web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 153
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 13
Total: 13

ผู้เขียน หัวข้อ: อยากให้รู้ว่ารัก : ตอนที่ 17  (อ่าน 1658 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ป่านิทรา

  • Moderator
  • หน้าใหม่
  • *****
  • กระทู้: 24
อยากให้รู้ว่ารัก : ตอนที่ 17
« เมื่อ: 22 มกราคม 2014 เวลา 20:18:19 »
ตอนที่ 17

เสียงหายใจถี่อย่างเหนื่อยหอบของทั้งสองสาวดังแข่งกับเสียงเพลงที่ลอดออกมาจากลำโพงทีวี LED 3D สี่สิบนิ้วยี่ห้อดังที่ถูกเปิดทิ้งเอาไว้

กิจกรรมที่ผ่านกันมาแล้วหลายต่อหลายรอบติดต่อกันแบบไม่บันยะบันยังทำเอาคนที่ช่ำชองกว่าถึงกับเข่าอ่อน นอนเหงื่อซกแผ่หลาหมดสภาพเพราะออกลีลาผาดโผนโจนทะยานจากท่าง่ายๆ เบสิคๆ ก็ทำให้มันยากเพื่อแสดงความเก่งกาจอวดสาวจนแทบจะเป็นลมเงยท้องตึงเมื่อจบรอบล่าสุดที่แสนจะเมามันส์ลงได้อย่างสวยสดงดงาม

ด้านคนที่ไม่เคยมาก่อนก็มีสภาพไม่ต่างกัน นุชนารถนอนหน้าแดงเถือกร่างกายทุกสัดส่วนเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ หน้าอกขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจที่เหนื่อยหอบกระชั้นถี่ เสียงสูดลมหายใจดังฟืดฟาดเพราะกำลังพยายามอัดอากาศเข้าปอดให้ได้มากที่สุด ก่อนจะสะดุ้งตกใจเมื่ออีกฝ่ายที่เมื่อกี้ยังนอนแผ่หลาอยู่ข้างๆ กันขยับตัวเข้ามาใกล้เพื่อสะกิดเตือนให้เธอรู้ว่าได้เวลาเริ่มกิจกรรมรอบใหม่อีกครั้งนึงแล้ว

“ดะ..เดียร์.....อะ..เอมไม่ไหวแล้ว......พะ..พอก่อนนะ......เหนื่อยโครต” สาวเจ้าถึงกับร้องปฏิเสธเสียงสั่นพร่าเพราะร่างกายเหนื่อยล้าจนไม่อยากจะขยับเขยื้อนอีกต่อไป เกิดมาก็เพิ่งเคยใช้งานช่วงล่างได้อย่างหนักหน่วงจริงๆ ก็วันนี้แหละ และถ้าขืนยังทำกิจกรรมนี้ต่อไปสงสัยพรุ่งนี้มีระบมแน่ๆ

“งะ..งั้นพักยกก่อน......พะ...เพราะเดียร์ก็.......มะ...ม่ายยยหว่ายยยแล้วเหมือนกานนน......โอ้ย~~~ขะ..ขาสั่นไปหมดแล้วอ่า~~” ชลธิดาหน้าแดงจัดพูดจาติดขัดเพราะอาการหายใจหอบกระชั้นถี่

ขณะที่สองสาวมัวแต่แข่งกันหอบจนตัวโยนเพราะความเหนื่อยล้าจากกิจกรรมเสียเหงื่อที่เพิ่งยุติลงไป จึงทำให้ไม่ได้ยินเสียงประตูที่ถูกเปิดเข้ามาและไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่กันเพียงลำพังสองคนอีกแล้ว แต่กลับมีบุคคลที่สามเข้ามายืนอยู่ในห้องโดยไม่รู้ตัว

“ทำอะไรกันน่ะ!” เสียงตวาดที่ดังขึ้นทำเอาสองสาวที่นอนไร้เรี่ยวแรงกันอยู่ถึงกับสะดุ้งสุดตัวต่างเด้งกายผงกหัวลุกขึ้นมานั่ง แล้วหันมองไปทางต้นเสียงพร้อมกันไม่ได้นัดหมาย

“พี่วี!!” ชลธิดาร้องเสียงหลงเธอทั้งตกใจและขัดเคืองที่พี่ชายตัวดีแอบย่องเข้ามาในสถานที่ส่วนตัวของเธอโดยไม่ได้รับอนุญาตแบบนี้

ปฐวีหัวเราะขำกับอาการตกอกตกใจเกินเหตุของน้องสาวตัวแสบและเพื่อนสาวตัวเล็ก ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงขัดสมาธิข้างๆ เจ้าของห้องนั่นแหละ พลางมองสองสาวน้อยที่ดูเหมือนจะอาบเหงื่อต่างน้ำด้วยความเอ็นดู

“ไง ทำอะไรกันอยู่ล่ะจ๊ะสองสาว แอร์ก็เย็นดีแต่ทำไมถึงได้นอนเหงื่อท่วมตัวกันอย่างนี้ล่ะ”

“ไม่ตลก! ตัวไม่ต้องมาหัวเราะเลยนะ เค้ากับเอมตกใจหมดแล้วเนี่ย” ชลธิดาต่อว่าพี่ชายตัวเองหน้ามุ่ย แต่ปฐวีกลับหัวเราะชอบใจมากขึ้นไปอีกเมื่อได้เห็นหน้ามุ่ยๆ ของน้องสาว

“โทษทีๆ ก็พี่เห็นว่าเลยเที่ยงแล้วเราสองคนไม่ยอมลงไปข้างล่างซะที พี่ก็เลยขึ้นมาตามนะสิ”

“แล้วทำไมตัวไม่เคาะประตูก่อนล่ะ เดินเข้ามาเงียบๆ ทำไมเล่า”ชลธิดายังออกอาการขัดเคืองพี่ชายตัวเองอยู่

“โอ้ยยยย เคาะจนมือกระผมจะหงิกอยู่แล้วครับคุณนาย ไม่เห็นมีใครจะขานตอบกระผมสักคน กระผมก็เลยถือวิสาสะเดินเข้ามาเองนี่ล่ะครับ เพราะกลัวว่าคุณน้องสาวสุดที่รักอาจจะเป็นลมหรือไม่ก็โดนการบ้านทับตายคาห้องไปแล้ว”  ปฐวีบอกแกมประชด

“เคาะตอนไหนกัน เค้าไม่เห็นจะได้ยินเลยเน๊าะเอมเน๊าะ”  ชลธิดาว่าปากยื่นก่อนจะหันไปพยักพเยิดกับนุชนารถเพื่อหาพวก สาวตัวเล็กก็พยักหน้าเออออด้วย

“ก็น่าจะไม่ได้ยินอยู่หรอก ก็เล่นเปิดทีวีเสียงดังซะขนาดนี้”  ปฐวีว่าพลางมองไปยังหน้าจอโทรทัศน์ที่กำลังฉายภาพตัวการ์ตูนอนิเมชั่นที่กำลังเต้นตามจังหวะเสียงเพลงและลูกศรลักษณะต่างๆ ที่กำลังเลื่อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะไล่ตามองลงมาพบกับเจ้า  Wii Dance Pad กางแผ่หลาอยู่กับพื้นห้อง

“อ้าว เล่นเกมเต้นมันก็ต้องเปิดเสียงดังๆ สิเพ่ ไม่งั้นมันจะสนุกเหร้อ”  พูดพร้อมกับทำหน้ากวนใส่

“ท่าทางจะสนุกมาก เต้นกันซะจนเหงื่อไหลไคลย้อยเชียว”

“ว่าแต่ตัวเหอะขึ้นมาตามพวกเค้าทำไมอ่ะ” ชลธิดาถาม

“พี่ว่าจะมาชวนเราสองคนออกไปหาอะไรกินกันข้างนอกสักหน่อยสนใจป่ะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง” ปฐวีบอก ส่วนสาวๆ พอได้ยินว่าจะมีคนเลี้ยงอาหารก็มีอาการตาลุกวาว โดยเฉพาะสาวตัวสูงที่ดีใจจนออกนอกหน้า

“แหม มีป๋า ใจดี สปอร์ต กทม.ออกตัวว่าจะเลี้ยงทั้งทีสาวๆ ที่ไหนเขาจะอยากขัดศรัทธากันบ้างล่ะคะป๋าขาาาาา” ชลธิดาว่าพลางเข้าไปคลอเคลียบีบนวดเอาใจพี่ชายเลียนแบบน้องๆ หนูๆ ของบรรดาเสี่ยๆ ทั้งหลายเป็นการใหญ่

“ใช่ค่ะ นานๆ จะมีเจ้ามือหลงมาสักที มื้อนี้ก็ขอล้มทับป๋าหน่อยก็แล้วกันนะคะ” นุชนารถพลอยผสมโรงพูดเล่นกับชายหนุ่มด้วย เพราะความที่เพื่อนๆ ในกลุ่มต่างก็รู้จักคุ้นเคยกันดีกับคนในครอบครัวนี้จึงสามารถพูดคุยได้อย่างสนิทสนม

“งั้นป๋าลงไปคอยข้างล่างนะ น้องหนูสองคนก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซะล่ะ ป๋าเหม็นเหงื่อจะแย่แล้วเนี่ย” ปฐวีบอกพลางแกล้งนำมือไปบีบจมูกพร้อมกับใช้มืออีกข้างโบกไปมาประกอบคำพูด ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินออกจากห้องไปทิ้งให้สองสาวจัดการธุระส่วนตัวกันเอง

“เอมใส่เสื้อผ้าของเดียร์ไปก่อนก็แล้วกันเน๊อะ ส่วนชุดเก่าก็ทิ้งไว้ที่นี่แหละซักเสร็จแล้วเดียร์จะเอาไปคืนให้” ชลธิดาบอกก่อนจะเดินไปเปิดบานเลื่อนตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่อีกครั้ง

“อืม....ชุดไหนดีหว่า” ชลธิดากวาดสายตามองไปตามเสื้อผ้ามากมายที่แขวนเรียงรายกันอยู่ในนั้น
เธอกำลังมองหาชุดที่เหมาะกับสาวตัวเล็กอย่างนุชนารถ เรื่องเอวไม่น่าจะเป็นปัญหาเพราะคงจะเล็กกว่าเธอไม่มากนักที่สำคัญคือส่วนสูงต่างหากล่ะ ชลธิดาเลือกชุดเดรสสั้นเหนือเข่าสีอ่อนๆ ที่ดูแล้วสาวหมวยน่าจะใส่ได้ออกมาสองสามชุด แล้วนำชุดที่เลือกมาเทียบวัดขนาดกับตัวของนุชนารถสลับกันไปมาจนกระทั่งได้ชุดเดรสแขนกุดปกบัวผ้าลูกไม้สีขาวซ้อนทับกับเนื้อผ้าสีเขียวตองอ่อนซึ่งถูกใจทั้งคนเลือกให้และคนที่จะสวมใส่

“เอมเข้าไปอาบก่อนก็ได้นะ” ชลธิดาบอกพร้อมกับยื่นผ้าขนหนูสีครีมผืนใหม่ที่หยิบออกมาจากตู้ส่งให้

“ไม่เป็นไรเอมอาบที่หลังก็ได้ เดียร์เข้าไปอาบก่อนเถอะ”  นุชนารถบอกพร้อมกับรับผ้าขนหนูมาถือไว้ในมือ

“เอางั้นก็ได้” แล้วคนตัวสูงก็เดินหายเข้าห้องน้ำไป

หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จเรียบร้อยจนหอมฟุ้งไปทั้งตัวแล้ว ชลธิดาที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวสีชมพูอ่อนผืนเดียวพันกายก็เดินออกมาจากห้องน้ำ กำลังจะเอ่ยปากเรียกสาวหมวยให้เข้าไปอาบต่อแต่ก็ต้องยั้งปากเอาไว้เมื่อเหลือบไปเห็นว่านุชนารถผล็อยหลับไปบนเตียงนุ่มขนาดควีนไซส์ของตัวเองเสียแล้ว

จากที่ตั้งใจว่าจะไปแต่งตัวก็พลันเปลี่ยนใจเบี่ยงทิศเดินไปหยุดยืนก่อนจะนั่งลงที่ขอบเตียงแทน ดวงตาเรียวมองคนตัวเล็กที่นอนตะแคงหลับตาพริ้ม สงสัยจะเหนื่อยกับกิจกรรมเสียเหงื่อมากเกินไปหน่อย เฮ้อ~ ก็ไม่ค่อยจะออกกำลังกายเลยนี่วันๆ ถ้าไม่คอยติดสอยห้อยตามเธอก็เอาแต่อ่านหนังสือเรียนอย่างเดียวเลยนี่นา

จริงๆ ก็อยากจะให้คนตัวเล็กนอนพักอยู่หรอกนะ แต่ติดตรงที่พี่ชายของเธอรออยู่ข้างล่างนี่สิ  เอ....หรือว่าจะเปลี่ยนใจไม่ไปดีหว่า งั้นลองเรียกขึ้นมาถามดูก่อนแล้วกัน ถ้าไม่ไหวก็ปล่อยให้นางนอนต่อ คิดได้อย่างนั้นแล้วก็เปล่งเสียงเรียกคนนอนตะแคงข้างซุกหน้าอยู่กับหมอนนุ่ม 

“เอม เอมคะ” เงียบ.........ไม่มีสัญญาณตอบรับจากบุคคลที่ท่านเรียก~~~ ฟรี๊~คร่อก~ เหอๆ มีกรนด้วยวุ้ย!

“เอม ตื่นไปอาบน้ำได้แล้วนะ” คราวนี้ไม่เรียกเพียงอย่างเดียว ใช้มือเขย่าตัวคนขี้เซาไปพร้อมกันด้วย แต่นุชนารถก็ไม่ยอมตื่นขึ้นมาง่ายๆ ปฏิกิริยาของสาวหมวยหลังจากการปลุกมีเพียงแค่ส่งเสียงครางอือเหมือนรำคาญในลำคอ กับขยับกายหนีมือที่กำลังรบกวนการนิทราพลิกมานอนหงายเท่านั้นเอง ให้ชลธิดาส่ายหัวอมยิ้มกับอาการหลับลึกของแฟนกำมะลอที่ดูแล้วช่างน่ารักน่าชังเสียเหลือเกิน และเป็นเพราะว่าคนตัวเล็กไม่มีท่าทีที่จะตื่นขึ้นมาเลย จึงทำให้เจ้าของห้องมีโอกาสได้พิจารณาเครื่องหน้าของคนขี้เซาได้ถนัดถนี่มากขึ้น

คนตัวสูงมองดูสาวตัวเล็กที่กำลังหลับใหลด้วยแววตาวิบวับ ดวงตาเรียวไล่มองมาตั้งแต่คิ้วโค้งเรียวเรื่อยลงมายังดวงตาคู่โตที่บัดนี้ถูกปิดสนิทด้วยเปลือกตาบาง และขนตายาวที่ถูกดัดให้งอนเรียงกันเป็นแพร เรื่อยไปจนถึงจมูกที่แม้จะไม่ได้โด่งจนเป๊ะเว่อร์แต่ก็พอเป็นสันสวยรับกับโครงหน้ารูปไข่ จนกระทั้งสายตามาสะดุดลงที่ริมฝีปากอวบอิ่มที่วันนี้ถูกเคลือบด้วยลิปสติกสีพีชซึ่งจางไปมากแล้ว ชลธิดาหยุดมองริมฝีปากที่ออกจะเผยอหน่อยๆ เหมือนเชิญชวนพร้อมกับคิดไปว่าริมฝีปากนี้สินะที่เธอเคยได้สัมผัสกับความฉ่ำหวานมาแล้วครั้งนึง  อืมมมๆ ชักอยากจะจูบสูบวิญญาณอีกสักครั้งซะแล้วสิ ไม่รู้ว่าจะยังหวานอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่านะ

คิดได้ดังนั้นร่างสูงก็เริ่มกระถดกายเข้าหาร่างเล็กที่กำลังพริ้มหลับ แล้วค่อยเอนกายลงไปหาอย่างระมัดระวัง มือขวาถูกยันกับที่นอนนุ่มเพื่อพยุงกายไม่ให้ล้มหน้าทิ่มทับคนเบื้องล่าง ส่วนข้างซ้ายเคลื่อนไปจับปอยผมที่รุ่ยร่ายอยู่ข้างแก้มทัดเข้าที่หลังใบหูตัวเอง พร้อมกับโน้มกายเรื่อยลงไปอีกจนกระทั้งใบหน้าของเธอห่างจากร่างเบื้องล่างเพียงแค่กระดาษกั้น ย้ำแค่กระดาษกั้น! ก่อนจะก็ปรับองศาอีกนิดให้ได้มุมพอเหมาะแล้วค่อยปิดเปลือกตาลง ตื่นเต้นเหมือนกันวุ้ย! ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าหัวใจตัวเองจะมาสั่นไหวกับยัยหมวยน้อยนี้ได้ และในที่สุดริมฝีปากบางก็แตะเข้ากับปากอวบอิ่มจนได้ อืมมมม แอบลักหลับคนที่รู้สึกดีด้วยมันให้ความรู้สึกแบบนี้นี่เอง มันดีจริงๆ นะ อดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปากล่างของคนหลับเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยวโทษฐานที่เป็นฝ่ายแอบลักหลับเธอก่อน

“ถือซะว่าเดียร์เอาคืนเอมก็แล้วกันนะ” ชลธิดากระซิบบอกเบาๆ ที่ข้างหูคนหลับ แล้วค่อยผละกายขึ้นมานั่งส่งยิ้มหวานหยดพร้อมกับใช้ข้อนิ้วไล้ที่แก้มนวลเบาๆ เล่นอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนที่จะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้าหายกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง

เมื่อสิ้นเสียงปิดประตูห้องน้ำแล้ว คนหลับลึกก็พลันตาสว่างเด้งตัวลุกพรึบขึ้นมานั่งทันที มือนึงถูกยกขึ้นแตะเบาๆ ที่ริมฝีปาก ส่วนอีกมือก็วางทาบที่อกข้างซ้ายตัวเองและเมื่อตั้งสติได้แล้ว จึงได้เหลียวมองไปที่ประตูห้องน้ำ สัมผัสเย็นๆ กับริมฝีปากนุ่มๆ ทำให้คนที่กำลังจะลอยได้ทำท่าร้องเยสๆ แต่ไร้เสียงด้วยความดีใจ ฮี่ๆ เธอไม่ได้แกล้งหลับนะเธอหลับจริงๆ จะมาเริ่มรู้สึกตัวก็ตอนที่โดนเขย่าตัวนั่นแหละ แต่คนมันเหนื่อยนี่ก็เลยยังไม่อยากลุก แล้วมันก็เป็นเรื่อง แถมเรื่องดีซะด้วย อิอิ นุชนารถหัวเราะคิกคักเพราะกำลังคิดว่าคนตัวสูงต้องมีใจให้ตัวเองแน่ๆ คิดแล้วก็อยากจะเดินไปกระชากประตูแล้วจับคนในนั้นมาจูบซะให้หนำใจ จากนั้นก็ถามว่ารักกันมั้ย แต่ก็ได้แค่คิดนั่นแหละเอาเข้าจริงๆ ใครจะกล้าล่ะ เฮอ~ เอ๊ะ! หรือจะกล้าดี จู่ๆ กำลังใจก็เกิดดีขึ้นมาซะงั้น แต่ยังไม่ทันที่จะเถียงกับตัวเองเสร็จ คนในห้องน้ำก็ออกมาเสียก่อน

“อ้าว~ ตื่นแล้วเหรอ เห็นกำลังหลับสบาย เลยกะว่าจะลงไปบอกพี่วีสักหน่อยว่าเราสองคนไม่ไปแล้ว” ชลธิดาบอกพร้อมรอยยิ้ม แต่ในใจน่ะเหรอ...กะว่าจะทำเนียนมานอนกอดด้วยซะหน่อยอดเลยตรู เฮอๆ

“แหะๆ เอมกะว่าจะนอนเล่นคอยเดียร์เฉยๆ แต่ดันเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน”  นุชนารถหันมายิ้มแห้งให้กับเจ้าของรอยจูบเมื่อกี้ ยังอายอยู่นะแต่ต้องทำเป็นไม่รู้เรื่องเดี๋ยวไม่เนียน

“ค่ะ แถมหลับลึกซะด้วยนะ ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น”  ชลธิดาว่าพลางส่งสายตาล้อเลียนมาให้ ก่อนจะแอบต่อท้ายในใจว่า จนเจ้าชายต้องไปจูบปลุกนั่นแหล่ะ อิอิ

อ่ะโด่ ทำเป็นมาล้อเค้า ตัวเองแอบทำอะไรเค้าไว้อย่านึกนะว่าเค้าไม่รู้น้า นุชนารถคิดแต่ปากกลับพูดไปอีกอย่าง

“อืมม  ปกติเอมก็ไม่ใช่คนปลุกยากนะ แล้วทำไมเอมไม่ยักกะรู้สึกเลยว่าถูกปลุกอ่ะ....เดียร์ปลุกเอมด้วยวิธีไหนเหรอ”

เอาล่ะเซ่ จู่ๆก็มาถามกันแบบนี้แล้วจอมฉวยโอกาสจะตอบกลับไปยังไงล่ะ

“เอ่อ.....ก็....ก็ปลุกด้วยวิธีธรรมดานี่ล่ะ ทั้งเรียกทั้งเขย่าเอมก็ไม่ยอมตื่น ขี้เซาเหมือนกันนะเรา” คนถูกถามที่สติดีเหลือเกินบวกกับคำถามที่จู่โจมมาไม่ยากเท่าไหร่เลยตอบได้ตรงตามความเป็นจริง เพียงแต่เหตุการณ์หลังจากที่พยายามปลุกแล้วคนตัวสูงไม่ขอบอก ก็เจ้าตัวเขาไม่ได้ถามแล้วจะไปบอกเขาเพื่อ

“เหรอ สงสัยเป็นเพราะกำลังฝันอยู่แน่เลย เอมเลยไม่ยอมตื่น”  นุชนารถเห็นคนฉวยโอกาสแก้ลำเก่งเหลือเกินก็พาลให้นึกหมั่นไส้ สงสัยต้องใช้คำที่มันเจาะจงมากกว่านี้ซะแล้ว

“หื้มม ฝันว่าอะไรเหรอไหนเล่าให้ฟังบ้างดิ”  แหมๆ ทำหน้าอยากรู้ขึ้นมาทันทีเชียวนะ ถามมาอย่างนี้ก็เสร็จโจรอ่ะดิ  นุชนารถแอบยิ้มในใจสาวหมวยไม่ยอมพลาดเป็นรอบที่สองแน่ อิอิ

“เอมฝันว่าเอมกำลังนอนหลับ แล้วจู่ๆ ก็มีใครไม่รู้มาจูบเอมเฉยเลยอ่า~~”  นุชนารถพูดพร้อมกับยกมือกุมแก้มตัวเองอย่างเขินอาย พลางแอบเหล่ตามองคนตัวสูงที่เผลอหน้าซีดสะดุ้งน้อยๆ ก่อนจะทำทีเป็นหัวเราะ(ที่ดูฝืดเฝื่อน)ขำกับความฝันของเธอ จากนั้นก็รีบเปลี่ยนหัวข้อเพื่อกลบเกลื่อนความผิดทันที แถเก่งไม่เบาเหมือนกันนะ

“ไหนๆ ก็ตื่นแล้ว เดียร์ว่าเอมไปอาบน้ำดีกว่านะ ป่านนี้ป๋าวีคอยแย่แล้ว”  ชลธิดาว่าก่อนจะดึงมืออีกคนให้ลุกขึ้นยืนตามแรงฉุด แล้วรีบมารุนหลังให้สาวหมวยเข้าห้องน้ำไปโดยไวพร้อมทั้งบริการปิดประตูล็อคให้เสร็จสรรพ ก่อนจะมายืนเป่าลมออกปากที่หน้าห้องน้ำพร้อมกับเสียงพึมพำที่ลอยออกมาจากปากว่าเกือบไปแล้วมั้ยล่ะไอ้เดียร์เอ้ย! ในขณะที่อีกคนที่อยู่ในห้องน้ำกำลังยิ้มขำกับหน้าแดงๆ ที่อีกฝ่ายคงพยายามจะปกปิดแล้วอย่างสุดความสามารถแต่มันดันปิดไม่มิดนะสิ

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวจนดูดีด้วยกันทั้งคู่เสร็จเรียบร้อยแล้ว สองสาววัยใสในชุดเดรสน่ารักสมวัยก็เดินควงคู่กันลงมายังห้องรับแขกซึ่งชายหนุ่มคนเดียวของบ้านนี้ได้นั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“นานมากเลยครับน้องหนูทั้งสอง ไม่ทราบว่าอาบน้ำหรือว่าควักไส้ควักพุ่งออกมาล้างกันแน่คร้าบบ ป๋ารอจนพยาธิในท้องมันร้องประท้วงว่าหิวแล้วๆ ลั่นบ้านไปหมดแล้วเนี่ย” ปฐวีถึงกับเอ่ยปากบ่นเมื่อเห็นสาวน้อยทั้งสองได้ฤกษ์ลงมาจากห้องซะที ไม่รู้ว่าอาบน้ำหรือทำอะไรกันแน่ อุ้ย! แอบลามกเหมือนกันนะเราเนี่ย

“โหยย  ตัวพวกเค้าเป็นผู้หญิงนะ จะให้มาอาบน้ำลวกๆ ได้ยังไง อีกอย่างถ้าสัตว์เลี้ยงแสนรักของตัวร้องดังลั่นบ้านขนาดนั้น เค้าว่าไม่ใช่พยาธิแล้วมั้งน่าจะเป็นพญานาคซะมากกว่า” แต่น้องสาวตัวแสบก็ตอกกลับพี่ชายได้อย่างทันควันเรียกเสียงหัวเราะเบาๆ จากคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างกันได้

“งั้นรีบไปเถอะ ก่อนที่พญานาคจะแหวกท้องพี่ออกมากินหัวเจ้าเด็กตัวแสบแถวนี้แทน ไปครับน้องเอม” ว่าแล้วปฐวีก็เดินนำสาวๆ ไปขึ้นรถญี่ปุ่นสีขาวคันโตที่ตนได้นำมาจอดรอไว้แล้วที่มุขหน้าบ้าน ก่อนจะขับรถมุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านฝั่งธน

<

<

<

“สวัสดีค่ะพี่รุ่ง”  ชโลธรยกมือไหว้ทักทายผู้จัดการสาขาห้างเพชรทองบิ้วตี้เจมส์ซึ่งเป็นกิจการหลักของครอบครัวเธอ

“อ้าว น้องอ้อมสวัสดีค่ะ มาเที่ยวเหรอคะ ว่าแต่เป็นไงมาไงคะวันนี้ถึงได้แวะเข้ามาหาพี่ได้ ทุกทีเห็นแต่เดินเฉียดไปเฉี่ยวมาไม่ยอมเข้ามาทักทายกันสักที”  ผู้จัดการสาวสวยวัยสามสิบยังแจ๋วล่ะสายตาจากเอกสารในมือพอเห็นว่าเป็นใครก็ส่งรอยยิ้มสวยๆ พร้อมทั้งเอ่ยแซวเล็กๆ กับลูกสาวคนสวยของนายจ้างด้วยความสนิทสนม

“พี่รุ่งก็พูดเกินไป อ้อมแวะเข้ามาทุกครั้งที่มีโอกาสนั่นแหละ แต่ที่เดินเฉียดไปเฉียดมาก็เพราะเห็นว่าพี่ติดลูกค้าอยู่เลยไม่อยากเข้ามารบกวนค่ะ” ชโลธรบอกพลางทำหน้าง้ำน้อยๆ ให้คนโตกว่าที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์แหวนเพชรได้เอ็นดูเล่น

“แหม พี่ก็แซวเล่นไปอย่างนั้นเองค่ะ อยากเห็นเด็กน้อยทำหน้าง้ำหน้างอดูแล้วน่ารักดี” รุ่งนภายิ้มขำ แกล้งเด็กมันสนุกอย่างนี้นี่เอง

“พี่รุ่งอ่ะ แกล้งอ้อมอีกแล้วนะ” จากที่หน้าง้ำกลายเป็นหน้างอไปเลยทีนี่ เรียกเสียงหัวเราะจากผู้จัดการสาวได้อีกโข

“ขอโทษนะคะ ช่วยให้ช่างต่อสร้อยให้หน่อยค่ะ” เสียงผู้หญิงฟังดูคุ้นหูดังขึ้นเบรกจังหวะแง่งอนของเด็กน้อยกับผู้ใหญ่ ให้ผู้จัดการสาวคนสวยแตะเข้าที่หลังมือของเด็กสาวเบาๆ เป็นเชิงขอตัวไปทำงานก่อนนะคะเดี๋ยวจะมาคุยด้วยใหม่ ก่อนจะหันไปส่งยิ้มละไมให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ

“สวัสดีค่ะ จะเชื่อมสร้อยที่ขาดเหรอคะ”

“ใช่ค่ะ” ลูกค้าสาวตอบพร้อมกับลวงสร้อยคอทองคำออกมาจากกระเป๋าเสื้อ กำลังจะวางสร้อยลงบนกระจกใสของเคาน์เตอร์ แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อได้ยินประโยคต่อมาของพนักงาน

“ใช่สร้อยที่ซื้อจากทางร้านหรือเปล่าคะ ได้เอาใบรับประกันมาด้วยไหม” ผู้จัดการสาวกล่าวพร้อมรอยยิ้มที่ไม่เคยจางหายไปจากใบหน้า เหมือนไม่กลัวว่าเท้ากาอาจจะมาเยือนได้

“ทำไมค่ะ แค่สร้อยมันขาดแล้วเอามาต่อถึงกับต้องพกใบรับประกันมาด้วยเลยหรือไง แล้วถ้าไม่ใช่สร้อยที่ซื้อจากร้านนี่จะไม่รับต่อให้ใช่ไหม” น้ำเสียงของลูกค้าสาวเริ่มตึงขึ้นเล็กน้อย หัวคิ้วก็ขมวดลงแสดงถึงอาการไม่พอใจอยู่ในที เธอเป็นลูกค้านะไม่ได้มาขอให้ต่อให้ฟรีๆ หรือว่ากลัวจะเป็นทองปลอมเลยต้องถามหาใบรับประกัน แต่ฉันไม่ได้เอาสร้อยมาขายซะหน่อยนะ

“อุ๊ย! ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่ เข้าใจผิดแล้ว ที่ดิฉันถามว่าซื้อจากที่ร้านไหมและมีใบรับประกันหรือเปล่า เพราะว่าค่าบริการมันจะต่างกันค่ะ คือ ถ้าเป็นสินค้าที่ซื้อจากที่อื่นเราจะคิดค่าบริการเต็มจำนวน แต่ถ้าซื้อจากที่นี่แต่ไม่มีใบรับประกันก็จะลดให้ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้ามีใบรับประกันมาด้วยเราบริการฟรีค่ะ” ผู้จัดการสาวรีบสาธยายเสียยกใหญ่ก่อนที่จะมีเรื่องเข้าใจผิดมากไปกว่านี้ ครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่เธอหุบยิ้มต่อหน้าลูกค้า

“อ๋อ แล้วไป นี่ค่ะสร้อย ซื้อจากที่ร้านนี่ล่ะค่ะ แต่ไม่ได้เอาใบรับประกันมาเพราะไม่รู้ว่าเอามาแล้วจะฟรี” ลูกค้าสาวส่งสร้อยคอทองคำให้กับรุ่งนภาที่ยืนยิ้มหน้าเจื่อน แหม ลูกค้ารายนี้ของเขาแรงดีจริงๆ

“แล้วจะมารับสร้อยคืนเมื่อไหร่ดีคะ” แม้จะโดนของแรงเข้าไปแต่ประสบการณ์ที่สั่งสมมานานก็ทำให้ผู้จัดการสาวปรับสีหน้าได้อย่างรวดเร็ว และส่งยิ้มหวานบาดใจให้กับคุณลูกค้าได้อ่อนลงบ้าง

“ใช้เวลานานไหมคะกว่าจะต่อเสร็จ”

“ไม่นานค่ะ สร้อยลายนี้สักยี่สิบนาทีก็น่าจะเสร็จแล้ว จะนั่งรอที่ร้านหรือจะไปเดินเล่นก่อนก็ได้นะคะ”

“ไปเดินเล่นก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวค่อยมาเอา” ลูกค้าสาวบอก เธอขี้เกียจมานั่งจับเจ่าอยู่ในร้าน สู้ออกไปเดินเล่นดูของแถวๆ นี้ดีกว่า

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวช่วยแจ้งชื่อกับเบอร์โทรศัพท์ไว้ด้วยนะคะ” ผู้จัดการสาวบอกพร้อมกับก้มลงไปหยิบแบบฟอร์มเล่มเล็กขึ้นมาจากใต้เคาน์เตอร์ แล้วนำขึ้นมาวางด้านบนกรอกชื่อกับเบอร์โทรศัพท์ตามที่ลูกค้าสาวบอกไว้และรายละเอียดต่างๆ ของสร้อยลงในกระดาษ ก่อนจะฉีกมันออกตามแนวเส้นประแล้วยื่นมันให้กับลูกค้าสาวพร้อมกับรอยยิ้มพิมพ์ใจที่สามารถเรียกความมั่นกลับคืนมาได้ทั้งหมดแล้ว

“ตอนมารับสร้อยคืนให้นำใบนี้มาด้วยนะคะ” ผู้จัดการสาวบอก ลูกค้าสาวรับไว้แล้วอ่านข้อความในกระดาษมันคือใบรับสร้อยคืนนั่นเอง อืม บริการใช้ได้เหมือนกันนะเนี่ยร้านเนี๊ย

“ขอบคุณค่ะ” รอยยิ้มสวยประกายสดใสจากลูกค้าสาวอารมณ์ร้อนปรากฏขึ้นให้เห็นเป็นครั้งแรก ให้ผู้จัดการร้านส่งยิ้มหวานตอบกลับไปด้วยความยินดีแกมโล่งใจ

พอเห็นลูกค้าออกจากร้านไปแล้ว ชโลธรจึงลดแมกกาซีนออกจากวงหน้า วางมันลงที่มุมหนังสือตามเดิม ก่อนจะรีบสาวเท้าไปหาผู้จัดการสาวคนสวย

“อ่ะๆ เห็นนะว่าแอบโล่งอกอ่ะ เป็นไงล่ะเจอของแรงเข้าไปถึงกับหน้าเจื่อนฟอร์มหลุดเลยนะคะ ฮ่าๆ” สาวน้อยได้ทีหัวเราะชอบใจที่เห็นผู้จัดการสาวสวยคนเก่งเกือบพลาดท่าเสียลุคสาวมั่นให้กับคุณลูกค้า

“ไม่ต้องมาแซวพี่เลยนะคะ ใครจะไปรู้ล่ะว่าจู่ๆ จะโดนเด็กเหวี่ยงเข้าให้ สงสัยวันนี้ก้าวเท้าซ้ายออกจากบ้านแหง๋ๆ”

“ฮ่าๆ ถ้าเป็นเด็กคนอื่นก็คงไม่เป็นอย่างนี้หรอกค่ะ แต่เผอิ๊ญเผอิญเป็นยัยนั้น พี่รุ่งก็เลยโชคดีไป”

“หื้มม หมายความว่าไงค่ะ น้องอ้อมรู้จักเด็กคนนั้นด้วยเหรอ”

“ยัยนั้นเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนน่ะค่ะ ไม่ค่อยถูกโฉลกกับกลุ่มอ้อมเท่าไหร่หรอก เผลอๆ นางออกจะเกลียดพวกอ้อมด้วยซะล่ะมั้ง” เด็กสาวพูดสบายๆ ไม่ได้มีทีท่าเป็นกังวลกับเรื่องที่บอกเลยสักนิด

“อ้าว ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะคะ”

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็แค่พวกมีปมอย่าไปสนใจเลย” เด็กสาวยักไหล่ ก่อนจะขยับเท้าเพื่อที่จะเดินออกไปจากร้าน

“จะกลับแล้วเหรอคะ”

“ยังหรอกค่ะ กะว่าจะไปเอาคืนให้พี่สาวคนสวยซะหน่อย ก็เล่นงานพี่เราไว้ซะเยอะเชียว” เด็กสาวหน้าตาสะสวยหันมายิ้มกว้างพร้อมกับขยิบตาข้างเดียวอย่างทะเล้นสดใสส่งให้คนโตกว่า ที่แม้จะไม่ได้ต้องการเอาคืนแต่อย่างใด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กับสายตาเจ้าเล่ห์ของร่างเล็กที่เดินออกไปนอกร้านแล้ว










 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.