Chapter 10
วีนัสลืมตาตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงแปลกๆ เธอหันไปมองข้างๆ ก็ไม่พบกี้ เธอจึงรีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วก็พบสาวเซอร์กำลังเก็บของลงกระเป๋า
“คุณจะไปไหนเหรอ” ดาราหน้าหวานถาม
“เก็บของ วันนี้พวกฉันต้องไปเตรียมงานที่หมู่บ้าน” กี้ตอบแล้วเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายนิดหนึ่ง
“แล้ว... คุณจะนอนที่ไหน คุณยังไม่หายดีเลยนะ”
“นอนที่โฮมสเตย์ใกล้ๆ กับที่จัดงานน่ะ ตั้มจองไว้ให้แล้ว วันนี้พวกฉันต้องเช็คเอ้าท์ คุณต้องกลับไปนอนห้องเดิมของคุณแล้วล่ะ” สาวเซอร์พลางรูดซิปกระเป๋า หลังจากนั้นก็เดินมาหาดาราสาวที่ยังคงนั่งอยู่บนเตียง
“ไปทำงานด้วยล่ะ อย่าเบี้ยวเค้าอีก... เข้าใจมั้ย” กี้ลูบผมวีนัสเบาๆ แล้วกลับไปเก็บของต่อ
“อื้อ... แต่คุณไม่เห็นจำเป็นต้องไปเลยนี่นา คุณยังไม่หายดีนะ” ดาราหน้าหวานพูด เธอไม่อยากให้อีกฝ่ายไปไหนให้คลาดสายตา
“มันเป็นงานน่ะ มันจำเป็น... อีกอย่างฉันก็ดีขึ้นแล้ว สงสัยมีพยาบาลดี” สาวเซอร์พูดยิ้มๆ แต่เมื่อเธอหันไปมองหน้าของคนฟังกลับเห็นใบหน้าบูดๆ งอนๆ แทน
“เป็นอะไรไป...”
“ก็ไม่อยากให้ไปนี่นา”
“เดี๋ยวก็เจอกันแล้วน่า”
“แล้วฉันจะนอนกอดใครล่ะ” ดาราสาวพูด คำพูดนี้ทำให้กี้หัวเราะออกมา
“คุณหัวเราะอะไรน่ะ มันไม่ตลกเลยนะ คุณสัญญาแล้ว”
“อื้อ ฉันสัญญาแล้ว ไม่ผิดคำสัญญาหรอกน่า” สาวเซอร์เดินลงไปนั่งข้างๆ วีนัส “แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไงล่ะ มีทางออกมั้ย ในเมื่องานของฉันกับงานของคุณไม่เหมือนกัน เราสองคนมีหน้าที่ต่างกัน ต้องรับผิดชอบต่างกัน คุณอยากให้ฉันทิ้งงานเหรอ”
ดาราหน้าหวานส่ายหน้า “ไม่อยาก”
“ถูกต้อง ถ้าฉันทิ้งงาน ถูกไล่ออกขึ้นมาแล้วฉันจะเอาอะไรกิน บอกแล้วว่าสถานะยากจน”
ดาราสาวยิ้ม “หาข้ออ้างได้ตลอดเลยนะคุณเนี่ย ก็ได้ ฉันยอมแล้ว...” พูดจบเธอก็เอนตัวซบไหล่อีกฝ่าย “ดูแลตัวเองดีๆ นะ... ถ้าว่างแล้วโทรหาฉันได้มั้ย”
“ได้... อย่าเกเรนะ... ดาว”
วีนัสหัวเราะ “เดี๋ยวก็เรียกวีนัส เดี๋ยวก็เรียกดาว คุณจะเรียกฉันว่าอะไรกันแน่เนี่ย”
“ก็ทั้งสองชื่อ... แล้วแต่อารมณ์”
“คนบ้า...” ดาราหน้าหวานค้อนอีกฝ่าย
“ว่าฉันบ้าตลอด... แล้วทำไมคนไม่บ้าอย่างคุณถึงมานั่งคุยกับคนบ้าอย่างฉันล่ะ” กี้แซวพลางมองหน้าดาราสาว
วีนัสไม่ตอบได้แต่ยกมือปัดผมขึ้นทัดหูแล้วเงยหน้าขึ้นมองสาวเซอร์ เธอไล่สายตามองไปที่ผ้าพันแผลอีกครั้งแล้วทำหน้าเศร้า
“อย่าทำหน้าแบบนั้นเลยน่า ฉันชอบให้คุณยิ้มนะ” กี้พูดแล้วยกมือข้างที่มีแผลลูบใบหน้าอีกฝ่ายเบาๆ
ดาราหน้าหวานเงยหน้าขึ้นมองสาวเซอร์อีกครั้งแล้วยิ้มให้กับอีกฝ่าย
“ยิ้มแบบนั้นแหละ... สวยดี”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของสาวเซอร์วีนัสกอดอีกฝ่ายแน่น
ก่อนที่กี้จะเช็คเอ้าท์ออกจากห้อง สองโทรมาบอกว่าได้เก็บของออกจากห้องของวีนัสเรียบร้อยแล้วและกำลังจัดการเรื่องบัญชีอยู่ที่ล็อบบี้ ทั้งคู่จึงย้ายไปของทั้งหมดกลับไปไว้ที่ห้องพักห้องเดิมของดาราสาว สาวเซอร์ยกกระเป๋าเป้สะพายขึ้นหลังแล้วเช็คของในกระเป๋าอีกสองใบที่เธอต้องนำไปด้วยอยู่หน้าประตูห้องของดาราหน้าหวาน
“ไปนะ” กี้บอกกับวีนัสที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ
“ค่ะ... ดูแลตัวเองดีๆ นะ” ดาราสาวยกมือขึ้นลูบแก้มของอีกฝ่าย
“คุณด้วยนะ... ดูแลตัวเองดีๆ”
ดาราหน้าหวานพยักหน้า “Kiss me (จูบฉันหน่อยสิคะ)”
สาวเซอร์ยิ้มแล้วจูบวีนัสอยู่นานจนเสียงโทรศัพท์มือถือของตัวเองดังขึ้นเพราะสมาชิกคนอื่นโทรตาม เธอโบกมือให้กับดาราหน้าหวานที่ยิ้มให้แล้วเดินออกจากห้องของอีกฝ่ายลงไปด้านล่าง
หลังจากที่ทีมของสถาบันฯ ออกจากโรงแรมไปได้พักใหญ่ วีนัสก็ลงมาที่ล็อบบี้เพื่อเตรียมตัวไปทำงานพร้อมกับแซมมี่ ช่างแต่งหน้าสาวประเภทสอง เธอเดินไปฝากกุญแจห้องที่เคาน์เตอร์แล้วก็บอกกับดาราสาวว่า
“มีคนฝากของชิ้นนี้ให้คุณวีนัสค่ะ” พนักงานสาวพูดแล้วยื่นกระเป๋าหูรูดขนาดกลางใบหนึ่งให้กับดาราหน้าหวาน เมื่อเปิดออกก็เห็นหมอนลมผ้ากำมะหยี่สำหรับเดินป่าอยู่ด้านใน ซึ่งผู้รับจำได้ว่าเป็นของกี้ที่เอาติดตัวไปด้วยเพราะเธอเป็นคนยื่นให้กับสาวเซอร์เองตอนที่อีกฝ่ายจัดกระเป๋าอยู่ที่ห้องในกรุงเทพฯ
“แล้ว... คนที่ฝากบอกว่าอะไรเหรอคะ”
“เห็นบอกว่าฝากเอาไว้ก่อนชั่วคราว แล้วจะมาขอคืนทีหลังค่ะ แล้วก็ไม่ได้บอกว่าอะไรอีก... คุณวีนัสจะให้เก็บไว้ที่นี่ก่อนมั้ยคะ” พนักงานสาวถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะออกไปข้างนอก
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ” ดาราสาวพูดแล้วหยิบถุงหมอนลมเดินออกจากเคาน์เตอร์
ระหว่างทางที่ทีมของบริษัท GNN เดินทางไปที่หาดชาญดำริเพื่อถ่ายแบบของพีทและวีนัสสองดาราหนุ่มสาวที่กำลังเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ ดาราหน้าหวานนั่งกอดหมอนที่มีคนฝากไว้ชั่วคราวไปตลอดทาง โดยไม่สนใจดาราหน้าตี๋ที่พยายามชวนคุยอยู่ข้างๆ แม้แต่น้อย
...
วีนัสได้พบกับกี้อีกครั้งในงานพิธีปิดของงานการสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังยาเสพติด เธอยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อมองเห็นสาวเซอร์กำลังง่วนอยู่กับเอกสารบนโต๊ะด้านหลังสถานที่จัดประชุม ดาราหน้าหวานเดินเข้าไปนั่งข้างๆ ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังหยิบเอกสารออกมาจากเครื่องปริ้นท์เตอร์
“เฮ้ย!” กี้อุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นดาราสาวนั่งข้าง
“ตกใจอะไรน่ะคุณ ฉันเอง”
“มาเงียบๆ ก็ตกใจดิ นึกว่าผี” สาวเซอร์พูดแล้วหันไปอ่านเอกสาร “นั่งรถมาเป็นไงบ้าง เวียนหัวหรือเปล่า ทางมันไม่ค่อยดี”
ดาราหน้าหวานส่ายหน้าออกมาเล็กน้อย “ไม่เป็นอะไร... แล้วคุณล่ะอยู่ที่นี่เป็นไงบ้าง ไหนบอกว่าจะโทรมาไง”
กี้ยื่นโทรศัพท์มือถือให้อีกฝ่ายดู “มีสัญญาณมั้ยล่ะ”
วีนัสมองดูที่หน้าจอโทรศัพท์ มีสัญญาณเพียงแค่ขีดเดียว “มีนิดเดียว”
“ที่บ้านพักยิ่งไม่มีเลย เดินหาก็ยังไม่มีก็เลยโทรไม่ได้”
“ฮื่อ... แล้วพวกคุณกินอยู่กันยังไงล่ะ” ดาราสาวถาม
“ตอนเช้าที่โฮมสเตย์มีให้กิน ข้าวกลางวันก็กินที่วัด ข้าวเย็นก็กินที่วัด” สาวเซอร์ตอบพลางตรวจเช็คเอกสารแล้วจัดให้เข้าหมวดหมู่แล้วแยกใส่ฝาลังกระดาษเอสี่เอาไว้เพื่อให้สองมารับช่วงต่อ
“กินข้าววัดเหรอ... ตอนกลางวันเข้าใจอยู่ แล้วตอนเย็นล่ะ พระไม่กินข้าวเย็นไม่ใช่เหรอ”
“อื้อ ไม่กินแต่ก็ยังมีกับข้าวที่เหลือไง ก็นั่นแหละ ช่วยตัวเองกันไป... อ้อ แผลหายแล้วนะ ไม่ต้องห่วง” กี้ชี้ที่แขนขวา ตอนนี้มีพลาสเตอร์ปิดแผลอยู่สองจุดเพื่อปิดรอยเขี้ยว
“แล้วเป็นอะไรอย่างอื่นอีกมั้ย” วีนัสถาม
“มีไข้นิดหน่อย แล้วก็ยาแก้อักเสบยังไม่หมด นอกนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว” สาวเซอร์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ “เดี๋ยวมาแป๊บ”
“ไปไหนเหรอ”
“ไปส่งแฟกซ์”
ดาราสาวทำหน้างงซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกันที่สาวหมวยเดินมาหาเอกสารที่เพื่อนแยกเอาไว้ “อ้าวคุณนัส ทำไมไม่ไปนั่งตรงนั้นละคะ ทุกคนตามหาใหญ่แล้ว” สองพูดพลางชี้ไปที่โซฟาด้านหน้าที่จัดไว้ให้กับทีมจากบริษัท
“อ่อค่ะ... พอดีแวะมาคุยกับคุณกี้นิดหน่อยอ่ะค่ะ... เค้าบอกว่าไปส่งแฟกซ์... ส่งแฟกซ์มันคืออะไรเหรอคะคุณสอง”
สาวหมวยหัวเราะ “เค้าไปเข้าห้องน้ำค่ะ... ไปส่งแฟกซ์หมายถึงไปถ่ายหนักค่ะ”
เมื่อรู้ถึงความหมายของอีกฝ่ายดาราหน้าหวานก็หัวเราะออกมา “แหม... เข้าใจคิดคำนะเนี่ย”
“เป็นแบบนั้นล่ะค่ะ คุณนัสจะไปกับสองเลยมั้ยคะ”
“ค่ะ” วีนัสลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปนั่งข้างๆ แจน PR สาวที่ยิ้มอย่างโล่งอกเมื่อเห็นเธอหลังจากที่ตามหาอยู่นาน
เสียงกรี๊ดของผู้อบรมและเสียงของเจ้าหน้าที่ดังขึ้นเมื่อสองดาราหนุ่มสาวเดินขึ้นมาบนเวที พร้อมกับร้องบอกขอให้ถ่ายรูปคู่ด้วยกันหลายคู่ ผู้คนยืนออกันอยู่หน้าเวทีเพื่อถ่ายรูปกับดาราโดยมีเจ้าหน้าที่ 2 – 3 คนของภาคีและสถาบันฯ คอยกันเอาไว้ประหนึ่งบอดี้การ์ดของดารา กี้กับสองยืนดูอยู่ที่ด้านหลังของตัวอาคาร
“สงสารพวกพี่โชคอ่ะ สงสัยคงโดนทับตายไปแล้วมั้ง” สาวหมวยพูด
“เห็นด้วย ไม่นึกว่าคนแถวนี้บ้าดาราเหมือนกันเนอะ” สาวเซอร์ตอบ “ว่าแต่... สองคนนั่นดังขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย”
“แกไม่สังเกตหรือยังไงว่าบ้านทุกบ้านตกกลางคืนปุ๊บก็เปิดดูละครที่คุณนัสเล่นหมด เพลงส่วนใหญ่เป็นเพลงลูกทุ่งก็ยังอุตส่าห์จะมีเพลงที่คุณนัสกับคุณพีทเล่น MV ด้วยกันเปิดแทรกมาด้วย แค่นี้ก็รู้แล้วว่าสองคนนั้นดังหรือไม่ดัง” สองพูดแบบยืดยาว
“ใช่เรื่องที่นางร้ายกรี๊ดเก่งๆ ป่ะ” กี้ถามคนที่ยืนข้างๆ และได้รับคำตอบด้วยการพยักหน้า “ทนดูไม่ได้ว่ะ รำคาญแก้วหู บ้านป้าที่ไปคุยด้วยก็ดันเป็นทีวีแบบระบบมือตบ โฆษณาทีแกตบทีวีเปลี่ยนช่องทีเลยดูไม่รู้เรื่อง”
“เพราะงั้นก็เลยขอกลับมาก่อนที่จะคุยกับป้าแกรู้เรื่องทุกที ถึงว่าไปบ้านป้าแกบ่อยจัง”
“อื้อ ถ้าอยู่นานอีกหน่อยกะจะขอซื้อทีวีต่อจากแกนะ ระบบมือตบก็สะดวกดีเหมือนกัน ตบ 1 ที เปลี่ยน 1 ช่อง”
“ไอ้บ้า... คิดอะไรติงต๊องว่ะ” สาวหมวยด่าเพื่อน “เอ้อ... วันนั้นอ่ะ วันที่คุณนัสไปเฝ้าแก ฉันสงสัยว่ะ”
“สงสัยเรื่องอะไรวะ”
“ท่าทางคุณนัสเป็นห่วงแกมากเลยนะเว้ย ดูร้อนรนไปหมด หน้าเนี่ยแบบว่า... เหมือนจะร้องไห้เลยอ่ะ เห็นแล้วก็คิดถึงอุ้มว่ะ ตอนที่ฉันไม่สบายอุ้มก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน”
“โด่... ไอ้สอง คิดถึงแฟนก็พูดมาเหอะแล้วเสือกมาพูดเรื่องไม่เป็นเรื่อง”
“เออ... ยอมรับ แต่ฉันขอถามแกหน่อยเถอะ ระหว่างแกกับคุณนัส... เป็นยังไงกันวะ”
สาวเซอร์ยักไหล่ “บอกไปแล้วไงว่าไม่มีอะไร ก็แค่คุยกันบ่อย ที่เค้าทำหน้าแบบนั้นคงเป็นเพราะรู้สึกผิดมั้งที่ฉันโดนหมากัด”
“แน่ใจนะ”
“เออ... แน่ใจ แกจะซีเรียสไปไหนวะ”
“ซีเรียสดิ... ฉันว่าคุณนัสดูท่าทางจะเบื่อกับข่าวลือว่ะ ฉันเห็นแกเริ่มสนิทกับคุณนัสก็เลยกลัวว่าแกจะถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไรแบบนั้น”
“เรื่องอะไรแบบนั้นของแกมันคืออะไรวะ”
“เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ข่าวคาวๆ ของพวกดาราไง ตอนแรกๆ คุณนัสเองก็เคยมีข่าวออกมานะว่าชอบผู้หญิงด้วยกัน แต่ข่าวมันก็เงียบไปเพราะตัวคุณนัสเองก็ไม่ได้ออกมาพูดอะไร ทางค่ายคงช่วยแก้ข่าวให้ด้วยก็เลยเงียบไป ทีนี้พอมาโปรโมทสองคนนี้คู่กันแล้วถ้าเห็นแกคุยกับคุณนัสบ่อย ฉันก็กลัวว่าแกจะปี๊ดแตกแล้วไปหาเรื่องคุณนัสน่ะสิ” สาวหมวยอธิบาย
กี้ขมวดคิ้ว “พูดอย่างกะเจ้าแม่หนังสือ Gossip อย่างไอ้จอยมาเองเลยว่ะ อีกอย่าง... แกเห็นฉันนิสัยแย่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ เป็นข่าวไม่พอใจแล้วไปหาเรื่องดารา... ใครมันจะมาสนใจฉัน... ฉันกับคุณนัสก็แค่คุยกันเพราะโดนขอร้องเรื่องงาน”
“เออ ถ้าแกยืนยันแบบนั้น ฉันก็แค่เป็นห่วง แกกับคุณนัสก็ดูสนิทกันดีถึงจะคุยกันนอกเหนือจากเรื่องงานก็ไม่ใช่เรื่องที่ฉันอยากจะรู้หรอกนะ ฉันก็กลัวแกกับคุณนัสจะโดนคนอื่นกดดันจนเลิกคุยกัน เลิกเป็นเพื่อนกันเท่านั้นเอง... นิสัยแกกับคุณนัสเหมือนกันอย่างนึง รู้ป่ะว่าอะไร”
“อะไรอ่ะ”
“เวลามีเรื่องกดดัน มีใครกดดันเยอะๆ จะเงียบ แล้วจะหนี ถ้าหนีไม่ได้จะไม่พูด ไม่ทำอะไรเลยจนกว่าเรื่องจะเงียบถึงค่อยออกมาพูด” สองพูด
“เหรอ... อย่างน้อยๆ เวลาทะเลาะกันก็ไม่ต้องตีกัน ไม่ต้องมานั่งฟังเสียงบ่น” สาวเซอร์พูดขำๆ
“พูดไปเหอะ... เจอจริงๆ แล้วจะขำไม่ออก” สาวหมวยพูดขึ้นมาเบาๆ พลางยกแขนขึ้นเท้าไหล่คนที่ยืนข้างๆ “เฮ้อ... เมื่อไหร่จะเลิกงานซะทีวะ อยากนอน คิดถึงบ้าน... คิดถึงอุ้ม”
“งั้นก็ก็รีบ ว. ไปบอกให้พวกนั้นรีบๆ เลิกได้แล้ว จะได้กลับบ้านกัน อยากนอนเหมือนกัน ปวดหัว รู้สึกไข้จะมาอีกแล้วว่ะ” กี้พูดพลางมองไปที่ดาราหน้าหวานที่กำลังกอดกับคุณป้าคนหนึ่งที่มาขอถ่ายรูปคู่
...
สองสัปดาห์ต่อมา...
ช่วงบ่ายจัดๆ ของวันเสาร์วีนัสขับรถออกมาจากกองถ่าย MV ของนักร้องสาวเสียงดีร่วมค่ายคนหนึ่งด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เธอร่วมงานกับพีทอีกครั้งและครั้งนี้เธอรู้สึกว่าเธอทนไม่ไหวที่เห็นหน้าตี๋ๆ ของเขาลอยไปลอยมาให้เธอเห็น ข่าวเรื่องของเธอกับดาราหน้าตี๋ยังคงเป็นที่จับตามองอยู่ ดาราหน้าหวานอยากจะกลับไปที่กองถ่ายหนังที่เธอแสดงเป็นเรื่องแรกใจจะขาด แต่ทำไมช่วงนี้คิวงานของเธอกลับกลายเป็นถ่ายโฆษณา โชว์ตัว ถ่าย MV และถ่ายแบบแทน แถมเกือบครึ่งหนึ่งต้องไปคู่กับพีทราวกับถูกล็อคตัวเอาไว้ ดาราสาวกดโทรศัพท์ออกไปหากี้อย่างรวดเร็วเมื่อเธอติดไฟแดงอยู่ ณ สี่แยกแห่งหนึ่ง
“คุณอยู่บ้านหรือเปล่า... ฉันไปหาได้มั้ย... ค่ะ... งั้นเดี๋ยวเจอกันนะ” วีนัสกดวางสายแล้วกลับรถไปยังทิศทางของบ้านสาวเซอร์ทันที และอีกครึ่งชัวโมงต่อมาเธอก็จอดรถเข้ามาในซอยใกล้กับร้านกานดา ซัก อบ รีด
“อ้าว หนูดาว เข้ามาก่อนสิ” น้ากานร้องทักเมื่อเห็นร่างของผู้มาเยือนยืนอยู่หน้าร้าน “วันนี้หนูสวยจัง ไปไหนมาจ้ะ”
“สวัสดีค่ะน้ากาน... เอ่อ ไปเที่ยวกับเพื่อนมาค่ะ” วีนัสทักทายเจ้าของร้าน “แล้ว... กี้ละคะ”
“อยู่ในครัวโน่นแหนะ... น้าว่านะหน้าหนูดาวเหมือนดาราสักคนนึงนี่แหละ... แต่นึกไม่ออกว่าชื่ออะไร”
“เอ่อ... เหรอคะ... น้ากานคะ หนูขออนุญาตนะคะ” ดาราหน้าหวานรีบเดินเข้าไปที่ด้านหลังอย่างรวดเร็วก่อนที่อีกฝ่ายจะนึกชื่อดาราออก
“Phew… I almost get caught (เฮ้อ... เกือบโดนจับได้ซะแล้ว)” ดาราสาวเป่าปากอย่างโล่งอกแล้วรีบเดินไปที่ห้องครัว เธอเห็นกี้กำลังง่วนปอกมะม่วงอยู่ที่โต๊ะกลางห้อง
“อ้าว มาแล้วเหรอ” สาวเซอร์ร้องทัก เธอมองหน้าคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องครัวแล้วพูดต่อว่า “วันนี้ไปทำงานมาเหรอ”
“อื้อ”
“อ่าฮะ ถึงว่าแต่งหน้าแบบไม่คุ้นเลย”
“โห... นึกว่าจะชมว่าฉันสวยซะอีก” วีนัสพูดออกมางอนๆ
“สวยดี แต่ไม่คุ้นเท่านั้นเอง” กี้พูดแล้วเฉาะมะม่วงเป็นชิ้นๆ ใส่จาน “โทรมาเสียงก็แย่ แถมทำหน้าแบบนี้มา สงสัยคงโดยตำรวจเก็บค่าส่วยมาสิท่า”
ดาราหน้าหวานยิ้มน้อยๆ “ไม่ใช่สักหน่อย...”
“อ้ะ หรือว่าโดนเด็กขายพวงมาลัยจีบ”
“มีซะที่ไหน... ไม่เคยซื้อด้วย”
“ว้า... ไม่สนใจอุดหนุนธุรกิจประดับยนต์บ้างเลยนะคุณเนี่ย... เห็นแบบนี้แล้วไม่กล้าร่วมหุ้นกับไอ้ชาเลยแฮะ” สาวเซอร์พูดพลางล้างมะม่วง
“ธุรกิจประดับยนต์เหรอ... อะไรอ่ะ”
“ขายพวงมาลัยไง... ไอ้ชามันชวนร่วมหุ้น แต่ไม่รู้ว่าจะไปขายสี่แยกไหนน่ะสิ”
ดาราสาวหัวเราะร่วน แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ถอนหายใจออกมา “เฮ้อ”
“ถอนหายใจประจำเลยนะคุณ วันหลังฉันจะเริ่มนับว่าคุณถอนหายใจวันละกี่ครั้ง”
“นับไปทำไม”
“นับแล้วก็จะทำสถิติเอาไว้ เผื่อว่าจะมีคนมาขอซื้อ... สถิติถอนหายใจของดาราสาวชื่อดัง อักษรย่อ ว. แหวน ในหนึ่งวัน... ลองทายดูสิว่าเธอคนนี้ถอนหายใจบ่อยเพราะอะไร”
เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นอีกครั้ง “จะมีใครเค้าซื้อสถิติบ้าๆ ของคุณล่ะ”
“อ้ะๆๆ อย่าเพิ่งดูถูก อาจจะมีแฟนคลับที่บ้าคุณขึ้นสมองมาซื้อก็ได้ใครจะไปรู้ หรืออย่างน้อยๆ ฉันอาจจะไปเสนอขายพีทก็ได้”
เมื่อได้ยินชื่อของดาราหน้าตี๋ ใบหน้าของวีนัสเปลี่ยนจากยิ้มกลายเป็นบูดบึ้งทันที “ไม่เอานะ... ฉันไม่ยอมหรอกนะถ้าจะขายให้หมอนั่น”
กี้หันไปมองดาราหน้าหวานด้วยสายตาสงสัย แต่ก่อนที่ดาราสาวจะพูดอะไรออกมาเธอก็ถูกปิดปากด้วยมะม่วง 1 ชิ้นที่อีกฝ่ายป้อนให้
“เดี๋ยวค่อยคุย...” สาวเซอร์พูดพลางมองไปที่หลังบ้าน เธอเห็นคำหล้า ลูกจ้างสาวชาวลาวกำลังเดินเข้ามา “เอานี่ขึ้นไปกินบนห้องก่อนละกันนะ เดี๋ยวฉันตามไป” ว่าแล้วกี้ก็ยัดจานมะม่วงพร้อมกับถ้วยพริกเกลือใส่มือของอีกฝ่าย
วีนัสเดินขึ้นมาบนห้องของกี้ เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็เห็นกีต้าร์ของเธอวางอยู่บนเตียง เสียงเพลงเร็กเก้ของบ๊อบ มาร์เล่ย์ดังเบาๆ มาจากวิทยุที่เปิดทิ้งเอาไว้ ห้องของสาวเซอร์ดูเป็นระเบียบขึ้นและสะอาดขึ้นกว่าที่เคยเห็น ดาราสาวเดินลงไปนั่งบนเตียงเหมือนที่เคยปฏิบัติเมื่อมาที่ห้องนี้ เธอมองไปที่กีต้าร์แล้วลูบมันเบาๆ
“อยู่ที่นี่สบายดีมั้ย... เค้าดูแลดีหรือเปล่า” ดาราหน้าหวานพูดกับกีต้าร์
“ดูแลไม่ดีก็โดนเจ้าของหักคอน่ะสิ” เสียงดังขึ้นมาจากด้านหลัง วีนัสรีบหันไปมองก็พบกับเจ้าของห้องที่เดินเข้ามาพร้อมกับขวดน้ำดื่ม “มีเวลาก็เลยจัดห้อง ทำความสะอาด แล้วก็เอาเจ้านี่มาขัดซะหน่อย ไม่งั้นโดนเจ้าของฆ่าแน่ๆ”
ดาราสาวหัวเราะ “ดีมาก ไม่งั้นจะยึดคืน ไม่ให้ยืมแล้ว”
กี้เดินลงมานั่งข้างๆ แล้วหยิบมะม่วงขึ้นมากิน “อร่อยป่ะ... มีคนให้มาอีกที เห็นบอกว่าอร่อยก็เลยลองดู”
“อร่อยดี... แล้วต้องไปต่างจังหวัดอีกเมื่อไหร่เหรอ” ดาราหน้าหวานถามพลางเอนตัวพิงอีกฝ่าย
“เดือนหน้า... ตอนนี้มีแต่เตรียมงานประชุม เดี๋ยวจะมีประชุมย่อยกับประชุมใหญ่... ทำไมเหรอ”
วีนัสส่ายหน้า “เปล่า... แค่อยากรู้ ไปคราวหน้าก็ไม่มีชื่อฉันอยู่ดี”
“วันนี้เป็นอะไร... ไปทำงานแล้วไม่พอใจใครเลยจับเก้าอี้ทุ่มหัวเค้าหรือยังไง”
“บ้า... ฉันไม่ใช่คุณสักหน่อยนะ... ก็ถ่าย MV แล้วก็โดนหมอนั่นจูบน่ะ” ดาราสาวพูดเซ็งๆ
“หมอนั่น... ใครอ่ะ”
“ก็พีทไง... เล่น MV ด้วยกันอีกแล้ว เบื่อจริงๆ เลย ไอ้ Hidden agenda ของคนข้างบนเนี่ย แล้วหมอนั่นก็ดันอินกับเพลง หรืออะไรก็ไม่รู้ดันมาจูบฉัน ผู้กำกับก็ชอบอีก เลยปล่อยให้เลยตามเลย บ้าชะมัดเลย คนอื่นๆ ก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย ก่อนออกมาคุณเชื่อมั้ยว่าถ้าไม่มีเสียงแซวเรื่องนี้ก็มีเสียงนินทาของแฟนคลับหมอนั่นให้ได้ยินตลอดเลย” ดาราหน้าหวานบ่นยืดยาว
“ทนได้ก็ทนเอา เรื่องงานนี่นา ไม่ใช่ว่าคุณจะไม่เคยเล่นบทรักกุ๊กกิ๊กหรือบทที่มีฉากแบบนี้นี่นา... หมอนั่นก็หัวไวเอาเรื่องนะเนี่ย อ้างว่าอินกับเพลงก็เลยจูบคุณ” สาวเซอร์พูด
“อะไรเนี่ย ฉันบ่นให้คุณฟังนะ แต่คุณดันไปชมหมอนั่นอีก” วีนัสหันมามองอีกฝ่ายด้วยท่าทางไม่พอใจ
กี้ยักไหล่ ไม่ตอบอะไรแล้วเอื้อมมือไปหยิบกีต้าร์ใส่ในกระเป๋าแล้วเดินไปวางไว้ใกล้กับตู้เสื้อผ้า เธอปิดวิทยุแล้วเดินมานั่งลงกับพื้นห้องหน้าดาราสาว
“มองอะไร”
“ก็มองคุณไง... มองหน้าคุณตอนแต่งหน้าเอาไว้ก่อน เวลาเจอแบบนี้อีกจะได้ชิน”
ดาราหน้าหวานจ้องตาอีกฝ่าย “แล้วยังไงต่อ... มองแบบนี้เดี๋ยวฉันก็คิดเงินค่ามองหรอก”
“พูดแบบนี้เดี๋ยวก็คิดค่ามะม่วงคืนนะ” สาวเซอร์จ้องตาตอบแล้วค่อยๆ ขยับเข้าใกล้ดาราหน้าหวานมาขึ้นเรื่อยๆ “หรือว่าจะคิดค่าที่ปรึกษา... คิดค่ามานั่งในห้อง...”
“เยอะจัง... คนขี้งก... ฉันจะต้องจ่ายยังไงละเนี่ย” วีนัสตอบพลางมองใบหน้าอีกฝ่ายที่เข้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนปลายจมูกเกือบจะชิดกัน
“จ่ายยังไงดีน้า...” กี้พูดเบาๆ แล้วค่อยๆ ประทับริมฝีปากของตัวเองไปที่ริมฝีปากสวยของดาราสาว
ดาราหน้าหวานยกแขนทั้งสองกอดสาวเซอร์หลังจากที่ได้รับจูบ เธอจูบตอบกลับไปด้วยความพึงพอใจจนทำให้อีกฝ่ายบดเบียดริมฝีปากเข้าหาเธอมากขึ้น วีนัสส่งเสียงในลำคอเมื่อลิ้นของทั้งสองสัมผัสกัน ร่างกายของเธอรู้สึกร้อนขึ้นและรู้สึกว่าเธอกำลังเคลื่อนถอยหลังแล้วเอนตัวลงไปนอนบนเตียงโดยมีมือของกี้ประคองไว้
จูบของสองสาวเริ่มร้อนแรงขึ้นทุกทีเมื่อสาวเซอร์ค่อยๆ ใช้มือลูบไล้ไปตามร่างกายของดาราสาว ซึ่งอีกฝ่ายหนึ่งก็เต็มใจรับแถมยังเร่งเร้าอารมณ์ด้วยการสอดมือเข้าไปใต้เสื้อยืดของเจ้าของห้องแล้วไล้มือไปทั่วแผ่นหลัง ยิ่งได้ยินเสียงในลำคอของกี้ก็ยิ่งได้ใจ วีนัสกอดสาวเซอร์แน่น
กี้ถอนริมฝีปากออกแล้วจูบที่แก้ม จมูกสวยสูดกลิ่นหอมจากเครื่องสำอางและน้ำหอมของอีกฝ่ายที่ซอกคอแล้วตามมาด้วยจูบเบาๆ เธอได้ยินเสียงครางเบาๆ ของดาราหน้าหวานหลังจากที่ริมฝีปากสัมผัสกับลำคอขาว ส่วนมือซ้ายก็ค่อยๆ ไล่ไปตามผิวเนียนสวยที่อยู่ใต้เสื้อยืดจนไปหยุดอยู่ที่หน้าอกนุ่มๆ ที่มีขนาดไม่เล็กและไม่ใหญ่เกินไป ดาราสาวตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เธอดึงตัวสาวเซอร์ขึ้นมาจูบอีกครั้ง... แต่แล้วเมื่อเธอรู้สึกว่ามือของอีกฝ่ายกำลังจะไปปลดสายบรา เธอก็ส่งเสียงออกมา
“คุณ... อื้อ... คุณ... อย่าเพิ่งสิ” แต่ดูเหมือนว่ากี้จะไม่ได้ยินเสียงของเธอ เพราะยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุดมือ
“ค... คุณ... หยุดก่อน...” ดาราหน้าพูดออกมา แต่เสียงของเธอที่ส่งออกมาจากลำคอนั้นเบามากเพราะเธอพยายามระงับความรู้สึกที่ได้จากสัมผัสของอีกฝ่ายไปด้วย
วีนัสรีบใช้สองมือประคองไปที่ใบหน้าของอีกฝ่ายที่กำลังจูบแก้ม “กี้!”
“หือ... อะไร...” สาวเซอร์ถามด้วยใบหน้างงๆ
“หยุดก่อน... ฉ... ฉันยังไม่พร้อม... เข้าใจนะ” ดาราหน้าหวานพูด ใบหน้าของเธอดูมีท่าทางเขินอายจากสัมผัสที่ได้ แต่เธอก็ขอให้หยุดไว้
กี้เป่าปากด้วยความเสียดาย “โอเค... ก็ได้” แล้วก็จูบที่หน้าผากของอีกฝ่าย
ดาราสาวจูบที่แก้มของสาวเซอร์ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็นอนกอดกันอยู่พักหนึ่งจนมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“พี่กี้ๆ เจ้เรียก” เสียงของคำหล้าดังขึ้นที่หน้าห้อง
“ไปแล้วๆ” กี้ตะโกนกลับไป “เดี๋ยวมานะ” เธอหันมาบอกวีนัส ดาราหน้าหวานพยักหน้าเล็กน้อย
เมื่อสาวเซอร์ออกจากห้องไปแล้ว ดาราสาวก็ลุกขึ้นจากเตียงเดินไปสำรวจตัวเองที่กระจก เธอจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่แล้วหวีผมหลังจากนั้นก็เดินลงมานั่งที่เตียงอีกครั้งแล้วหยิบหมอนข้างขึ้นมากอด เมื่อกี้นี้ถ้าเธอไม่ขอให้หยุดไว้ตอนนี้เธอกับเจ้าของห้องก็คงกำลังทำกิจกรรมที่คู่รักทำกัน ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากจะมีเซ็กส์กับกี้ แต่ที่เธอขอหยุดเอาไว้เพราะเธอยังไม่แน่ใจว่าความรู้สึกที่เธอมีให้อีกฝ่ายนั้น สาวเซอร์จะคิดเหมือนกับเธอหรือเปล่า
“คุณไม่โกรธใช่มั้ยที่ฉันทำแบบนี้... เพราะฉันไม่รู้จริงๆ ว่าคุณคิดยังไงกับฉันกันแน่” วีนัสพูดกับกีต้าร์ที่วางอยู่ตรงข้ามกับเธอ
...