Chapter 5
หลังจากเหตุการณ์ดูดวงในวันนั้นพิมพรรณก็ไม่ได้พบกับปูนอีกเลย เนื่องจากว่าเธอติดประชุมงานที่ทางนิตยสารจัดขึ้น นั่นคือกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ที่บ้านพักคนชราและจัดทริปเดินทางท่องเที่ยวให้แก่เหล่าสมาชิกของนิตยสาร บรรณาธิการสาวจึงไม่มีเวลาพายายของเธอไปทำกายภาพบำบัดเลย สิ่งที่ทำได้ก็แค่เพียงฝากขนมไปขอบคุณอีกฝ่ายเท่านั้นเอง
เวลาผ่านไปได้ 2 สัปดาห์ ยายนิก็มีอาการดีขึ้นจนคุณหมอเจ้าของไข้บอกว่าไม่จำเป็นต้องทำกายภาพบำบัดอีกต่อไป เพียงแต่แนะนำให้ออกกำลังกายอยู่บ้านเท่านั้นเอง สิ่งที่คุณหมอบอกมานั้นก็ยิ่งทำให้ปิดโอกาสที่สาวตาคมจะได้พบกับสาวหมวยอีกหลังจากนี้
“เฮ้อ น่าจะขอเบอร์ไว้ ทำไมขี้ลืมแบบนี้นะ” พิมพรรณบ่นกับตัวเอง อุตส่าห์มีเพื่อนดีๆ แบบนี้ทั้งทีทำไมถึงไม่คิดที่จะขอเบอร์โทรศัพท์ หรือแม้แต่อีเมล์ไว้ติดต่อกับปูนบ้างเลย
‘แล้วทำยังไงถึงจะได้เจอกันอีกล่ะเนี่ยไม่ค่อยอยากไปที่โรง’บาลเลยแฮะ’ สาวตาคมคิดพลางเอามือนวดไปที่ต้นคอจุดที่นักกายภาพสาวเคยนวดให้กับเธอ แล้วก็นึกถึงรอยยิ้มกว้างๆ เอวบางๆ ที่เธอกอดแน่นตอนที่ซ้อนมอเตอร์ไซด์ของสาวหมวย
“เฮ้ออออ” บรรณาธิการสาวถอนหายใจอีกครั้งแล้วตั้งสมาธิกับงานที่อยู่ตรงหน้าต่อไป
. . .
เสียงโทรศัพท์ของปูนดังขึ้นในขณะที่เธอกำลังเขียนรายงาน นักกายภาพสาวขมวดคิ้วเมื่อสายตาพบกับชื่อของผู้ที่โทรเข้ามา จากนั้นก็กดรับสาย
“ฮัลโหล”
“ฮัลโหลปูน พรุ่งนี้ว่างหรือเปล่า” เสียงหวานใสจากปลายสายพูดขึ้นมาทันที
“พรุ่งนี้เข้าเวรช่วงเย็น”
“แล้วก่อนหน้านั้นติดธุระอะไรมั้ย”
“ไม่มีนะ ทำไมเหรอ”
“ปูนไปเป็นเพื่อนเค้าซื้อของหน่อยสิ”
“อ้าว แล้วทำไม...” สาวหมวยพูดไม่ทันจะจบ คู่สนทนาก็พูดดักคอขึ้นมาว่า
“อ้ะๆๆ อย่าเพิ่งถาม ตอนนี้กำลังเซ็ง เอาเป็นว่าตอนเที่ยงๆ ว่างมั้ย”
ผู้ถูกถามเงยหน้าขึ้นมองตารางงานของตัวเองบนกระดาน “ก็... ว่าง”
“เย้... งั้นเดี๋ยวเค้าไปรับที่โรง’บาลนะ”
“ได้ๆ ประมาณสิบเอ็ดโมงก็แล้วกัน ว่าแต่... ไม่ต้องไปทำงานเหรอ”
“พรุ่งนี้ลาน่ะ ขี้เกียจไป”
“ก็ได้ๆ จะให้ไปเป็นเพื่อนใช่มั้ยล่ะ แต่อย่านานล่ะ”
“อะไรกันจะให้เจอกันแค่แป๊บเดียวเองหรือยังไง”
“ปูนว่าคงไม่ใช่แค่แป๊บเดียวหรอกมั้ง เดี๋ยวก็ได้เจอกันอีกน่า คิดมากไปได้”
“มันก็ใช่ แต่ช่วงนี้เค้าไม่ค่อยได้เจอปูนเลย คิดถึงจะตายอยู่แล้ว” เสียงออดอ้อนส่งมาตามปลายสาย
นักกายภาพสาวหัวเราะ “อย่ามาพูดแบบนี้น่า ขนลุกหมดแล้ว”
“เค้าไม่ได้ล้อเล่นน้า...” เสียงอ้อนน่าขนลุกส่งเข้ามาอีกครั้ง
“อ้อนแบบนี้ จะให้ปูนทำยังไงดีล่ะเนี่ย”
“ก็... ไม่ต้องทำไง แค่รักเค้าให้มากๆ ก็พอแล้ว”
“โห พอเลยๆ น้ำเน่าน่า ฟังแล้วอยากจะอ้วก”
“อะไรกัน ไม่ชอบให้คนอ้อนเหรอ”
“ก็รู้นี่นาว่านิสัยปูนเป็นยังไง”
“ก็ได้ๆ ไม่อ้อนก็ไม่อ้อน งั้น... พรุ่งนี้เจอกันนะ”
“ค่า...”
“ไปและ บาย”
พอสาวหมวยวางสาย เพื่อนร่วมงานของเธอก็แซวขึ้นมาทันที
“เมื่อกี้คุยกะใครเหรอคะคุณนพนลัท” เสียงของจิ๊บ สาวโย่งดังขึ้นมาก่อน
“หือ... คนรู้จักน่ะ” ปูนตอบแบบไม่สนใจอะไร
“คนรู้จักแล้วทำไมคุยซะหวานอย่างนั้นล่ะ เค้าไม่เคยเห็นปูนคุยโทรศัพท์กับใครแบบนั้นเลย ส่วนใหญ่ก็แค่อื้อๆๆๆ ค่ะๆๆๆ แล้วก็วางสาย แต่กับคนนี้ทำไมคุยหวานจัง” เมย์ สาวผมสั้นพูดขึ้นมาบ้าง
“อย่าบอกนะว่าแฟนปูน”
นักกายภาพสาวตอบพลางเขียนรายงานที่ทำค้างไว้อยู่ “เปล่า ไม่ใช่แฟน”
“ไม่ใช่แล้วทำไมเวลาคุยมันมีแบบว่า... อ้อนแบบนี้จะให้ปูนทำยังไงดีล่ะเนี่ย... ด้วยล่ะ” สาวโย่งพูดตามบทสนทนาที่เพื่อนคุยโทรศัพท์พลางดัดเสียงให้กลายเป็นเสียงแบ๊วๆ ไปด้วย
“ไม่มีอะไร” คนที่ถูกพาดพิงเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนด้วยใบหน้ายิ้มๆ “จริงๆ”
“เราไม่เชื่อหรอก... ไว้พรุ่งนี้จะไปแอบดูว่าใครมารับปูน ...เดี๋ยวก็ได้เจอกันอีกน่า คิดมากไปได้” สาวผมสั้นพูด “เนอะจิ๊บเนอะ” ว่าแล้วก็พยักพเยิดไปทางเพื่อน
“ช่าย... ก็รู้นี่นาว่านิสัยปูนเป็นยังไง” จิ๊บล้อเพื่อนต่อไป
“พอเหอะน่า ล้อกันอยู่ได้” ปูนพูดขำๆ
“ไม่พอจนกว่าจะเห็นว่าคนที่แกคุยด้วยเป็นใคร... เนอะเมย์เนอะ” สาวโย่งพูด
“ช่าย”
สาวหมวยส่ายหน้า ปิดแฟ้มรายงานแล้วลุกขึ้นยืน
“ไปไหนอ่ะปูน” สาวผมสั้นถาม
“ห้องน้ำ” แล้วนักกายภาพสาวก็เดินออกจากห้องไป
ปูนเดินลากเท้าไปตามทางเรื่อยๆ เมื่อผ่านตู้ขายเครื่องดื่มอัตโนมัติเธอก็นึกถึงพิมพรรณ หญิงสาวที่เกิดเรื่องโชคร้ายกับตัวเองแทบจะตลอดเวลา หญิงสาวที่เธอได้ช่วยเอาไว้จากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หญิงสาวที่มีรอยยิ้มสวยๆ รอยยิ้มที่เธอดูแล้วมันช่างเหมือนกับรอยยิ้มที่ใครคนหนึ่งเคยยิ้มให้กับเธอ
‘คุณพิมกับคุณยายจะเป็นยังไงบ้างน้า... คุณยายออกกำลังกายตามที่สอนไปหรือเปล่า... แล้ววันนี้คุณพิมจะเจอกับเรื่องแย่ๆ อีกมั้ยน้า...’
สาวหมวยเอามือแตะไปที่ตู้เบาๆ ราวกับว่าจะส่งความคิดถึงไปให้กับบรรณาธิการสาวที่เธอได้พบและได้คุยกันเป็นครั้งแรกที่หน้าตู้นี้... แล้วจู่ๆ เครื่องดื่มขวดหนึ่งก็หล่นลงมายังช่องรับของ ปูนก้มลงไปหยิบขึ้นมาแล้วขมวดคิ้ว สิ่งที่อยู่ในมือของเธอก็คือชาเขียว เครื่องดื่มที่สาวตาคมเคยซื้อแต่ไม่ได้รับของและเป็นเครื่องดื่มที่เธอเคยนำไปฝากพิมพรรณ
ปูนยิ้ม “Lucky… ขอให้คุณพิมโชคดี” เธอเปิดฝาแล้วยกขวดขึ้นดื่ม
. . .
สิบเอ็ดโมงกว่าๆ ณ ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง บรรณาธิการสาวเดินออกมาจากลิฟต์ในส่วนของสำนักงานบริหารไปยังส่วนบริเวณห้างฯ วันนี้เธอมาติดต่องานกับผู้บริหารของที่นี่ สปอนเซอร์ใหญ่ของนิตยสารเพื่อประชุมเกี่ยวกับกิจกรรมที่เธอวางแผนจะจัดขึ้น สาวตาคมเดินลัดเลาะไปตามบูธต่างๆ ภายในแผนกเสื้อผ้าสตรีเพื่อตรงไปยังบันไดเลื่อนที่อยู่อีกด้านหนึ่ง แต่แล้วเธอก็หยุดชะงักเมื่อมองเห็นร่างของใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ห่างจากเธอไม่มากนัก
“เอ๊ะ นั่นมันคุณปูนนี่นา” พิมพรรณพูดเบาๆ กับตัวเอง เธอรีบสาวเท้าเข้าไปใกล้บุคคลที่เธอเห็นมากขึ้น ด้วยความที่อยากจะเข้าไปทักทายและพูดคุย แต่เท้าของเธอก็หยุดชะงักอีกครั้ง...
สาวหมวยในชุดฟอร์มของโรงพยาบาลพร้อมเสื้อแจ็คเก็ตสีดำเดินเคียงคู่มากับหญิงสาวอีกคนหนึ่ง เธอคนนั้นเป็นสาวไทยเชื้อสายจีน ดวงตากลมโต ริมฝีปากบาง ผมยาวเป็นลอนสวย ผิวขาวเหลืองตามเชื้อชาติ เธอคนนั้นจัดได้ว่าเป็นสาวน่ารักคนหนึ่งเลยทีเดียว สาวผมลอนอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์ห้าส่วนและรองเท้าคัทชูแบบสบายๆ เธอคนนั้นเดินควงแขนปูนอย่างสนิทสนม สองสาวหมวยที่อยู่ตรงหน้าพูดคุยกัน หัวเราะกันอย่างมีความสุข รอยยิ้มกว้างๆ ของนักกายภาพสาวที่สาวตาคมชอบถูกส่งให้กับหญิงสาวคนนั้นบ่อยครั้ง บ่อยมากจนกระทั่งทำให้บรรณาธิการสาวเผลอขบริมฝีปากของตัวเองเบาๆ ทั้งๆ ที่ตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร
‘ใครกัน... ทำไมสนิทกันจัง... เพื่อนเหรอ...’ พิมพรรณคิดขณะที่ยืนมองปูนเดินตรงไปที่บูธของเสื้อผ้ายี่ห้อหนึ่ง
สาวตาคมแอบมองสองสาวยืนเลือกซื้อเสื้อผ้า เธอเห็นสาวหมวยหยิบเสื้อตัวหนึ่งส่งให้หญิงสาวที่อยู่ข้างๆ ให้ดู หลังจากนั้นก็นำไปทาบบนตัวของสาวผมลอนที่หน้ากระจก ท่าทางกระหนุงกระหนิงของทั้งสองทำให้บรรณาธิการสาวนึกถึงท่าทางของเธอที่เคยเลือกเสื้อผ้าให้กับภัทร
“แฟนเหรอ... แต่คุณปูนบอกกับยายว่าไม่มีแฟน” พิมพรรณนึกถึงเรื่องที่ยายนิเล่าให้ฟังระหว่างที่เธอลาพักหลังจากอุบัติเหตุ หญิงชราเล่าให้เธอฟังหลายเรื่องรวมทั้งเรื่องของปูนด้วย
‘หรือว่าคุณปูนมีแฟนเป็นผู้หญิง ก็เลยไม่อยากเล่าให้ยายฟัง’ สาวตาคมคิด ‘คงกลัวว่ายายรับไม่ได้กับเรื่องแบบนี้ละมั้ง’
บรรณาธิการสาวแอบมองพฤติกรรมของสองสาวหมวยอยู่ตลอด ท่าทีของทั้งสองคนนั้นจะให้เธอคิดถึงความสัมพันธ์เป็นแบบอื่นไปไม่ได้นอกจากเป็นคู่รักกัน สาวผมลอนยิ้ม ควงแขน ซบไหล่ จับมือ และลูบแก้มของปูนอยู่บ่อยครั้ง ส่วนนักกายภาพสาวเองก็ยิ้ม เล่น หัวเราะ และกอดแขนของอีกฝ่ายหนึ่งโดยไม่สนใจว่าใครจะมองอยู่ คิ้วของพิมพรรณขมวดแน่น
‘เอ๊ะ นี่เราเป็นอะไรไป’ สาวตาคมถามตัวเอง ‘เราควรจะดีใจกับคุณปูนสิที่คุณปูนมีแฟน’
พิมพรรณรู้สึกเฉยๆ กับการที่เพศเดียวกันจะรักกันและคบกันเป็นคู่รัก เนื่องจากเธอเคยเรียนในโรงเรียนสตรีมาตั้งแต่ชั้นมัธยมต้น ภาพคู่รักทอมดี้ หรือคู่เลสเบี้ยนจึงเป็นภาพที่เธอเห็นจนชินตา รวมทั้งภาพที่นักเรียนหญิงด้วยกันเดินด้วยกัน จับมือกัน แตะเนื้อต้องตัวกันแบบเกินเลยจากคำว่าเพื่อนก็เป็นภาพที่เธอเห็นแล้วรู้สึกเฉยๆ แถมเห็นว่าน่ารักดีเสียด้วยซ้ำ แต่ทำไมตอนนี้ เวลานี้ กับคนที่อยู่ตรงหน้าเธอ ทำไมเธอรู้สึกแปลกๆ ไปได้ล่ะ
บรรณาธิการสาวยืนมองสาวหมวยอยู่อีกพักหนึ่ง ยิ่งมองก็รู้สึกว่าคิ้วของตัวเองขมวดเป็นปมมากขึ้นเท่านั้น เธอรู้สึกไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ พิมพรรณถอนหายใจแล้วหันหลังกลับเพื่อเดินไปยังบันไดเลื่อนทันที
“หรือว่าเราอาจจะคิดถึงภัทรก็ได้มั้ง” สาวตาคมพูดกับตัวเองอีกครั้ง สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกแบบนี้อาจเป็นเพราะเธอคิดถึงแฟน จนทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ เวลาที่เธอเห็นปูนเดินเที่ยวกับแฟนก็เป็นได้
ปูนรู้สึกว่ามีคนมองเธออยู่จึงหันไปมองด้านหลังของตัวเอง ‘คุ้นๆ แฮะ’ คิ้วของสาวหมวยขมวดเมื่อเห็นแผ่นหลังกับท่าเดินของใครบางคนที่คุ้นตาอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก
“มีอะไรเหรอปูน” หญิงสาวที่อยู่ข้างๆ ของเธอหันมาถาม
“เปล่าๆ ไม่มีอะไร” ปูนหันกลับไปตอบแล้วก็ช่วยอีกฝ่ายเลือกชุดตามเดิม
. . .
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา พิมพรรณต้องกลับไปที่สำนักงานบริหารของห้างสรรพสินค้าอีกครั้งเพื่อคุยเรื่องงบประมาณรวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในกิจกรรมของนิตยสาร เธอเดินทางมาพรีเซ้นท์งานพร้อมกับดา สไตลิสต์สาวเปรี้ยว และเกมส์ ช่างภาพหนุ่มใต้ เมื่อประชุมงานเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งสามคนก็พักทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งภายในห้างฯ
“เอาเป็นว่ากลับไปพวกเราต้องเตรียมลิสต์ที่จะต้องใช้ให้เรียบร้อย มันกะทันหันนิดหน่อยแต่ยังไงก็ต้องรีบเตรียมให้ทันก่อนงานจะเริ่ม” บรรณาธิการสาวพูดพลางยื่นกระดาษให้ดา
“ต้องซื้อทั้งหมดนี่เลยเหรอคะ” สไตลิสต์สาวถาม
“ไม่จำเป็นทั้งหมดค่ะ ที่ดาต้องทำคือลองไล่เช็คดูว่าของชิ้นไหนที่เราสามารถยืมจากห้างฯ ได้ก็ทำเรื่องยืมของ ส่วนของชิ้นไหนที่ต้องซื้อก็ทำงบมาเบิก มันจะได้ประหยัดลงหน่อย แต่ว่าของที่ยืมมาก็ต้องรักษาให้ดี ไม่งั้นพวกเราก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้เค้าเยอะพอสมควร”
“ค่ะๆ” ดารับคำ
“ส่วนของฝ่ายศิลป์อีกเรื่องนึง... พิมอยากให้ถ่ายรูปบรรยากาศทั้งภาพรวมและเจาะกิจกรรมแต่ละอย่าง แล้วก็เน้นที่ตัวผู้บริหารด้วยนะคะ เยอะหน่อยก็ดีค่ะ พิมไม่อยากมาฟังเสียงบ่นว่าไม่มีรูปของพวกเค้าอีก” สาวตาคมกำชับลูกน้อง กิจกรรมออกกำลังกายในสวนคราวก่อนเธอถูกติงมาว่ามีรูปผู้บริหารน้อยเกินไป แต่ยังดีที่คนเข้าร่วมกิจกรรมให้คะแนนความพึงพอใจสูง แถมมีคำชมไม่ขาดปากทั้งที่ส่งจดหมายมาที่นิตยสารและบริษัทจึงทำให้กลบเรื่องที่ผู้บริหารไม่พอใจไปแทน
“ได้ครับ บก.”
เมื่อทานอาหารไปได้สักพักหนึ่งสายตาของพิมพรรณก็เห็นหญิงสาวคู่หนึ่งเดินกระหนุงกระหนิงเข้ามากันในร้านอาหาร โต๊ะที่ทั้งสองสาวนั่งนั้นตรงข้ามกับโต๊ะที่เธอนั่งพอดี คิ้วของเธอขมวดนิ่วหลังจากที่เห็นใบหน้าของหนึ่งในหญิงสาวที่เพิ่งเข้ามาในร้าน
‘นั่นมัน... แฟนคุณปูนนี่นา!’
สาวผมลอนที่เธอเห็นเดินซื้อของกับปูนเมื่อสัปดาห์ก่อนอยู่ในชุดเดรสกระโปรงผ้าพริ้วสีอ่อน ดูแล้วเธอสวยหวานในชุดนี้มาก ส่วนสาวอีกคนหนึ่งที่หน้าตาดีไม่แพ้กัน เธอคนนั้นอยู่ในชุดกระโปรงธรรมดาๆ พร้อมเสื้อสูทสีครีม แต่ความโดดเด่นจากรูปร่าง หน้าตา และท่าทางของเธอนั้นไม่ได้ธรรมดาตามชุด ผมบ๊อบเคลียไหล่ที่รับเข้ากับใบหน้า ดวงตากลมโต ริมฝีปากอวบอิ่ม นอกจากนั้นท่าทางของเธอยังบ่งบอกได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงคนหนึ่ง สองสาวนั่งคุยกันพลางเปิดเมนูอาหารไปด้วย
“บก. มองอะไรอ่ะคะ” สไตลิสต์สาวเปรี้ยวถามพลางหันไปยังด้านหลังตามสายตาของเจ้านาย
“เปล่าๆ ไม่มีอะไร แค่คิดว่าสองคนนั้นน่ารักดี” บรรณาธิการสาวตอบแล้วหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม
“ไหนคะ” ดาหันไปมองที่โต๊ะของคนที่สาวตาคมคิดว่าเป็นแฟนของสาวหมวยทันที “อืมม์ น่ารักดีนะคะ หน้าตาน่ารักทั้งคู่ หุ่นก็โอเค ฟิกเกอร์ก็ดูดี ถ้าจับมาถ่ายก็คงได้รูปสวยๆ เยอะ”
เกมส์ที่หันไปมองตามคำพูดของสไตลิสต์สาวก็ยกกล้องของตัวเองขึ้นมาทันที แต่ก็ถูกพิมพรรณปรามเอาไว้ก่อนที่เขาจะกดชัตเตอร์
“อย่าถ่ายนะ เสียมารยาท”
“ครับๆ ผมแค่เอากล้องขึ้นมาส่องดูเฉยๆ ว่าถ้าอยู่ในกล้องจะขึ้นกล้องหรือเปล่าเท่านั้นเอง” หนุ่มใต้พูด แต่ใจจริงแล้วเขาเองก็อยากจะถ่ายเอาไว้เหมือนกัน สาวๆ สวยๆ เป็นใครๆ ก็อยากถ่าย
“จะถ่ายเอาไปเก็บไว้ในคอลเล็กชั่นสาวๆ ของแกล่ะสิท่า ไอ้โรคจิต” สาวเปรี้ยวกัดเพื่อนร่วมงาน
“ม่ายช่าย ไม่ได้โรคจิตนะ สาวๆ สวยๆ ผู้ชายคนไหนก็ชอบมองใช่มั้ยล่ะ” เกมส์รีบเถียงทันที
สาวตาคมยิ้มให้กับสิ่งที่ลูกน้องเถียงกันแต่สายตาของเธอก็ยังคงจับจ้องไปที่สองสาวคู่นั้นอยู่แทบจะตลอด ทั้งสองคนคุยกัน หัวเราะกันเหมือนเพื่อนกันธรรมดา แต่แล้วพฤติกรรมบางอย่างของโต๊ะนั้นทำให้เธอแทบจะสำลักน้ำ
“บก. เป็นอะไรมั้ยคะ” ดาถามเมื่อรู้สึกถึงน้ำที่กระฉอกโดนมือของเธอ
“ม... ไม่มีอะไรค่ะ” พิมพรรณปฏิเสธแล้วรีบใช้กระดาษทิชชู่ขึ้นมาซับน้ำออกจากริมฝีปากทันที “ขอโทษทีนะ”
สไตลิสต์กับช่างภาพหนุ่มมองหน้ากันแล้วก็ยักไหล่ พวกเขาก้มหน้าก้มตากินอาหารที่อยู่ตรงหน้า ในขณะที่เจ้านายสาวกินข้าวไปแอบมองโต๊ะฝั่งตรงข้ามไปตลอดเวลา
สิ่งที่บรรณาธิการสาวเห็นคือ สาวผมลอนกับสาวผมบ๊อบคุยกันไปกุมมือกันไป มีการตักอาหารแลกกันชิม รวมทั้งป้อนอาหารให้แก่กันและกัน และพฤติกรรมหลังจากนั้นมันส่อให้เห็นว่าสองคนนั้นมีสถานะเพียงอย่างเดียวก็คือเป็นแฟนกัน เพราะสาวผมบ๊อบเริ่มส่งสายตาวิบวับๆ ให้กับหญิงสาวอีกคนหนึ่งแล้วก็ดึงมือสาวผมลอนขึ้นมาจูบซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มให้อย่างเอียงอาย และนั่นเป็นภาพที่ทำให้พิมพรรณสำลักน้ำ
‘เฮ้ยยยยยย นี่มันอะไรกันนนนนนน’ สาวตาคมตะโกนอยู่ในใจ เมื่อเห็นภาพเมื่อครู่
สาวผมลอนคนที่พิมพรรณเห็นมาด้วยกันกับปูนเมื่อคราวก่อนยิ้มหลังจากนั้นก็กุมมือของอีกฝ่ายขึ้นมาลูบแก้มของตัวเอง เป็นภาพที่ทำให้เธออึ้งอีกครั้ง คิ้วของบรรณาธิการสาวขมวดแน่น รู้สึกโมโห และโกรธแทนสาวหมวย
‘ผู้หญิงคนนี้... ทำไม... ทำไมถึงทำกับคุณปูนแบบนี้ล่ะ เป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ แล้วทำไม... ทำไมล่ะ’ สาวตาคมคิดในใจ
“บก. คะ... เป็นอะไรไปคะ” ดาสะกิดเจ้านาย ทำให้เธอละสายตาจากโต๊ะฝั่งตรงข้าม
“คะ... ว่าไง”
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ เห็นบก. เงียบๆ ไป”
“ม... ไม่มีอะไรค่ะ” บรรณาธิการสาวถอนหายใจแล้วลงมือกินอาหารที่อยู่ตรงหน้าจนหมด แล้วเรียกบริกรเก็บเงิน
ช่วงระหว่างที่พิมพรรณกำลังจะเดินออกจากร้านนั้น เธอเห็นสาวผมบ๊อบเดินออกมาจากร้านเช่นเดียวกัน ท่าทางจะออกไปห้องน้ำ ก่อนที่เธอคนนั้นกำลังจะเดินผ่านสาวตาคมไปนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอคนนั้นรับสาย
“Hi dude, I’m good. Now? I’m dating with my girlfriend. So… ok, I’ll talk to you later. Bye (หวัดดีเพื่อน ฉันสบายดี ตอนนี้น่ะเหรอ ฉันกำลังเดทกับแฟนอยู่ เหรอ... โอเค งั้นเดี๋ยวค่อยคุยก็แล้วกัน บาย) เสียงของสาวผมบ๊อบกรอกลงโทรศัพท์มือถือแล้วก็วางหูไปพร้อมๆ กับที่บรรณาธิการสาวหันไปมองพอดี
‘Girlfriend เหรอ... แสดงว่าเป็นแฟนกันงั้นเหรอ’ พิมพรรณมองหน้าของสาวผมบ๊อบแบบอึ้งๆ เธอคนนั้นยิ้มให้นิดหนึ่งแล้วเดินออกจากร้านอาหารไป
สาวตาคมมองตามหญิงสาวที่เพิ่งจะเดินออกจากร้านไปเมื่อครู่และหันกลับไปมองโต๊ะที่สาวผมลอนนั่งอยู่พลางตะโกนในใจว่า ‘คุณปูนรู้เรื่องนี้หรือเปล่า... ซวยแล้ว...’
. . .
พิมพรรณทำงานด้วยจิตใจที่รู้สึกกระสับกระส่ายตลอดหลังจากที่เธอรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้ของหญิงสาวผมลอน คนที่เธอคิดว่าเป็นแฟนของปูน เธอคนนั้น... เธอคนที่สาวผมบ๊อบคุยโทรศัพท์กับเพื่อนว่าเป็นแฟน สาวตาคมไม่รู้ว่าเธอจะทำอย่างไรกับเรื่องที่เธอไปรู้โดยบังเอิญ ใจหนึ่งก็อยากจะบอกสาวหมวย ส่วนอีกใจหนึ่งก็ไม่อยากจะพูดเพราะมันไม่ใช่เรื่องของตัวเธอเอง แต่อย่างไรก็ตามบรรณาธิการสาวก็ตั้งสติให้ทำงานที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างตลอดรอดฝั่ง จนกระทั่งอีกสองสัปดาห์ต่อมาเธอและทีมงาน พร้อมกับผู้บริหารและสมาชิกอีกประมาณ 20 คน ก็เดินทางไปจัดกิจกรรมนันทนาการให้กับผู้สูงอายุในบ้านพักคนชรา
“สวัสดีค่ะ คุณลุง คุณป้า คุณน้า คุณอาทุกๆ ท่าน พวกเราคือบริษัท P&P Printing และนิตยสาร Health Variety ค่า” ดา สไตลิสต์สาวเปรี้ยวในฐานะพิธีกรพูดทักทายกลุ่มผู้สูงวัยที่อยู่ในลานกิจกรรม ภายในบริเวณบ้านพักคนชรา
“วันนี้เราจะชวนทุกๆ ท่านมาทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อสุขภาพที่ดีและจิตใจที่แจ่มใสสำหรับทุกท่านนะคะ เอ้า ขอเสียงหน่อยค่า...”
“ฮิ้วววววววววววววววว” เสียงจากเหล่าปู่ย่าตายายที่เข้าร่วมกิจกรรม
“เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาเริ่มสนุกกันเลยค่ะ มิวสิค” ว่าแล้วเจ้าหน้าที่ก็เปิดเพลงยุค 60’s เพื่อสร้างบรรยากาศและความครึกครื้นให้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม
การประกวดร้องเพลง ประกวดขวัญใจประจำบ้าน และกินวิบากที่ทีมงานนิตยสารคิดกันมาสร้างความสนุกสนานให้แก่เหล่าผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก ทุกคนหัวเราะ ร้องเพลง และส่งเสียงเชียร์กันราวกับวัยรุ่น
กิจกรรมที่สนุกที่สุดเห็นทีจะเป็นการประกวดเต้น ทั้งแบบเดี่ยว แบบคู่และแบบทีม โดยที่ผู้สูงอายุสามารถเชิญผู้จัดงาน เจ้าหน้าที่ และสมาชิกนิตยสารเข้าร่วมทีมเต้นกันได้ด้วย คุณตาคุณยายบางคนก็โชว์เดี่ยว บางคนก็มาโชว์เต้นลีลาศ บางกลุ่มก็โชว์รำ ถึงท่าเต้นและท่ารำจะไม่พร้อมเพรียง ไม่มีสเต็ปและมีมั่วกันบ้างแต่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคนก็ส่งเสียงหัวเราะและเสียงปรบมือด้วยความสนุกสนาน เต็มไปด้วยชีวิตชีวา บรรณาธิการสาวเองก็รู้สึกสนุกกับกิจกรรมนี้เช่นเดียวกัน เธอถูกกลุ่มคุณลุงคุณป้าดึงตัวเข้าไปรำวง
ช่วงระหว่างที่สาวตาคมร่วมรำวงกับผู้สูงอายุอยู่นั้น สายตาของเธอก็ผ่านไปเห็นคนๆ หนึ่งยืนมองเธออยู่ที่ทางเข้าลานกว้าง
“ค... คุณปูน!” พิมพรรณตกใจเมื่อเห็นหญิงสาวเจ้าของชื่อยืนมองเธออยู่ด้วยหน้ายิ้มๆ
ปูนในวันนี้ดูแตกต่างไปจากทุกทีที่เธอเคยเห็น ภาพของนักกายภาพสาวในชุดฟอร์มโรงพยาบาลถูกแทนที่ด้วยเสื้อโปโลสีขาวกับกางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบ ผมที่เคยรวบและมวยขึ้นก็กลายเป็นผมหางม้าทำให้สาวหมวยคนนี้น่ารักขึ้นกว่าเดิมมาก... มากจนทำให้เธอรู้สึกเขินกับผู้หญิงเป็นครั้งแรก
หลังจากนั้นการรำวงของบรรณาธิการสาวก็เริ่มไม่เป็นสุข เธอรำไปก็มองนักกายภาพสาวไป ใบหน้าของเธอรู้สึกร้อนขึ้นทุกครั้งที่สบตากับปูน ยิ้มหวานๆ ของสาวหมวยที่ส่งให้กับเธอทุกครั้งทำให้เธอต้องยิ้มตอบกลับไปแบบเขินๆ ยิ้มของปูน... รอยยิ้มที่เธอชอบ รอยยิ้มที่ทำให้เธอรู้สึกดีและตอนนี้รอยยิ้มของเธอคนนั้นก็ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง...
บ้านพักคนชราแห่งนี้ร่วมมือกับโรงพยาบาลที่นักกายภาพสาวทำงานอยู่ทำโครงการดูแลผู้สูงอายุด้านกายภาพบำบัดและกิจกรรมบำบัด ทุกสัปดาห์โรงพยาบาลจะส่งหมอและนักกายภาพบำบัดเข้ามาช่วยเจ้าหน้าที่ในการจัดกิจกรรมที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายให้แก่ผู้สูงอายุที่อยู่ที่นี่ วันนี้เป็นเวรของปูน สาวหมวยไม่รู้เลยว่าวันนี้เป็นวันที่บริษัทเอกชนจะเข้ามาจัดกิจกรรมให้แก่สมาชิก พอเธอมาถึงก็พบว่าคุณลุงคุณป้าบางคนที่ต้องมาเข้าร่วมทำกิจกรรมฟื้นฟูกับเธอตามตารางนั้นไม่อยู่ ด้วยความที่ว่างเธอจึงออกมาเดินเล่นจนมาถึงลานกิจกรรม
ปูนเห็นกลุ่มผู้สูงอายุที่กำลังรำวงร่วมกับเจ้าหน้าที่ของบริษัทที่เข้ามาจัดกิจกรรมอยู่ ยืนมองอยู่พักหนึ่งก็สังเกตเห็นร่างสูงโปร่งของบรรณาธิการสาวกำลังรำวงกับคุณลุงคนหนึ่ง ท่ารำของสาวตาคมเก้ๆ กังๆ ไม่ค่อยพร้อมกับเพลงสักเท่าไหร่แต่พิมพรรณก็ยังยิ้มร่า หลังจากรำไปได้สักพักรู้สึกว่าทั้งท่วงท่าและจังหวะก็เริ่มเข้าที่ บรรณาธิการสาวเริ่มจับจังหวะและท่ารำของคุณลุงได้มากขึ้นและร่ายรำได้อย่างพร้อมเพรียง ท่าทางของสาวตาคมดูแล้วน่ารัก น่ามอง และทำให้เธอยิ้มได้ สาวหมวยจึงยืนมองอีกฝ่ายอยู่นานจนกระทั่งทั้งสองสบตากัน
หัวใจของนักกายภาพสาวเต้นแรงขึ้นเมื่อพิมพรรณหันมามองเธอพร้อมกับส่งยิ้มแบบเขินๆ ให้ เมื่อได้สบตาก็ทำให้เธอก้าวขาไม่ออกได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้นและมองสาวตาคมต่อไปเรื่อยๆ พิมพรรณที่เธอได้เห็นในวันนี้ไม่เหมือนกับคนที่ชอบบ่นว่าตัวเองโชคร้าย ดวงไม่ดี วันนี้เธอคนนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มีชีวิตชีวา ไหนจะดวงตาที่เปล่งประกายไปด้วยความสุขและความสนุกที่เธอไม่เคยเห็นทำให้ปูนไม่สามารถละสายตาไปจากสาวตาคมได้เลย เธอรู้ตัวว่าเธอไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าของตัวเองได้ มันทำได้แต่ส่งยิ้มให้กับอีกฝ่ายอยู่แบบนั้นจนกระทั่งเพลงจบลง
“มาได้ไงคะเนี่ย” บรรณาธิการสาวเดินเข้ามาถามพร้อมรอยยิ้มกว้างๆ ที่สวยมากในความคิดของปูน
“มาทำงานน่ะค่ะ แต่ว่างเพราะว่าลูกค้ามาอยู่ตรงนี้หมดเลย”
พิมพรรณหัวเราะน้อยๆ กับคำพูดของสาวหมวย “นี่พิมไปแย่งลูกค้าของคุณปูนเหรอคะเนี่ย”
“ใช่ค่ะ ปูนก็เลยว่างแอบมาดูใครบางคนโชว์รำวง”
สาวตาคมยิ้มอายๆ ให้กับหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าทำเอาอีกฝ่ายหน้าร้อนขึ้นมาทันที
“เอ่อ... เมื่อกี้คุณปูนบอกว่ามาทำงานเหรอคะ งานอะไรเหรอคะ”
“พอดีว่าที่โรง’บาลเค้ามีโครงการร่วมกับที่นี่อ่ะค่ะ แบบว่าส่งหมอกับนักกายภาพมาช่วยฟื้นฟูคุณตาคุณยายที่นี่ทุกอาทิตย์ วันนี้เวรปูน ปูนก็เลยมาที่นี่ ไม่คิดว่าจะเจอคุณพิมที่นี่เหมือนกันค่ะ”
“อ๋อค่ะ”
ก่อนที่สองสาวจะคุยอะไรกันต่อไปพิธีกรก็เชิญให้ทุกคนไปทานอาหารกลางวันที่โรงอาหาร
“ไปด้วยกันมั้ยคะ” พิมพรรณชวน
“ได้เหรอคะ”
“ได้สิคะ รู้มั้ยเอ่ยว่าพิมเป็นใคร” บรรณาธิการสาวพูดพลางหยิบบัตรพนักงานของตัวเองขึ้นมาพัด ในบัตรนั้นเขียนว่าบรรณาธิการบริหารนิตยสาร Health Variety
สาวหมวยหัวเราะ “รับทราบค่ะบอส”
สองสาวเดินไปตักอาหารและหาที่นั่ง ซึ่งก็ได้นั่งตรงหน้าคุณตาคนหนึ่งที่กำลังทานข้าวพอดี เมื่อนั่งลงแล้วนักกายภาพสาวก็ร้องทัก
“สวัสดีค่ะคุณตาชู”
“อ้าว สวัสดีจ้ะหนูปูน” ชายชราวัยเฉียด 80 ยิ้มให้ เขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีครีมกางเกงขายาว ดูเรียบร้อยเข้ากับผมรองทรงสีเงิน
“วันนี้สนุกมั้ยคะ” พิมพรรณถาม
“สนุกมากจ้ะ หนู...”
“พิมค่ะ”
“สนุกมากจ้ะหนูพิม เข้าใจจัดงานให้คนแก่เนอะ ยิ้มกันใหญ่ หัวเราะกันใหญ่”
“สนุกจนลืมเลยว่าวันนี้มีนัดกับปูนเลยสินะคะ มาเก้อเลย” นักกายภาพสาวพูดด้วยเสียงงอนๆ ทำเอาผู้ฟังอีกสองคนหัวเราะ
“แหมๆๆ ขอให้ตากระโดดโลดเต้นบ้างสิ หนูปูนไม่ได้เห็น รู้มั้ยว่าตาได้ที่หนึ่งแข่งกินวิบากด้วยนา”
“โห แบบนี้ไม่ต้องทำกายภาพแล้วล่ะค่ะ ปูนว่าคุณตาไปสมัครไตรกีฬาเลยดีกว่า” สาวหมวยพูดทำเอาชายชราหัวเราะร่วน
“นานๆ มีอะไรสนุกๆ มาให้เล่น ตาก็ขอบ้างสิ”
หลังจากนั้นทั้งสามคนก็กินข้าวเคล้าเสียงหัวเราะกันไปจนกระทั่งอาหารหมดจาน นักกายภาพสาวอาสาไปตักขนมหวานมาให้คุณตากับพิมพรรณ เมื่อกลับมาถึงปูนก็พูดเหมือนกับจะนึกอะไรได้
“อื้อ... คุณพิมอยากดูดวงมั้ยอ่ะคะ”
“หะ... ดูดวงเหรอคะ”
“ค่ะ... คุณตาเนี่ยเคยดูดวงให้ปูนกับเพื่อนๆ มาก่อน แม่นมากเลยอ่ะค่ะ คุณพิมจะลองดูสักนิดมั้ยคะ แบบว่า... แก้มือจากคราวที่แล้ว”
สาวตาคมเลิกคิ้วเหมือนจะชั่งใจแต่แล้วก็ยิ้มตอบอีกฝ่ายไปว่า “ก็ดีค่ะ”
“คุณตาขา คุณตาพอจะทำนายอะไรให้คุณพิมได้มั้ยอ่ะคะ” สาวหมวยถามชายชรา
“อืมม์ เอาสิ ถ้าหนูปูนหากระดาษกับปากกาให้ตาได้”
“ค่า” ว่าแล้วปูนก็เดินหายไปจากโต๊ะพักหนึ่งแล้วกลับมาพร้อมกับกระดาษและปากกา
หลังจากนั้นตาชูก็ขอวันเดือนปีเกิด ปีนักษัตรของพิมพรรณแล้วก็เขียนขยุกขยิกลงบนกระดาษ ถามคำถามอีกสองสามคำถามแล้วก็เขียนลงบนกระดาษอีกครั้งหนึ่ง ชราชราเงยหน้าขึ้นมาแล้วก็ยิ้มให้กับสองสาว
“หนูพิม จริงๆ แล้วหนูเกิดวันดี แต่ติดตรงที่ว่าฤกษ์ที่เกิดไปตกอยู่ที่ทลิทโทฤกษ์กับนวางค์เจ็ด”
“หมายความว่ายังไงคะ” สาวตาคมถาม
“คนเกิดฤกษ์นี้จะต้องเหนื่อยมาก เหนื่อยเยอะ แต่จะอดทนและมีความรับผิดชอบสูง ส่วนนวางค์เจ็ดคือ ต้องเป็นคนที่เลี้ยงตัวเองด้วยกำลังของตัวเอง คนที่เกิดวันนี้จะเป็นคนที่เป็นนักสู้ มีความกตัญญู แต่ถ้าเกลียดใครแล้วจะเกลียดไปเลย... อ้อ อีกอย่างเกิดวันที่ 18 พฤษภาคม ตกฤกษ์ที่ 3 ฤกษ์กฤติกา เป็นคนทุ่มเท ฉลาด และสุขุมเยือกเย็นยามเกิดวิกฤต ไม่ชอบการเผชิญหน้าแต่ก็สู้ไม่ถอยเมื่อถึงเวลา เป็นคนที่เปิดกว้างแต่ก็เป็นคนเคร่งในเวลาเดียวกัน”
“แล้วยังไงต่อคะ”
“ก็อย่างที่บอกเรื่องชีวิตกับเรื่องการงานทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์ดีแต่ต้องหามาด้วยความพยายามของตัวเอง จะต้องเหนื่อย เหนื่อยมาก แต่เคยได้ยินมั้ยว่าคนฉลาดจะไม่ประสบความสำเร็จเท่าคนขยัน หนูเป็นแบบนั้นแหละดีแล้ว เอาเป็นว่าเรื่องงานน่ะหนูมาถูกทางแล้ว อ้อ... หนูเกิดราศีพฤษภเป็นคนจิตใจดี มีความมานะบากบั่น มีเหตุผล แต่ชอบยึดความคิดของตัวเองมากกว่า เกิดวันจันทร์ด้วย... บางครั้งก็จะชอบลังเล อ่อนไหวง่าย ขี้สงสาร มันก็เป็นเรื่องของนิสัยใจคอก็คือว่าดีแต่ก็ขอให้เข้มแข็งหน่อยก็แล้วกันนะ”
“แล้วต้องระวังอะไรบ้างมั้ยคะ หมายถึงเรื่องสุขภาพ” สาวหมวยถาม
“หนูพิมเป็นคนเอาจริงเอาจังกับชีวิตมากเกินไป ไม่ชอบอยู่เฉยๆ ชอบหาอะไรมาทำจนไม่ค่อยได้พักผ่อน กังวลเก่งจนเครียด เอาเป็นว่าเป็นโรคเครียดนั่นแหละ คิดเยอะเกินไป กังวลเกินไป ไม่ยอมปล่อยวาง ชอบแบกภาระไว้บนบ่าทั้งสองข้างทั้งๆ ที่มันไม่มีอะไรเลย อันนี้ต้องระวังนะ โดยเฉพาะโรคเครียดกับโรคที่มากับความเครียดจำพวกนอนไม่หลับ ไมเกรน”
“ค่ะ” บรรณาธิการสาวรับคำ
“ส่วนเรื่องความรัก...” คุณตายิ้มให้กับสองสาว “ตารู้หรอกน่า... ผู้หญิงร้อยทั้งร้อยชอบถามเรื่องความรัก” พูดจบก็ยิ้มโชว์ฟันปลอมให้ทำเอาสองสาวหัวเราะ
“อืมม์... เกิดวันจันทร์ เป็นคนมีเสน่ห์ติดตรึงใจเพศตรงข้าม เจ้าชู้หน่อยๆ แต่รักใครก็รักจริงแต่ติดตรงที่ว่ากลัวการผูกมัด เนื้อคู่... จะเป็นคนฉลาด มีไหวพริบ เป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ คลายความทุกข์ ความเครียด ความกังวลลงไปได้”
“เหรอคะ” พิมพรรณนึกถึงภัทร แฟนหนุ่มที่มีเค้าของสิ่งที่คุณตาพูดมากลายๆ
“แล้วก็... เพราะหนูเป็นคนที่มักจะเกิดอะไรแย่ๆ กับตัวเยอะตามฤกษ์ที่เกิด เนื้อคู่ของหนูก็เลยจะเป็นคนที่มีดวงเฮงก็คือเป็นคนที่มีโชคมาก แล้วก็จะเป็นคนที่อยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่หนูคิด”
“อยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่คิด หมายความว่ายังไงคะ” สาวตาคมถาม “คือพิมมีแฟนอยู่แล้วค่ะ”
“อ้าวเหรอ... อันนี้ตาก็ไม่รู้นะ แต่ดวงมันบอกมาแบบนี้ เนื้อคู่จะเป็นคนที่มีโชคมากๆ”
“เหรอคะ” เจ้าของดวงรับคำแล้วก็เงียบไป
“เอาล่ะ ถ้าไม่มีคำถามแล้วก็ปิดคำทำนาย” คุณตาชูพูด “มาของหนูปูนบ้างล่ะ”
“หว๋าย... ปูนไม่ขอดูหรอกค่ะ เพราะไม่อยากรู้เรื่องอะไร”
“อ้าว... ไม่อยากดูเรื่องเนื้อคู่เหรอ คราวที่แล้วที่ตาดูให้ก็ดูเรื่องเนื้อคู่ให้หนูไม่ทัน”
“ไม่ต้องดีกว่ามั้งคะ เพราะเรื่องแบบนั้นมัน... ไม่มีอยู่แล้ว”
ชายชราเลิกคิ้ว “เอ๋า ทำไมล่ะ หนูปูนเองก็มีดวงเรื่องนี้อยู่น้า... หรือว่ามีคนที่ชอบแล้ว”
“ก็... มีล่ะค่ะ” นักกายภาพสาวพูดทำเอาสาวตาคมคิดถึงเรื่องสาวผมลอนขึ้นมาทันที
‘แสดงว่า... คนนั้นเป็นแฟนคุณปูนงั้นเหรอ…’ พิมพรรณคิด
“แต่ไม่ขอดูดีกว่าค่ะ” สาวหมวยพูดในท้ายที่สุด
“จ้าๆ เอาไงก็เอา... งั้นเดี๋ยวตาไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
“ค่ะ”