web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 31
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 40
Total: 40

ผู้เขียน หัวข้อ: Part 1 : ขนนกสีเพลิง บทที่ 7  (อ่าน 2122 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ พราวณพัชส์

  • Moderator
  • หน้าใหม่
  • *****
  • กระทู้: 6
Part 1 : ขนนกสีเพลิง บทที่ 7
« เมื่อ: 12 กุมภาพันธ์ 2014 เวลา 01:42:09 »


ตอนที่ 7


มุมมืดของย่านที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน
ตึกรามบ้านช่องแถวนี้สร้างถี่ๆ ติดกันเพื่อให้มีที่อยู่เพียงพอ มันดูแห้งแล้งมองไปไม่เห็นสีเขียวของต้นไม้สักเท่าไร นับตั้งแต่เกิดเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่เมื่อปี 2015 ตึกก็ถูกสร้างโดยไม่สนใจความพอใจเท่ากับประโยชน์ใช้สอย แต่ละห้องคับแคบพออยู่ได้อย่างมากแค่สองคน มันจึงดูเหมือนๆ กันไปเสียหมดจนต้องมีป้ายเลขที่มาคอยบอกให้ทราบ
มันเป็นย่านที่โตมาในช่วงยุคบุกเบิกใหม่ พออะไรเข้าที่เข้าทาง คนก็ทยอยออกจากที่นี่ไป เวลานี้จึงเหมือนตึกร้าง สุสานแห่งสถาปัตยกรรมที่ล้มเหลว และเป็นจุดที่เริ่มมีอาชญากรชุกชุม
ที่ตึกหมายเลขห้าซึ่งอยู่หัวมุมถนนด้านหน้า เป็นจุดร้างที่ปลอดภัยที่สุดเพราะมันหันเข้าหาถนนใหญ่ มีรถของหน่วยราชการผ่านบ่อยครั้ง
อากาศในฤดูร้อน ฝน หนาวนั้นแปรปรวนไปหมด เช่นคืนนี้ที่หนาวจับใจ
ร่างของชายในชุดเสื้อโค้ทสีเทาสนิทกำลังยืนรอคอยใครบางคนอยู่ที่ดาดฟ้า สายตาจ้องมองไปยังแสงไฟนับร้อยดวงซึ่งอยู่ไม่ไกล เมืองนี้ไม่เคยหลับใหล ผู้คนต่างก็ยังคงใช้ชีวิตกันตามปกติแม้จะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นไม่เว้นวัน
“เกือบไปแล้ว... สินะ” คำพูดที่เปรยขึ้นดังๆ บ่งบอกให้รู้ว่าแม้ไม่หันมองก็รู้ว่าอีกฝ่ายมาถึงแล้ว
“แต่ก็ได้มาแล้ว” เสียงผู้มาเยือนดูไม่มั่นใจนัก ผิดกับชายในชุดโค้ทสีเทาที่ทั้งนิ่งและน้ำเสียงจริงจัง
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ จงดำเนินแผนต่อไป อีกอย่าง ดูแลของที่ได้มาให้ดีแล้วกัน ฉันได้กลิ่นแปลกๆ อย่าลืมจัดการเรื่องต่อไปล่ะ”
ในความมืดชายคนนั้นมองเห็นอีกฝ่ายพยักหน้ารับ เขามองดูไฟในตัวเมืองอีกครั้ง เวลานี้ผู้คนคงจะทยอยกันเข้านอนเพื่อพักผ่อนสำหรับเช้าวันใหม่
แต่พวกเขาไม่เคยหยุด ตราบใดที่แผนไม่สำเร็จ ตราบนั้นกงล้อจะยังคงหมุนต่อไป...

…………………………………

สายแล้วๆๆๆ...!!!

ฟินิกส์วิ่งกระหืดกระหอบหลังขับรถมาหาซิกนัสให้ทันเวลา สถานที่นัดพบส่วนใหญ่ของทั้งสองก็คือห้องที่ซิกนัสซื้อไว้แต่ไม่ได้อาศัยอยู่เพื่อไม่ให้ใครตามเจอง่ายๆ มันอยู่ในที่ซึ่งมีคนวัยทำงานอยู่พลุกพล่าน ทุกอย่างดูเหมือนห้องพักทั่วไป เธอไม่จำเป็นต้องพรางตัวมากนัก เว้นแต่ใส่แว่นตากับรวบผมไว้พอจะไม่ให้ใครจำได้ว่าเป็นณัฐณิชาในแวบแรก
พอประตูห้อง 1514 เปิดออก กลิ่นหอมๆ ของดอกไม้สดก็ลอยมาแตะจมูก ซิกนัสมักจะเข้าใจสรรหาของสร้างบรรยากาศเสมอ ไม่ว่าจะคุยเรื่องเครียดขนาดไหนก็ตาม ดอกกุหลาบสีขาวดอกใหญ่ที่หายากปักอยู่ในแจกันบนโต๊ะอาหารที่ว่างเปล่า เมื่อเดินเข้ามาถึงหองรับแขกเธอก็ไม่เห็นใคร บางทีซิกนัสอาจจะรอจนง่วงเธอจึงเดินไปดูที่ห้องนอน
แต่ไม่มีใครอยู่บนเตียง...
ร่างสูงโปร่งของซิกนัสอยู่ที่ระเบียงห้องนอน มุมที่วิวดีที่สุดของตึกพอดี มีโต๊ะไม้สีดำสนิทรูปทรงโค้งมนดูสวยงามตั้งอยู่ ขนาบข้างด้วยเก้าอี้สองตัว เธอเดินเข้าไปหา...
“ขอโทษนะ มาสายเลย” ฟินิกส์พูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ ในใจ เมื่อเห็นซิกนัสนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวเล็กที่ริมระเบียง สองมือเท้าคางแล้วมองออกไปที่ถนน อาหารที่อยู่บนโต๊ะเย็นชืดหมด ยังไม่มีใครแตะ เทียนที่จุดก็ดับลงแล้ว
“งานเยอะเหรอ มาช้าจังวันนี้” ซิกนัสถามโดยไม่หันมา ยิ่งเห็นแบบนี้ฟินิกส์ยิ่งไม่สบายใจนัก เธอรู้ว่าซิกนั้นขี้งอนและอารมณ์แปรปรวนขนาดไหน
“ก็ใช่น่ะสิ งานเยอะมากเลย” เธอบอกอย่างเลี่ยงๆ พลางเดินไปนั่งที่เก้าอี้อีกตัวที่ว่าง  “วันนี้ประชุมเรื่องยา Anti-pp ที่ขโมยไปด้วย” ร่างบางมองสปาเกตตี้คาโบนาร่าในจานทั้งสองใบก่อนจะลงมือตักเข้าปาก
“อร่อยจัง... เดี๋ยวนี้หัดทำได้ขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย” เธอบอก ยิ้มกว้างทันทีที่อีกฝ่ายเลิกทำท่าซังกะตายแล้วหันมาดูเธอ
“ได้ไงล่ะ ก็มาช้าขนาดนี้ ไม่อยากฟังเธอบ่นว่าหิวนี่” ซิกนัสเอื้อมมือไปหยิบเทียนอันใหม่ที่ใต้โต๊ะมาจุดอีกครั้ง ตางคนต่างก็มองเปลวไฟอ่อนๆ ดูอบอุ่นลุกโชนที่ปลายเทียนก่อนจะหันมองหน้าพร้อมกัน ฟินิกส์รีบหันมาทานอาหารทันทีก่อนจะคิดว่ามันดึกแล้ว กินไปคุยไปคงง่ายกว่า
“ที่เรียกมาก็เพราะว่า...”
“กินให้อิ่มก่อนก็ได้” ซิกนัสขัดขึ้น หญิงสาวทำหน้ามุ่ย
“ก็ไม่อยากให้รอนานนี่ เห็นรอมาครึ่งคืนแล้ว”
“นานกว่านี้ก็รอได้... รอทั้งชีวิตยังได้เลยนะ” ซิกนัสตอบชัดถ้อยชัดคำ สายตานั่นบ่งบอกความรู้สึกมากมายที่มีต่อคนตรงหน้า จนฟินิกส์ต้องหลบตาอีกครั้ง

หยอดตลอดเลยนะ ล้อเล่นเรื่องแบบนี้ได้เสมอเลยซิกนัสเนี่ย...

“ดี งั้นไว้ค่อยคุยปีหน้าก็แล้วกัน” เธอบอกพลางใช้ส้อมม้วนเส้นแล้วเอาเข้าปาก ซิกนัสยิ้มกว้าง
“เรื่องเครื่องขยายเสียงหรือเปล่า ขอโทษนะ ฉันไม่คิดว่าจะทำตกเหมือนกัน แต่เชื่อมือเถอะรับรองว่าไม่มีทางเจอร่องรอยแน่ๆ ซิกนัสซะอย่าง”
“จ้า... คนเก่ง” ร่างบางใส่น้ำเสียงประชดน้อยๆ “มาๆ เข้าเรื่องก็ได้”
แล้วเธอก็เล่าเรื่องที่รับรู้วันนี้ให้ฟังจนจบ ซิกนัสชักสีหน้าทันที วางส้อมลงแล้วพูดใส่อารมณ์
“เลวจริงๆ พวกนี้ เงินเสวยสุขปีหนึ่งเป็นล้านๆ จะออกให้คนจนบ้างไม่เคยมีหรอก” แล้วซิกนัสก็ทำหน้าเหมือนคิดอีกเรื่องออก “เอ้อ... เมื่อคืนนี้ฉันกะจะโทรไปบอกเรื่องเงินของนาย ฉ. กับเงินทหารที่เราเอามาได้เมื่ออาทิตย์ก่อน ตอนนี้ให้มิสเตอร์เอสจัดการเรื่องฟอกแล้ว ถ้าเราเอาเงินตรงนั้นมาเข้ากองทุน จะพอซื้อยาตัวใหม่ให้คนในสลัมทันเดือนหน้าไหม”
“ไม่พอ...” ฟินิกส์ส่ายหน้า เธอคำนวณจากปริมาณคนในสลัมหลักแสน “ต้องให้ได้ร้อยล้าน พอจะมีทางไหม”
“ร้อยล้านคอล์ย !” ซิกนัสตาโตอย่างกับไข่ห่าน “แม่เจ้า มันไม่ใช่แค่นั้นสิ คราวนี้พวกนั้นได้รู้แน่ว่าไลเบทเป็นคนจัดให้ เราขโมยของจากพวกชั่วแล้วเอามาปล่อยแบบแนบเนียนได้ แต่จำนวนเงินขนาดนั้นไม่ไหวแน่ๆ”

นั่นสินะ...

ฟินิกส์คิดตามสีหน้ากังวลใจ
“ยังมีอีกวิธี...” ซิกนัสยื่นหน้ามาจนใกล้ก่อนจะพูดขึ้น แววตาคมๆ นั่นทำเอาฟินิกส์อดมองไม่ได้ ร่างสูงอมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะยื่นหน้ามาหาอีกจนเกือบจะชิด
ลมหายใจอุ่นๆ สัมผัสบนแก้มของเธอเพื่อกระซิบข้างหู...
“เราก็ไปขโมยยาคืนมาไง... ขโมยมาก่อนที่รัฐจะหาพวกมันเจอแล้วเอายาไปแจกจ่ายเองเสียเลย” เสียงพูดนั้นดูสนุก และตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก พอเธอหันไปมอง ซิกนัสก็ยกตัวกลับไปนั่งที่ตามปกติ “เอ๊ะ แต่เหลือไว้นิดหน่อยไว้ให้พวกมันโดนจับดีกว่า คราวนี้ล่ะ สมน้ำหน้าพวกกลุ่มผู้นำโลกเลยล่ะ จ่ายค่ายาใหม่ แถมยังไม่ได้ยาเก่าคืน งานนี้สนุกแน่ๆ”
จบคำ เธอก็เห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของซิกนัส นับตั้งแต่ทั้งสองทำหน้าที่ของไลเบทมา ครั้งนี้ต้องเรียกว่ามันคืองานใหญ่งานแรก ไม่ใช่แค่การโจรกรรมแต่คือการบุกเข้ารังอาชญากรผู้กล้าระเบิดประตูคลังยาแล้วฉกออกมาอย่างอุกอาจ ขบวนการนั้นอาจจะใหญ่มากจนสู้ไม่ไหว ขืนถูกจับได้ก็ตายแน่

งั้นก็สนุกสิ!!!

ฟินิกส์ยิ้มรับ เมื่อคิดว่าสิ่งที่เธอได้รับการฝึกมา จะถูกเอามาใช้ขนาดไหน ยิ่งมีคู่หูอย่างซิกนัส เธอยิ่งมั่นใจมากกว่าทำคนเดียวเป็นหลายเท่าตัว
“น่าสนุกใช่ไหมล่ะ” ซิกนัสยิ้มน้อยๆ อย่างรู้ทัน
“แน่นอน แต่จะไปหาพวกนั้นได้ที่ไหน” ร่างบางเอ่ยขึ้น “ขนาดคนในทีมกับพวกตำรวจยังไม่มีเบาะแสมากมายเลย รอกู้กล้องวงจรปิดกับพยานก็ไม่รู้จะจบเมื่อไหร่”
“ซิกนัสซะอย่างรับรองเก่งกว่าระบบรัฐเป็นร้อยเท่า” อีกฝ่ายบอกด้วยสีหน้ามั่นใจสุดๆ แถมยังยิ้มกว้าง “จริงมั้ยล่ะจ๊ะที่รัก”
“จ้า... คนเก่ง” ฟินิกส์พูดเสียงประชด พลางแลบลิ้นใส่ทีหนึ่ง เมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่ยิ้มไม่พูดอะไรจึงลงมือทานต่อทั้งที่ท้องอิ่มจากร้านอาหารมาแล้วเธอก็ไม่อยากให้คู่หูของเธอเสียใจ ทั้งสองต่างก็ทานอาหารในจานตัวเองต่อไป...
ฟินิกส์คิดโน่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย เธอจึงไม่ได้เห็นสายตาของซิกนัสที่มองมาแม้แต่น้อย

…………………………………

รุ่งสาง...
ถึงแม้ว่าท้องฟ้ายามเช้าจะไม่สดใสเหมือนในภาพที่ณัฐณิชาเคยเห็นตามภาพในหนังสือหรือสารคดี แต่เมื่อถึงเวลาที่ฟ้าสาง หญิงสาวก็ต้องลุกมาเตรียมรับวันใหม่ด้วยการไปทำงานอย่างเคยๆ
ใครๆ ในโลกล้วนแต่วาดฝันถึงวันที่เคยงดงามในอดีต สมัยที่อยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเธอเคยได้ฟังเรื่องเล่าเกี่ยวกับโลกในยุคก่อนการก่อการร้ายครั้งใหญ่นั่น สถานที่ท่องเที่ยวนับพันแห่งทั่วโลก อากาศสดชื้น เธอฝันถึงการปีนเขา ล่องแก่ง ออกทะเลไปชมปะการัง
แต่ยุคนี้คงไม่มีโอกาสแบบนั้น นอกจากนั่งดูภาพเหล่านั้นผ่านจอ...
หญิงสาวเดินมาที่ผนังห้องนอนฝั่งปลายเตียง มีกระจกใสบานหนึ่งติดอยู่ตรงนั้น เพียงสัมผัสที่จุดสีแดงเล็ก หน้าจอก็ปรากฏขึ้นบนกระจกใสด้วยภาพคมชัดขนาดใหญ่พอๆ กับเตียงนอนสามฟุต เธอเลือกช่องที่ต้องการ ก่อนภาพข่าวช่วงเช้าจะปรากฏ แล้วจึงเปิดตู้เพื่อหยิบผ้าเช็ดตัวและไปนอนแช่น้ำอุ่นในอ่างสักพักใหญ่ๆ ก่อนจะได้เวลาทำงานตามปกติ ทั้งที่ในใจยังนึกถึงเรื่องที่ได้คุยกับซิกนัสเมื่อคืนอยู่ตลอด

เมื่อย่างก้าวเข้าสู่โรงพยาบาลกลาง  ณัฐณิชามองดูนาฬิกาดิจิตอลที่แขวนไว้ในห้อง-โถงของโรงพยาบาล ยังมีเวลาให้เธอไปเยี่ยมโบอาก่อนเข้าเวรอีกเกือบครึ่งชั่วโมง ร่างบางก้าวเท้าฉับๆ ไปขึ้นลิฟต์เพื่อไม่ให้เสียเวลา แต่พอลิฟต์เปิดออก หมอชาร์ลก็ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ พร้อมกับบุรุษพยาบาลที่ตามหลังมา สองคนนั้นคงคุยกันมาตลอดทางที่ลงลิฟต์ พอเห็นเธออยู่ด้านหน้าจึงหยุดและเดินเลี่ยงออกไป ท่าทางไม่ชอบมาพากลนัก

บุรุษพยาบาลคนนั้น...

คุณหมอสาวสวยนึก เธอมักจำหน้าเจ้าหน้าที่ทุกคนได้ดี แต่เธอแน่ใจว่าไม่เคยเห็นบุรุษพยาบาลคนนี้มาก่อน แต่ที่แปลกคือเหมือนว่าเธอเคยเห็นที่ไหน... ภาพในสมองวนเข้ามาหลายอย่างแต่หญิงสาวคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก จนกระทั่งลิฟต์เปิดอีกครั้งเมื่อเธอถึงชั้นที่โบอาพักฟื้น สิ่งที่กำลังรอเธออยู่นั้นสำคัญกว่า
“เป็นไงบ้างจ๊ะวันนี้” ณัฐณิชายิ้มกว้างทันทีที่เปิดประตูห้องพักผู้ป่วยของโบอา ผู้ช่วยแพทย์สาวยังคงดูหน้าซีดอยู่ แต่สีหน้าดีกว่าเมื่อวานมาก พอเห็นคุณหมอที่เธอเคารพรักมาเยี่ยมตามที่สัญญาก็ยิ้มหวาน ณัฐณิชากำลังจะเดินเข้าไปหาแต่เสียงกุกกักกับประตูห้องน้ำที่เปิดออกทำให้เธอต้องหันไปมอง
ร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อกาวน์สีขาวของธารธีเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมๆ กับสวมถุงมือสีขาวนวลไปด้วย ร่างนั้นหันมาเห็นณัฐณิชายืนอยู่ก็ไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงแค่ปรายตามองแล้วหันไปเดินหาโบอาอีกครั้ง ณัฐณิชาขมวดคิ้วพ่นล่มหายใจเบาๆ ด้วยความหงุดหงิดกับท่าทางไร้มารยาทของคนตรงหน้า
“เจ็บหน่อยนะ” ธารธีเอ่ยเสียงนิ่งๆ แววตาเป็นประกายบวกกับเครื่องหน้าที่คมเข้มตัดกับผิวขาวละมุนทำให้โบอารู้สึกขัดเขินจนเห็นได้ชัดทั้งที่เธอรู้อยู่แก่ใจว่าธารธีเป็นผู้หญิงเหมือนกัน แต่ภายนอกที่เห็นนั้นเรียกได้ว่าหล่อกว่าผู้ชายหลายๆ คนเสียอีก
“ต้องเก็บไปตรวจด้วยเหรอ”
“อืม...” ธารธีเพิ่งจะเอ่ยปากตอบ “ถึงแผลจะทำความสะอาดแล้วแต่อาจมีสารตกค้าง ในคลังยานั่นมีอะไรเก็บไว้ตั้งเยอะ รวมถึงอาจมีเบาะแสเพิ่มเติม”
ณัฐณิชามองธารธีใช้เครื่องมือเก็บหลักฐาน หยิบก้านสีขาวยาวๆ มาป้ายที่แผลอยู่หลายจุด
“โอ๊ย...” โบอาร้องขึ้นทันทีที่ถูกแตะลงบนแผล สีหน้าท่าทางดูเจ็บไม่น้อย แผลของเธอยังมีหนองและเลือดซึม ณัฐณิชาเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปช่วยจับ
“เบามือหน่อยสิ” คุณหมอสาวบอกธารธีอย่างอดไม่ได้ ร่างสูงหันมองหน้าเหมือนว่าเธอไปขัดสมาธิเข้า แล้วยื่นเจ้าก้านยาวๆ ให้เธอ
“งั้นก็ทำเองซะเลยสิ” สีหน้าธารธีดูออกว่าไม่ได้พูดเล่น “ถ้าคิดว่าทำได้ดีกว่า”

ท้าฉันเหรอ รู้จักฉันน้อยไปแล้วนะ...

คุณหมอสาวยิ้มเป็นการรับคำ ก่อนจะมองดูแผลที่สีข้างของโบอา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นรอยแผลเต็มตา ไม่แปลกที่ข้างบนจะส่งธารธีลงมาเพราะแผลของโบอานั้นมีอาการผิดปกติหลายอย่างทั้งรอยสีม่วงช้ำเหมือนอาการพิษจากบาททะยัก รวมทั้งหนองที่ควรจะหยุดไหลแม้จะให้ยาและทำแผลเธอมาตลอดสองวันที่ผ่านมา ณัฐณิชาหรี่ตามองดูตรงขอบขวาของแผลที่เหมือนมีสารบางอย่างปนเปื้อน
“ไวๆ สิคุณ” ธารธีเอ่ยขึ้น “แผลโดนลมนานๆ มันเจ็บนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทนได้” เสียงของโบอาตอบมา เธอแข็งใจทั้งที่ตัวเริ่มสั่นและร้อนขึ้น ณัฐณิชาเห็นก็รู้ว่าผู้ช่วยของเธอมีอาการอักเสบและติดเชื้อ ร่างบางจึงรีบเก็บตัวอย่างเลือดและหนองของโบอา
“โอ๊ะ...” โบอาพยายามแล้วที่จะไม่ให้คุณหมอของเธอเสียหน้า แต่ก็ทนเจ็บไม่ไหว เผลอร้องออกมาก่อนจะเก็บอาการอีกรอบ
ธารธีหัวเราะเบาๆ ในลำคอ ณัฐณิชาอยู่ห่างไม่ถึงคืบก็หันมองทันที ท่าทางอีกฝ่ายจะปลื้มใจมากที่ตัวเองเป็นฝ่ายชนะ
“ร้องเบากว่าก็แล้วกัน” คุณหมอสาวยังหาช่องทางเถียง ยิ่งทำให้นักนิติวิทยาศาสตร์มาดนิ่งเผลอหัวเราะออกมา ยิ้มกว้างใส่
“โอเคๆ ฉันขอทำเองดีกว่า” ร่างสูงบอกแล้วดึงหน้าที่กลับมาเป็นของตัวเอง ณัฐณิชาจึงเป็นฝ่ายช่วงพยุ่งหลังโบอาแทน เธอมองคนข้างๆ แล้วก็บ่นอุบอิบในใจ

ขำสะใจเชียวนะ ฮึ่ม คอยดูเถอะ อย่าพลาดอีกรอบก็แล้วกัน...

“ฉันไม่พลาดง่ายๆ แบบเธอหรอก” ธารธีเอ่ยขึ้นราวกับรู้ความคิดของเธอ ครั้งนี้ร่างสูงเบามือและทำอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยุดและช่วยขยับให้โบอากลับไปนอนท่าเดิม ร่างสูงบเก็บเครื่องมือลงในกล่อง
“พักเยอะๆ นะ” ธารธีบอกกับโบอาอีกครั้ง หญิงสาวพยักหน้าตอบ ณัฐณิชาชักหมั่นไส้ท่าทางราวกับเป็นคนละคนของเธอคนนี้เข้าไปทุกที เธอมองจนกระทั่งนักนิติวิทยาศาสตร์สาวเดินออกจากไป
“หมอนิ” ร่างบางเรียกขึ้นเมื่อเห็นว่าณัฐณิชามองเหลียวหลังไม่วางตา
“จ๊ะ” เธอหันมาหาโบอา ท่าทางเมื่อครู่เธอจะเจ็บอยู่เหมือนกันจึงยังไม่อยากถามอะไรเธอ “ฉันจะไปตามคุณหมอเจ้าของไข้มาดูสักหน่อยนะ ท่าทางไข้จะขึ้น”
“อย่าเพิ่งไปค่ะ” ร่างบางบอกรั้งไว้ “โบอาต้องบอกเรื่องนี้กับคุณหมอก่อน”
เสียงของโบอาดูแผ่วลงเล็กน้อย ณัฐณิชาได้แต่ตามใจเพราะไม่ต้องการให้อีกฝ่ายอาการแย่ไปกว่านี้
“คือ...” โบอาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อาการกลัวแบบเมื่อวานตอนเย็นปรากฏบนใบหน้าของเธออีกครั้ง มือเย็นเฉียบของเธอเอื้อมไปจับมือคุณหมอสาวเอาไว้แล้วดึงเบาๆ ให้รู้ว่าเธอต้องการให้อีกฝ่ายก้มลงมาใกล้ๆ ณัฐณิชาจึงย่อตัวลงเพื่อให้ใบหน้าของเธออยู่ในระยะที่โบอาจะไม่ต้องใช้เสียงมาก
“วันนั้นที่คลังยา โบอาเห็นคนจุดระเบิด”เธอพูดแล้วหยุดไปอึดใจหนึ่งก่อนจะบอกทั้งหมด “คนๆ นั้น คือ หมอรูเพิร์ตค่ะ”
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มากจนณัฐณิชารู้สึกนิ่งอึ้ง การที่โบอาเห็นเท่ากับเธอคือพยาน และนั่นอาจตามมาได้ทั้งเรื่องดีและร้ายอย่างไม่อาจคาดเดา
“เรื่องนี้บอกใครบ้างหรือยัง”
“ไม่ค่ะ นอกจากหมอนิแล้วโบอาก็ไม่รู้จะบอกใคร จะมีใครเชื่อล่ะคะ” ร่างบางเอ่ยก่อนจะหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน ณัฐณิชาบีบมือโบอาเบาๆ
“อย่าเพิ่งบอกใครนะโบอา ฉันคิดว่าไม่น่าจะมีคนๆ เดียวทำเรื่องแบบนี้ได้ แต่นี่อาจทำให้โบอาเป็นอันตราย เดี๋ยวฉันจะคุยกับผู้กองรัชชานนท์” ณัฐณิชาพูดจบ โบอาก็พยักหน้าเล็กน้อย ท่าทางเธอคงจะต้องการพักผ่อนแล้ว คุณหมอสาวจึงขอตัวไปทำงาน

ไม่ได้การ...

ณัฐณิชามองซ้ายขวาก่อนจะย้ายเป้าหมายจากการไปวอร์ดเป็นไปลองดูว่าวันนี้หมอรูเพิร์ตมาทำงานหรือไม่ เธอเองไม่ได้รู้จักเขาเป็นพิเศษอะไร คุณหมอคนนี้มาจากโซนกลาง เพื่อเป็นบุคลากรที่นี่และช่วยตรวจคนไข้มาตั้งแต่ณัฐณิชายังเรียนมหาวิทยาลัย อายุสามสิบปลายๆ เป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใครนัก แม้จะไม่ดุเท่าชาร์ลแต่เธอก็ไม่ค่อยอยากเข้าใกล้สักเท่าไหร่
ห้องทำงานของหมอรูเพิร์ตอยู่ใกล้กับห้องของโจลี่ด้วยความที่เขาเองก็เป็นหนึ่งในฝ่ายบริหาร เธอไม่เห็นเขามาตั้งแต่เกิดเรื่องระเบิดที่คลังยา หญิงสาวจึงทำทีเป็นไปหาโจลี่ทั้งที่ความจริงอยากจะดูให้แน่ใจว่าวันนี้หมอรูเพิร์ตมาหรือไม่

โบอาไม่น่าจะตาฝาด  ดูจากแผลกับที่ยืนก็อยู่ไม่ไกล และหมอรูเพิร์ตก็มีเอกลักษณ์ทั้งท่าเดินกับทรงผมที่ไม่ค่อยเหมือนคนที่นี่ ขนาดเห็นหลังไวๆ ฉันยังจำได้เลย

คุณหมอสาวใช้ความคิดไปเรื่อยๆ จนลืมมองเสียด้วยซ้ำว่าตัวเองเดินมาจนผ่านหน้าห้องหมอรูเพิร์ตแล้ว เธอเหลียวมองและเห็นว่ายังคงเงียบไม่มีใครอยู่ในนั้น ห้องทำงานส่วนตัวของที่นี่เป็นผนังปูนแต่มีกระจกใสแต่งลายคาดไว้ระดับสายตาจนถึงเอวพอมองเห็นภายในได้ ณัฐณิชาทำทีเดินผ่านเฉยๆ แล้วจึงกดกริ่งสัญญาณห้องของโจลี่ รอให้เจ้าของห้องกดรีโมทอนุญาตจึงเดินเข้ามา
“ว่าไง...” ท่าทางวันนี้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลคงจะยุ่ง จึงเหลือบมองผู้มาเยือนเพียงเล็กน้อยแล้วจึงหันไปใช้สมาธิกับงานตรงหน้า
“ฉันอยากเป็นเจ้าของไข้โบอาน่ะค่ะ” หญิงสาวตอบไปส่งๆ เพราะเธอแค่ต้องการมาดูรูเพิร์ตเท่านั้น โจลี่ละสายตาจากงานตรงหน้า มองลอดแว่นมาที่ณัฐณิชาอย่างเข้าใจ
“อืม เข้าใจนะจ๊ะ แต่ว่างานที่หมอนิได้รับก็เยอะแล้วทั้งดูแลคนไข้ แล้วยังงานที่ต้องช่วยทีมของผู้กองรัชชานนท์ อาจารย์อนุมัติเรื่องนี้ไม่ได้”
“อ๋อ... ค่ะ” รางบางพนักหน้าทำทีว่าเข้าใจแถมยังสงแววตาเศร้าน้อยๆ “เสียดายจังนะคะ แล้ววันนี้หมอรูเพิร์ตไม่มาเหรอคะ เห็นปิดไฟเงียบเชียว” เธอถามเข้าประเด็น
“หมอรูเพิร์ตเค้าลาพักร้อนไว้ห้าวันน่ะจ้ะ อีกสองวันก็คงมาทำงาน”

อย่างนั้นเหรอ...

“งั้นนิไปก่อนนะคะอาจารย์ ใกล้เข้างานแล้ว คนไข้มารอเพียบแน่เลย” เธอบอกอย่างนอบน้อม ก่อนจะกลับไปทำงาน ในใจคิดแผนพิสูจน์ให้ได้ว่าคนที่เอายาไปนั้นจะเป็นรูเพิร์ต จริงหรือไม่

…………………………………




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.