Chapter 6 : Who the hell are you? And what am I ?พี่... ฉันจะทำทุกอย่างให้พี่กลับมา... กลับมาหาฉัน...
ดวงตาสีฟ้าครามจดจ้องอยู่กับของในมือตน และเผลอเม้มกัดริมฝีปากล่างของตน สายตาเธอเริ่มอาการพร่าเบลอเล็กน้อย เมื่อมือหนึ่งที่ว่างขยับลูบของในอีกมือเบาๆด้วยสัมผัสอันทะนุถนอม และแม้ว่าประสิทธิภาพของการมองเห็นจะถูกบั่นทอนลงไปด้วยหยดน้ำใสซึ่งกำลังเอ่อมาคลอๆที่สองตา โดยมิได้สั่งการ แต่ทว่า..รูปของใครคนนั้น ที่อยู่ในล็อกเก็ตนั่นในมือเธอ ยังคงชัดเจนอยู่ที่หัวใจ
...พี่...
“ผู้การคะ.. เรามีปัญหาค่ะ”
เสียงที่ดังเข้ามาในโสตประสาท จากเครื่องมือสื่อสารขนาดเล็กซึ่งจำเป็นต้องพกติดตัวเป็นประจำตรงกกหู ทำให้เธอตกใจสะดุ้ง และเธอตั้งสติใหม่ ห้ามอ่อนแอ แล้วทุกอย่างก็กลับคืนมาเป็นปกติ
ฉันคือผู้นำ...
“เกิดอะไรขึ้น..มิเชล” เสียงนุ่มของตัวเองยังคงความเย็นชาเสมอ เมื่อเอ่ยพูดจากับผู้ใต้บังคับบัญชา เจ้าของร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน และเริ่มต้นเคลื่อนไหวเพื่อจะออกจากห้องส่วนตัวที่ปลีกเวลามาพักสงบสติอารมณ์ของตน ล็อกเกตในมือถูกเก็บใส่กระเป๋าเสื้อนอกในทันทีพร้อมการรอฟัง ถ้อยคำถัดมาของผู้อยู่ปลายสาย ทั้งไม่ลืมที่จะกลบเกลื่อนหลักฐานบางอย่างบนใบหน้าสวย ด้วยการปาดมันออกด้วยมือของเธอ..น้ำตา
“สการ์เลตปะทะกับกลุ่มสเนคค่ะ..”
ดวงตาสีฟ้าครามออกอาการตกใจ หลังจากได้ฟังรายงาน การก้าวขาไปข้างหน้าของเธอเองเพิ่มความเร็วมากยิ่งขึ้น เพื่อหวังไปถึงยังจุดหมายให้เร็วอย่างใจ คิ้วเรียวสีบลอนด์ทองขมวดเข้าหากันอย่างไม่พอใจ เมื่อสมองประมวลผลได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ส่งกำลังเสริมไปช่วยเธอเดี๋ยวนี้.!” เสียงของคำสั่งดังก้องไปทั่วห้อง เมื่อตัวของเธอก้าวผ่านประตูเข้ามา ร่างสูงไม่สนใจว่าเธอจะได้ตัดการสื่อสารจากปลายสายทางโทรศัพท์แล้วหรือยัง ยังผลให้ในสายตาได้เห็นว่า หญิงสาวในชุดกาวน์สีขาวตรงหน้าเกิดอาการสะดุ้งสุดตัว โชคดีที่ตัวของเธอเองได้มายืนอยู่ด้านหลัง และทันที่จะขยับมือทั้งสองข้างของตนสัมผัสลงกับบ่าทั้งสองของฝ่ายนั้น ช่วยบรรเทาอาการตกใจ ใบหน้าสวยของหญิงสาวเหลียวหันมา มองเธอด้วยสายตารู้สึกผิดอยู่ในที ...โอ้..ขอโทษมิเชล.. นี่ฉันดุเกินไปใช่มั้ย...
เมื่อคิดได้ว่าตัวเองคงจะทำเกินไป เธอก็พยักหน้าน้อยๆยิ้มบางๆให้หล่อน ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นมือขวาก็ตอบรับเธอด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆบนใบหน้าสวยหวาน หล่อนดูเริ่มกล้าที่จะพูดต่อ “ค่ะ..ท่านผู้การ..”
ฉันรู้ว่ามันไม่ดี ที่เป็นแบบนี้.. แต่มัน..ก็ช่วยไม่ได้นะ หน้าที่มันบังคับ และฉันก็..จำเป็น...
...................................................................
“ปล่อยฉันออกไป.. โธ่เว้ย..ไอ่พวกบ้า.!”
เสียงตะโกนร้องดังก้องไปทั่วห้องสีขาว พร้อมเสียงทุบตีกระจกบานหนาหลายต่อหลายครั้ง ดวงตาสีนิลลุกวาวด้วยความโมโหสุดขีด เธอเหมือนกำลังแค้นเคืองมือเล็กบางทั้งสองข้างตรงหน้าที่ไม่มีแรงพอจะทุบกระจกบ้าๆนี้และนำตัวเองออกไป ทั้งที่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยร่องรอยแดงๆที่สอดแทรกความขาวของผิวพรรณ
“โธ่เว้ย!!” เอเวอร์สบถลั่น เธอทุบมันอีกครั้งแรงๆหวังระบายความหงุดหงิดในใจ แต่ก็ไม่มีอะไรกลับมานอกจากเสียงตัวเธอเองที่ดังสะท้อนก้องไปทั่วห้อง หญิงสาวยอมถอนตัวออกจากบานกระจกแผ่นหนาตรงหน้าในที่สุดเมื่อเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ต่อ ร่างบางถอยหลังช้าๆ ราวยอมแพ้แต่สองมือเล็กยังกำหมัดแน่น แค้นเหลือใจ..ผู้การเคอร์เนียร์
“หมดหวังซะแล้วรึไงนะ.. ฉัน..” เธอบ่นกับตัวเองสองมือลดอาการเกร็งและหลับตาลงช้าๆ เอเวอร์สูดลมหายใจเข้าปอด ค่อยๆผ่อนมันออกมา ทำซ้ำแบบเดิมอีกหลายต่อหลายครั้ง ระหว่างไปลงนั่งกับเตียง เฟอร์นิเจอร์หนึ่งในไม่กี่ชิ้นที่มีอยู่รอบตัว ภายในห้องสีขาว ห้องจองจำเชลย
ร่างบางล้มตัวลงนอนกับเตียงนั่นในที่สุด ใช้เวลาแห่งความสงบเพื่อหยุดความคิดฟุ้งซ่านภายในสมอง มือข้างหนึ่งยกขึ้นวางบนหน้าผาก ดวงตาเปิดขึ้นมองเหม่อไปยังเพดานห้อง หูทั้งสองได้ยินเสียงถอนหายใจที่ไม่ใช่จากที่ไหนเลย มันมาจากตัวเธอเอง เธอขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “อย่าให้ออกไปได้นะ เราจะเห็นดีกัน..”
.............................................................................
“จะทำอะไรน่ะ..นาเดีย..” เสียงคำถามที่ดังเข้าหู ยังผลให้มือทั้งสองหยุดการเคลื่อนไหว ดวงตาสีเขียวมะนาวกลอกไปมาเหมือนเซ็ง หญิงสาวถอนลมหายใจแรง และสองมือก็ถูกสั่งให้ทำหน้าที่ของมันต่อไป ..เก็บอาวุธมากมายใส่กระเป๋าเป้..
“ทำเรื่องที่ฉันควรทำน่ะสิ ถามได้..” นาเดียตอบไม่เต็มใจพร้อมร่างเล็กบางที่ยืดตัวขึ้นเต็มความสูงที่มีแค่นั้น นำเป้ใบใหญ่ขึ้นสะพายบนหลังและเตรียมจะก้าวออกไปจากห้อง ที่แห่งนี้เป็นฐานลับที่สองของกลุ่มปฏิบัติการลับของพวกเธอ..กรีนแองเจิ้ล
เดินไปหน่อยก็โดนอีกคนมาดักหน้า เธอเบี่ยงตัวหลบแต่หล่อนก็ตามมาดักอีก คราวนี้ก็หยุดยืนจ้องหน้ากัน ประชันสายตา
“ถอยไปคลอเดีย อย่ามาขวาง มันน่ารำคาญรู้มั้ย.?” คนขี้รำคาญตวาดหัวเสีย หากแต่อีกคนก็ใช่จะกลัว ตัดสินใจเดินชนหล่อนตั้งใจจะให้พ้นทาง เธอทำสำเร็จแต่พบว่าข้อมือถูกจับไว้ให้ต้องหันขวับไปจ้องหน้า
“คลอเดีย ปล่อยนะ!”
“ไม่! ฉันจะไปด้วย!”
นาเดียอึ้งไปสักพักเพราะคำตอบของเพื่อน และเธอยิ้มเจื่อนๆให้หล่อน ยกมือขึ้นสัมผัสบ่า บีบมันเบาๆ “ขอบใจนะคลอเดีย แต่ถ้าเธออยากจะช่วยฉันกับเอเวอร์.. ฉันขอให้เธออยู่ และดูแลพวกของเรา”
คลอเดียได้แต่มองตามหลังเพื่อนที่เดินจากไป เธอถอนหายใจแผ่วแล้วเดินกลับไปประจำยังห้องทำงานของตน ทำงานที่ควรทำ เธอไม่มีทางเหลืออื่นแล้ว
....................................................................
“เฮ้...เดี๋ยว.!” สการ์เลตกระพริบตาเพราะเสียงทักท้วงที่ดังมาจากด้านหลัง และแรงต่อต้านจากมือที่เธอดึงอยู่ เธอเม้มปากขัดใจ ทำไมต้องมาดื้อตอนนี้ด้วยนะ จะตายกันหมดอยู่แล้ว เธอคิดในใจเมื่อสองหูยังคงได้ยินเสียงปืน และตัดสินใจใช้แรงที่เหนือมนุษย์ฉุดแขนคนช่างแย้งที่แทบจะปลิวตามแรงเธอมาทั้งที่ตัวใหญ่กว่า
แต่ก็แค่..แทบจะนะ.. เพราะเธอรู้สึกว่าตัวเองนั่นแหละที่จะปลิว...
“เธอจะบ้ารึไง.. จะพาฉันไปไหน หยุดนะ!” เสียงร้องห้ามดังตามมาอย่างที่คาด แต่ที่เธอไม่คาดก็คือทำไมหล่อนมีแรงทำเธอได้ขนาดนี้ ทั้งที่ความจริงมันน่าจะเป็นเธอที่มีแรงมากกว่า ก็เธอไม่ใช่..คน..
ดวงตาสีเขียวเข้มเบิกกว้างอย่างตกใจ เมื่อเธอได้เห็นสายตาที่กำลังจ้องมองมายังดวงตาของเธอ ดวงตาของสาวตัวสูงลุกวาวราวโมโหมาก มันทำให้เธอหวั่นๆ โชคดีที่เธอสวมแว่นสีเข้มอยู่ หล่อนจึงไม่มีทางเห็นในสิ่งที่มนุษย์ดัดแปลงไม่ควรจะมี ..ความหวาดกลัว..
หากแต่ก็ชั่วครู่เท่านั้นที่เธอตกใจ สัญชาตญาณมือสังหารหรือสาวนักรบพามือเธอให้ดึงตัวหล่อนมาด้วยกันอีกครั้ง ครั้งนี้หล่อนจึงปลิวจริง ไม่งั้นคงจะหลีกห่ากระสุนที่พุ่งมาไม่ได้แน่นอน
“เธอ---”
“หยุดนะ ไม่ต้องพูด ถ้ายังไม่อยากตาย!” สการ์เลตขู่เสียงดังจนอีกคนสะดุ้งตาโต “อยู่เฉยๆก่อน ขอร้องล่ะ” เธอบอกและชะโงกหน้าออกไปจากที่กำบัง ตอนนี้ทั้งเธอและอีกสาวได้เข้ามาหลบอยู่ด้านหลังของสิ่งก่อสร้างรกร้างท่ามกลางทะเลทรายได้เป็นที่เรียบร้อย หวังว่าคงจะพอปลอดภัย เธอยังเชื่อว่าอาวุธของอีกฝ่ายไม่ได้มีอานุภาพพอที่จะทำลายปราการนี้ได้
“เชอะสเนค!” เธอส่งเสียงดูถูกพวกที่พยายามจะขู่เธอให้กลัวด้วยอาวุธกระจอกๆของพวกเขา หากแต่อีกใจ เธอยังหวนคิด...
...บรอนซ์.. เธอเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงหยุดฉันได้ ไม่มีใครเคยทำได้.. ไม่เคยมี.. ผู้การคะ...คุณทำอะไรอยู่...
“เธอเป็นใคร..”
เสียงนี้ทำลายรางรถไฟแห่งความคิดของเธอลง นักฆ่าในชุดแดงหันกลับมามองหน้าคนถาม ดวงตาของหล่อนมองเธอเหมือนมีอะไรสักอย่าง และโดยไม่รู้ตัว มือเรียวข้างหนึ่งของเธอก็ขยับยกขึ้นช้าๆ ดวงตาคู่หวานมองผ่านเลนส์ของแว่นเปลี่ยนสีได้แต่ยังคงไว้ซึ่งสีดำ เธอยังไม่ต้องการให้หล่อนเห็นแววตาตัวเอง เธอแค่อยากเห็นปฏิกิริยาหล่อนก่อน หล่อนเป็นคนสวย สวยแปลกๆ ต้องเรียกว่าเท่มากกว่าล่ะมั้งแบบนี้...
หล่อนมีเส้นผมสีแปลก สีทองแดงราวกับชื่อที่ใช้เรียก.. บรอนซ์..
ใช่.. บรอนซ์.. ไม่ใช่บลอนด์.. ไม่ใช่สีเดียวกับสีผมของผู้การเคอร์เนียร์..
คิ้วเรียวสีทองแดงนั่นยังคงขมวดเข้าหากัน คงเพราะหล่อนอารมณ์ไม่ดี กระนั้นเธอยังทำใจกล้า ขอสัมผัสมือกับแก้มขาวราวหิมะของหล่อน หน้าหล่อนยังขาวใสกระจ่าง ไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายจากแสงจ้าของดวงตะวันในดินแดนแห่งทะเลทรายเลยแม้แต่น้อย ตกกระสักจุดก็ไม่มี หล่อนผิวดีเหมือนไม่ใช่คน
ไม่ใช่คนเหมือนเธอ...
แต่เธอเป็นใคร... บรอนซ์...
หล่อนยังคงดูตื่นกลัว ดวงตาสีเขียวที่สว่างกว่าของเธอแสดงออกมาหลายอย่าง หลายอารมณ์ เห็นแล้วสะท้อนในอกแปลกๆ แต่แปลกที่แม้จะดูกลัว หล่อนยังไม่ถอยออกไป ยังคงไม่หลบออกจากมือเธอ แต่เธอรู้สึกว่าหล่อนเกร็ง..
กล้ามเนื้อตรงใบหน้าใต้ผิวมือเธอให้ความรู้สึกได้ว่า หล่อนกำลังเกร็งอยู่ หล่อนกำลังรู้สึกอะไรอยู่อย่างนั้นหรือ น่าสงสัย ขณะเดียวกัน เธอก็สงสัยตัวเอง เพราะเธอรู้สึกว่า.. มันเหมือนมีกระแสไฟแล่นผ่านจากใบหน้าสวยนั่นมาสู่มือเธอ
...มันคืออะไร.. ความรู้สึกนี้... แปลกจัง...
หากแต่ระหว่างที่กำลังครุ่นคิด เสียงสัญญาณเรียกตัวก็ดังขึ้นขัด เธอรีบกดรับมัน “คะ ผู้การ.?” เป็นไปตามคาด เจ้านายใหญ่ใจร้อนเหมือนเดิม..
“เป็นยังไงบ้าง..สการ์เลต.!” คนโดนถามยิ้มไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะดุแค่ไหน คนคนนี้ก็ยังทำให้เธอยิ้มได้แค่ได้ยินเสียงเท่านั้น ก็เธอรัก.. มือสวยถูกชักกลับมาจากใบหน้าอีกคน เธอเลิกสนใจคนตรงหน้าไปสนใจคนในสายมากกว่าเสียแล้ว
“ยังปลอดภัยดีค่ะ” ตอบเสียงหวานไปกับไมค์ลอยข้างริมฝีปาก หากแต่นาทีที่เธอลืมตัวและรอฟังคำสั่งจากทางไกล เธอกลับหันมามองหน้าสาวตัวสูง ความสงสัยยังอยู่ ยังไม่จางไป เธอต้องหาคำตอบให้ได้สักวัน หนำซ้ำเธอยังได้ยินบางสิ่งที่ย้ำความคิดของตัวเอง
“เค้าล่ะสการ์เลต.. เค้าอยู่ด้วยใช่มั้ย.?” อาการร้อนรนของคนที่ปลายสายพาให้เธอขมวดคิ้ว หงุดหงิดเล็กน้อยที่คนที่ตนคิดถึงไม่คิดถึงตนบ้าง กระนั้นเธอยังสอดส่ายสายตามองหาคำตอบนั้น ก็มันเป็นงาน..
โปรเจ็คพิเศษอันดับหนึ่งหรี่ตาลงพยายามควบคุมจิตใจให้กลับมามีสมาธิขณะมองสแกนสถานที่ สมองของเธอคำนวณสถานการณ์ความเป็นไปได้ เสียงปืนยังคงดังระงมไม่ขาดสาย และสายตายังเห็นมันแหวกว่ายตัดผ่านอากาศมาไม่มีทีท่าจะลดลง ยังไม่ยอมแพ้ใช่ไหม.. เจ้าพวกงู...
“ว่าไง..สการ์เลต” ผู้การสาวถามใจร้อนอีกครั้ง คนฟังแอบกลอกตาเซ็ง เจ้านายก็ยังคงเป็นเจ้านาย ถึงจะนอนเตียงเดียวกัน นอนทับกัน แชร์ความอบอุ่นด้วยกัน แชร์ความเร่าร้อน แชร์ความโหยหา.. มันก็ไม่เกี่ยว..
ไม่รู้ฉันเป็นอะไรกับคุณกันแน่...
อาวุธทรงอานุภาพ..
มือสังหารหน้าสวย..
หรือตุ๊กตายาง...
“ค่ะผู้การ บรอนซ์อยู่กับฉัน เค้าปลอดภัย..” คำตอบส่งผ่านไมค์ลอยกลับไปหาเจ้าของคำถามในนาทีที่เธอเลือกไม่ได้ และเธอรีบคว้ามืออีกคนเอาไว้ก่อนที่หล่อนจะหันไปทางอื่น นึกยังไงจะยื่นหน้าไปให้พวกมันยิงหัวเนี่ย บ้าหรือไง..
เธอมองสาวตัวสูงตรงหน้าปรามๆ ดวงตาสีเขียวเข้มวาวอยู่ในแว่นสีใส เธอจงใจให้หล่อนเห็นความโกรธของตัวเอง ผู้หญิงแปลกหน้าทำท่าจะขัดขืนอีกแต่ถูกเธอบีบข้อมือจนแอบร้องโอย หล่อนดูจะไม่กล้าส่งเสียงดัง ยังดีที่รู้ว่าไม่ควร..
แต่ถ้าไม่รู้.. ฉันจะทำให้รู้เอง คอยดูสิ!
“ถ้างั้นก็พาเค้ากลับมาสิ อยู่ตรงนั้นทำไม หรือมีปัญหาอื่น ไม่ต้องกลัวนะ ฉันส่งกำลังเสริมไปช่วยเธอแล้ว อีกไม่กี่นาทีจะไปถึงที่นั่น อดทนหน่อย”
อารมณ์ขุ่นๆเหมือนจะหายไปเป็นปลิดทิ้งเมื่อคราวนี้รู้สึกถึงความห่วงในน้ำเสียงของคนที่ปลายสาย สการ์เลตยิ้มทั้งๆที่รู้ว่าไม่ควรจะดีใจ เขาก็แค่ทำตามหน้าที่ที่จะต้องดูแลรักษาทรัพย์สินของเขาเท่านั้น เธอเป็นอาวุธของเขาเท่านั้น..
Red Project!
แต่กระนั้น.. มันก็ยังดีกว่า ไม่มีอะไรให้ชื่นใจเลย.. แค่นี้ก็ยังดี..
“รับทราบค่ะผู้การ รอชมผลงานครั้งนี้ได้เลยนะคะ แล้วเจอกันค่ะ” ตอบกลับไปเสียงหวานด้วยความดีใจกับเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ได้
มนุษย์ดัดแปลงสาวเก็บอุปกรณ์ที่หมดความจำเป็นแล้วเข้าที่เดิมของมัน หันไปหาอีกคน หล่อนยังจ้องเธออยู่ ดวงตาสีเขียวสว่างบอกถึงความไม่เข้าใจเต็มที่ ดูดีๆก็น่าสงสาร.. หล่อนเหมือนเด็กไร้เดียงสาที่อยู่ในร่างผู้ใหญ่ตัวโต...
แล้วนี่ฉันควรจะทำยังไงดี.. บอกเธอตรงนี้เลยดีมั้ยบรอนซ์.. ไม่ได้สิเพราะฉันเองก็ไม่ได้รู้อะไรมากกว่าเธอเท่าไหร่นักหรอก...
“เธอเป็นใคร.. ทำไมต้องมาทำแบบนี้ แล้วเธอรู้มั้ยว่า..ฉันเป็นใคร..”
หัวใจมันคล้ายจะหายไป หลังจากได้ฟังคำถามประโยคนี้จากหล่อน มันเป็นความรู้สึกประหลาด หรือเธอหลงกลความไร้เดียงสาของผู้หญิงคนนี้เสียแล้ว ไม่ได้นะ เธอเป็นนักฆ่า เธอเป็นเจ้าหน้าที่ขององค์กร เธอต้องทำหน้าที่ให้สำเร็จ คำสั่งการของผู้การเคอร์เนียร์ถือเป็นหลักสำคัญ อย่าให้ความสงสารทำให้เธอทำงานพลาด และอีกอย่าง หากเธอสงสารหล่อนจริง เธอควรจะทำหน้าที่ของตัวเอง อย่าปล่อยให้คนที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งตัวเองชักพาเธอให้ไขว่เขว..สการ์เลต
หากแต่สิ่งที่คิดก็คงจะส่วนคิด เพราะไม่กี่นาทีต่อมา เธอก็พบว่ามือของตัวเองขยับขึ้นอีกครั้ง เพื่อหวังมอบสัมผัสกับหน้าผากที่มีปอยผมสีทองแดงปรกอยู่ เหมือนจะหวังให้สัมผัสระหว่างพวกเธอสื่อสารอะไรให้ได้รู้ แต่ในขณะที่ช่องว่างระหว่างมือเธอกับหน้าผากของฝ่ายนั้น เหลืออยู่เพียงไม่ถึงสองเซนติเมตร ดวงตาสีเขียวเข้มก็เปล่งประกายลุกวาวขึ้นมาอย่างกะทันหัน เธอดึงมือข้างเดียวกันกลับไปและส่งมันไปด้านข้างตัว เรียวปากสวยสีแดงเหมือนสีชุดตัวเองส่งเสียงดัง
“ถอยไป..ราเวน เพราะกระสุนของฉันไม่เคยพลาดเป้านะ..ขอเตือน!”
.................................
มาลงกันต่อค่ะ ตอนนี้รีไรท์ใหม่ แต่ยังไม่ค่อยสมบุรณ์นัก คาดว่าในหนังสือจะสมบูรณ์กว่านี้
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกๆที่เขียนแต่ไม่มีเวลาจบเรื่องสักที เพราะมีเรื่องอื่นมาขัดจังหวะตลอด และอีกอย่าง คนอ่านก็ดูจะไม่ชอบนัก ไม่ใช่นิยายตลาด ไม่หวานแหววน่ารักอ่ะค่ะ ฮ่าๆๆ
ไซไฟเบาๆ อ่ะน้า..
แต่คนเขียนเขียนมันส์ค่ะ ชอบอะไรเหนือธรรมชาติแบบนี้แหละ
และขออภัยสำหรับคนที่อยากอ่านเรื่องอื่นมากกว่านะคะ ไม่ต้องกลัวค่ะ จะให้เวลากับทุกเรื่องที่เขียนพอๆกัน
ขอบคุณค่ะ
เจอกันได้อีกที่ตรงนี้
https://www.facebook.com/Crimsonmaiden และตรงนี้ค่ะ
http://leslybooks.lnwshop.com/