Chapter 9
อารมณ์ของวีนัสสดใสหลังจากได้รับของขวัญวันเกิดย้อนหลังจากกี้ และดูเหมือนเธอจะไม่มีความกังวลเรื่องใดๆ ถึงแม้ว่าเพิ่งจะถูกแฟนที่คบกันมาหลายปีบอกเลิกทางโทรศัพท์ได้เกือบเดือนกว่าแล้วก็ตาม ซึ่งก็สร้างความแปลกใจให้กับครอบครัวของเธอเป็นอย่างมากเพราะช่วงเวลาที่เธอคบอยู่กับอดีตคนรัก ณ ต่างประเทศนั้น ทุกคนต่างเห็นว่าดาราสาวนั้นรักและห่วงแฟนของเธอเป็นอย่างมาก แต่เหมือนเห็นท่าทางของวีนัสที่ไม่ได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลยคนรอบข้างจึงคิดว่าข่าวรักร่วมค่ายของเธอกับพีท ดาราหนุ่มหน้าตี๋นั้นน่าจะมีเค้าของความจริง
“น่าเบื่อชะมัดเลย ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนถามฉันเรื่องหมอนั่นแม้แต่คนที่บ้านฉัน...” ดาราหน้าหวานบ่นขณะที่กำลังนั่งพับเสื้อผ้ายื่นส่งให้กับกี้ในช่วงบ่ายวันหนึ่ง
สาวเซอร์รับเสื้อผ้าใส่ลงในกระเป๋าเป้ “อ้าว... แล้วทำไมคุณไม่บอกไปล่ะว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน”
เสียงถอนหายใจดังขึ้น “ก็โดนสั่งห้ามไม่ให้บอกน่ะสิ แถมเวลาอยากไปไหนก็โดนสั่งให้ไปกับหมอนั่นด้วย เซ็งจะตาย ไม่ได้อยากไปสักหน่อย”
“ถึงว่า... ช่วงนี้เห็นรูปแอบถ่ายคุณกับพีทในหนังสือซุบซิบดาราบ่อยมาก”
“คุณอ่านด้วยเหรอ... ไหนเคยบอกว่าไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน” วีนัสหันมาถามอย่างรวดเร็ว
กี้ยักไหล่ “ไม่ได้อ่าน ก็แค่เห็นรูป แต่ถึงจะไม่ได้อ่านก็รู้อยู่ดีเพราะไอ้จอยมันชอบมานั่งข้างๆ แล้วก็อ่านให้ฟัง แถมอีกอย่าง...”
“อีกอย่าง... อะไรเหรอ”
“ก็มีดาราเจ้าของเรื่องตัวเป็นๆ นั่งเล่านั่งบ่นให้ฟังอยู่ตรงเนี้ย จะให้ไม่รู้เรื่องได้ยังไง” สาวเซอร์พูดแล้วก็หัวเราะออกมา
ดาราหน้าหวานอมยิ้ม “บ้า”
ช่วงนี้ร้านกานดา ซัก อบ รีด ถือว่าเป็นเซฟเฮ้าส์สำหรับดาราสาวที่ต้องการจะหลบมาพักกายและพักใจจากเรื่องวุ่นวายไปเสียแล้ว เนื่องจากข่าวซุบซิบเรื่องรักๆ ที่ออกมานั้นดึงดูดความสนใจของสื่อและแฟนคลับของดาราทั้งสองคนมากจนทำให้มีคนมามุงที่หน้าคอนโดเพื่อที่จะมาแอบดู หรือจับผิดเธอมากขึ้นจนทำให้ดาราหน้าหวานรู้สึกว่าตัวเองถูกละเมิดความเป็นส่วนตัวและกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย เพราะนอกจากเสียงเชียร์ที่ต้องการให้เธอกับดาราหน้าตี๋เป็นแฟนกันแล้ว ยังมีเสียงต่อว่าต่อขานจากแฟนคลับบางกลุ่มของพีทอีกด้วย
“ทำใจเหอะ มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียดเป็นธรรมดา” กี้พูดสั้นๆ หลังจากที่ได้ฟังอีกฝ่ายบ่นในโทรศัพท์ หลังจากนั้นวีนัสก็ขอมาที่บ้านเธอเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะช่วงเวลาที่สาวเซอร์อยู่บ้านเท่านั้นซึ่งอีกฝ่ายก็อนุญาต
“ฉันไม่ได้ชอบหมอนั่นสักหน่อย ไม่ได้ขอให้หมอนั่นมาชอบด้วย ทำไมต้องจับคู่กันด้วยก็ไม่รู้” ดาราหน้าหวานบ่นแล้วเอนตัวนอนลงบนเตียงของเจ้าของห้อง
“จ้าๆ คุณดาว... คุณสวยเลือกได้” คนที่กำลังจัดของอยู่แซว
“แซวจังเลยนะ... เฮอะ ถ้าไม่มีอย่างฉันก็อย่ามาพูดเลย”
“อ้ะๆๆๆ ดูถูกกันนี่นา จะบอกอะไรให้นะในเฟสบุ๊คฉันมีแต่คนมาขอแอดเป็นเพื่อนนะ ฉันไม่เคยไปขอแอดใครด้วย แถมยังมีคนมากดไลค์เป็นร้อย...”
วีนัสเปลี่ยนท่านอนจากนอนหงายเป็นนอนคว่ำ แล้วรีบขยับตัวเข้ามาใกล้สาวเซอร์ทันที “ขนาดนั้นเชียว มีคนกดไลค์ให้คุณเป็นร้อยเลยเหรอ”
“อื้อ... แต่มีคนเกลียดเป็นล้าน” กี้พูดตลกหน้าตาย
ดาราหน้าหวานหัวเราะขึ้นมาทันที “คุณนี่น้า...”
“อะไร ฉันทำไม” สาวเซอร์พูด แต่เธอก็ยังไม่เงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายเพราะกำลังจัดของลงกระเป๋าอยู่ ท่าทางของเธอทำให้อีกฝ่ายมองอยู่เป็นเวลานาน
“เอ้า... ทักแล้วไม่พูด” กี้เงยหน้าขึ้นมาสบตาดาราสาวแล้วยื่นมือเข้าไปบีบที่จมูกของอีกฝ่ายเมื่อเห็นว่ากำลังแลบลิ้นใส่เธออยู่
“เจ็บนะ!” วีนัสร้องพลางปัดมืออีกฝ่ายออกจากจมูกของตัวเอง เมื่อสาวเซอร์ปล่อยมืออกแล้วเธอก็ทำหน้าบูด เพราะได้ยินเสียงหัวเราะ
“แกล้งฉันตลอดเลยนะคุณ” ดาราหน้าหวานลุกขึ้นนั่ง
“อะไรทำหน้าแบบนี้ คิดจะหาเรื่องเหรอ แหนะ... ยังมองตาขวางอีก” กี้ยกกระเป๋าไปวางไว้ข้างๆ ตัวแล้วเอามือกอดอก “อยากมีเรื่องเหรอจ้ะ คุณดาวประกายพรึก”
ดาราสาวสะบัดหน้าหนีเมื่อเห็นหน้ากวนๆ ของอีกฝ่าย แต่แล้วเธอก็ได้โอกาสแกล้งคืนเมื่อเห็นสาวเซอร์กำลังลุกขึ้นยืนเพื่อไปหยิบของมาใส่เป้ เธอรีบดึงเสื้อของอีกฝ่ายด้วยแรงทั้งหมดจนทำให้เจ้าของห้องล้มลงบนเตียงได้ในที่สุด หลังจากนั้นก็ใช้หมอนข้างตีอีกฝ่าย
“นี่แหนะ... ยัยคนบ้า ยัยคนชอบแกล้ง”
กี้รีบยกมือปัดหมอนข้างแล้วรวบตัววีนัสเข้ามากอด “โอ้ยๆ... ยอมแล้วน่า ยอมแล้ว พอได้แล้ว...”
“เชอะ พอก็ได้” ดาราหน้าหวานหยุดมือ ตอนนี้เธอนั่งอยู่บนตักของเจ้าของห้องและถูกกอดจากด้านหลัง ลมหายใจของสาวเซอร์คลอเคลียอยู่ที่แก้มใส เธอรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองแดงขึ้น
“คุณนี่มันยัยตัวร้ายดีๆ นี่เอง ไม่เข้ากับหน้าเลยให้ตายเหอะ” กี้พูดพลางวางคางบนไหล่ของคนที่เธอกอดอยู่ เธอรู้สึกดีที่ได้กอดดาราสาวและผู้หญิงคนนี้ก็นั่งนิ่งให้เธอกอดเสียด้วย
“เพิ่งรู้เหรอว่าฉันน่ะตัวร้าย” วีนัสพูดขึ้นมาเบาๆ แล้วปรายตาแอบมองอีกฝ่าย
“อื้อ...” สาวเซอร์ส่งเสียงรับ
สองสาวนั่งกอดกันเงียบๆ ดาราสาวจับมือของอีกฝ่ายให้กอดเธอแน่นขึ้น กี้ยิ้มแล้วกระซิบข้างหูว่า “หนาวเหรอ”
ไม่มีเสียงตอบจากคนที่เธอกำลังกอดอยู่แต่สาวเซอร์ก็รู้สึกถึงน้ำหนักที่อีกฝ่ายเอนตัวพิงเธอมากขึ้น วีนัสหลับตาลงแล้วซุกหน้าลงบนไหล่ของอีกฝ่าย
“ง่วงเหรอ” กี้ถามขึ้นมาอีกครั้ง
“อื้อ... เมื่อคืนไปงานเลี้ยงมา กว่าจะได้กลับเกือบตีสองได้”
“ง่วงก็นอนดีๆ สิ นอนแบบนี้เดี๋ยวก็ปวดหลังหรอก”
ดาราหน้าหวานก้มหน้าลงแล้วพูดเบาๆ ว่า “ถ้านอนดีๆ ก็ไม่ได้กอดคุณนี่นา”
สาวเซอร์ยิ้ม “ถ้าอยากให้กอดก็จะกอดนะ... โอเคมั้ย”
พอเจ้าของห้องพูดจบ วีนัสก็ยอมที่จะลงจากตัวของอีกฝ่ายแล้วนอนบนเตียงดีๆ กี้ยิ้มแล้วเอนตัวลงนอนกอดดาราสาวที่กำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทรา
...
รถตู้ของสถาบันพัฒนาเครือข่ายองค์กรชุมชนพาเจ้าหน้าที่ตรงไปยังจังหวัดระนองเพื่อเตรียมการจัดงานด้านการสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังยาเสพติดร่วมกับวิทยาลัยชุมชนจังหวัดระนอง โดยทีมจากสถาบันฯ จะเป็นทั้งผู้จัดงานและประเมินการดำเนินงาน และงานในครั้งนี้จะมีดาราจากบริษัท GNN เข้าร่วมงานในวันสุดท้ายโดยนำดาราคู่ขวัญและกำลังฮอทในช่วงนี้คือวีนัสและพีทมาโชว์ตัวอีกด้วย
“แต่... ทางนั้นจะมาถึงที่นี่ในวันพรุ่งนี้แล้วก็อยากให้เราคนนึงในทีมไปเป็นไกด์หาสถานที่ถ่ายแบบของดาราให้น่ะ” สองอธิบายขณะที่กำลังพักกินข้าว ณ ร้านอาหารริมทางแห่งหนึ่ง
“ทำไมเค้าไม่หาไกด์มาเองล่ะ จังหวัดนี้ก็ไม่ใหญ่หาข้อมูลเองก็ได้ ทำไมต้องให้พวกเราไปเป็นไกด์ด้วยเนี่ย” โชคบ่นขึ้นมาเบาๆ
“จะไปรู้เหรอ เค้าขอมาแบบนี้ นายก็ไม่ให้ขัด ให้ทำตามคำขอ” สาวหมวยพูดเซ็งๆ “ว่าไงอ่ะ ใครจะไป”
ไม่มีใครยกมือเลยแม้แต่คนเดียว
“แกไปดิสอง” ตั้มพูด
“ถ้าหนูไป ใครจะติดต่อกับวิทยาลัยฯ แทนหนูล่ะ พี่จอยล่ะ ไปมั้ย ชอบทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ” สองหันไปถามสาวอวบ
จอยส่ายหน้า “ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวไปดี๊ด๊าออกหน้าออกตาจะทำให้เค้ามองสถาบันฯ ไม่ดี”
“แหม... เป็นห่วงองค์กรก็เป็นเนอะ เห็นทุกทีมีแต่บ่น” หนุ่มสกินเฮดแขวะ เข้าโดนสาวอวบค้อนให้วงใหญ่
“ไอ้กี้อ่ะ ไปมะ” หนุ่มตี๋ถาม และได้รับคำตอบจากสาวเซอร์ด้วยการส่ายหน้า
“เอางี้ เรามาตัดสินแบบยุติธรรมกันดีกว่า... จับสลากก็แล้วกัน” สาวหมวยพูดซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย หลังจากนั้นเธอก็ทำสลากจากกระดาษรีไซเคิลให้ทุกคนได้เลือก
“ใครที่ได้สีแดง คนนั้นไป” สองพูดแล้วยื่นแก้วพลาสติกที่ใส่สลากให้กับจอยที่นั่งข้างๆ
“ได้กันทุกคนแล้วนะ เปิดพร้อมกัน หนึ่ง สอง สาม”
ทุกคนส่งเสียงหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสลากในมือกี้ “ห่านเอ้ย... ชิหายแล้ว...” เจ้าตัวอุทานขึ้นมาเบาๆ
“ถ้าไปแล้วใครจะประสานกับพื้นที่แทนฉันอ่ะ” สาวเซอร์ถามแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ “อย่าบอกนะว่าต้องทำด้วย”
“เออ... ถึงจะไปกับดาราก็ไม่ได้หมายความว่าแกอยู่สบายกว่าพวกเรานะโว้ย แกก็ต้องทำงานของตัวเองด้วย” โชคพูด
“เซ็งชิบ” กี้บ่นพลางถอนหายใจ
วีนัสอมยิ้มเมื่อเห็นหน้าของเจ้าหน้าที่จากสถาบันฯ ที่จะมาทำหน้าที่เป็นไกด์พาทีมของบริษัทไปหาโลเกชั่นถ่ายแบบและแอบขำเมื่อเห็นสาวเซอร์ที่ยืนรออยู่ที่หน้าโรงแรมกำลังง่วนกับการคุยโทรศัพท์พร้อมพลิกแฟ้มที่อยู่ในมือเป็นระวิง
“ไปกันเลยมั้ยคะ” กี้ถามเมื่อเปิดประตูโผล่หน้าขึ้นมาบนรถ
“ไปเลยคะคุณกี้” แจน PR สาวบอกแล้วชวนให้อีกฝ่ายขึ้นรถ ซึ่งสาวเซอร์เดินขึ้นไปนั่งที่ด้านหน้าของดาราหน้าหวาน
ดาราสาวแกล้งยื่นมือไปจับเบาะที่นั่งด้านหน้าพอสบโอกาสก็แกล้งดึงผมของกี้เล่น สาวเซอร์หันมาหาวีนัสแล้วส่งสายตาดุๆ ให้พร้อมทำปากขมุบขมิบบอกว่า ‘กำลังยุ่งอยู่ อย่าเพิ่งกวนได้มั้ย’ ใส่ดาราหน้าหวานที่ได้แต่แอบขำกับโหมดเข้มแล้วก็เลิกแกล้ง
กี้พาทีมของบริษัทพาไปดูสถานที่ท่องเที่ยวหลายๆ แห่งที่เป็นที่นิยมในจังหวัดเผื่อว่าจะเป็นสถานที่ถ่ายแบบได้แต่ PR สาวและช่างภาพก็ส่ายหน้าจนสาวเซอร์เริ่มเบื่อ แถมต้องกดรับและโทรศัพท์เป็นมือระวิงเพื่อติดต่อกับเครือข่ายภาคีที่เธอรับผิดชอบประสานงาน
“เมื่อไหร่จะได้เรื่องสักทีวะเนี่ย” กี้บ่นพลางเดินนำเข้าไปที่พระราชวังรัตนรังสรรค์ (จำลอง) ที่สร้างด้วยไม้สักและไม้ตะเคียนทอง เมื่อเธอหันไปมองด้านหลังก็เห็นพีทเดินเคียงคู่มากับวีนัส เขาพยายามชวนอีกฝ่ายคุยแต่ดูเหมือนดาราหน้าหวานจะไม่คุยด้วย เธอได้แต่ยิ้มให้แล้วรีบเดินเข้ามาที่ตัวอาคาร
“สวยจัง” ดาราสาวถอดแว่นกันแดดออกพลางมองไปรอบๆ ห้องบรรทมพระราชินีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 5
ทีมงานของบริษัท GNN เดินไปรอบๆ ตัวอาคารพวกเขาไม่สามารถถ่ายรูปในสถานที่นี้ได้ จึงได้แต่เดินดูเฉยๆ วันนี้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาดูพอสมควร และพวกเขาต่างพากันมองไปที่ดาราหน้าตี๋ที่เดินเข้ามาในตัวอาคารพร้อมกับแว่นกันแดดที่ไม่ยอมถอดออก กี้มองเขาอยู่พักหนึ่งแล้วเดินเข้าไปสมทบกับทีมงานของบริษัททีประกอบไปด้วยปั๊บ ช่างภาพสาวหล่อ แซมมี่ ช่างแต่งหน้าสาวประเภทสอง แจน PR สาว และวีนัส
“ปุจฉา... ที่ดาราชอบใส่แว่นกันแดดในที่ร่ม หรือตอนกลางคืนเป็นเพราะกลัวว่าคนอื่นจำได้หรือว่ากลัวว่าคนอื่นไม่รู้ว่าตัวเองเป็นดารา” สาวเซอร์ยิงคำถามใส่ทันทีเมื่อเดินเข้าไปถึง
เมื่อผู้มาเยือนถามจบทุกคนก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาคิกคักเพราะพวกเขาหันไปมองที่พีทโดยทันที ซึ่งดาราหน้าตี๋ที่สวมแว่นกันแดดนั้นกำลังยืนเก็กเด่นอยู่กลางห้องแล้วก็ยิ้มเมื่อมีคนมาถามว่าใช่ดาราหรือเปล่า โดยมีทีมงานอีก 2 คนยืนอยู่ไม่ไกลจากเขามากนัก
“แล้วคุณกี้ว่าเป็นแบบไหนเหรอฮะ” ช่างภาพสาวหล่อถาม
“วิสัชนา... เพราะกลัวว่าคนอื่นไม่รู้ว่าตัวเองเป็นดารา...” กี้ตอบ คำตอบของเธอเรียกเสียงหัวเราะได้อีกครั้ง “ฉันเคยเจอที่แปลกกว่านี้ด้วยนะ”
“ยังไงเหรอคะ” PR สาวถาม
“ฉันเคยเจอดาราคนนึงใส่แว่นกันแดดลงมากินอาหารเช้าในโรงแรมตอน 7 โมงเช้า... ก็ลองคิดดูว่า 7 โมงเช้าในโรงแรมมันจะมีแดดที่ไหน ถ้าถอดแว่นออกจะไม่รู้เลยว่าคนที่ยืนตักข้าวอยู่ข้างๆ เป็นดารา แต่พอหันไปมองก็คิดว่า เอ้ะ! ทำไมยัยคนนี้ต้องใส่แว่นกันแดด ตาบอดรึก็ไม่ใช่ มองไปมองมาก็อ๋อ...”
“แล้วเค้าคนนั้นเป็นใครอ่ะคะ” ช่างแต่งหน้าสาวเทียมถาม
“จินตรา พูนลาภ... ถ้าถอดแว่นออกจะดูไม่รู้เลยว่าใช่ แต่พอใส่แว่นกันแดดแบบนั้นมันเด่นมาก จนทุกคนต้องหันไปมอง แสดงว่าอยากให้คนอื่นรู้ว่าเป็นดารา” สาวเซอร์พูดเสียงเรียบๆ (อันนี้ประสบการณ์โดยตรงของอีคนเขียน ขำมาก แอบแซวด้วยเพลงแตงโมจินตราเมื่อเห็นชีเดินไปตักผลไม้)
ทีมงานของบริษัทหัวเราะคิกคัก ดาราสาวหน้าหวานจึงพูดออกมาว่า “นี่ฉันก็คิดถูกใช่มั้ยที่ถอดแว่นกันแดดออก ไม่งั้นก็คงถูกคุณว่าแน่เลย”
“ประมาณนั้น” กี้ตอบ
“แหม... คุณกี้ก็... ปากคอเราะร้าย ใครได้ไปเป็นแฟนตัวคงจะพรุนแย่” แซมมี่จีบปากจีบคอพูด
“อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะ แต่ถ้าจะเป็นแฟนฉันก็ต้องยอมรับสถานะของฉันให้ได้”
“สถานะอะไรเหรอฮะ” ปั๊บถาม
“ก็...” สาวเซอร์พูดพลางแอบมองไปที่วีนัสนิดหนึ่ง “สถานะยากจน พร้อมพาทุกคนไปลำบากไงคะ”
ทุกคนหัวเราะท้องแข็งขึ้นมาอีกครั้ง และหัวเราะมากขึ้นเมื่อพีท (ที่ยังคงสวมแว่นกันแดด) และทีมงานคนอื่นๆ เดินเข้ามาหา
ทีมงานจากบริษัท GNN ลงความเห็นกันว่าจะให้สองดาราไปถ่ายแบบที่หาดชาญดำริตามคำแนะนำของเพื่อนช่างภาพที่ PR สาวคุยด้วยทางโทรศัพท์ ซึ่งก็ทำให้กี้โล่งอกพอสมควรที่ไม่ต้องพาคนพวกนี้ไปตะลอนๆ ที่ไหนอีกและจะได้นั่งลุยงานของตัวเองต่อ แต่ก่อนที่รถตู้จะตรงไปที่หาดนั้นสมาชิกบนรถก็ขอแวะเที่ยวที่บ่อน้ำร้อนของสวนสาธารณะรักษะวาริน ซึ่งระหว่างที่ทีมงานจากบริษัทกำลังสนุกสนานอยู่นั้น สาวเซอร์ก็เดินเลี่ยงไปคุยโทรศัพท์เพื่อติดต่องานที่เธอรับผิดชอบ
ดาราหน้าหวานแอบเดินตามกี้ไปแบบห่างๆ เพราะกลัวว่าจะรบกวนการทำงานของอีกฝ่าย แต่แล้วเธอก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ เมื่อเห็นดาราหน้าตี๋ (ที่ยังคงสวมแว่นกันแดดอยู่) เดินเข้ามาหาเธอและชวนคุย วีนัสจึงเดินรีบสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้สาวเซอร์มากขึ้น
“อุ้ย น่ารักจัง” ดาราสาวอุทานเมื่อเห็นหมาขนปุยตัวหนึ่งถูกล่ามโซ่ไว้ที่ต้นไม้ใกล้ๆ เธอเดินเข้าไปหมายที่จะเล่นกับมันโดยที่พีทเดินตามมาด้วย
ด้วยความที่ไม่เห็นป้ายที่ติดไว้ว่า ‘ระวังหมาดุ’ ดาราหน้าหวานจึงไม่สนใจกับเสียงขู่ของเจ้าตูบที่อยู่ตรงหน้า เธอกำลังจะยื่นมือเข้าไปลูบหัวของมันแต่แล้วก็มีเสียงตะโกนบอกว่า
“เฮ้ยคุณระวัง!”
วีนัสถูกผลักแต็มแรงจนเซถลาไปหาดาราหน้าตี๋ที่ยืนอยู่ข้างๆ เมื่อเธอหันไปมองก็ต้องอ้าปากค้าง...
“กี้!” ดาราสาวร้องออกมา
ภาพที่เธอเห็นคือเจ้าตูบตัวนั้นกระโดดงับที่แขนขวาของสาวเซอร์แบบไม่ปล่อย ใบหน้าของกี้บ่งบอกถึงความเจ็บปวด ริมฝีปากเม้มเข้าหากันเพื่อระงับเสียงร้อง แม่ค้าที่อยู่แถวนั้นรีบร้องบอกเจ้าของให้มาจัดการและใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าจะแงะปากของเจ้าตูบให้ออกจากแขนของกี้ได้ ตอนนี้เจ้าของกำลังพยายามลากหมาของตัวเองที่กำลังจะกระโจนใส่เหยื่ออีกครั้งออกไปให้ไกลจากที่เกิดเหตุมากที่สุด
“โอ้ย...” สาวเซอร์ร้องออกมาเบาๆ พลางเทน้ำที่กินเหลือจากขวดลงบนแผล รอยเขี้ยวเห็นได้ชัดเจนบนแขนขวาพร้อมกับเลือดที่ไหลปนลงมากับน้ำ
“ค... คุณ ป... เป็นอะไรมั้ย” ดาราหน้าหวานรีบสาวเท้าเดินเข้ามาแต่ถูกอีกฝ่ายห้ามไว้
“อย่าเพิ่งเข้ามา เจ้าของเค้ายังไม่ได้ผูกหมาไว้” กี้กัดฟันพูดแล้วค่อยๆ ลากเท้าเดินถอยหลัง เธอเห็นเจ้าของหมากำลังล่ามหมาไว้กับต้นไม้อีกต้นที่อยู่ห่างออกไป เจ้าตูบยังคงใช้เท้าตะกุยดินและดิ้นไปมาเพื่อให้หลุดจากพันธนาการ
“ถามให้ทีว่าโรง’บาลอยู่ที่ไหน” สาวเซอร์บอกกับดาราสาว
วีนัสรีบหันไปถามแม่ค้าทันทีแล้วรีบโทรตามทีมงานเพื่อพากี้ไปโรงพยาบาล แต่อีกฝ่ายกลับบอกมาว่า
“ไม่ต้องๆ ฉันไปเองได้ คุณไปทำงานเถอะ เดี๋ยวฉันหารถแถวนี้ไปเอง”
“ต... แต่”
“ไม่เป็นไร... ฉันไม่เป็นไร เจ้าของหมาบอกว่าฉีดวัคซีนแล้ว แค่ไปทำแผลกับฉีดกันบาดทะยักเท่านั้น เมื่อกี้เค้าบอกว่าเค้าจะไปด้วย ฉันโอเค” สาวเซอร์บอก
“ไม่เอา... ฉันจะไปกับคุณด้วย” ดาราสาวพูดแล้วเดินเข้าไปหา เธอจับมือของอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง
“คุณไปทำงานเถอะ... ฉันไม่เป็นอะไร ไม่ต้องห่วง” กี้พูด เธอสบตาอีกฝ่ายที่มีท่าทีที่ห่วงและกังวลเป็นอย่างมาก “เชื่อฉันนะ วีนัส เชื่อฉัน แล้วฉันจะโทรหาคุณเอง โอเคนะ” เธอกระซิบบอกกับอีกฝ่าย
ดาราหน้าหวานใช้เวลานานพอดูกว่าจะตอบออกไปว่า “อื้อ” เธอดึงผ้าเช็ดหน้าของเธอออกจากกระเป๋าแล้วกดปิดบาดแผลจากรอยเขี้ยว สายตาที่เธอมองสาวเซอร์เดินจากไปพร้อมกับเจ้าของหมาเต็มไปด้วยความกังวล
ตลอดช่วงเวลาการทำงานวีนัสไม่มีสมาธิเลย เธอคิดและกังวลอยู่ตลอดเวลาถึงอาการของกี้ เป็นความผิดของเธอเองที่คิดจะไปเล่นกับหมาตัวนั้นจึงทำให้อีกฝ่ายเจ็บตัว แม้คนรอบข้างคอยปลอบและพูดอยู่ตลอดเวลาว่าไม่ใช่ความผิดของเธอ มันเป็นอุบัติเหตุ พีทที่พยายามจะพูดอะไรตลกๆ เพื่อทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นแต่ก็ไม่เลย รังแต่สร้างความรำคาญให้กับเธอมากกว่า ดาราสาวพยายามอดทนทำงานต่อไปตามที่สาวเซอร์บอก เมื่อเวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมงเธอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเมื่อกี้ส่งข้อความมาบอกเธอว่าไม่เป็นอะไรแล้วและกำลังจะกลับโรงแรม
“Thanks God, thank you… thank you (ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณค่ะ... ขอบคุณ)
...
วีนัสรีบวิ่งไปที่ห้องพักของกี้ที่นอนคู่กับสองทันทีเมื่อถึงโรงแรม เธอเคาะห้องอย่างร้อนรนแล้วรีบถามอาการของสาวเซอร์ทันทีเมื่อเห็นหน้าของเพื่อนร่วมห้อง
“ใจเย็นๆ ค่ะคุณนัส กี้กำลังหลับอยู่” สาวหมวยชี้ไปที่เตียงนอน ห้องนี้เป็นที่มีเตียงใหญ่เตียงเดียว ไม่ได้แยกเหมือนห้องอื่นๆ
ดาราหน้าหวานเดินเข้าไปใกล้กับเตียงนอน เธอเห็นสาวเซอร์นอนหลับสนิทที่ฝั่งซ้ายของเตียง ใบหน้าดูซีดเซียว ริมฝีปากแห้ง ที่แขนขวามีผ้าก๊อซพันอยู่
“คุณกี้กลับมานานหรือยังคะ”
“ก็นานแล้วล่ะค่ะ แต่ก็ไม่ยอมนอนจนโทรประสานกับเครือข่ายเรียบร้อย... นี่ไปโดนอะไรมาคะนั่น สองพยายามถามยัยนี่ว่าเป็นอะไร โดนอะไรมาก็ไม่ยอมตอบ” สองพูด
“เป็นความผิดของนัสเองค่ะ... ถ้านัสไม่คิดไปเล่นกับหมาตัวนั้น คุณกี้ก็คงไม่ถูกกัดแบบนี้” ดาราสาวพูดเสียงเครือ เธอรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก
สาวหมวยพยักหน้าน้อยๆ เธอพอจะรู้เรื่องอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะคุณนัส ยัยคนนี้แข็งแรงจะตาย นอนพักสักหน่อยเดี๋ยวก็หาย สองรับรองว่าจะดูแลกี้เอง จะให้กินยาครบทุกเม็ดเลย แต่คืนนี้ดูท่าคงจะหนักหน่อย เห็นบ่นๆ ว่าปวดแผลกับปวดตรงที่ถูกฉีดยา แล้วก็ไข้ยังไม่ลดเท่าไหร่ แต่ถ้าผ่านคืนนี้ไปได้ก็คงโอเคแล้วล่ะค่ะ”
“ค่ะ” วีนัสรับคำ แต่เธอก็ยังอดเป็นห่วงคนที่นอนหลับอยู่ไม่ได้
หลังจากนั้นมองคนป่วยเงียบๆ อยู่พักใหญ่ ดาราหน้าหวานก็พูดกับสองที่กำลังนั่งพิมพ์งานอยู่ที่โต๊ะหนังสือว่า “คุณสองคะ นัสมีเรื่องขอร้อง”
“อะไรเหรอคะ”
“นัสขอเป็นคนดูแลคุณกี้เองค่ะ... คือ... นัสรบกวนให้คุณสองย้ายห้องไปนอนห้องของนัส... นัสนอนคนเดียวค่ะ ไม่ต้องกังวลเรื่องรูมเมท แล้วนัสจะขอนอนที่นี่ดูแลคุณกี้ค่ะ”
สาวหมวยทำหน้าตกใจ “เอ่อ... ไม่ดีมั้งคะคุณนัส”
“ขอร้องเถอะค่ะคุณสอง... นะคะ... นัสทำใจไม่ได้ที่เห็นคุณกี้ต้องมาเป็นแบบนี้ ต้องมาเจ็บตัวเพราะนัสโดยที่นัสช่วยอะไรเค้าไม่ได้เลย” ดาราสาวอ้อนวอนอีกฝ่าย
สองมีท่าทางอึกอัก ไม่ใช่ว่าเธอไม่เข้าใจความรู้สึกของคู่สนทนา แต่เธอกลัวจะถูกเบื้องบนว่าที่ทำอะไรโดยพละการ และเธอกลัวว่าสิ่งที่อีกฝ่ายขอร้องจะเป็นปัญหาเรื่องที่บริษัทต้นสังกัดของวีนัสกำลังพยายามโปรโมทเรื่องรักร่วมค่าย หากดาราหน้าหวานมาดูแลกี้อาจจะมีข่าวลือว่าชอบผู้หญิงด้วยกันอย่างที่เคยเป็นข่าวช่วงที่อีกฝ่ายเพิ่งจะเข้าวงการใหม่ๆ อีกก็เป็นได้ รวมทั้งเธอกลัวถึงสิ่งที่จะมากระทบกับเรื่องที่เธอเคยเตือนเพื่อนร่วมงานเอาไว้เกี่ยวกับความสนิทสนมของทั้งสองฝ่าย
“เอ่อ... คือ... สองคิดว่าคงจะไม่...”
“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นนัสจะรับผิดชอบทุกอย่างเองค่ะ รับรองว่าจะไม่ให้เกิดผลกระทบมาหาคุณสองกับสถาบันฯ แน่นอนค่ะ” วีนัสพูดด้วยความหนักแน่น
สาวหมวยถอนหายใจ “ก็ได้ค่ะ... ถ้าคุณนัสยืนยันแบบนั้น”
ดาราสาวยิ้มน้อยๆ “ขอบคุณค่ะคุณสอง ขอบคุณค่ะ”
วีนัสกับสองสลับห้องนอนกัน ทั้งสองช่วยกันขนของส่วนตัวออกจากห้องเดิมแล้วนำเข้าไปไว้ในห้องใหม่ สาวหมวยดูยังคงกังวลกับเรื่องนี้อยู่พอสมควร
“ถ้ามีคนมาถาม คุณสองก็บอกตามความจริงไปเถอะค่ะ ไม่ต้องกังวลนะคะ” ดาราหน้าหวานพูดกับอีกฝ่าย สองพยักหน้าเล็กน้อยแล้วชะเง้อมองเข้าไปในห้อง เห็นเพื่อนตัวเองยังคงนอนอยู่ แต่ดูท่าทางกี้ทรมานจากพิษไข้ เพราะคิ้วขมวดเข้าหากันและมีเหงื่อซึมออกจากหน้าผากเล็กน้อย
“โอเคค่ะ ยังไงก็รบกวนคุณนัสดูยัยตัวแสบให้หน่อยก็แล้วกันนะคะ”
“ค่ะ”
ดาราสาวปิดประตูห้องแล้วรีบเดินไปที่เตียงอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นสภาพของอีกฝ่ายก็รีบหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดที่หน้า คอ และแขนอย่างรวดเร็ว เธอเดินไปที่กระเป๋าเสื้อผ้าแล้วหยิบกระเป๋าใบเล็กที่ใส่อุปกรณ์ปฐมพยาบาลที่เธอติดตัวมา ดาราหน้าหวานรีบแปะแผ่นเจลลดไข้ไปที่หน้าผากของสาวเซอร์ แล้วก็นั่งมองคนป่วยเงียบๆ อยู่พักหนึ่ง ไม่นานนักน้ำตาร้อนๆ ก็ไหลลงมาอาบแก้มสวย
วีนัสรีบเช็ดน้ำตาเมื่อเห็นอีกฝ่ายขยับตัวเพื่อคลายความอึดอัด เธอล้มตัวลงนอนข้างๆ เมื่อเห็นกี้ยังไม่มีท่าทางว่าจะตื่น ดาราสาวยื่นมือไปลูบแก้มอีกฝ่ายแล้วพูดเบาๆ ว่า
“ขอโทษนะ ฉันขอโทษ อย่าเป็นอะไรเลยนะ”
ดาราหน้าหวานนอนมองสาวเซอร์อยู่นานจนกระทั่งหลับไป
กี้ลืมตาตื่นขึ้นมา เธอรู้สึกดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก สาวเซอร์ยกมือซ้ายขึ้นมาจับที่หน้าผากเพราะรู้สึกแปลกๆ เธอดึงแผ่นเจลลดไข้ออกแล้วมองดูด้วยความไม่เข้าใจเพราะเธอจำได้ว่าหมอไม่ได้สั่ง เมื่อหันไปมองข้างๆ เธอก็ตกใจ
“มาได้ไงเนี่ย” กี้พูดเบาๆ เมื่อเห็นใบหน้าของวีนัสที่นอนอยู่ข้างๆ
เมื่อค่อยๆ ชันตัวขึ้นมาเธอก็เห็นกระเป๋าของดาราสาวแทนที่กระเป๋าของเพื่อนร่วมงานด้วยสายตาสงสัยครู่หนึ่งแล้วก็หันไปมองคนที่นอนอยู่ข้างๆ อีกครั้ง
“มาเฝ้าฉันใช่มั้ย ขอบคุณนะ” สาวเซอร์ค่อยใช่มือปัดเส้นผมที่ปรกใบหน้าของอีกฝ่ายแล้วลูบแก้มดาราหน้าหวานเบาๆ หลังจากนั้นก็ลุกออกจากเตียงเพื่อเข้าห้องน้ำ
ด้วยความที่ยังคงปวดแผลและปวดเมื่อยตามตัวเพราะผลข้างเคียงของยาที่หมอฉีดให้จึงทำให้การเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวของกี้ใช้เวลานานมากกว่าที่ควรจะเป็น เพราะต้องเดินช้าๆ ค่อยๆ ชันตัวนั่งลงช้าๆ และค่อยๆ ลุกขึ้นช้าๆ
วีนัสรู้สึกตัวเมื่อมือของเธอที่พยายามจะจับตัวคนที่นอนอยู่ข้างๆ นั้นกระทบกับเตียงเปล่า เธอรีบลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปที่ข้างตัวทันที
“ไปไหนของเค้าน่ะ” ดาราหน้าหวานพูดเบาๆ เมื่อเห็นแต่ความว่างเปล่าข้างตัว เธอรีบลงจากเตียงด้วยความกระสับกระส่ายทันที
เมื่อดาราสาวเดินเกือบจะถึงหน้าห้องน้ำก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่สาวเซอร์เปิดประตูออกจากห้องน้ำพอดี วีนัสชะงักเมื่อเห็นหน้าของอีกฝ่ายแล้วพูดอย่างรวดเร็ว
“คุณหายไปไหนมา ทำไมไม่บอกฉัน รู้มั้ยฉันเป็นห่วงคุณแค่ไหน”
“ก็แค่เข้าห้องน้ำเอง ไม่ได้ไปไหนสักหน่อย” กี้ตอบด้วยเสียงแหบแห้ง
“แล้วทำไมไม่ปลุกฉันล่ะ ฉันจะได้พาคุณไป”
“ฉันไม่เป็นไร เห็นคุณนอนอยู่ก็เลยปล่อยให้นอนไปก่อน”
“ไม่เป็นไรไม่ได้ คุณเจ็บขนาดนี้ก็เพราะฉันนะ” ดาราหน้าหวานพูดพลางมองไปที่แขนขวา
“ก็แค่หมากัดเอง นิดหน่อยน่า”
“ไม่หน่อยนะแบบนี้” วีนัสพูดเสียงเครือราวกับอีกไม่นานน้ำตาของเธอจะไหลลงมาอีก
สาวเซอร์ถอนหายใจ “ไม่หน่อยก็ไม่หน่อย... ขอบคุณนะที่ช่วยดูแล แลกห้องกับสองใช่มั้ย”
“อื้อ... ไข้ลดหรือยัง”
“ไม่รู้แฮะ ลองจับตัวเองดูก็วัดไม่รู้เรื่อง”
ดาราหน้าหวานยื่นมือเข้าไปแตะที่หน้าผากของอีกฝ่าย กี้สะดุ้งแล้วพูดว่า “มือคุณเย็นจัง... เย็นอย่างกับน้ำแข็งแหนะ”
“อ้ะ ขอโทษ เวลาโดนแอร์มือฉันจะเย็นแบบนี้แหละ” ดาราสาวพูดพลางถูมือไปมาเพื่อให้อุ่นขึ้น
“งั้นไม่ต้องวัดก็แล้วกันไข้น่ะ กินยาแล้วนอนอีกหน่อยก็น่าจะดีขึ้น”
วีนัสไม่ตอบ แต่เธอเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้นแล้วโน้มคอสาวเซอร์ลงมา “วัดไข้แบบนี้ก็ได้” เธอแนบหน้าผากของเธอชิดกับหน้าผากของอีกฝ่าย
“ไปเอาวิธีนี้มาจากไหน” กี้ถามเบาๆ
“เห็นเพื่อนที่เป็นคนญี่ปุ่นเค้าทำกันแบบนี้น่ะ... ตัวคุณยังมีไข้อยู่เลยนะ”
“เหรอ... แล้วต้องทำยังไงต่อ... อีกเหรอ”
“ก็กินยาไง... เมื่อกี้คุณพูดเองนะว่าจะกินยาแล้วนอนพัก”
“อื้อ” สาวเซอร์รับคำเบาๆ
หน้าผากของสองสาวยังคงแนบชิดกันอยู่ถึงแม้ว่าการวัดไข้ของดาราหน้าหวานจะเสร็จสิ้นแล้วก็ตาม ดวงตาที่จ้องมองกัน... ปลายจมูกที่แตะกันเล็กน้อย... ทำให้กี้ขยับตัวเข้าใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น วีนัสก็เช่นเดียวกัน เมื่อร่างกายใกล้ชิดกันมากขึ้นก็ทำให้ริมฝีปากของทั้งสองสัมผัสกัน...
ดาราหน้าหวานหลับตารับริมฝีปากที่อุ่นจัดเพราะพิษไข้ของสาวเซอร์ที่จูบเธอเบาๆ แต่ดาราสาวจูบตอบกลับไปอย่างไม่ลังเลซึ่งทำให้อีกฝ่ายนั้นกล้าที่จะจูบเธอมากขึ้นและมากขึ้น เสียงริมฝีปากที่บดเบียดหากันมาพร้อมกับเสียงต่ำๆ ที่บ่งบอกถึงความพึงพอใจของทั้งสองฝ่ายในลำคอ ทำให้จูบของสองสาวนั้นเนิ่นนานจนแทบจะไม่อยากถอนออก ร่างกายที่แนบชิดทำให้ทั้งสองกอดกันแน่นและคลายออกในเวลาต่อมา
“มึนหัวจัง” กี้พูดขึ้นมาเบาๆ ในขณะที่ปลายจมูกของทั้งสองยังคงสัมผัสกันอยู่
“เพราะคุณเป็นไข้น่ะสิ”
“ไม่กลัวติดไข้เหรอ”
“คุณไม่ได้เป็นหวัดสักหน่อย ฉันไม่กลัวหรอก”
สาวเซอร์จูบเบาๆ ที่ริมฝีปากของดาราสาวอีกครั้ง “แล้วถ้าฉันเป็นหวัดล่ะ ยังจะกล้าจูบฉันแบบนี้อยู่มั้ย”
“ไม่เอาด้วยล่ะแบบนั้น”
“ใจร้าย...” กี้พูดลากเสียงยาวๆ ทำเอาอีกฝ่ายหัวเราะร่วน
หลังจากนั้นสองสาวเดินไปที่เตียงแล้วคนป่วยก็หยิบยาที่ได้จากโรงพยาบาลขึ้นมากิน
“ขอบคุณนะที่มาอยู่เป็นเพื่อน... แล้วไม่ต้องไปทำงานเหรอ” สาวเซอร์ถาม
“เรื่องนั้นอย่าพูดถึงเลยน่า”
“ชักจะเกเรใหญ่แล้วนะคุณน่ะ” กี้แซว
วีนัสยิ้ม “เพราะคุณนั่นแหละที่ทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้”
“อะไรกัน ความผิดฉันเหรอที่ต้องมาเจ็บตัว เป็นไข้”
“เปล่า เพราะคุณนั่นแหละที่สอนให้ฉันเกเร”
“ไม่ได้สอนสักหน่อย คุณเป็นของคุณเองต่างหาก” สาวเซอร์พูดแล้วล้มตัวนอนลงบนเตียงอีกครั้ง โดยมีดาราหน้าหวานที่ลงไปนอนข้างๆ แล้วกอดเธอ
“ก็เพราะบทที่ฉันได้เล่นเป็นคุณ ทำให้ฉันกลายเป็นแบบนี้ แล้วก็เพราะคุณที่ทำให้ฉันกลายเป็นแบบนี้ยังไงล่ะ”
“พูดอะไรไม่เห็นเข้าท่าเลย... เหตุผลฟังไม่ขึ้น ศาลยกฟ้อง”
“บ้า... ไม่รู้ล่ะ รับผิดชอบเลยนะ” ดาราสาวพูดพลางทำหน้างอน
“ก็ทำอยู่นี่แล้วไง” กี้ขยับตัวเป็นนอนตะแคงแล้วกอดวีนัสไว้ เธอจูบดาราสาวที่หน้าผากและที่ริมฝีปากอีกครั้ง และพูดกับอีกฝ่ายเบาๆ ว่า
“ขอรับผิดชอบด้วยการนอนกอดคุณแบบนี้ จนกว่าคุณจะเบื่อก็แล้วกัน”
ดาราหน้าหวานยิ้ม “ไม่ใช่แค่วันนี้วันเดียวนะ ต้องเป็นวันอื่นๆ ด้วย...”
“อื้อ”
“สัญญาแล้วห้ามคืนคำนะ”
“สัญญา”
วีนัสดึงตัวสาวเซอร์ที่ใกล้จะหลับเพราะฤทธิ์ยามากอดแนบอก เธอจูบหน้าผากของอีกฝ่ายแล้วยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
“ขอบคุณนะ”
“ขอบคุณทำไม... ฉันยังไม่ได้ทำอะไรให้คุณสักหน่อย” กี้พึมพำขึ้นมาเบาๆ ก่อนที่จะหลับสนิท
To be continued