web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 153
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 144
Total: 144

ผู้เขียน หัวข้อ: Runaway Bride vol.3 Chapter 10 : เจ้าตัวเล็กกับความวุ่นวายที่น่ายินดี  (อ่าน 3449 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ anhann

  • Moderator
  • ขาประจำ
  • *****
  • กระทู้: 174
    • Crimson Maiden Les-books


Chapter 10 :   เจ้าตัวเล็กกับความวุ่นวายที่น่ายินดี


ฝาแฝดหน้าไม่เหมือนกัน  พยายามเขย่งตัวเพื่อจะชะโงกหน้าไปดูสิ่งต่างๆภายในห้องตรงหน้า  แต่เพราะยังเล็กมาก  ขาสั้นตัวเตี้ยเกินไป  ต่อให้เขย่งเท่าไหร่ก็ไม่มีทางมองเห็น  คนที่ยืนมองอยู่ด้วยรอยยิ้มจึงต้องเข้าไปช่วยเหลือ

“อยากดูน้องเหรอลูก.. มาค่ะปะป๊าช่วย”  ดาเรนเข้ามาก้มรวบตัวลูกสาวขึ้นอุ้มทีละคนอย่างไม่ลำบาก  โชคดีที่ตัวใหญ่แม้ว่าลูกๆจะตัวโตกว่าเด็กอื่นเพราะได้เชื้อดีมาจากเธอและนิโคล  ก็ยังไหวอยู่ที่จะอุ้มพวกเขาดูอะไรที่อยากดู

แต่ถ้านิกกี้เห็น   ฉันก็จะโดนดุอีกว่าตามใจลูกมากไป  ไหนจะปวดหลังให้เค้านวดอีก...  อา..แต่อย่างหลังนี่ฉันอยากเป็นเพราะอยากอ้อนเค้ามากกว่า..

ภรรยาที่รัก...

“ปะป๊า.. ทำไมน้องต้องอยู่ในห้องนั้นล่ะคะ” อมีเลียถามสงสัย  มือน้อยๆชี้ไปที่ร่างเล็กๆในห้อง  เด็กทารกอยู่ในตู้อบดูท่าทางไม่น่าห่วงนัก  หากคุณหมอสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังตู้อบนั่นไม่ได้กำลังคุยกันด้วยท่าทางเครียดๆ

หวังว่าคงไม่มีอะไรนะเจส..

“เอ่อเพราะว่า.....”  พยายามจะหาคำมาอธิบายให้ลูกฟัง  หากมันกลับยากเต็มที  ทำยังไงจะให้เด็กอายุไม่ถึงสี่ปีเข้าใจล่ะว่า  เพราะน้องคลอดออกมาก่อนเวลาอันควร  ก็เลย....

“เพราะว่าน้องหนีออกมาจากท้องน้าเพนนีเร็วก่อนเวลาที่ควรจะตื่นไงคะ  ก็เลยต้องถูกทำโทษนิดหน่อย”

คำตอบจากเสียงแบบนี้พาให้คนที่พยายามจะตอบมันก่อนอ้าปากค้าง  มองไปหาคนตอบก็พบภรรยาตัวเองขยิบตาขี้เล่นให้  ก่อนเข้ามาขอตัวลูกแฝดหนึ่งคนไปอุ้ม   โอ้..คุณภรรยาที่รัก...

“เลยต้องอยู่คนเดียวเหรอคะ  น่าสงสาร”

เสียงใสๆเจือความเศร้าของลูกสาวที่ตนอุ้มดึงความสนใจจากแม่ของเขากลับไป  แอนเดรียน้อยกำลังซึม  มองไปที่น้องตัวเล็กในห้อง  ระหว่างมองลูกอย่างสงสัย  เสียงแม่เขาก็มากระซิบ

“แอนเดรียเป็นเด็กอ่อนโยนเหมือนฉันเลย”

ดาเรนยิ้มไม่รู้จะเถียงยังไง  “ก็อ่อนโยนค่ะ  ถ้าไม่สวมบทโหดอยู่เรื่อย”

นิโคลหัวเราะ  ขยับเข้ามาหอมแก้มลูกสาวที่อีกคนอุ้มก่อนหอมคนที่ตัวเองอุ้มบ้าง  “มันก็ต้องมีโหดกันบ้างสิคะดาเรน   ไม่งั้นดาเรนจะได้ฝาแฝดที่น่ารักสองคนแบบนี้เหรอ.?”

คนฟังเลิกคิ้วมองเหมือนไม่เห็นด้วย  แต่ยิ้มมุมปากเมื่อถูกค้อนเล็กๆ เพื่อความปลอดภัย  เธอจึงเปลี่ยนประเด็น  ไม่งั้นเดี๋ยวโดน.. “เพนนีเป็นไงบ้างคะ ร้องหาลูกไหม.?”

“แรกๆก็ร้องค่ะ  แต่พอพยาบาลอธิบายและฉันช่วย  ก็สงบไปได้  นี่ก็หลับไปแล้วล่ะค่ะ”  นิโคลตอบเสียงเครียดไปนิด  เริ่มคิดเป็นห่วงแม่ลูกที่ต้องแยกจากกัน  แม้จะชั่วคราวแต่ก็เข้าใจว่ามันเป็นความเจ็บปวด  ใครๆก็อยากเห็นหน้าลูกที่สู้อดทนอุ้มท้องมาตั้งนานทั้งนั้น   ตอนนั้นเธอก็เป็น  จำได้...

“ค่ะ  คิดว่า  ถ้าไม่มีอะไรน่าห่วง  หมอคงให้เจสจูเนียร์ออกจากห้องนั่นได้เร็วๆนี้”

“แล้วนี่เจสยังคุยไม่เสร็จอีกเหรอคะ.?”  ยังไม่ทันสิ้นเสียงคำถามดี  คนที่ถูกถามถึงก็เดินออกมาหน้ายุ่งๆ  อดไม่ได้เลยต้องวิจารณ์  “โอ้..คุณดูน่ากลัวจัง”

คุณหมอถอนหายใจ  ยักไหล่อย่างเสียไม่ได้ก่อนหันไปหาลูกสาวที่นอนหลับอย่างสงบอยู่ในตู้อบของเด็กที่ยังไม่แข็งแรงพอ  “เค้าบอกว่า  ฉันวุ่นวายเกินหน้าที่หมอสูติฯ”

คำตอบพาให้สองคนที่รอฟังมองหน้ากัน  ดาเรนยิ้มและพูดก่อน  “งั้นฉันก็เดาได้ว่า  เจสจูเนียร์สบายดีใช่ไหม.?”

“ใช่..  แต่แล้วไงดาเรน..  พวกเค้าไม่ให้ฉันอุ้มลูก  ของฉัน”  เจสสิก้าเน้นคำสุดท้ายและมองตาขวางไปที่หมอเด็กที่เพิ่งเดินออกจากประตูมา  คุณหมอสาวคนนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้าแล้วหันหลังจากไป

“ดูหล่อนสิ!”  หมอสูติฯหน้าใสชี้  “หล่อนนั่นแหละที่สั่งให้ลูกฉันอยู่ในตู้อบเหมือนไก่!” พูดแล้วก็ถอนหายใจอย่างหัวเสีย  “ฉันบอกหล่อนว่า  เจสซี่พร้อมแล้วที่จะออกมาดูโลกกว้าง  แต่หล่อนยังยืนยันให้เค้าอยู่ในนั้น  ทำไม.?”

“โอ้เจส.. แล้วเธอไม่คิดบ้างหรือไงว่า หมอเด็กจะเข้าใจเด็กดีกว่า” ดาเรนย้อน  แล้วก็โดนค้อนกลับมาให้ต้องชำเลืองหาตัวช่วย  นิโคลจึงเข้ามาแท็คทีม

“เอาเถอะค่ะเจส.. ยังไงเจสซี่ก็คลอดก่อนกำหนดนะคะ  คุณหมออาจจะอยากแน่ใจว่า  เค้าจะแข็งแรงพอที่จะไม่มีภาวะแทรกซ้อนอื่น”

“โอ้..เธอพูดเหมือนเป็นหมอแทนที่จะเป็นอินทีเรียเลยนะนิกกี้”  คุณหมอตัวจริงประชด  แต่คนฟังกลับยิ้มรับหน้าตาเฉย  “ก็ได้ๆ  ฉันเชื่อพวกเธอ  แต่มีข้อแม้อย่างหนึ่ง”

“อะไรล่ะ/อะไรล่ะคะ!”  สองคนถามพร้อมกัน  คนจะตอบทำหน้าเครียดเหมือนเรื่องใหญ่  คนรอเริ่มใจคอไม่ดี

“หล่อนไม่ให้ฉันแตะลูกฉันสักนิดเลย  กลัวฉันจะเอาเชื้อโรคไปใส่ลูก  ฉันเนี่ยนะนิกกี้   เป็นตัวเชื้อโรค  ฉันเป็นหมอใช่ไหม.?”

คนฟังสองคนหัวเราะพร้อมกันทั้งที่อีกคนโวยวาย  ก็อุตส่าห์ฟังตั้งนาน  เหตุผลที่โมโหก็แค่นี้เอง  แต่คนเห่อลูกอ่ะนะจะให้ทำไง..

“ขำอะไรพวกเธอ..”

นิโคลส่ายหน้ายิ้มเอื้อมมือมาบีบบ่าพี่สาวที่นับถือ  ไม่อยากให้โกรธไปกว่านี้  แค่นี้เจ้าตัวเล็กสองคนของเธอก็งงจะตายแล้วว่าผู้ใหญ่เป็นอะไรกัน

อมีเลียกับแอนเดรียเงียบอยู่ก็จริง  แต่เงี่ยหูฟังผู้ใหญ่พูดทุกคำ  เธอรู้ดี..  ฝาแฝดช่างจดจำเสมอ  “คุณใจเย็นๆก่อนเจส  เดี๋ยวฉันจัดการให้” พูดจบก็เดินไปพร้อมลูกสาวที่ขอเดินเอง  ตามหลังคุณหมอเด็กที่เดินอยู่ไม่ไกลพอเห็นหลังอยู่

ดาเรนมองตามหลังลูกกับภรรยาก่อนหันมามองอีกคนที่ยังหน้าบึ้ง  ผิดแค่ตอนนี้เห็นหล่อนกำลังมองอย่างอาลัยไปยังเด็กทารกในห้อง  เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้  ทั้งที่รู้ว่า  หล่อนก็แค่คิดมาก

“เจส..  เค้าไม่ได้เป็นอะไร  เธอก็รู้นี่..  เธอเป็นหมอ”

“ใช่ฉันรู้..  แต่ฉันไม่อยากให้เค้าอยู่คนเดียวที่นั่น  ฉันสงสาร”

“ฉันเข้าใจ..  แต่ถ้าเธออยากให้เค้าแข็งแรงพอที่จะเจอกับโลกข้างนอก  เธอต้องเชื่อหมอเด็กคนนั้น  จำได้ไหมว่า  เค้าคลอดก่อนกำหนด”

คนถูกเตือนเรื่องที่แกล้งลืมถอนหายใจแรง  หันมาหาคนเตือนก็เจอสายตามองอย่างเห็นใจ  และไม่ใช่แค่จากคนรุ่นเดียวกันเท่านั้น  จากเด็กตัวเล็กที่กำลังถูกอุ้มอยู่ด้วย  และดวงตาสีฟ้าใสๆของแอนเดรียก็ทำอะไรได้มากกว่าที่คิด  เจสสิก้ายิ้มพร้อมยื่นมือไปขอตัวเขามา  และเด็กน้อยก็ยอมมาด้วยอย่างไม่งอแงเหมือนจะรู้ว่า  เธอกำลังต้องการ...

เวทย์มนตร์ประหลาดที่เด็กเท่านั้นที่มี...

ไม่รู้สิ  แค่ได้กอดก็ผ่อนคลายอารมณ์ได้แล้ว..

“อาเจสอยากพาน้องกลับบ้านด้วยเหรอคะ.?”  แอนเดรียถามตามประสาเด็กแต่ก็ทำให้คนถูกถามน้ำตาคลอพูดไม่ออกได้แต่พยักหน้า  มือเล็กๆจับแก้มผู้ใหญ่ขี้แยและพูดเสียจนเขาอึ้ง “น้องต้องตื่นก่อนสิ  ไม่งั้นจะเล่นด้วยได้ไง..”

เจสสิก้าทำหน้าไม่ถูก  ได้แต่ยิ้มเจื่อนแต่อีกคนกลับหัวเราะและเสริมขึ้น  “ก็ถูกของแอนเดรียนะเจส  ไม่ใช่เหรอ.?” คุณหมอสาวกลอกตาเมื่อโดนจี้ทั้งสองทางจากสองคน  ได้โอกาสดี  ดาเรนเลยจี้ไปอีกอย่าง “ฉันว่า  เธอไปหาเพนนีดีกว่า  ทางนี้มีพยาบาลดูแลอย่างดี  ถ้ามีอะไรเค้าก็ตามเธอเอง  วันนี้อยู่ที่นี่ทั้งวันไม่ใช่หรือไง”

คุณหมอกดหัวคิ้วลงไม่ค่อยพอใจกับทางเลือกนี้นักแต่ก็จำยอมพยักหน้า  หันไปมองลูกสาวตัวเองอย่างอาวรณ์อีกครั้งก่อนจะโดนกระตุ้นซ้ำ

“อาเจสพูดไม่รู้เรื่องเหมือนอมีเลียบางทีเลย”

“หืมม.?” เจสสิก้าฮัมเสียงสูงมองหน้าเด็กน้อยเป็นคำถามก่อนเหลือบตาไปหาอีกคนที่ยิ้มกลั้นหัวเราะอยู่   อยากหงุดหงิดแต่ทำไม่ลงเพราะเธอรักพวกเขา

“โอเคๆ แอนเดรีย..  อาจะไปแล้ว”

“งั้นแอนเดรียขอไปซื้อขนมได้ไหม.?”  เด็กน้อยต่อรอง  ผู้ใหญ่สองคนมองหน้ากัน  และตกลงทำตามเด็กโดยไม่แย้งแต่ยังขอมีเงื่อนไข

“ไปก็ได้  แต่แอนเดรียต้องสัญญากับอาก่อนหนึ่งอย่าง”

“อะไรคะ.?”

เจสสิก้ายิ้มเจ้าเล่ห์ขณะที่ดาเรนส่ายหน้าให้  แต่เรื่องอะไรเธอจะยอมปล่อยโอกาสนี้ให้รอดมือ  ..แก้แค้นเด็ก..

“เอ่อก็..  ขอคิดก่อนนะ”

แต่คงจะบอกเงื่อนไขเด็กน้อยใจร้อนช้าเกินไปเลยโดนทวงอีกครั้งด้วยเสียงใสๆแต่หงุดหงิดอย่างที่ผู้ใหญ่ต้องกลัว

“แอนเดรียหิวแล้ว  แอนเดรียอยากกลับบ้าน  มะม๊าบอกว่าจะทำเค้กแต่ไม่ทำ  แอนเดรียหิวววว...”  เด็กน้อยความอดทนต่ำเริ่มจะออกฤทธิ์  คราวนี้เห็นทีคุณหมอจะอยู่ต่อรองไม่ไหว  ส่งคืนเด็กให้ปะป๊าของเขาที่รออ้าแขนรับ  แล้วก็ถอนหายใจเหนื่อยขณะที่ดาเรนปลอบลูกสาวในแบบที่เคยทำ

ดีที่พกเสบียงเป็นนมกล่องมาด้วย  ไม่งั้นไม่จบ..

แอนเดรียน้อยช่างหิวยอมสงบลงได้เมื่อมีของกินเข้าปาก  และไม่ติดใจเอาความผู้ใหญ่ที่ชอบหาเรื่องขณะที่ผู้ใหญ่คนที่ว่ายังทำหน้าเคืองๆเด็กอยู่

“เจส..  ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลย  เธอยั่วเค้าก่อน”  ดาเรนว่าพลางส่งสายตาให้เดินตามกันออกไปจากจุดพื้นที่ของเด็กอ่อน  เห็นพยาบาลหลายคนเริ่มมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตร  บางทีเด็กของเธออาจจะเสียงดังเกินไป  ผู้ใหญ่ก็ด้วยเหมือนกัน

“ก็แค่อยากจะล้อเล่น”  คุณหมอยังเถียงอยู่  อารมณ์เสียจากเรื่องอื่นยังไม่ยอมรับ  สายตายังมองเหลียวหลังไปที่ห้องเด็กอ่อนอย่างพะว้าพะวังจนโดนมืออีกคนมาดึงแขนลากออกไปด้วยกัน  “ดาเรน..  เดี๋ยวสิ!”

“ไม่เดี๋ยวแล้วเจส..  ฉันคิดว่า  ตอนนี้เพนนีอยากจะเจอเธอนะ  เค้าจะต้องอยากรู้เรื่องลูกจากปากเธอมากกว่าใครๆ”

“แต่ดาเรน...”

“หุบปาก  และทำตาม!”  ดาเรนเผลอตวาด  มือหนึ่งลากแขนอีกคนให้ตามกันไป  อีกมืออุ้มลูกสาวอย่างระวัง  คิ้วขมวดอย่างไม่ตั้งใจแต่มันก็คลายลงเพราะเสียงแซวจากคุณหมอตัวยุ่งคนเดิม

“ฉันเริ่มจะรู้สึกว่า  เธอเป็นโรคนิโคลซินโดรมแล้วนะดาเรน  ระวังตัวหน่อยก็ดี”

.............................................

เสียงฝีเท้าดังเบาๆเข้ามาใกล้ห้องนอน  ดาเรนถอนหายใจแผ่วพยายามผ่อนคลายพร้อมละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ที่ทำงานค้างอยู่  ไม่อยากทำหน้าเครียดใส่คนที่กำลังจะเดินเข้ามาในห้อง  รู้ว่าหล่อนก็เพิ่งจะเหนื่อยมาเหมือนกัน  เหนื่อยคนละอย่างกับเธอ  แต่อาจจะมากกว่าก็ได้เมื่อต้องรบกับเด็กๆ

“งานเร่งเหรอคะ.?”

คำถามที่ห่วงใยและร่างนุ่มอบอุ่นที่มาโน้มตัวลงกอดจากด้านหลังเก้าอี้พาให้ยิ้มดีใจจนลืมเรื่องเครียดๆกับงานไป  และนึกขึ้นได้ว่ามันไม่จำเป็นต้องทำให้เสร็จในวันนี้ก็ได้  เวลายังมี  อันที่จริงเธอน่าจะหาเวลาพักผ่อนด้วยกันหลังจากที่ผ่านความวุ่นวายในโรงพยาบาลมาแล้ว  และยังจะสองแสบที่เพิ่งจะส่งเข้านอนสำเร็จนั่นอีก

ถึงเวลาของปะป๊า..  มะม๊าหรือยัง...

มือขาวจับมืออุ่นที่วางทาบบนบ่าตัวเองมากดจูบเบาๆ เจ้าของมันเลิกคิ้วขี้เล่นให้ในแบบที่รู้กัน  รู้จักกันมานานแค่ไหนแล้ว  แต่งงานกันมากี่ปีแล้ว  ซ้ำอยู่ด้วยกันมานานกว่าที่แต่งงานอีก  ทำไมจะไม่เข้าใจ  แค่มองหน้าก็รู้แล้วว่าคิดอะไรอยู่  นอกจากจะมีใครคนหนึ่งที่เปลี่ยนไปจากเดิม

หวังว่าคงไม่มี...

ก็เรามีเบบี๋ด้วยกัน...  จะเรียกว่า  โซ่ทองยังน้อยไปสำหรับเจ้าสองแฝด  ต้องโซ่เพชรหรือเพลตตินั่มเลยล่ะ..

“ก็ไม่เร่งหรอกค่ะ  แค่อยากทำให้มากที่สุดตอนที่มีเวลา”  ตอบพร้อมมองตากันอย่างพยายามจะสื่อความหมายทางแววตา  แน่นอนว่าอีกคนเข้าใจจึงยื่นมือมาชักชวนให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้

“งั้นไปนอนกันดีกว่านะคะ  พรุ่งนี้เด็กๆต้องไปโรงเรียน  แล้วเราก็ยังต้องไปเยี่ยมเพนนีกับเจสซี่ที่โรงพยาบาลอีก”

“ค่ะ  แต่ขอเซฟงานแป๊บนะ”  หันกลับไปจัดการเก็บงานใส่คอมพิวเตอร์  แต่ไม่วายเธอต้องยิ้มกลั้นหัวเราะกับมือซนๆที่ล้วงชายเสื้อเข้ามาลูบหน้าท้องเล่นให้ขนลุกเกลียวไปทั้งตัว  ไหนจะเสียงขี้เล่นของเจ้าของมืออีก

“ดาเรนบ้าจี้เหรอคะ  ไม่ยักรู้”

“งั้นทำให้รู้ดีกว่าเนอะ”  หันไปเจอผู้หญิงที่ยืนยิ้มหน้าแดงรออยู่  มองกันด้วยสายตาที่สื่อความหมายเดียวกัน  จากนั้นก็ก้มลงสัมผัสปากกันเบาๆก่อนจะพากันเข้าสู่อารมณ์ปรารถนาที่มากกว่า  นิโคลก้าวถอยหลังให้เธอเดินตามไปจนถึงที่นอนและยอมให้เธออุ้มขึ้นไปอย่างยินดี   หากเมื่อนัวเนียกันได้ที่แล้ว  หล่อนกลับพูดขึ้นขัดจังหวะ

“ดาเรนอิจฉาเจสไหมคะ.?”

คนถูกถามกระพริบตาปริบๆ มองคนนอนหงายด้านล่างงงๆ “อิจฉาเจส.?  เรื่องอะไรเหรอคะ”  ย้อนถามกลับไปอีกคนก็กลับไม่ตอบในทันที  หล่อนไล้นิ้วไปตามผิวเนียนที่ไหปลาร้าของเธอพร้อมรอยยิ้มแปลกๆ  เริ่มรู้แล้วว่า  บางครั้งก็ไม่เข้าใจหล่อนเหมือนกัน   ก็นิกกี้ชอบคิดอะไรแผลงๆได้ตลอดเวลา..

แบบคาดไม่ถึงด้วยนะ..

“นิกกี้พูดให้รู้เรื่องสิคะ”

“ดาเรนใจร้อนจังค่ะ”  นิโคลทำขำ คล้องคอคนด้านบนลงมาแลกสัมผัสที่ปากกันอีกรอบพร้อมมือตัวเองที่ล้วงเข้าไปลูบไล้ผิวนุ่มๆเล่นให้เจ้าของมันเสียวสะท้าน   จังหวะการหายใจของดาเรนเปลี่ยนไปในทางที่เธอเข้าใจดี  หล่อนเริ่มมีอารมณ์และคงจะลืมเรื่องที่เธอพูดขึ้นลอยๆนั่นไปแล้ว  และนั่นแหละที่เธอต้องการ  แม้จะไม่ค่อยบ่อยนักที่คิดจะเริ่มก่อน

ก็บางที..  เธอก็รู้ว่าเรื่องนี้สำคัญสำหรับการเป็นสามีภรรยา  แม้ว่าร่างกายของผู้หญิงจะไม่ได้ต้องการเรื่องเซ็กส์มากเท่าที่ผู้ชายต้องการก็ตาม  แต่มันคงไม่ดีนัก  ถ้าจะต้องมีปัญหากันเพราะเธอละเลย  ลืมมันไปในขณะที่ดาเรนอาจต้องการมันเพื่อคลายเครียดกับเรื่องในชีวิตประจำวัน  กับงาน  กับลูก...

โอ้..พูดถึงลูก...

เสียงเคาะประตูห้องดังแทรกเสียงครางของเธอที่กำลังพอใจกับการใช้เวลาด้วยกันกับสามี  กับริมฝีปากที่กำลังดื่มด่ำกับทรวงอกและมือที่กำลังซุกซนอยู่บนเนื้อตัว  นิโคลกัดปากตัวเองทันที  ระงับเสียงที่จะออกมาอีก  เธอเริ่มคิดถึงฝันร้ายที่กลายเป็นจริงที่ไม่อมีเลียก็แอนเดรียมาเคาะประตูห้องเพื่อจะบอกว่า  เขาฝันร้ายนอนไม่หลับระหว่างที่เธอกำลังมีเซ็กส์อยู่
แต่นี่มันไม่ใช่ฝัน..  มันคือความจริง!
หญิงสาวด้านล่างพยายามขยับตัวออกห่างคนด้านบนที่คงจะหูตึงไปชั่วขณะจนไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องนอน  นิโคลกลั้นหายใจ  มันเหมือนที่เธอเคยทำเวลาที่ลูกร้องไห้ครั้งยังเล็กกว่านี้  ที่เธอจะต้องรีบไปหาพวกเขาทันทีไม่ว่าจะกำลังทำอะไรอยู่   กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มก็เคย  เคยทะเลาะกับดาเรนเรื่องนี้ก็มี

และคราวนี้จะโดนอีกไหม...

“ดาเรน..  หยุดก่อนค่ะ”  ในที่สุดก็ต้องดันอกอีกคนให้ห่างอย่างไม่มีทางเลือก  หากก็เหมือนหล่อนจะเข้าใจและรู้ว่าเธอเองก็กลั้นใจทำจึงยอมถอยออกไปทั้งที่ดูหงุดหงิดผิดหวัง  ก็มันนานๆครั้งจะได้มีเวลาแบบนี้  แต่มันก็...

ก็มันจำเป็น...

ดาเรนกำลังจะลุกขึ้นไปคว้าเสื้อผ้ามาให้เธอสวม  แต่เธอคว้าข้อมือเอาไว้ได้ทัน  หล่อนหันมามองทำหน้าไม่เข้าใจ  เธอพยายามยิ้มหวานและดึงเข้ามาเซ็นสัญญากันด้วยจูบ  “รอให้ลูกหลับก่อนนะคะที่รัก  สัญญาจริงๆ”

“โธ่นิกกี้ก็..  ฉันก็ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ”  คนโตกว่าทำเฉไฉแต่ดวงตาเป็นประกายแห่งความหวัง  ว่าจะเข้าไปจุ๊บปากกันอีกครั้งแต่เสียงเรียกก็ดังมาพร้อมเสียงเคาะประตู

“ปะป๊า..  มะม๊า..   ปะป๊า..  มะม๊า...   ปะป๊า...”

“มาแล้วค่ะ  มาแล้วลูก..”  นิโคลส่งเสียงก่อนเพื่อหยุดมหกรรมการทำลายประตูห้องนอนของเธอจากมือเล็กๆของลูกสาว  หญิงสาวคว้าเสื้อคลุมจากมืออีกคนมาสวมทับชุดวันเกิด  ดาเรนเองก็รีบใส่ของหล่อน  ดึงผ้าคาดเอวให้แน่นเพื่อเตรียมพร้อมรับศึกก่อนจะเปิดประตูรับเด็กๆที่แทบจะพุ่งเข้ามาตามคาด   และแน่นอนมีหนึ่งคนที่กระโดดขึ้นเตียงมาหาเธอทันที  เข้าไปรับตัวแทบไม่ทัน  แต่เรื่องนี้ดาเรนก็โดนเหมือนเธอ  เผลอแป๊บเดียวก็มีลูกลิงขึ้นมาเกาะคอหล่อนเสียแล้ว  ลิงอะไรไม่รู้ตัวกลมเชียว..

ลิงชื่อแอนเดรียไง..

“เป็นอะไรไปคะเด็กๆ  ไหนบอกมะม๊าหน่อยสิ”  พยายามทำเสียงดีใจกับลูกๆทั้งที่ใจจริงอยากจะตีก้นที่ชอบกวนใจขัดจังหวะเวลาหวานของมะม๊ากับปะป๊า  ทั้งที่เมื่อกี้เพิ่งหลับไป  ทำไมรีบตื่น  หรือจะตื่นมาแกล้ง..

จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงล่ะ  ก็ลูกไม่รู้  ลูกยังเด็ก  ท่องไว้สิ  เดี๋ยวหลับแล้วค่อยต่อกันก็ได้ที่ค้างไว้..

ใช่ไหมดาเรน...

นิโคลเผลอหันไปมองสบตากับคุณสามี  อารมณ์เมื่อกี้ยังไม่หมด  หากเธอก็ตกใจจะสะดุ้งที่รู้สึกว่ามีมือมาจับหน้าอกตัวเอง  จ้องหน้าดาเรนจะกล่าวหาว่าหล่อนทำ  หล่อนรีบส่ายหน้าและส่งสายตาให้ก้มมอง  พอทำตามก็อดยิ้มไม่ได้

ก็ลูกสาวเธอเองที่จับมัน  ทั้งจับทั้งซบซุกหน้าเข้าหาราวกลับกลายเป็นเด็กทารกอีกครั้งอย่างนั้น

“ทำอะไรคะอมีเลีย..  หนูโตแล้วนะ  หนูมีขวดนมของหนูไม่ใช่เหรอ..”  แกล้งถามพลางลูบหัวเล็กๆของเด็กที่ทำท่าจะดูดนมจากทรวงอกเธอทั้งๆที่เลิกทำแบบนี้ไปนานแล้ว  หรือไปเห็นใครที่โรงพยาบาลทำเลยนึกถึง

“นั่นสิคะลูก”  ดาเรนเองก็งงแต่เด็กคนที่เธออุ้มก็ขอลงจากตัวเธอแล้วเข้าไปทำอย่างที่พี่แฝดทำบ้าง  พวกเธอมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ  ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังเข้าไปช่วยลูบหัวเด็กๆที่ทำท่าอ้อนแม่อย่างกะทันหัน

ฝาแฝดเป็นอะไร  นึกยังไง  วันนี้ถึงติดนิกกี้ขึ้นมา..

“วันนี้อมีเลียเห็นเด็กที่โรงพยาบาลทำแบบนี้”

“แอนเดรียก็เห็น..”

ดาเรนกับนิโคลมองหน้ากันอีกครั้งเมื่อลูกสาวทั้งสองสารภาพ  แม้ดูไม่เป็นเหตุเป็นผลเท่าไหร่ที่พวกเขามาเคาะห้องรบกวนพวกเธอ  แต่ยังไงนี่ก็คือลูก...

“ก็เลยอยากทำแบบเค้าบ้างเหรอคะ”  ถามเสียงใจดี  เด็กทั้งคู่ยิ้มกว้างพยักหน้ารับ  คนเป็นแม่ได้แต่แอบถอนหายใจและโอบศีรษะเล็กๆเข้าหาอกเธอ  มองหน้าอีกคนไปด้วย
ดาเรนยิ้มไม่ว่าอะไรแค่เข้ามาช่วยจัดท่าทางให้พวกเขานอนอยู่กับเธอได้โดยไม่เบียดกัน  ไม่นานนักฝาแฝดตัวยุ่งขี้อ้อนทั้งสองก็หลับทั้งที่มือคาอยู่กับหน้าอกเธอที่ลืมไปแล้วว่าอ่อนไหวกับเรื่องอื่นอยู่  ก็กับลูก  เธอไม่รู้สึกเหมือนตอนอยู่กับคุณสามีหรอก  บอกแล้วว่ามันต่างกัน  แต่บอกตามตรง  ความจริงเธอก็ต้องการอยู่กับดาเรนแบบนั้น..  แต่มันจะทำได้ยังไง..  ลูกอยู่..

นอนมองอีกคนนอนลงข้างๆ ดาเรนดึงผ้าห่มมาห่มพวกเธอสามคนและตัวหล่อนด้วย  ดวงตาคู่สวยสีช็อคโกแลตมองเธออย่างสงสัย  คงอยากรู้ว่าเธอมองทำไม  เธอยิ้ม  เอื้อมมือไปจับแก้มหล่อนเบาๆ

“ยังสงสัยอยู่ไหมคะที่ฉันถามตอนนั้น”  ถามไป ดาเรนก็หัวเราะส่ายหน้ากลับมา  เข้ามาจูบหน้าผากเธอเบาๆแล้วกระซิบให้เธอยิ้มขำไปกับหล่อนด้วยคน  เพราะรู้ว่าหล่อนไม่ได้จริงจังอะไร

“ถ้าให้มีลูกเล็กๆเหมือนเจสอีกสักคนไม่ไหวแล้วค่ะ  แค่นี้ก็แย่งนิกกี้กับฝาแฝดไม่ทันแล้ว  อดทุกทีเลย..”



....................................................

 :875328cc:



เจอกันได้อีกที่ที่นี่นะคะ https://www.facebook.com/Crimsonmaiden, https://twitter.com/Anh29, http://leslybooks.lnwshop.com/ (ร้านหนังสือ)

 

ออฟไลน์ 19aug

  • หน้าใหม่
  • *
  • กระทู้: 8
Re: Runaway Bride vol.3 Chapter 10 : เจ้าตัวเล็กกับความวุ่นวายที่น่ายินดี
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 19 มกราคม 2014 เวลา 07:20:43 »
เออนะ เจสนี่ยังจะไปทะเลาะกับหมอเด็กอีก เอาเข้าไปแต่ละคน  :44:

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.