนี้มะม๊าก็ต้องง่วงแล้วล่ะสิ ใช่ไหม.?” นิโคลหยอกลูกสาว เธอแกล้งปิดปากหาวให้ดู บรรดาลูกสาวคนเก่งก็พากันลุกขึ้นมาดึงผ้าห่มกับหมอนมาให้ โถ..ลูกแม่.. อะไรจะน่ารักแบบนี้...
“ขอบคุณค่ะลูกรัก” เธอยิ้มหวานให้ลูกสาวทั้งคู่เมื่อเอนตัวลงนอนยอมให้ถูกห่มผ้าจากมือเล็กๆของเด็กน้อย เอื้อมมือจับพวกเขาลงมาหาแล้วจุ๊บเบาๆที่ศีรษะเล็กคนละที คราวนี้ก็อยากรู้ว่าลูกๆจะทำอะไรต่อ และเธอก็ไม่ต้องรอนาน พวกเขาก็บอกเธอเอง
“มะม๊านอนนะ พวกเราจะไปนอนห้องนู้นแล้ว”
“แล้วไม่นอนกับมะม๊าเหรอคะ” ถามสงสัยเพราะปกติเด็กๆชอบอ้อนขอนอนด้วยตลอด และตอนนี้พวกเขาก็ส่ายหน้าแทบจะพร้อมกัน บอกกลับมาเป็นเสียงเดียว
“พวกเราโตแล้วมะม๊า”
นิโคลอยากหัวเราะแต่เธอทำแค่อมยิ้มเพราะไม่อยากให้พวกเขารู้สึกเหมือนถูกหัวเราะเยาะ ดาเรนเองก็คงอยากให้กำลังใจลูกจึงตัวทั้งคู่ไปหอมแก้ม พลางสบตาเธออย่างเข้าใจ “ถ้างั้นให้ปะป๊าไปส่งพวกหนูที่ห้องนะคะ”
ฝาแฝดพยักหน้ารับอย่างไม่เกี่ยงงอน ไม่มีอาการงอแงเหมือนที่เคย หากเป็นเธอนั่นแหละที่ลุกขึ้นมารวบตัวพวกเขาทั้งคู่ไปกอด ลูบศีรษะเล็กๆอย่างรักใคร่ คล้ายอาลัยอาวรณ์กันมากมายทั้งที่พวกเขาแค่จะไปนอนอีกห้องหนึ่งที่ติดกันแค่นี้ แค่ห้องเก็บของเล่นกั้นเอาไว้
นิโคลรู้สึกขอบตาร้อนผ่าว เธอต้องร้องไห้แน่ๆหากดาเรนไม่วางมืออุ่นๆไว้บนมือเธอ และมองด้วยสายตาเข้าใจ หล่อนส่ายหน้าน้อยๆคล้ายจะบอกว่า...
ไม่มีอะไรน่ากลัวอยู่ในห้องนอนของลูกหรอก ไม่มีผีสักตัวเลยนะนิกกี้ ไม่มีปีศาจอยู่ใต้เตียงของลูกด้วย เธอไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร...
โอ้..ทำไมเธอจะไม่รู้ล่ะเรื่องนี้ ไม่มีอะไรอันตรายอะไรในห้องนอนของลูก มันก็แค่เธอ.. รู้สึกรักพวกเขามากๆเท่านั้น.. รักจนไม่อยากให้ห่างไปไกล..
“มะม๊า.. มะม๊าไม่ร้องไห้นะ พรุ่งนี้อมีเลียจะรีบมาหา”
“แอนเดรียด้วย”
มะม๊าคนสวยยิ้มเป็นปลื้ม เพื่อไม่ให้ลูกๆเสียกำลังใจที่พวกเขาตั้งใจดีที่จะปลอบเธอจึงจับมือเล็กๆของเด็กทั้งคู่มาจูบ “งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะคะ”
ทั้งอมีเลียและแอนเดรียผลัดกันเข้ามาหอมแก้มเธอ ร่างเล็กๆค่อยๆลงไปจากเตียงไปหาดาเรนที่ยืนรออยู่ พวกเขาจับมือหล่อน ยิ้มและโบกมือให้เธอ เธอก็โบกคืนกลับไปยิ้มทั้งน้ำตาคลอเบ้า ไม่อยากเชื่อว่า ลูกสาวจะน่ารักขนาดนี้
นิโคลถอนหายใจยาว เอนหลังลงนอน ดึงผ้าห่มขึ้นมาดม อมยิ้มกับใบหน้าน้อยๆที่แสนจริงจังเมื่อครู่ของสองคนตัวน้อยที่ช่วยกันห่มผ้าให้เธอ
เฮ้อ..ใครจะว่าหลงลูกตัวเองจนหัวปักหัวปำก็ว่าไปเถอะ ก็มันเรื่องจริง..
----Runaway Bride3----
กว่าดาเรนจะได้กลับมาห้องนอนตัวเองก็เมื่อเล่านิทานให้ลูกๆฟังเป็นเรื่องที่สาม หากก็ไม่ได้เล่าจนจบหรอกนะ สองหนูน้อยหลับสนิทไปตั้งแต่ที่เธอเพิ่งจะเริ่มต้นว่า...
Once upon a time…..
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ดินแดนที่ห่างไกล มีเจ้าหญิงผู้งดงามพระองค์หนึ่งทรงมิเคยชายตามองบุรุษใดมาก่อน มิเคยทรงตอบรับเจ้าชายหรือราชาองค์ใดที่หมายจะขอหมั้นหมายหรือแม้แต่จะยลพระพักตร์ สร้างความประหลาดใจให้กับพระบิดาและพระมารดาเป็นอย่างมาก หากนั่นเพราะมิเคยมีผู้ใดล่วงรู้ว่า เจ้าหญิงทรงมีผู้ที่พระองค์หมายปองไว้ในพระทัยแล้วเรียบร้อย เพราะมันคือความลับ ความลับที่พระองค์มิทรงให้ผู้ใดได้พบพานมัน แม้กระทั่งคนผู้นั้นที่พระองค์ทรงรักมั่นยิ่งสิ่งใด จนถึงวันที่......”
“จนถึงวันที่อัศวินผู้นั้นจะต้องจากพระองค์ไปยังเมืองอื่น พระองค์จึงรวบรวมกำลังใจทั้งหมดที่มีและเอ่ยปากสารภาพว่า...” ดาเรนชะงักเมื่อต่อเรื่องเล่าของนิทานที่อีกคนอ่านมาได้ถึงตอนนี้ นิโคลนั่งยิ้มอยู่ที่เตียง เลิกคิ้วเหมือนกำลังล้อเลียนกัน คงเพราะหล่อนรู้ว่าตอนจบคืออะไร เหมือนที่เธอรู้...
อา..แต่ที่ฉันรู้ มันถูกหรือเปล่าล่ะ.?
“สารภาพว่าอะไรคะดาเรน.. เจ้าหญิงสารภาพอะไรกับอัศวินเหรอ.?”
คนโดนคาดคั้นหัวเราะพยายามเกลื่อนความประหม่า เข้ามานั่งข้างๆคนที่นั่งพิงหมอนใบโตมือถือหนังสือนิทานที่นั่งอ่านอยู่ตอนที่เธอมาถึงพอดี
แต่นิทานที่เรื่องราวเป็นแบบนี้มันมีด้วยหรือไง..
“นิกกี้เอานิทานแบบนี้มาจากไหนคะ.?” ถามลองเชิงคนรักที่ยังยิ้มหวาน หล่อนส่ายหน้าหัวเราะน้อยๆ ส่งหนังสือให้ เธอรับมันมาและแสร้งทำเป็นก้มอ่านอย่างสนใจ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่า เรื่องแบบนั้นมันไม่มีในหนังสือเล่มนี้ ก็ซื้อมากับมือ อ่านให้ฝาแฝดฟังมาหลายรอบแล้วด้วย มะม๊าคนสวยเล่นงานเธออีกแล้ว...
“ดาเรนไม่ต้องอ่านหรอกค่ะ ไม่เจอหรอก” นิโคลบอกยิ้มๆ ขอหนังสือคืนมาแล้วเอาไปวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียง หันกลับมาก็พบสายตาที่มองตนอย่างสนใจ “ฉันเล่าเรื่องนี้ให้พวกเค้าฟังเสมอเลยนะ ถ้าฉันส่งพวกเค้าเข้านอน”
“โอ้.. ถ้างั้นนิกกี้ก็แต่งเองน่ะสิ” ดาเรนทำเป็นถามทั้งที่รู้ เห็นอีกคนพยักหน้ารับก็อมยิ้มน้อยๆ “งั้นนิกกี้ก็ต้องเป็นคนต่อเรื่องเองสิคะ”
“ต่อไม่ได้ค่ะ เพราะไม่เคยเล่าจบสักที ค้างไว้แค่นั้นแหละ”
“อ้าว.. ทำไมล่ะคะ พวกเค้าหลับก่อนเหรอ.?”
“ก็ประมาณนั้นค่ะ แต่อันที่จริง เพราะฉันไม่ได้เป็นคนจบเรื่องนี้เองต่างหาก” คุณแม่ยังสาวตอบความจริง ปะป๊าของเด็กๆของเธอทำตาปริบๆมองราวไม่เข้าใจ เธอดึงมือหล่อนมากุมไว้ที่ตัก ยิ้มเขินเหมือนสาวแรกรุ่น
“ก็ดาเรนต้องเป็นคนจบมันให้ไง..”
“หืมม.? ฉันน่ะเหรอคะ.?” เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลงง ยิ่งเห็นอีกคนพยักหน้ารับยิ้มหวานก็ยิ่งงงไปใหญ่ พูดขำๆออกมา “ฉันไม่ได้เป็นเจ้าหญิงนะคะนิกกี้”
“แต่ดาเรนเป็นในนิทานของฉันนี่นา..” นิโคลพูดหนักแน่น แต่คนฟังยังไม่วายหัวเราะให้
“งั้นนิกกี้เป็นอัศวินเหรอ.?”
“ทำไมล่ะ เป็นไม่ได้หรือไง.. ฉันจะปกป้องดาเรนเอง ลองใครมาทำอะไรสิ เจอดีกับฉันแน่!”
“ฉันรักเธอ”
อัศวินในนิทานชะงักค้างในท่าชูหมัดอยู่ในอากาศ ดวงตาสีฟ้าเบิกกว้างอย่างไม่คาดคิดว่าจะได้ยินสิ่งที่ได้ยินไปแล้ว และแล้วมืออุ่นๆที่มาสัมผัสใบหน้าก็ทำให้ท่าทางแข็งทื่อของเธอคลายลง หากกลับผลัดหลงเข้าไปในทะเลสาบสีน้ำตาลแทน รู้สึกคล้ายวิญญาณถูกดูดเข้าไป หาทางออกไม่เจอ...
“นิกกี้คะ นิทานจบแล้วหรือยังเอ่ย.?” ดาเรนถามขำๆเมื่อเห็นพฤติกรรมของคุณภรรยา หากก็ขำได้ไม่เท่าไหร่เพราะนิโคลคืนสติกลับมาเร็วและส่ายหน้าปฏิเสธกัน พาให้เลิกคิ้วมองแปลกใจ “อะไรกันคะ ยังไม่จบอีกเหรอ.?”
“ยังค่ะ ยังไม่จบหรอก” คนขี้อ้อนส่งสายตาอ้อนไม่เคยรู้ตัวว่าจะทำให้คนมองหัวใจสั่น ขยับตัวเข้าไปใกล้กันจนลมหายใจอุ่นๆเป่ารดต้นคออีกคนจนหล่อนขนลุกเกรียวไปทั้งตัว
“นิกกี้.?”
“นิทานในหนังสืออาจจะจบแล้วก็จริง แต่ชีวิตของเจ้าหญิงกับอัศวินก็ยังคงดำเนินต่อไป ไม่ใช่หรือคะ.?”
ดวงตาสองสีมองกันลึกซึ้ง ดาเรนยิ้มพยักหน้าน้อยๆและตอบคำถามนั้นด้วยจูบอ่อนหวานที่มีให้ผู้หญิงคนนี้เพียงเท่านั้น เธอสบตาหล่อนอีกครั้งก่อนกระซิบเบาๆ “แน่นอนค่ะ ชีวิตของเจ้าหญิงและอัศวินต้องมีภาคต่อ แต่คราวนี้ ขอให้เป็นเจ้าหญิงนะคะที่จะดูแลปกป้องอัศวินบ้าง ตอบแทนความรักที่อัศวินมีให้กับเธอ”
This Love will never end.
................................................................
โอเค.. เหลืออีกวันครึ่งสำหรับการจองนิยายเรื่องนี้นะคะ วันที่ 15 เราจะปิดจองแล้ว แต่ถ้าใครไม่พร้อม จะส่งข้อความมาแจ้งกันก่อนก็ได้ค่ะ จะได้สั่งพิมพ์เผื่อนะคะ
แล้วเจอกันอีกสองหรือสามตอนค่ะ