Chapter 7 : Evil Goddess (เทพธิดามาร)ไคล่ายังคงสนุกสนานกับนางในและอารมณ์ใคร่ที่มีอยู่ อย่างไม่รู้เบื่อหน่าย สำราญกับลิ้นร้อนอ่อนหวานที่เล็มไล้จนแทบจะทั่วร่างกายเธอ กล้ามเนื้อลอนเล็กที่หน้าท้องเกร็งจนนูนขึ้นมา ขนอ่อนรำไรตามแขนขาเธอลุกซู่เมื่อหล่อนจูบลงมาจนถึงพื้นที่เหนือท้องน้อย แต่กลับหยุด และเธอรู้สึกขัดใจ
“โรซาลี...” เธอเตือนเสียงนิ่ง ผู้หญิงบนตัวที่รู้หน้าที่ดีก็เลื่อนตัวขึ้นมากดจูบลงกับปาก มือบอบบางลากไปมาบนเนื้อตัวเธอ เพิ่มอารมณ์ปรารถนามากขึ้น แต่ก็ยังไม่ทำในสิ่งที่ควรทำต่อ ไคล่ารอจนรอไม่ไหว คว้ามือหล่อนมาจัดการเองและขยับสะโพกรับการถูกรุกล้ำ แต่นั่นเองที่ทำให้เธอนึกถึงใครบางคนแว่บขึ้นมาในหัว
คาร่า...
ใช่.. หากนี่เป็นคาร่า อะไรที่เธอปรารถนาจะได้มาโดยไม่ต้องบอก นิ้วยาวสอดใส่อย่างช่ำชองและโดนจุดสัมผัสหวานทุกครั้งที่มันกระแทกเข้ามา บอกได้เลยว่า การร่วมรักกับแฝดพี่ของเธอทุกครั้ง ไม่ได้สร้างแค่ความรู้สึกตื่นเต้นให้ เธอยังรู้สึกผ่อนคลายอย่างถึงที่สุด อาจเพราะเขารู้ว่า เธอชอบหรือไม่ชอบอะไร
ก็คาร่าเก่งทั้งรุกทั้งรับ..
แต่ตอนนี้พระองค์ทรงอยู่ที่ใด.. น้องด้วย..ไอซิส..
ไคล่าเริ่มฟุ้งซ่าน และเพราะอยากกำจัดมันออกไป เธอจึงรีบพลิกตัวมาอยู่ด้านบนสลับตำแหน่งกับโรซาลีทั้งร่างกายเชื่อมโยงกันอยู่ เธอรู้ดีว่าตัวเองอยากได้อะไร เอวจึงขยับขย่มบนตัวหล่อนอย่างรีบเร่ง แต่ยังไม่ลืมให้หล่อนไปเหมือนที่ได้รับมา จากนั้นทุกอย่างก็จบ เธอพบสวรรค์อีกครั้งอย่างหนักหน่วง ทรุดตัวลงหมดแรงกับอกอวบอัดของนางใน
กลิ่นกายนางช่างหอมหวานแม้จะเหงื่อพราวทั้งตัว..
ถึงเจ้าจะเทียบกับพี่ข้าไม่ได้.. แต่ก็ดีที่สุดที่ข้ามีตอนนี้..
“เหนื่อยก็ทรงพักเสียก่อนเถอะเพคะ” โรซาลีกระซิบด้วยความหวังดี เธอยิ้มอย่างกล้าหาญแม้จะกลัวกับสายตาของคนที่ยันตัวขึ้นมามองหน้า เพราะเธอไม่ได้มีหน้าที่ออกความเห็นอะไร นางในมีสิทธิ์แค่เพียงตอบสนองผู้เป็นเจ้าของเท่านั้น เธอไม่ควรจะมีปาก บางทีเธออาจจะถูกสั่งตัดลิ้น หากพูดไม่ถูกหู...
แต่กับเจ้าหญิงรัชทายาทองค์นี้.. คงไม่ใช่..
“เจ้ากอดข้าหน่อยสิ” ไคล่ากระซิบ ยิ้มแห้งๆ อีกสาวก็ดูลังเล กล้าๆกลัวๆ กระทั่งเธอต้องเริ่มก่อน รู้อยู่ว่า หล่อนกลัวอะไร มือขาวจึงจับมือหล่อนมาสัมผัสใบหน้าตัวเอง แล้วเลื่อนมันมาจูบที่ฝ่ามือ
“ข้าขาดความอบอุ่น” พูดคราวนี้ สาวในมือก็ทำท่าเข้าใจ หล่อนยิ้มและดึงตัวเธอลงไปแนบกาย ลูบแผ่นหลังช้าๆ ไคล่าอดไม่ได้กับความเพลิดเพลินนี้จึงฮัมรับ เธอกำลังจะหลับ หากแต่บางอย่างที่แล่นเข้ามาในหัวก็ทำให้สะดุ้งเฮือก
ลางสังหรณ์...
โอ้..ไอซิส.. น้องพี่.!
“เจ้านอนพักเถอะ ข้าต้องไปจัดการธุระสำคัญ” เธอบอกขณะลุกพรวดขึ้นราวกระเด้ง โรซาลีตกใจในความกะทันหันนี้แต่หล่อนยังยิ้ม ลุกขึ้นมากอดจากด้านหลังระหว่างที่เธอพยายามสวมเสื้อผ้า แล้วมันก็ทำให้เธอรู้สึกประหลาดอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน ผู้หญิงที่นอนด้วยนับร้อย ไม่เคยรู้สึก..
ความอ่อนโยน.. ความห่วงใย.. และชีวิตชีวา..
อดใจไม่ได้จึงหันไปคว้าใบหน้าหล่อนมาบดจูบแนบลงกับริมฝีปาก หล่อนครางในจูบพาให้หัวใจเต้นแรง มือซนๆของตนคว้าจับทรวงอกหล่อนมานวดเล่นไปพลางๆ โรซาลีครางหนักขึ้นเพราะถูกกระตุ้น แปลกที่คราวนี้หล่อนคว้ามือเธอเอาไว้ก่อนที่จะมีอะไรเกิดขึ้นมากกว่านั้น
“หม่อมฉันต้องการพระองค์นะเพคะ แต่ทรงมีเรื่องอื่นที่ต้องทำมากกว่านี้”
ไคล่ากระพริบตาปริบๆ ไม่คิดว่าเด็กสาวนางในคนใหม่จะกล้าพูดความจริงกับเธอ ไม่เคยมีใครทำ นั่นเองที่ทำให้รอยยิ้มปรากฏ..
ข้าชอบเจ้า..
“ก็ได้.. ข้าจะไป แต่เป็นหลังจากที่ข้าจัดการเรื่องนี้เสร็จก่อน” กระซิบตอบเสียงอ้อน ก่อนจะกดจูบปิดปากคนที่อ้าปากจะแย้ง แขนยาวรั้งตัวคนตัวบางกว่าเข้ามาหา ขอความอบอุ่นจากร่างกายหล่อนมาสู่ตัวเธออีกครั้ง
เจ้าไม่รู้หรอกว่า.. บางครั้งข้าก็แค่ต้องการใครสักคนที่โอบกอดข้าและทำให้ข้ารู้สึกเป็นตัวของตัวเอง..
................................................
“นี่เราจะไปไหนกันเหรอจ๊ะ..สาวน้อย..”
เสียงนุ่มทุ้มแต่แสนไพเราะเอ่ยถามออกมาจากด้านหลัง พาเธอออกจากภวังค์แห่งความคิดของตัวเอง เจ้าของร่างบางที่นั่งเกร็งตัวอยู่เล็กน้อยบนหลังสัตว์สี่ขาตัวมหึมาเกิดอาการสะดุ้งทันที
ใช่ว่าเธอขวัญอ่อนเพราะเรื่องแค่นี้ หากความรู้สึกประหลาดจากเสียงกระซิบนั่นต่างหากที่ทำให้ตกใจ ลมหายใจร้อนๆที่ออกมาพร้อมคำพูดและมากระทบใบหูกับต้นคอเธอนั่น มันสร้างความไม่สบายตัวให้ ท่อนแขนที่เกี่ยวเอวไว้ระหว่างที่ม้าวิ่งเยาะๆนี่ก็เหมือนกัน มันเหมือนจะยิ่งรั้งตัวเธอให้มาแนบติดกับตัวหล่อนที่นั่งอยู่ด้านหลัง
จะว่าไป..ตอนนี้ก็เหมือนเธอถูกโอบล้อมตัวเรือนร่างของหล่อนทั้งตัว..
และเธอรู้สึกทั้งอยากจะเอนตัวลงไปหาความอบอุ่น และผลักไสหล่อนให้ห่างออกไป มันประหลาด..
หรือผู้หญิงนางนี้จะไม่ใช่มนุษย์จริงๆ..
นิมฟ์.?
“ก็เจ้าให้ข้าพาไปส่งที่กองคาราวาน” อิสซาเบลล่าพยายามพูด พลางขยับตัวอึดอัด คล้ายจะบอกว่า เธอไม่ชอบการถูกท่อนแขนแข็งแรงที่รัดตัว หากแต่การสื่อสารคงจะผิดพลาด คนด้านหลังกลับขยับเข้ามาเบียดหลังเธอหนักขึ้นจนรู้สึกได้ถึงอะไรนุ่มๆที่ดุนหลัง...
โอ้ย.. ถอยไปได้ไหม.. เอาอะไรมาเบียดเนี่ย !
“ไปส่งหรือ.. แต่เราจำได้เลาๆนะว่า มันไม่ใช่ทางนี้” คาร่ากระซิบเหมือนแกล้งเมื่อเอาปากลงไปแทบจะแนบใบหูของผู้หญิงด้านหน้า ใจจริงอยากจะงับหูหล่อนเบาๆด้วยซ้ำ หากไม่กลัวไก่ตื่นเสียก่อน เด็กอะไรน่าจับมาปล้ำให้หายพยศเสียจริง
แต่หล่อนคงจะไม่เหมือนไอซิส..
โอ้ไอซิส.. พี่คิดถึงเจ้า..
โจรสาวรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะถูกระแวง สมองเธอพยายามคิดแผน เตรียมหาทางหนีทีไล่ หากแต่สมาธิก็เหลือเพียงน้อยนิด ยิ่งอีกคนกระซิบมาอะไรอยู่ข้างหู ภายในอกเธอยิ่งร้อน เริ่มกลัวแล้วว่า เธออาจจะถูกภูติสวาทในตำนานเล่นงาน
ข้าจะต้องต้านทานเจ้าให้ได้ !
“จะใช่หรือไม่ใช่ เจ้าก็ต้องไปกับข้า!” อิสซาเบลล่าตวาด กระชากขนที่แผงคอของเจ้าเปกาซัสหนุ่มอย่างแรง โอเอซิสส่งเสียงเจ็บปวด มันยกข้างหน้าสองข้างขึ้นในอากาศ และสะลัดพวกเธอหล่นลงพื้นดินในทันใดแล้ววิ่งหนีหายไปในความมืด
ทุกอย่างมันเป็นไปตามที่คาดการณ์ ยกเว้นเพียงสาวผมเงินที่ไม่ลงมานั่งคลุกดินเหมือนเธอ หล่อนยังทรงตัวยืนได้อย่างสง่าพร้อมรอยยิ้มประหลาด..
มันไม่ใช่คนแน่ๆ...
“เจ้าไม่ใช่มนุษย์!” เจ้าหญิงแห่งฝูงโจรลุกพรวดขึ้นจากดิน ชี้หน้าอีกคนด้วยกริชสั้นที่ดึงออกมาจากที่ซ่อน ไม่อยากบอกเลยว่า ขาสองข้างของเธอสั่นเพราะอาการไม่ยี่หระกับอาวุธในมือเธอ หรือว่าต้องใช้อย่างอื่น
มือบางควานหาลูกดอกธนูจากด้านหลังตัวเอง คิดจะเอามาใช้ และตาโตตกใจที่พบว่ามันไม่มี “เจ้าขโมยอาวุธข้า!”
“เจ้าไยกล่าวหาเราเช่นนั้น เจ้าเองไม่ใช่หรือที่ดึงมันออกตอนที่ขึ้นหลังโอเอซิส” คาร่าย้อนใจเย็น เห็นการถกเถียงกับโจรเป็นเรื่องสนุกไป
เด็กสาวพยศน่ารักเสมอ..
“เจ้า! เจ้ามันปีศาจ!” อิสซาเบลล่าตวาด ขาเรียวก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว อาจเพราะกลัวกับรัศมีประหลาดของคนที่เดินก้าวมาใกล้ ผู้หญิงบ้าอะไรไม่กลัวมีด !
“ใจเย็นสิเจ้า.. เราไม่ได้คิดทำร้ายเจ้าสักนิด แค่เจ้ายอมร่วมมือ”
“ร่วมมือ.? ร่วมมือเรื่องอะไร!” โจรสาวถามเสียงตระหนก เวทย์มนตร์ต่างๆที่เคยรู้จักก็ลืมมันสิ้น เธอจะหนีจากสถานการณ์นี้อย่างไรได้
และแล้วอะไรที่เธอกลัวและพยายามจะหนีมาทั้งชีวิต ก็เกิดขึ้นจริง...
“ยอมมอบตัวกับทางการเสีย แล้วเจ้าจะได้รับการลดโทษตามเห็นสมควร อย่าให้เราต้องใช้กำลัง เพราะเจ้าคงไม่อยากรู้หรอกว่า เราเป็นใคร.?”
..................................................
ไคล่ายืนนิ่งอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์ ในที่สุดก็สามารถตัดใจออกมาจากความอบอุ่นที่โหยหาได้ เพราะอย่างไรเธอก็รู้ว่า เธอจะไปหามันอีกเมื่อไหร่ก็ได้ เหตุนั้นเองเธอจึงยิ้มแม้จะเครียด
เพราะข้าเริ่มรู้แล้วว่า ชีวิตต้องการอะไรมากกว่ารสสวาทอันเร่าร้อนก็ตอนได้อยู่กับเจ้า.. เจ้าทำให้อ้อมกอดของอะโฟรไดตี้มีความหมายมากกว่าที่ข้าเคยเจอ..
“เจ้าหญิงรัชทายาทพะยะค่ะ พวกกระหม่อมเจอพระองค์หญิงไอซิสแล้ว!”
รอยยิ้มของเสด็จพี่รองของน้องเล็กคลี่กว้างขึ้น พระองค์กระซิบเบาๆหากแต่หนักแน่นจนทุกคนที่ก้มหัวให้ต้องทำตาม
“พาข้าไปที่นั่นเดี๋ยวนี้! ไปพาองค์หญิงกลับสู่บ้านเมืองเรา”
สู่อ้อมกอดของพวกข้า..
ไอซิส.. ถึงอย่างไร.. เจ้าก็ยังเป็นที่รักของข้าเช่นเดิม แม้เจ้าจะเป็นของใคร..
หรือพี่จะต้องยอมกอดผู้อื่นแทนเจ้าอยู่ที่เมื่อเชื่อวัน..
....................................
มันเป็นเหตุการณ์น่าสนเท่ห์ เหตุใดจึงเกิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ทั้งๆที่เธอคิดว่า ทั้งตัวเธอและมหาดเล็กจะถูกจับไปขัง อย่างน้อยก็เกิดเหตุต่อสู้ขึ้น
แต่ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ มันคือการเฉลิมฉลองใช่หรือไม่..
“เจ้าว่า พวกเขาทำอะไรกันอยู่ จะตั้งกระทะเตรียมต้มข้ากับเจ้าเป็นอาหารหรือไม่” ไอซิสกระซิบขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ที่มีการตกแต่งประหลาด และไม่เคยเห็นมาก่อน เลมมี่ที่ยืนข้างๆ ก้มตัวลงมาหา แต่แล้วกลับส่ายหน้าให้ เธอเม้มปากขัดใจกับความไม่รู้ของคู่หู
“เจ้านี่มันไม่ได้เรื่องเลยสักครั้ง” เจ้าหญิงน้อยบ่น ดวงตาสีโลหิตมองชำเลืองไปยังกองไฟที่มีกระทะใบใหญ่แขวนลอยอยู่เหนือมัน ชัดเจนเลยว่า คนในหมู่บ้านนี้กำลังทำอาหารกันอยู่ มีมุมเล่นดนตรีพื้นเมืองด้วย แต่พวกเขากำลังฉลองอะไรกันล่ะ
หรือว่า ข้าพลัดหลงมาในหมู่บ้านมนุษย์กินคน ?!
“พวกนั้นจะกินเราหรือไม่.. เจ้าคิดอะไรบ้างสิเลมมี่!” ไอซิสกระทุ้งสีข้างอีกคนด้วยศอก สีหน้าบอกอาการไม่พอใจชัดเจน ถึงความจริงเธอไม่ควรจะกลัวคนพวกนี้สักนิด แต่ก็ไม่คิดจะสร้างไฟบรรลัยกัลป์จากดวงเนตรสีแดงฉานมาทำลายล้างหมู่บ้านด้วยความโกรธของเธอหากพวกเขาคิดทำมิดีมิร้าย เธอไม่ต้องการสร้างความวอดวายให้กับผู้ใด แม้จะเป็นโจรหรือสิ่งใดก็แล้วแต่ เสด็จพี่ฝาแฝดของเธอเคยสั่งนักหนา หรือจะเรียกว่าขอร้องก็ยังได้ เธอไม่ควรทำร้ายใครโดยไม่จำเป็น...
แต่จะให้ข้าใจเย็นเช่นท่านได้อย่างไรเสด็จพี่.. ข้ามิใช่น้ำแข็งเช่นท่านนะคาร่า และมิใช่ลมเช่นท่านด้วยไคล่า.. ข้าเป็นไฟ...
และข้าจะทำลายทุกชีวิต หากข้าควบคุมสติไม่อยู่..
และนั่นเองที่ทำให้เธอกลัวตัวเองเหลือเกิน..
“เจ้าหญิง.. หม่อมฉันขอร้องล่ะเพคะ อย่าทรงกริ้ว ไม่เช่นนั้น..” เลมมี่พยายามจะพูดถึงจะเจ็บสีข้างที่ถูกศอก สาวผู้สูงศักดิ์กลอกตามาหา ทำท่าราวกลั้นใจแล้วพยักหน้ารับ เธอรู้สึกโล่งอก บอกตามตรงไม่อยากตายไปพร้อมชาวบ้านพวกนี้
“เราจะอยู่เฉยๆก็ได้ แต่หากพวกนั้นมาวุ่นวายกับเรา เราก็ไม่อาจรับประกัน”
และประโยคนี้เองที่ทำให้มหาดเล็กตัวเล็กใจหายวาบ หากแต่เมื่อเหลือบตาไปเห็นรอยยิ้มบนเรียวปากอิ่มเอิบ เธอก็ผ่อนคลายลง รู้ดีว่า..เจ้านายของตน ทรงโปรดการแกล้งคนเป็นที่สุด แต่มาแกล้งกันเวลาแบบนี้เนี่ยหรือ...
“เลมมี่.. พวกนั้นเดินมาหาเรา”
เจ้าของชื่อสะดุ้งและหันขวับไปตามเสียงบอก ร่างเล็กเกร็งตัวขึ้น มือเริ่มควานหาอาวุธลับที่ซ่อนเอาไว้ อาวุธที่ไม่ได้ถูกเอาไปตอนโดนพาเข้ามาในหมู่บ้าน หากแต่มันจะจำเป็นต้องใช้หรือ เมื่อคนที่เข้ามาหาเป็นแค่เพียงเด็กสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับตน ซ้ำในมือนางมีจานอาหาร มิใช่อาวุธใดๆ
“นางคงเอาอาหารมาให้พระองค์”
ไอซิสกระพริบตากับเสียงกระซิบใกล้ๆ สบตากับคนพูดด้วยสายตานิ่ง จากนั้นก็หันไปมองหญิงสาวที่เดินเข้ามาหาพร้อมถาดใบใหญ่และถึงจะหวั่นใจแค่ไหน เธอยังรักษาภาพพจน์ตามคำสั่งสอนของพี่สาวทั้งสอง
“มืดค่ำแล้ว เราคิดว่า พวกท่านคงจะต้องการ”
เจ้าหญิงน้อยมองหน้าคนพูดอย่างสนใจ เด็กสาวหน้าตาสดใส อายุไม่น่าจะมากกว่าตน หรืออาจจะน้อยกว่า หล่อนมีรอยยิ้มที่อาจเรียกได้ว่า “จริงใจ” ฉาบอยู่บนใบหน้าจิ้มลิ้ม กิริยาอาการก็มิได้กระโชกโฮกฮากราวคนบ้านป่าเมืองเถื่อนอย่างที่คิดไว้
นี่มันหมู่บ้านอะไรกันแน่...
“เจ้าแน่ใจหรือว่า ไม่ได้เอายาพิษหรือยาสั่งอะไรผสมมาให้เรากิน” ไอซิสถามตรงๆ หรี่ตาลงเมื่อเด็กสาวตรงหน้าส่ายหน้ายิ้ม ซ้ำหล่อนยังอยู่ในท่าโน้มตัวลงอย่างนอบน้อมเสียด้วย ไหนจะให้เธอนั่งบนเก้าอี้ประหลาดที่ไม่เหมือนใครนี่อีก มันหมายความว่าอย่างไร..
“ถึงอย่างนั้น เราก็ไม่ไว้ใจพวกเจ้า พวกเจ้าเป็นใครกันแน่ แล้วต้องการอะไรจากเรา จึงให้เรามานั่งอยู่ที่นี่”
“พวกผู้เฒ่าของเรา เห็นว่าท่านเป็นเทพธิดา จึงอยากเชิญมาเลี้ยงฉลองให้” เด็กสาวตอบง่ายๆ ใช้สายตาชี้ไปยังกลุ่มคนชราชายหญิงที่นั่งล้อมวงกันอยู่อีกด้านหนึ่งของกองไฟ ไอซิสมองตามแล้วกระพริบตาปริบๆ
“เทพธิดางั้นหรือ.. เหตุใดจึงคิดเช่นนั้น.?”
“เพราะตาของท่านมีสีแดง”
คำชี้แจงนี้พาให้คนงงสองคนหันมองหน้ากัน เจ้าหญิงน้อยเลิกคิ้วให้คนสนิทราวจะถามความคิดเห็น แล้วเลมมี่ก็พยักหน้าให้เหมือนรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“เจ้าก็คิดเช่นนั้นหรือ.. แล้วจะไม่เชื่อหรือว่า เราเป็นแค่คนธรรมดา”
“ท่านจะว่าอย่างไรก็ย่อมได้ แต่ขออย่างเดียว รับอาหารจากเราเป็นการบูชาก่อน เพราะเรามีหน้าที่มาเช่นนั้น” เด็กสาวยืนยันหนักแน่นทั้งก้มหน้าอยู่ คนมองดูทั้งสองก็หันมองหน้ากันอีก และคราวนี้เลมมี่ก็ขอออกตัวมาบ้าง
“ถ้าเช่นนั้น ให้ข้าเป็นคนชิมก่อนได้หรือไม่ ข้าเป็นผู้คุ้มครองของท่านผู้นี้”
ประโยคนี้พาไอซิสหันขวับไปหาทหารคนสนิท เธอไม่คิดว่าเลมมี่จะกล้าพูด มือสวยคว้ากระตุกแขนเสื้อหล่อน ใบหน้าหวานส่ายปฏิเสธ หากแต่มหาดเล็กยังยืนยันคำเดิม
“หากไม่ให้ข้าชิม เจ้าก็เอามันกลับไป พวกข้าไม่ยินดีรับของจากคนแปลกหน้า จำเพาะจากผู้คนประหลาดเช่นพวกเจ้า!”
หากแต่คราวนี้เลมมี่คงจะพูดดังเกินไปกว่าควร ผู้คนที่มุงกันอยู่ที่นี่จึงหันขวับมามองยังพวกเธอเป็นตาเดียว และทุกสายตาที่มองพาให้รู้สึกเสียวสันหลังวาบ
“ข้าว่า เจ้าพูดไม่ถูกหูใครเข้าให้แล้วเลมมี่” ไอซิสกระซิบ พยายามจะแค่นหัวเราะกับใบหน้าตกใจของเพื่อนวัยเด็ก แต่เมื่อเห็นอาวุธที่ถูกชักออกมาชูจากผู้คนเบื้องหน้า แม้กระทั่งเด็กสาวหน้าตาดีผู้นอบน้อมก็แปรเปลี่ยนสีหน้าจากหน้ามือเป็นหลังมือโดยฉับพลัน จากนั้นทั้งเสียงหัวเราะแกล้งๆกับรอยยิ้มของเธอก็หายไป และสิ่งที่เธอไม่อยากจะพูดเลย ก็หลุดปากออกมา
“หากพวกเจ้าทั้งหมดไม่ต้องการจะมีชีวิตอยู่แล้วล่ะก็.. ข้าจะให้พวกเจ้าได้อย่างที่หวัง เพียงพริบตาเดียว!”
..................................
มาแล้ว หลังจากที่หายไปหลายเพลา...
เราคิดว่า พวกท่านคงจะเบื่อเรื่องนี้กันแล้ว จึงไม่มีเสียงตอบรับกันเท่าที่ควร และห่วงว่า จะมีบางคนที่ตามอ่านไม่ทัน หากเราจะลงตอนใหม่ติดต่อกันเกินไป จึงเว้นวันบ้าง อีกอย่างก็มีเรื่องมากมายที่เราต้องเจียดเวลาไปทำ
จึงเพิ่งจะมานี่แหละ!!! :26: :26: :26:
อ่า.. เกร็งใช้ภาษาเก่ามานาน เบื่อแล้ว แต่ก็นั่นแหละค่ะ เสียงตอบรับน้อยกว่าที่เคยเป็นตอนเริ่มเรื่อง ข้าพเจ้าจึงคิดว่า อัพนิยายเรื่องนี้บ่อยเกินไปจนคนเบื่อ จึงนานๆมาที ขอโทษด้วยนะคะสำหรับคนที่แวะมาให้กำลังใจกันประจำ
อย่างไรก็ตาม ขอบคุณที่ติดตามกันมาเสมอค่ะ กับนิยายแปลกๆเรื่องนี้
ป.ล. สนใจนิยายเรื่องอื่น เชิญแวะเยี่ยมร้านหนังสือได้นะคะ มีขาย.. อิอิ
http://leslybooks.lnwshop.com/