web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 62
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 146
Total: 146

ผู้เขียน หัวข้อ: Queen's tales Chapter 10 : Miracle Forest (ป่าพิศวง)  (อ่าน 2974 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ anhann

  • Moderator
  • ขาประจำ
  • *****
  • กระทู้: 174
    • Crimson Maiden Les-books
Queen's tales Chapter 10 : Miracle Forest (ป่าพิศวง)
« เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2014 เวลา 09:11:03 »


Chapter 10 : Miracle Forest (ป่าพิศวง)

ในที่สุดก็ถึงเวลาเดินทางเมื่อตะวันบนฟ้าบอกเวลาของยามบ่าย ขบวนกองคาราวานเริ่มหมุนล้อ ความจริงเธอก็ยินดีที่จะได้ออกเดินทางเสียที จะได้รู้ว่าชีวิตนี้ต้องทำอะไรต่อไป แต่มันจะดีกว่าไหม หากไม่ต้องมานั่งอยู่บนหลังม้าตัวนี้ที่คนขับขี่ไม่ใช่เธอ..

คนที่ชื่อ ‘คาร่า’ จัดแจงให้เธอมานั่งกับฝาแฝดของหล่อน ส่วนตัวหล่อนเอง ควบม้าสีขาวอีกตัวอยู่กับน้องสาวตาสีแดง แต่นั่นคงจะเรียกว่า แค่น้องสาวไม่ได้หรอกนะ เพราะสิ่งที่เธอเห็นตอนนั้น...

ผิดเพศยังไม่พอ.. ยังจะผิดศีลธรรมอีกหรือไร.. ทำได้ยังไงกับน้องตัวเอง หรือคนในวงสังคมชั้นสูงนิยมทำเรื่องเช่นนี้กัน ?

ใช่สินะ พวกราชวงศ์ชอบแต่งงานกันในเครือญาติ ด้วยข้ออ้างของการรักษาสายเลือดสีน้ำเงินอันบริสุทธิ์เอาไว้ แต่กระนั้น ในความคิดเธอ มันก็ยังผิด..

แต่ใครกันเล่าจะสนใจความเห็นของเธอ.. ไม่มี...

“ไม่ต้องนั่งเกร็งได้ไหม.. ไม่รู้หรือไรว่าม้ามันรู้ถึงจิตใจของผู้ขี่ และมันคงอารมณ์ไม่ดีที่รู้สึกว่าเจ้าหน้าบึ้ง” สารถีกิตติมศักดิ์บอก ดวงตาคมสีฟ้ามองผู้ฟังที่ยังนั่งไม่รู้ไม่ชี้ เมินหน้าไปทางอื่น ความรู้สึกหมั่นไส้ในท่าทีจองหองของหล่อน จึงอดไม่ได้ที่จะปล่อยมือออกจากสายบังเหียนมาจับใบหน้าเล็กให้หันมาหา สะใจเล็กน้อยที่เจ้าของใบหน้าทำตาขวางใส่

“เคยบอกแล้วไม่ใช่หรือว่า เวลาพูดอะไรให้ฟัง”

“ก็ฟังแล้วไง แค่ไม่อยากพูด!” อิซซาเบลล่าแย้งเสียงดัง มือบางพยายามแกะมือที่บีบใบหน้าตัวเอง “เจ็บนะ ปล่อยได้ไหม.?!”

“ก็ไม่ได้อยากจะจับนักหรอก แต่ข้าไม่ชอบให้เจ้าทำหน้าแบบนั้นใส่ข้า”

“ทำ.. ทำหน้าแบบไหน ก็อยู่เฉยๆ....”

“อวดดี!” ไคล่าตวาด อีกคนตาโตตกใจ “หน้าตาเจ้ามันบอกยี่ห้ออวดดีตลอดเวลา”

“เอ๊ะ! ก็เกิดมาหน้าตาแบบนี้เองนี่ จะให้ทำยังไง” คนตัวเล็กกว่าเถียง พยายามจะดึงใบหน้าตัวเองออกจากมือแข็งแรง แปลกใจที่ขนาดว่ากำลังขี่ม้าอยู่ คนตัวโตยังจะมีเวลามาวุ่นวายกับเธอได้อีก

หมายความว่า เขาจะต้องควบม้าเก่งมากแน่ๆ..

ควบม้าอย่างเดียวนะ ไม่ใช่เรื่องอื่น..

เฮ้ย.. เธอกำลังคิดบ้าอะไรอยู่เบลล่า! อยากลองหรือไง..

“ถ้างั้น.. ข้าควรจะจับมีดมาผ่าตัดหน้าให้เจ้าใหม่ดีไหม.. เริ่มที่ปากก่อนเลย จะได้หัดยิ้มเป็น” ขู่คราวนี้เห็นคนฟังตาเหลือกมอง เห็นแล้วน่าสงสาร หากยังพบตัวเองหัวเราะ “ข้าล้อเล่น ใครจะไปทำแบบนั้นลง”

“ก็เจ้านั่นแหละ!” คนตัวเล็กกว่าตะคอก คราวนี้หลุดออกจากมืออีกคนได้สำเร็จ นั่นเพราะเขาปล่อยต่างหากล่ะ หลุดออกมาได้ก็ยังไม่วายจะมองค้อนคนที่ยอมใจดีกับตน

ใจดีที่ไหนล่ะ ชอบหาเรื่องแกล้งได้ทุกเวลา บ้าหรือไง..

“ข้ารู้สึกว่า ขากลับ ทางมันแปลกไป”

เสียงพึมพำของสารถีตัวโตดึงความสนใจของคนเผลอเหม่อกลับมา เธอมองกวาดสายไปตามทางรอบด้านบ้าง “โอ้..นี่เจ้าไม่รู้ใช่ไหมว่า ป่าแถบนี้สามารถเปลี่ยนสภาพได้ เมื่อกาลเวลาเปลี่ยน”

ไคล่าตกใจ พลางส่ายหน้า “ไม่.. ข้าไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย” หรือรู้แต่ลืมกันแน่ เธอนึกต่อในใจ..

อิซซาเบลล่าขมวดคิ้วครุ่นคิด “ข้าคิดว่า เจ้าควรพักขบวนก่อน และหาใครสักคนที่ไว้ใจได้ออกไปตรวจสอบทางดู” พูดสีหน้าขึงขัง คนที่ไม่เคยฟังใครมาก่อนอย่างเจ้าหญิงรัชทายาทจึงเริ่มคิดตาม

“ทำไมเราจะต้องทำแบบนั้น เราเดินตามเส้นทางของดวงตะวันก็ได้นี่” ถามอย่างสงสัย หากไม่ทันที่ใครจะได้ตอบท้องฟ้าที่สว่างไสวก็ถูกเมฆดำทะมึนมาบดบัง ดวงตาสีฟ้ามองมันอย่างตกใจ “เกิดอะไรขึ้น.?”

“ป่าแห่งเวทย์มนต์ มันคงอยากจะลองดีกับใครบางคนล่ะมั้ง” สาวน้อยพึมพำคิ้วขมวด เหลือบตาขึ้นมองอีกคน “เจ้าคิดว่ายังไง.?”

ไคล่าไม่ตอบกลับควบม้าสีดำไปหาม้าสีขาวแทน “คาร่า!”

“สั่งพักขบวนก่อน” คาร่าตอบเสียงเรียบ คนฟังพยักหน้ารับเร็ว รีบหันไปทำตามคำสั่ง ได้ยินเสียงคล้ายกันตะโกนบอกทหารในคราบชาวบ้านให้หยุดขบวน

“แล้วจะเอาไงต่อ” คนผมบลอนด์เทาหันกลับมาถามเมื่อทำตามที่สั่งการเสร็จ ฝาแฝดของตัวเองนิ่งคิด หากน้องคนเล็กชิงพูด

“ให้ข้ากับเลมมี่ไปดูรอบๆนี้ดีไหม หรือพวกพี่จะไปกันล่ะ”

“ข้าคิดว่า ควรจะมีพวกเราคนใดคนหนึ่งอยู่ที่นี่ ดูแลพวกผู้หญิงคนอื่นๆ เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกบ้าง” ไคล่าเสนอมองฝาแฝดของตนอย่างขออนุญาต

“ถ้าเช่นนั้น ข้ากับไอซิสจะไปเอง” คาร่าสรุป ฉุดสายบังเหียนให้ม้าหันหลังกลับ หากเสียงหนึ่งก็ทักขึ้น

“ระวังตัวด้วย แม้เจ้าจะเป็นจอมเวทย์ แต่นี่ก็เป็นป่าแห่งเวทย์มนตร์”

คนถูกทักเหลียวหน้ากลับมาทั้งที่ม้าออกวิ่งแล้ว ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลขยิบให้คนทักหนึ่งทีพร้อมรอยยิ้มทรงเสน่ห์ ก่อนหายไปในความมืดที่ค่อยๆเข้ามาคืบคลาน คนมองตามก็อดใจหายตามไปไม่ได้

“เจ้าแน่ใจนะว่า พี่กับน้องเจ้าจะไม่เป็นอะไร” อิซซาเบลล่าพูดอย่างอดไม่ได้ แม้ไม่ได้ชอบหน้านัก หากคำสั่งของผู้เฒ่าที่นับถือยังคงติดอยู่ในใจ

หากผู้หญิงผู้นั้นไม่ได้มีความสำคัญจริง เนฟินจะไม่พูดกับเธอแบบนี้เด็ดขาด เขาไม่ใช่คนที่จะล้อเล่นกับอะไร โดยเฉพาะเรื่องหน้าที่ในงาน

แต่ความสำคัญของเจ้ามันคืออะไรกันล่ะคาร่า.. หรือเพราะเจ้าคือราชวงศ์คนสำคัญ ราชนิกุลไหน จึงสำคัญขนาดนี้ หรือใกล้ชิดกับองค์ราชินี.?

ช้าก่อน.. แล้วองค์ราชินีชื่ออะไรนะ.? ทำไมข้าจึงจำไม่ได้..

“ไม่มีอะไรทำคาร่าได้ ถ้าพี่ข้าไม่ยอม” เสียงคำตอบนิ่งๆ พาให้คนที่นั่งคิดวิตกกระพริบตา เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าเจ้าของเสียง และใบหน้าที่เชื่อมั่นก็ทำให้เธอเผลอยิ้มอย่างหลุดอาการ

ถ้าอย่างนั้น ข้าจะขอดูพวกเจ้าต่อไปก็แล้วกัน ขอให้เก่งสมคำร่ำลือ..

......................................................

ดวงตาสีโลหิตมองบรรยากาศรอบด้านอย่างสงสัย ความขมุกขมัวของท้องฟ้าเวลานี้ยังอุตส่าห์ทำให้เห็นได้ว่า เธอกับพี่อยู่ที่ไหน แม้ไม่สามารถบอกตำแหน่งที่อยู่ได้ชัดเจนว่าอยู่ห่างจากปราสาทบ้านของตนถึงเพียงใด หากยังพอเห็นรูปร่างของมัน

มันเป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ที่ถูกขนาบข้างด้วยป่ารกๆ แว่วหูได้ยินเสียงน้ำไหลเอื่อยๆ เข้าใจได้ว่า อาจมีแหล่งน้ำอยู่ใกล้ๆ น่าจะเป็นลำธารมากกว่าแหล่งน้ำที่เกิดจากฝีมือคน มันช่างน่าเสียดายที่ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ชัดนัก ไม่เช่นนั้นคงจะได้เห็นความสวยงามของพื้นที่หนึ่งของโลกที่เธอไม่เคยเจอ

“ที่นี่คือที่ใด.?” ไอซิสพึมพำอยู่บนหลังม้า ที่ความจริงก็คือโอเอซิสที่เก็บปีกแล้วเหมือนเป็นเพียงม้าสีขาวธรรมดามากกว่าเปกาซัส มันยืนนิ่งให้เธอกับพี่ได้มองดูที่แห่งนี้อย่างพิจารณา แม้จะคิดว่า พวกเธอออกห่างจากขบวนกองคาราวานมาไม่มาก หากความรู้สึกที่ได้จากตรงนี้ดูจะเลวร้ายกว่าตรงจุดนั้น

มันอาจจะสวยงาม หากความสวยงามบางครั้งก็ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป..

“ข้าไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน” สาวน้อยบ่นอีกนิด พลางจับมือที่วางแนบกับเอวตัวเอง แค่อยากจะอุ่นใจกับคนที่อยู่ใกล้กัน อยากเพียงแน่ใจว่า เขาจะไม่ทิ้งเธอไว้คนเดียว แม้ว่าพี่จะไม่เคยทิ้งเธอเหมือนที่มักจะกลัว...

ที่กลัวก็เพราะรักที่มากมาย..

“ข้าเคยเจออยู่บ้าง แต่ก็นานมาแล้ว” คาร่าตอบ ก้มหน้าลงมองคนที่เงยขึ้นมาสบตา แม้วิตกอยู่ยังพยายามยิ้มให้ “กลัวหรือเปล่า.?”

“ไม่เพคะ ขอเพียงมีท่านอยู่” พูดพร้อมยกมือขาวขึ้นจูบเบาๆ รู้สึกอุ่นในอกอย่างเหลือจะกล่าวเป็นคำพูดได้ หากอีกคนคงพอเข้าใจจึงยิ้มอบอุ่นกลับมา

“ว่าแต่ตอนที่ท่านเจอมัน ท่านทำอย่างไร แล้วเหตุใดข้าไม่เคยรู้..”

“ตอนนั้นเจ้ายังวิ่งเล่นอยู่ในสวน ซนอยู่กับเลมมี่” ตอบพร้อมยิ้มเอ็นดู คนฟังหน้าแดง “ข้ามาฝึกล่าสัตว์กับเสด็จพ่อ ไคล่าก็มาด้วย”

“อา.. ข้าน้อยใจเหลือเกินที่ไม่ได้มากับพวกท่าน” ไอซิสแกล้งงอน แก้มเนียนจึงถูกหอมเบาๆให้หัวเราะ แม้ไม่ใช่เวลาที่จะมามัวหยอกกัน หากถ้าจะได้ทำสักนิด บรรยากาศที่นี่คงจะน่ากลัวน้อยลง

ใช่แล้ว.. อันที่จริงเธอกลัว..

“โอ้.. แล้วพวกท่านทำอย่างไรกัน จึงปลอดภัย” ถามอยากรู้จริงจัง หากอีกคนเลิกคิ้วยิ้มคล้ายเป็นเรื่องเล่นๆ ว่าจะอ้าปากถาม แต่ลูกแก้วใสปิ๊งก็มาอยู่ในมือพี่สาว พาให้มองหน้ากันงงๆ “คาร่า.?”

“ข้าคิดว่า ควรจะคุยกับเจ้าของป่าแห่งนี้สักหน่อย” คาร่ายังยิ้มอยู่ ร่างสูงลงจากหลังม้าที่ย่อตัวให้อย่างรู้ใจ ส่งมือข้างที่ว่างให้สาวน้อยหน้าใสได้จับลงมายืนด้วยกัน ไอซิสมองเธออย่างสนใจ โดยเฉพาะที่ลูกแก้ว

“ข้าแค่ถือมันเล่น..”

“ถือเล่นหรือ.? อย่ามาปดข้าดีกว่าคาร่า.. ท่านจะเล่นอะไรกันแน่ หรือนี่คือวิธีถ่วงเวลาให้เราได้อยู่กับตามลำพัง.?” คนหน้าหวานยิ้มหวานขี้เล่นให้คนที่พยายามเล่นอยู่ หากคนหน้าคมก็ส่ายหน้า

“ถ้าเช่นนั้น เจ้าดูนี่ดีกว่าน้องสาวคนดี”

ไอซิสมองตามมือที่ยกขึ้นสูงเหนือศีรษะเธอพร้อมด้วยลูกแก้วที่ต่อมาก็ลอยขึ้นเหนือฝ่ามือนั้น มันเปล่งแสงสว่างจ้าเมื่อลอยขึ้นสูงจนเกินจะคว้าได้ และแสงนั้นก็ทำให้อะไรๆชัดเจนขึ้น เธอเห็นแล้วว่า ที่แห่งนี้งดงามราวสรวงสวรรค์

“ไม่ได้พบกันนานมาก หากท่านยังไม่ลืมวิธีที่จะเรียกเราออกมา”

เสียงอันไพเราะเพราะพริ้งดังขึ้นในความเงียบสงบ คนฟังหันมองหาก็พบม้าสีขาวอีกตัวที่วิ่งเข้ามา หากมันคงไม่ใช่ม้าธรรมดาหรอกเมื่อมันมีเขางอกขึ้นมาที่กลางหน้าผาก

“ยูนิคอร์น.?”

“โอ้.. คราวนี้ท่านพาเพื่อนมาด้วย.?” เสียงเดิมๆถามราวแปลกใจ หากคนที่แปลกใจกว่าน่าจะเป็นคนที่อุทานเมื่อกี้ ไอซิสขยับไปใกล้ร่างสูงที่ยืนนิ่งราวไม่รู้สึกอะไร

“หืมม.? คนรัก.?”

“ยู.. ยูนิคอร์นพูดได้..?”

“เฟฟานี่.. เลิกเล่นเถอะ เราไม่มีเวลามากนัก เราจะรีบกลับบ้าน” คาร่าส่ายหน้าอ่อนใจ ยูนิคอร์นยกสองขาหน้าขึ้นในอากาศ ร้องภาษาม้าขณะตะกุยลม จากนั้นก็หมอบลง ปรากฏหญิงสาวในชุดอาภรณ์ยาวชั้นดีขึ้นมาบนหลังของมัน หล่อนโปรยยิ้มเจ้าเสน่ห์

“ท่านรีบร้อนทุกครั้งที่มาหาเรา” หญิงสาวทำเสียงบ่น ร่างบอบบางสง่างามลงมาจากหลังม้า เยื้องกรายเข้ามาสองคนที่ยืนมอง ดวงตาสดใสสีม่วงมองสาวตาสีแดงอย่างพิเคราะห์ “วาลคีรี.?”

ไอซิสกระพริบตาไม่แน่ใจว่า สาวแปลกหน้าที่มาด้วยวิธีประหลาดกำลังพูดถึงใคร “คาร่า.?” เธอดึงแขนเสื้อพี่สาวเบาๆ เร่งให้พูด เขาก้มหน้ามายิ้มให้ก่อนหันไปหาผู้มาใหม่

“เราไม่ได้มาให้ถาม เราอยากให้เปิดทางให้เรา”

สาวตาสีม่วงส่ายหน้า ทำเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจ “คราวหน้าส่งไคล่ามาหาเราดีกว่า ท่านน่าเบื่อเกินไปแล้วแฝดพี่”

“เฟฟานี่ทำตามที่เราบอกก่อน ก่อนที่บริวารของเราจะกลัวจนลนลานมากเกินไป ที่สำคัญเราไม่ได้มาเพื่อเล่นด้วย”

“เราก็ไม่ได้มาเล่นเช่นกัน เรามาเพื่อเตือน”

“เรื่อง.?” คาร่าเลิกคิ้วพร้อมมือหนึ่งสอดเข้าไปโอบเอวคนใกล้ตัว หวั่นใจแปลกๆกับคำพูดจากแปลกๆของสหายเก่าแก่

ผู้ดูแลป่าแห่งเวทย์มนตร์..

เฟฟานี่ยังไม่ตอบ กลับออกเดินวนมองดูสองคนที่เกาะกันอยู่อย่างสนใจ แอบทำตาขู่ที่เห็นสาวผมเงินร่างสูงจะเอ่ยปาก “ท่านควรให้บริวารอยู่ในป่าของเราอีกคืน รุ่งเช้าค่อยออกเดินทาง”

“ท่านมีเหตุผลอะไร ไยไม่บอกกล่าวให้รู้เรื่อง” น้ำเสียงเคืองใจชัดเจนพาให้อีกฝ่ายหัวเราะ

“ใจร้อนทั้งที่ภายนอกแสนเย็นชา”

คาร่ากดหัวคิ้วลง “เราแค่อยากจะแน่ใจว่า เรามีเหตุผลที่สมควรจะทำตามที่ท่านเตือน ท่านรู้ดีว่า ฐานะอย่างเราพูดอะไรแล้ว กลับคำได้ยากนัก”

“หากเพื่อความปลอดภัยของเหล่าบริวารที่ท่านห่วงใย ท่านควรเชื่อในคำเตือนของข้าที่พูดไม่ได้มากกว่านี้” เฟฟานี่ยืนกราน แล้วยื่นมือมาข้างหน้าต่อหน้าสาวตาสีแดงที่เงียบเหมือนพูดไม่ออกอยู่นานแล้ว

“คาร่า.?” ไอซิสเงยหน้าขึ้นถามความเห็นพี่สาวที่รัก คาร่าพยักหน้าให้ เธอจึงยื่นมือตัวเองไปให้สาวแปลกหน้าที่กำลังทำท่าขอ มองดูหล่อนสัมผัสมือเธอแผ่วเบาราวกลัวมันจะสลาย กระพริบตางงเมื่อหล่อนก้มหน้าลงกดริมฝีปากสีแดงระเรื่อกับหลังมือ

“ยินดีที่ได้พบกัน หวังว่าวันข้างหน้าจะได้พบกันใหม่พระธิดาไอซิส” สาวตาสีม่วงยิ้มหวานก่อนปล่อยมือที่จับไว้ออกและถอยหลังออกไป ยูนิคอร์นตัวใหญ่ตัวเดิมก้าวมายืนข้างรอให้ร่างระหงก้าวขึ้นไป

“อยู่ที่นี่อีกคืนองค์ราชินี.. ได้โปรดเชื่อผู้หวังดีผู้นี้อีกสักครั้ง” เฟฟานี่ทิ้งท้ายและหายไปพร้อมม้าสีขาวมีเขา เหลือเพียงสองคนที่มองตามหลัง และคนหนึ่งงงจนส่ายหน้า

“ข้าไม่เข้าใจนางสักนิด” เจ้าหญิงน้อยพึมพำ เงยหน้าขึ้นมองคนข้างตัว เห็นหัวคิ้วสีเงินชนกันอีกแล้ว อารมณ์ไม่ดี.?

“เสด็จพี่เพคะ เชื่อนางหรือไม่.?”

คาร่าพยักหน้าพูดเบาๆ “เราจะค้างคืนที่นี่อีกคืน” มือขาวรั้งเอวสาวยืนงงให้เดินตามกันมาโดยไม่พูดอะไรอีก รู้ว่าไอซิสมีเรื่องจะถามมากมาย แต่น้องคงกำลังคิดอยู่ว่าจะถามอะไรก่อน และก่อนหน้านั้น เธอคงจะมีเวลาถามตัวเองว่า สิ่งที่เฟฟานี่ละเว้นไว้ไม่พูดถึงนั้นคือเรื่องใด

หวังใจว่าคงไม่ได้เกี่ยวกับพระคู่หมั้นของเจ้าหรอกนะ..ไอซิส..

 :26: :26: :26: :26: :26:



เจอกันได้อีกที่ที่นี่นะคะ https://www.facebook.com/Crimsonmaiden, https://twitter.com/Anh29, http://leslybooks.lnwshop.com/ (ร้านหนังสือ)

 

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.