web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 62
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 131
Total: 131

ผู้เขียน หัวข้อ: เกินห้ามใจ ตอนที่ 13  (อ่าน 2027 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Admin

  • แอดมิน
  • เริ่มติด
  • *****
  • กระทู้: 251
  • I'm sociopath. I don't have feelings.
เกินห้ามใจ ตอนที่ 13
« เมื่อ: 22 มกราคม 2014 เวลา 07:36:03 »
ตอนที่ 13

เสียงเตือนจังหวะสั้นๆ จากโทรศัพท์ของวรินทร์ เรียกสายตาจากอีกคนให้หันไปสนใจ…

พีชญามองเพื่อนสาวที่มีกิริยาผิดสังเกต ไม่ว่าจะเป็นมือที่คว้าโทรศัพท์ไปดูอย่างรวดเร็ว ไหนจะหน่วยตาดำจัดที่จับจ้องหน้าจอไม่กระพริบ ระหว่างอ่านมุมปากก็ปรากฏรอยยิ้มบาง แต่สีหน้ากลับเศร้าสร้อย จนเธอต้องหรี่ตามองอย่างสงสัย

“ข้อความจากใครน่ะ รินนี่” พีชญายิ้ม พลางเดินอ้อมหลังโซฟาไปมองโทรศัพท์มือถือในมือของเพื่อนสาว

“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ข้อความจากเครือข่ายโทรศัพท์”

พีชญาขานรับในลำคอ ก่อนจะยื่นหน้าไปวางไว้บนไหล่ แล้วหันไปยิ้มตาหยีให้คนมอง “ขอดูหน่อยสิ”

“ดูอะไร” เสียงทุ้มเผลอขึ้นสูงอย่างน่าแปลกใจ

“โทรศัพท์...” พีชญาฉีกยิ้มจนสุด แล้วกระดิกมือขอสิ่งที่ต้องการ “เอามาเลย”

“แต่นี่โทรศัพท์ของรินทร์นะ”

“ก็ใช่ไง ของรินนี่” พีชญาหยิกแก้มคนหน้าบูดอย่างหมั่นเขี้ยว “ถ้าบริสุทธิ์ใจจริง ก็ต้องให้พอร์ชดู”

วรินทร์วางโทรศัทพ์ไว้ในมือของเพื่อนสาว แล้วหันไปยีผมสวยๆ สีคาราเมลนั้นอย่างหมั่นไส้

“ถ้ารินทร์ไม่ให้ พอร์ชก็จะแย่งไปอยู่ดี” คนหน้าสวยเอ่ยอย่างรู้ทัน

พีชญายิงฟันใส่คนที่เอนหลังลงไปนอนบนโซฟา ก่อนจะยกมือขึ้นจัดผมเผ้าให้อยู่ในสภาพเดิม

“วันหยุดทั้งที พอร์ชก็ยังจะมากวน”

“กวนอะไร” พีชญาละมือจากโทรศัพท์ “พอร์ชกลัวรินนี่จะเหงา เลยมาอยู่เป็นเพื่อน รู้อย่างนี้ปล่อยให้นอนเหี่ยวตายคาโซฟาไปดีกว่า”

“ยังไม่เหี่ยวซะหน่อย” วรินทร์อดไม่ได้ที่จะยกมือมาลูบใบหน้าตัวเอง ก่อนจะหันไปมองเพื่อนสาวที่ดูจะตั้งอกตั้งใจดูโทรศัพท์ของเธอซะเหลือเกิน

“วันเสาร์ที่ไม่มีคุณรินทร์มันเหงาจังเลยค่ะ…ฮึ!”

เสียงในท้ายประโยค ทำให้วรินทร์นึกอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้เสียเหลือเกิน แต่ในเมื่อทำไม่ได้ เธอจึงซุกหน้าเข้าไปในพนักของโซฟา คล้ายไม่อยากจะตอบคำถามที่คาดว่าจะตามมาเป็นพรวนอย่างแน่นอน

“ยังกล้าส่งมาอีกนะ” พีชญาเอ่ยเสียงเข้ม ในขณะที่สายตายังอ่านข้อความเก่าๆ ต่อไป

วรินทร์ไม่เห็นท่าทางของเพื่อนสาว แต่ฟังจากน้ำเสียงแล้ว

อืม…โดนแน่ๆ

“คิดถึงบ้างล่ะ ชอบคุณรินทร์บ้างล่ะ ให้โอกาสกันบ้างล่ะ เหอะ! น่าเชื่อตาย รินนี่ไม่เชื่อใช่มั้ย” พีชญาหันไปเห็นอีกคนซุกหัวหนี ก็รู้สึกหงุดหงิดจนต้องทิ้งตัวลงไปทับ

“โอ๊ย! ตัวก็หนัก แล้วยังจะกระโดดลงมาทับกันอีก”

“เดี๋ยวนี้หัดโกหกนะ นี่แหนะ!” พีชญาเขยิบตัวไปนั่งริมโซฟา แล้วตีแขนคนปากดีไปเสียหลายที “รินนี่ ลุกขึ้นมาคุยกันดีๆ”

วรินทร์ตีหน้าบูดเป็นรอบที่สิบของวัน แต่ก็ยอมลุกขึ้นนั่งแต่โดยดี

“เชื่อที่เค้าส่งมารึเปล่า”

พีชญาถาม แล้วมองคนตรงหน้าที่เม้มปากแน่นโดยไม่หลุดคำพูดอะไรออกมา กิริยานั้นเรียกสีหน้าขึงเครียดให้ปรากฏบนใบหน้าของคนมอง

“สองจิตสองใจล่ะสิ” พีชญาเดาความคิดของอีกฝ่าย และพอเห็นอาการสะดุ้งนิดๆ ของวรินทร์แล้ว จึงรู้ว่าตัวเองคิดถูก

“ตอนนี้รินทร์ไม่แน่ใจอะไรทั้งนั้น”

“พอร์ชเข้าใจ แต่แค่อยากจะเตือนว่า เค้าเคยตีหน้าซื่อโกหกหลอกลวงมาครั้งหนึ่งแล้ว แล้วรินนี่ไม่คิดเหรอว่าจะมีครั้งต่อไป”

วรินทร์ไม่ตอบ พีชญาเห็นดังนั้น จึงแอบยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วเอ่ยต่อ “งั้นลบข้อความไปให้หมด จะได้ไม่ต้องคิดมาก”

 “อย่านะพอร์ช!” วรินทร์เขยิบเข้ามาประชิดตัวเพื่อนสาวอย่างรวดเร็ว มือเรียวคว้าโทรศัพท์ไปได้ แล้วตรวจดูว่าอีกฝ่ายได้จัดการทำตามที่พูดไปแล้วหรือไม่ พอเห็นว่ายัง จมูกสวยจึงพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“แหม…ฝั่งนั้นว่าแรงแล้ว ฝั่งคนของเราก็ใช่ย่อย”

“อย่าแซวเลยน่า…” วรินทร์รีบขัด “ตอนนี้ทุกอย่างมันสับสนไปหมด รินทร์ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี”

“ทุกอย่างชัดเจนในตัวของมันเองอยู่แล้ว มีแต่รินนี่เองนั่นแหละ ที่ทำให้มันสับสน” พีชญายิ้มบาง “พอร์ชก็ไม่รู้ว่าเค้าพูดจริงหรือเปล่า แต่การกระทำที่ผ่านมา บ่งบอกได้เลยว่าทุกอย่างมันคือเรื่องโกหก”

“ก็ใช่ แต่อาจจะมีเสี้ยวหนึ่งที่เค้ารู้สึกดีกับรินทร์จริงๆ ก็ได้”

พีชญานิ่งคิด แล้วยกมือขึ้นมากอดอก “ถึงจะอย่างนั้น แต่พอร์ชไม่สนับสนุนให้เดินหน้าต่อ ขนาดบอกให้เลิกยุ่งกับรินนี่แล้ว เขายังตื้อไม่เลิก”

“พอร์ชไปพูดกับเขาตอนไหน แค่พูดอย่างเดียว ไม่ได้ไปทำอะไรเขาใช่มั้ย”

พีชญายิ้มมุมปาก แล้วแสร้งเอ่ยช้าๆ อย่างจงใจจะแกล้งอีกฝ่าย

“ถ้าบอกว่า พอร์ชไปตบหน้าเค้าเสียหลายฉาด รินนี่จะว่ายังไง”

“พอร์ช!” วรินทร์เอ่ยเสียงหนัก นัยน์ตาคมสวยเบิกกว้างอย่างคาดไม่ถึง

“แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ”

วรินทร์มองอีกคนอย่างไม่รู้จะเอ่ยอะไรต่อ หญิงสาวรู้ว่าพีชญาเป็นห่วง แต่ก็ไม่สมควรที่จะไปทำร้ายร่างกายนรีกมลแบบนั้น

เสียงหัวเราะที่จู่ๆ ก็ดังขึ้น ทำให้วรินทร์หลุดจากภวังค์

“ล้อเล่นน่า…พอร์ชไม่ได้ไปทำร้ายเค้าหรอก แค่อยากจะแกล้งดูปฏิกิริยาของรินนี่น่ะ แต่ดูท่าแล้วจะกู่ไม่กลับ”

 “พอร์ช!” คราวนี้วรินทร์เอ่ยอย่างจริงจัง “ไม่ตลกนะ เรื่องแบบนี้”

“รินนี่รู้ไหม ว่าวันนั้นที่รินนี่หายตัวไป เขาเป็นห่วงถึงขนาดโทรมาบอกพอร์ชว่ารินนี่เพิ่งไปที่ห้องเขา” พีชญาเลิกคิ้วมองคนที่ตั้งใจฟังอย่างสนใจ “อีกวันก็โทรมาถามว่ารินนี่กลับบ้านหรือยัง พอร์ชก็จำต้องบอก แต่ตอนนั้งยังโกรธไม่หาย เลยเหวี่ยงไปว่าอย่างมายุ่งกับรินนี่อีก ถ้าไม่อย่างนั้นเจอดีแน่”

แม้ท้ายประโยคจะเป็นคำขู่ แต่วรินทร์ที่ได้ฟังกลับหัวเราะออกมา

“จะไปทำอะไรเขาล่ะ ยัยตัวดี อย่างพอร์ชจะไปกล้าทำร้ายอะไรใคร”

“แล้วเมื่อกี้ ใครกันล่ะที่เชื่อว่าพอร์ชไปตบหน้าเขาจริงๆ ไม่ใช่รินนี่รึไง”

 วรินทร์ถึงกับสะอึกเมื่อเจอคำย้อนเข้าไป “รินทร์ขอโทษที่คิดกับพอร์ชอย่างนั้น”

“ไม่เป็นไร” พีชญาตีแก้มเพื่อนสาวเบาๆ “เอาเป็นว่า เรื่องนี้พอร์ชให้รินนี่ตัดสินใจเองดีกว่าว่าจะทำยังไงต่อไป พอร์ชจะไม่ยุ่งจุ้นจ้านอีกแล้ว จะปล่อยให้รินนี่อมยิ้มไปกับข้อความนั่นทุกวันโดยไม่ก้าวก่าย ถึงใจจะเชื่อว่าเขาโกหก แต่พอร์ชก็แค่คนนอก ปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ดีกว่า…ถ้าเขายังสม่ำเสมอ ก็อาจจะเป็นเพราะว่าเค้าชอบรินนี่จริงๆ แต่หากไม่…พอร์ชขอแนะนำให้ตัดขาดกับเขาไปซะ”

“ขอบใจนะที่ยังเข้าใจกัน” วรินทร์กระพริบตาไล่น้ำตาที่เอ่อคลออยู่เต็มเบ้า ก่อนจะโถมตัวเข้าไปในอ้อมกอดของคนที่อ้าแขนกว้างรอรับอยู่ คนหน้าสวยแนบใบหน้ากับผมสีคาราเมลของอีกคน

“รินนี่อย่าใจอ่อนง่ายๆ ล่ะ ตอนนี้เป็นช่วงเอาคืน ตีหน้าโหดหน้ายักษ์ทำดุเข้าไว้ ดูซิ! ว่าเขาจะมีความอดทนรึเปล่า”

วรินทร์พยักหน้าเร็วๆ ไปหลายที หญิงสาวโอบกระชับตัวของพีชญาให้แน่นขึ้นอย่างตื้นตัน ส่วนริมฝีปากก็ได้แต่ขยับเป็นคำพูดข้างหูอีกคนว่า“ขอบคุณนะ” ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้น



อันนามองผู้เป็นแม่ที่พยักเพยิดให้เข้าไปในห้องได้ จึงส่งยิ้มบางกลับไปให้ ก่อนจะเคาะประตูเป็นสัญญาณให้คนภายในห้อง รอจนได้ยินเสียงตอบรับ อันนาจึงเปิดประตูเข้าไป
รอยยิ้มจากประธานบริษัทสาวเป็นสิ่งแรกที่อันนาเห็น คนเป็นหมอจึงอดส่งยิ้มตอบกลับไปไม่ได้

อันนากำลังจะเดินไปนั่งยังเก้าอี้ที่อยู่หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ก็พอดีกับหางตาที่เหลือบไปเห็นผู้หญิงในห้องอีกคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่บนโซฟารับแขก เธอคนนั้นใช้สายตาเล็กหยีมองมาอย่างสนใจ
เมื่อผู้มาเยือนนั่งลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วรินทร์จึงเอ่ยประโยคแนะนำ หลังเห็นสายตาของอันนามองไปที่เพื่อนสาวของตน

“นั่นพีชญา…เพื่อนฉัน เอ่อ เพื่อนรินทร์เองค่ะ”

คำเปลี่ยนสรรพนามนั้น ทำเอาคนเป็นหมอถึงกับเผยรอยยิ้มออกมา

“พอร์ช นี่คุณหมออันนา”

“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณหมออย่าเรียกชื่อเต็มยศเลยนะคะ เรียกว่าพอร์ชจะดีกว่า” พีชญาเอ่ยอย่างเป็นกันเอง

“ยินดีที่ได้รู้จักคุณพอร์ชเช่นกันค่ะ”

อันนาเอ่ยจบ ก็หันมาหยิบของออกจากกระเป๋าสะพาย

“นี่ค่ะ! อันเห็นมันอยู่ในถังขยะ” อันนายื่นสิ่งที่อีกคนลืมเอาไว้ไปให้ “แล้วก็แน่ใจด้วยว่าเป็นของคุณรินทร์ เลยถือวิสาสะมาถาม เผื่อคุณยังต้องการมันอยู่”

วรินทร์มองสายรัดข้อมือหนังประดับมุกสีน้ำตาลที่แสนจะคุ้นเคย เธอเผลอไล้นิ้วไปมา บนข้อมือบริเวณที่สายรัดนั้นเคยอยู่อย่างเผลอไผล

“รินทร์คงไม่ต้องการมันแล้วล่ะ แต่ก็ขอบคุณนะคะที่เอามาคืนให้”

วรินทร์ยื่นมือไปรับสายรัดข้อมือคืนมา ก่อนจะเปิดลิ้นชัก แล้วใส่มันไว้ในนั้นด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ

อันนานั่งนิ่งอย่างไม่รู้จะพูดอะไรต่อ สิ่งที่เธอจินตนาการไว้ในหัวไม่ใกล้กับความเป็นจริงเลยแม้แต่น้อย เธอควรจะนั่งพูดคุยกับวรินทร์โดยลำพังแค่สองคน แต่กลับมีเพื่อนร่วมห้องเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนโดยที่เธอไม่ได้คาดคิดเอาไว้ก่อน

ทำไมแม่ไม่บอกก่อนนะ ว่ามีพีชญาอยู่ในห้องด้วย…แล้วเธอจะกล้าคุยเรื่องนั้นได้ยังไง

วรินทร์มองคนผิวขาวซีด ที่มีสีหน้าอึดอัดคล้ายลำบากใจที่จะเอ่ย จึงส่งรอยยิ้มไปให้อีกคนได้สบายใจ

“พูดมาเลยค่ะคุณหมอ รินทร์ไม่มีความลับกับพอร์ชอยู่แล้ว”

“ใช่ค่ะ พอร์ชรู้ทุกเรื่องของรินนี่นั่นล่ะ” พีชญาสนับสนุน

รวมไปถึงเรื่องรสนิยมด้วยหรือไง…อันนาลอบถอนหายใจ

“ก็ได้ค่ะ” อันนาพยักหน้าอย่างอ่อนใจ “อันแค่อยากถามคุณรินทร์ว่า…เป็นคุณรึเปล่าที่ไปค้นตู้เก็บของของอัน”

วรินทร์นึกตาม แล้วใบหน้าสวยๆ นั้นก็มีแววเก้อกระดากเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เธอเจอในวันนั้นคืออะไร

“ขอโทษที่เสียมารยาทค่ะ คือรินทร์ขึ้นไปหาโทรศัพท์ แล้วบังเอิญไปเจอหนังพวกนั้นเข้า”

“หนังอะไรคะ” พีชญาเอ่ยอย่างสนใจ ร่างบางลุกจากที่นั่ง แล้วเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างเพื่อนสาว

อันนามองมือของพีชญาที่โอบไหล่เจ้าของห้องอยู่อย่างแปลกใจ “หนังรักค่ะ”

“อื้ม…พอร์ชตกใจนึกว่าหนังโป๊”

“พอร์ช!” วรินทร์หันไปหยิกมือที่อยู่บนไหล่ตน ก่อนจะดุไปเสียอีกที “พูดอะไร หัดมีกาลเทศะบ้างสิ”

“รินนี่อ่ะ พอร์ชแค่แซวเล่นเอง” พีชญาเอ่ยเสียงอ่อย

“ไม่เป็นไรค่ะ อันไม่ถือ…ฟังจากสำเนียงคุณพอร์ชแล้ว สงสัยจะอยู่เมืองนอกนาน เลยเคยชินกับวัฒนธรรมที่นู่นมากไปหน่อย”

“ใช่ค่ะ หมออันพูดถูกเผงเลย” พีชญายิ้มจนตาหยีให้คนดุได้แต่ถอนหายใจ

“ถึงอย่างนั้นก็ควรจะปรับตัวสิ น่าตีจริงๆ เลยพอร์ชเนี่ย”

อันนามองกิริยาน่ารักๆ ของสองสาว ก็ได้แต่ยิ้มตาม “อันเลยมาขอให้คุณรินทร์ช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับได้ไหมคะ โดยเฉพาะกับแม่ของอัน อย่าบอกให้ท่านรู้เป็นอันขาด”

วรินทร์พยักหน้าอย่างเข้าใจ “ได้แน่นอนค่ะ รินทร์ไม่ใช่คนปากสว่างอยู่แล้ว”

อันนายิ้มอย่างยินดี “แล้วคุณไม่รังเกียจอันเหรอคะ”

“รังเกียจอะไรกัน เรื่องแบบนี้มันห้ามกันไม่ได้…รินทร์เข้าใจดี”

พีชญามองหน้าทั้งสองคนสลับกันไปมา ถึงเธอจะไม่เข้าใจบทสนทนาทั้งหมด แต่ก็พอจะเดาได้…หญิงสาวอยากจะรู้ให้แน่ใจ จึงแสร้งทำเป็นหลุดปาก

“หมออันชอบผู้หญิงเหรอคะ!”

อันนาหันไปมองหน้าคนพูดทันทีหลังสิ้นคำพูดที่ตรงทะลวงป้องอย่างนั้น แต่กิริยาท่าทางยังนิ่งสุขุมสมกับคนเป็นหมอ

“พอร์ชเอาอีกแล้วนะ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณหมอ พอร์ชไม่ควรพูดต่อหน้าต่อตาเขาอย่างนี้”

“แล้วทีรินนี่ไปค้นตู้ของหมออัน เสียมารยาทกว่าพอร์ชอีก” พีชญาสวนกลับอย่างเป็นต่อ ทำเอาคนที่กำลังจะอ้าปากดุ ต้องชะงักไว้กลางคัน เมื่อคำพูดนั้นเป็นจริงทุกประการ

“อย่าเถียงกันเลยค่ะ” อันนาเผยรอยยิ้มบาง ก่อนจะหันไปตอบคำถามของคนตาหยี “ใช่ค่ะคุณพอร์ช…อันชอบผู้หญิง”

“ว้า…เหมือนรินนี่เลย”

พีชญาลอบมองปฏิกิริยาของคนตรงหน้า ที่มีอาการสะดุ้งเล็กๆ ขึ้นมาเสียอย่างนั้น

น่าแปลกนะ! พอถูกรู้เรื่องของตัวเอง อันนากลับไม่ตกใจ แต่พอรู้เรื่องของวรินทร์เท่านั้นล่ะ มีอาการออกมาทันที

เจ้าของห้องนั่งเงียบไม่พูดอะไร แต่สายตากลับส่งไปเชือดเฉือนคนข้างตัว พีชญาเห็นดังนั้นจึงหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน

“คุณพอร์ชหมายความว่ายังไงคะ”

พีชญาหยุดหัวเราะแล้วเปลี่ยนมายิ้มกว้างแทน ดวงตายิบหยีจับจ้องคนถามด้วยแววตาประหลาด

“ให้รินนี่ตอบเองคุณหมอเองดีกว่าเนาะ พอร์ชไม่เกี่ยวด้วยซะหน่อย”

วรินทร์ยกมือขึ้นกุมหน้าผาก ริมฝีปากอิ่มระบายยิ้มอ่อน

“ที่บอกว่ารินทร์เข้าใจดี ก็เพราะ…”

คนหน้าสวยไม่พูดต่อ ปล่อยความเงียบให้อันนาเป็นฝ่ายคิดว่าเธอหมายความว่ายังไง

พีชญามองหน้าคนทั้งคู่ไปมาเป็นรอบที่สอง เห็นต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน แล้วรู้สึกเหมือนตัวเธอเป็นคนนอกอย่างประหลาด

…ก็เราไม่ใช่พวกเดียวกับเขานี่

“อะแฮ่ม!” พีชญากระแอมในลำคอ

“ว่าไงพอร์ช” วรินทร์หันมาถาม

“เปล๊า…ไม่มีอะไร” พีชญายักไหล่ “พอร์ชแค่คันคอนิดหน่อย”

“แล้วคุณพอร์ช เอ่อ…เป็น…”

“เปล่าค่ะ พอร์ชไม่ได้เป็น” วรินทร์เป็นฝ่ายตอบแทน

อันนาพยักหน้า “คุณสองคนสนิทกันจังเลยนะคะ”

“มากๆ เลยค่ะ ใครๆ ก็มักจะพูดแบบนี้” พีชญาเดินกลับไปนั่งที่เดิม “ถ้าใครจะมาคบกับรินนี่ พอร์ชต้องแสกนก่อน…เหมือนรายที่แล้ว จับได้แบบคาหนังคาเขา”

“จับอะไรได้คะ” อันนาถามอย่างสงสัย

“จับได้ว่าไม่จริงใจค่ะ เข้าหาโดยมีผลประโยชน์แอบแฝง”

“พอได้แล้ว!” วรินทร์ผุดลุกขึ้นยืน ก่อนจะหันหลัง แล้วยกมือขึ้นกอดอก “อย่าพูดถึงเขาเลย”

พีชญายิ้มกว้างขัดกับอารมณ์เจ้าของห้อง อันนาสบดวงตายิบหยีคู่นั้นอย่างแปลกใจ

“ถ้ารายใหม่เข้ามา ต้องโดนตรวจสอบแบบละเอียดยิบเลยล่ะค่ะ”

ไม่รู้ทำไมอันนารู้สึกเหมือนตัวเองโดนสำรวจไปทั้งตัว ทั้งๆ ที่สายตาของสาวผมสีคาราเมล ไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหนเลย นอกจากจะสบกับดวงตาของเธอ

อันนาเสมองไปทางอื่น แล้วลุกขึ้นยืนบ้าง “หมดธุระแล้ว อันขอตัวก่อนนะคะ”

วรินทร์ขานรับสั้นๆ โดยไม่ได้หันมามองเธอเลยแม้แต่น้อย อันนาได้แต่มองแผ่นหลังบางนั้นอย่างไม่เข้าใจ แล้วเดินออกจากห้องไปโดยมีพีชญาเดินมาส่ง

“คุยอะไรกับเจ้านายแม่เนี่ย คุยกันนานเหลือเกิน” เปรมจิตเอ่ยกับลูกสาว ที่เดินออกจากห้องด้วยสีหน้านิ่งจนผิดปกติ

“ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอกค่ะ คุณพอร์ชเค้าคุยสนุก เลยติดหล่มคุยกันนานไปหน่อย”

“คนนี้อัธยาศัยดีอยู่แล้ว แต่บางทีก็อาจจะมากเกินไปสักหน่อย” เปรมจิตส่ายหัว

“คุณพอร์ชสนิทกับคุณรินทร์จังเลยนะคะ รู้เรื่องส่วนตัวกันทุกเรื่อง”

“ไม่รู้ได้ยังไง อันรู้มั้ย! มาหากันเกือบทุกวัน คุณรินทร์เค้าฝากกับแม่ไว้ว่า หากคุณไม่อยู่ ให้คุณพอร์ชเข้าไปรอในห้องได้เลย บางทีคุณประชุมทั้งวัน คุณพอร์ชก็รออยู่ในห้อง บางทีก็ไปเดินห้างฆ่าเวลา…ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงด้วยกันทั้งคู่ แม่นึกว่าเป็นแฟนกันไปแล้ว”

“แล้วถ้าสองคนนี้…” อันนาหรี่ตา “เป็นแฟนกันจริงๆ ล่ะคะ”

“ตาเถร…คิดอะไรพิเรนทร์น่ะอัน สวยๆ ทั้งคู่แบบนี้ จะมีใครเป็นทอมได้ยังไง”

อันนาลอบถอนใจกับคำตอบของมารดา…ผู้หญิงชอบผู้หญิงไม่ได้หมายถึงเฉพาะทอมกับดี้ซะหน่อย

โดยเฉพาะผู้หญิงสวยๆ น่ะ ตัวดีเลย

อันนายิ้ม เมื่อใบหน้าของใครบางคนลอยเข้ามาประกอบกับความคิด



วรินทร์พยายามจะสบตาคนที่นั่งตรงข้ามอยู่หลายที แต่ภัทรพลก็หลบสายตาตลอด ชายหนุ่มนั่งก้มหน้ารับประทานอาหารเงียบๆ จนผู้ร่วมโต๊ะอาหารคนอื่นผิดสังเกต

“ภัทร ทำไมนั่งเงียบอย่างนี้…ชวนน้องเค้าคุยบ้างสิ” คุณนายนาถฤดีเอ่ยกับลูกชาย

ภัทรพลเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้า ทันทีที่เขาสบกับนัยน์ตาสวยคม ชายหนุ่มก็เบี่ยงสายตาไปมองมารดาแทน

“เวลารับประทานอาหารนี่ครับ ชวนคุยเดี๋ยวจะเสียมารยาท”

“เหรอจ๊ะ ปกติภัทรทำตัวมีมารยาทซะที่ไหน วันนี้เป็นอะไรฮึ”

ภัทรพลไม่ตอบ แล้วรับประทานอาหารต่อไป ปล่อยให้คนทั้งโต๊ะอาหารมองมาที่เขาด้วยความแปลกใจ

เสร็จสิ้นมื้ออาหาร วรินทร์มองมารดาของเธอกับภัทรพลที่นั่งคุยกันในห้องนั่งเล่น บทสนทนาก็คงหนีไม่พ้นเรื่องลูกๆ ที่ความสัมพันธ์ยังไม่คืบหน้าในสายตาของพวกท่าน ทั้งที่ในช่วงหลังทั้งสองผลัดกันพาลูกชายและลูกสาวไปรับประทานอาหารที่บ้านของอีกคน รวมทั้งวันนี้…ที่วรินทร์ต้องมารับประทานอาหารกลางวันที่บ้านของชายหนุ่ม

วรินทร์ส่ายหน้า แล้วมองตามภัทรพลที่เดินหลบฉากไปทางอื่น หญิงสาวจึงเดินตามไปหมายจะคุยกันให้รู้เรื่อง

“พี่ภัทรคะ” วรินทร์นั่งลงข้างอีกคนบนเก้าอี้ตัวยาวในสวนเล็กๆ ข้างตัวบ้าน คนถูกเรียกจึงหันมามอง แล้วเสสายตาไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว

“พี่จะหลบหน้ารินทร์ทำไม”

“จะให้พี่มองหน้าน้องรินทร์ได้ยังไง” ภัทรพลเอ่ยก้มหน้ามองมือตัวเอง “เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นก็เพราะพี่”

“ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะค่ะ แต่ถ้าแฟนเก่าของพี่ไม่คิดอยากแก้แค้น ทุกอย่างก็ไม่เกิดขึ้นเหมือนกัน บางที…รินทร์อาจจะแค่ชอบเขาในใจ ไม่แสดงออกไปโจ่งแจ้งขนาดนั้น ถ้าเขาไม่แกล้งให้ความหวัง”

“แต่พี่ก็มีส่วนผิดอยู่ดี” ภัทรพลโทษตัวเอง

“ถ้าอย่างนั้นรินทร์ก็ผิดเหมือนกัน ที่ไม่บอกความจริงกับพี่ภัทรตั้งแต่แรก”

“เรื่องแบบนั้นใครจะไปกล้าบอกคนอื่น” ภัทรพลยิ้ม “น้องรินทร์ก็ช่างสรรหาเหตุผลมาให้พี่สบายใจนะ”

วรินทร์หัวเราะ “จริงค่ะ มีแต่คนที่สนิทเท่านั้นที่รู้”

“งั้นพี่ก็เป็นคนสนิทของน้องรินทร์”

“โอ้! พี่ภัทรนี่กรณียกเว้นค่ะ” วรินทร์อุทานอย่างตกใจ “ยังนึกจะจีบรินทร์อยู่อีกเหรอคะ ทั้งที่รู้อย่างนี้แล้ว”

“พี่แค่แซวเล่น มันเป็นนิสัยส่วนตัว” ในที่สุดภัทรพลก็หันมามองหน้ากัน วรินทร์สบนัยน์ตาขอโทษขอโพยของอีกคน “ยกโทษให้พี่กับไนน์ด้วยนะ โดยเฉพาะไนน์...จริงๆ แล้วเขาไม่ใช่คนอย่างนั้น”

วรินทร์ไม่ตอบ แต่ผินหน้ากลับมามองตรงหน้าอย่างไร้จุดหมาย

ถ้าเขาไม่หยุดล่ะคะพี่ภัทร…เขายังไม่หยุดทรมานรินทร์ซักที

ภัทรพลเข้าใจวรินทร์ คนที่เรารักและไว้ใจมาทำร้ายกัน ใครบ้างจะทำใจให้อภัยได้ในระยะเวลาสั้นๆ ชายหนุ่มยิ้มบาง ก่อนจะหันหน้ากับมามองทางเดียวกันกับหญิงสาวข้างกาย

ไม่มีใครพูดอะไรกันต่อ ทั้งสองตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง พร้อมกับความเงียบที่เข้าปกคลุม




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.