Chapter 3 : ไอคิโด
“โอเค..ถึงสักที...” แคลลี่พาตัวเองกับขับรถมอเตอร์ไซด์ดูคาตี้ และคุณหนูเจ้านายแสนสวยเจ้าของรถมายังสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเหมือนเธอจะรู้อยู่คนเดียวว่ามันคือที่ใด
เธอจอดรถและละมาจากมัน โดยมีอีกคนที่นั่งมาด้วยทำตาม แคลถอดหมวกน็อคออก สะบัดศีรษะไปมาเพื่อปล่อยให้ผมยาวสลวยสีน้ำผึ้งของเธอให้เป็นอิสระ ขณะนั้นไม่ได้สนใจเลยว่า จะมีหนึ่งสายตามองเธออยู่
ดิออนลืมถอดหมวกกันน็อคของตัวเองออกเพราะมัวแต่ตกตะลึงกับภาพนางฟ้าที่กำลังสยายเส้นผมสีน้ำผึ้งไปกับสายลม ดวงตาสีแดงสวยทั้งคู่ค่อยๆเปิดขึ้น ใบหน้าขาวนวลตอนนี้ฉาบด้วยแสงของดวงตะวันยามเช้าเป็นประกาย ต้นดอกซากุระที่ผลิดอกสวยงามทั้งต้น และยังดอกเล็กดอกน้อยสีชมพูอ่อนที่หล่นลงบนผืนหญ้าสีเขียวจัดนั้นเป็นเสมือนภาพเบื้องหลัง ยังเสริมให้หญิงสาวผู้หญิงงดงามเสียยิ่งกว่าเทพีที่มาจุติยังผืนโลก
...วีนัส.. แอฟโฟรไดที.. เอ้ย..มันก็คนเดียวกันนี่หว่า..
“........” ดิออนไม่รู้จะพูดอะไรดี ในตอนนี้ได้แต่ยืนมองคนเบื้องหน้าด้วยสายตาเหม่อลอย เธอค่อยๆถอดหมวกกันน็อคของตนออกช้าๆ ราวกับว่าเป็นซอมบี้ ลืมแม้กระทั่งที่จะสะบัดผมยาวสีเข้มสลวยนุ่มดุจแพรไหมของตน ที่จะต้องทำอยู่เป็นประจำ เธอคล้ายกำลังต้องมนต์สะกดของแม่มดอยู่ตรงนี้
“ดิออน.. ดิออน.. ดิ-ออน-จัง...” เสียงหวานสำเนียงประหลาดดังขึ้นแทรกบรรยากาศความเงียบสงบ พาให้คนยืนเหม่อกระพริบตาจนได้
“เอ่อ...เอ่อ...อะไร...” ดิออนยังไม่เข้าใจว่า คนตรงหน้าเรียกเธอทำไม แต่การที่เขาขยับเข้ามาใกล้จนใบหน้าจะติดกับเธอแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องดีแน่ “บ้าอะไรแคลลี่ ไปไกลๆนะ!”
เสียงหัวเราะใสๆดังตามหลังเสียงโวยวายของเธอ ดิออนถอยหลังห่างออกมาด้วยความตกใจ มือเล็กทั้งสองข้างกำลังพยายามยันบ่าของคนตรงหน้าไว้เพื่อไม่ให้ตามเข้ามาใกล้เธอมากกว่านี้ เธอก้มหน้าและเบือนหน้าไปทางอื่น หวังไม่ให้คนยืนใกล้ได้เห็นความเปลี่ยนไปของใบหน้าของตัวเอง ‘โอ้..โอ้...ฉันรู้สึกแย่ รู้สึกดี โอ้..แย่ เฮ้ย..อะไรเนี่ย เราเป็นอะไรไป แคล เธอทำอะไรฉัน...’
แม้จะรู้เหมือนกันว่า เธอแกล้งคนอายุน้อยกว่ามากจนเกินไป แต่มันก็อดไม่ได้อยู่ดี แคลลี่แกล้งกระโดดหนีไปอยู่ด้านหลังของสาวร่างเล็ก
“เธอกลัวอะไรอยู่เหรอ..ดิออน ผีรึเปล่า..” แสร้งทำตัวเป็นคนตาขาว เพื่อจะได้อาศัยเหตุการณ์นี้ให้เป็นประโยชน์โดยที่อีกคนไม่รู้เรื่องด้วย
บอดี้การ์ดหน้าสวยย่อตัวลงเล็กน้อยให้ความสูง 178 เซน.ของตัวเองลดลงมาจนสามารถที่จะแทรกสองแขนยาวของตนเข้าไปข้างลำตัวของอีกคนได้สะดวกกว่านี้ แคลสวมกอดร่างนั้นจากด้านหลัง วางคางไว้บนบ่าเล็กนั่น พึมพำเสียงกระซิบ “ฉันกลัวจังเลย”
ดิออนไม่ได้สังเกตเลยว่า เธอกำลังถูกลวมลามอยู่ตอนนี้ มารู้อีกทีก็เวลาที่เธอเหลียวหน้ามามองหน้าคนด้านหลัง แก้มขาวของเธอข้างนั้นไปสัมผัสปลายจมูกโด่งเป็นสันของเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ร่างบางสะดุ้งโหยงเมื่อเข้าใจแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นตรงนี้
ดิออนยันตัวคนตัวใหญ่กว่าออกไปให้ห่างจากตัวเธอด้วยสองมือ “ยัยบ้า.. ทำบ้าอะไรเนี่ย” เสียงห้าวร้องตะโกนออกมาและจ้องหน้าอีกคนอย่างเอาเป็นเอาตาย “ไปไกลๆเลยนะ” เธอย้ำทำให้ได้ยินเสียงหัวเราะน้อยๆในลำคอของอีกคน
ดวงตาสีเขียวมรกตจ้องคนตาสีแดงตรงหน้าราวกับมันอยากให้ปล่อยแสงได้ ดิออนไม่รู้ตัวว่า ทั้งใบหน้าของเธอกำลังแดงก่ำ และนั่นก็เป็นสาเหตุหลักให้อีกฝ่ายทำหน้าทะเล้นให้เธอแบบนี้ “แคลลี่.. เธอแย่มาก..” บ่นไปและขยี้แก้มของตัวเองไปพลาง เหมือนอยากจะให้สัมผัสที่เพิ่งได้มาหายไป ...ก็มันน่าอายจะตายไปนี่นา.. ยัยบ้านี่..
“Mou...ดิออน.. เธอใจร้ายจัง.. ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรแบบนั้นซะหน่อยนะ.. แค่กลัว..” เสียงตัดพ้อดังตามมา เมื่อร่างสูงกว่าทำก้มหน้าคอตกเหมือนคนกำลังเสียใจ
ดิออนเองก็รู้สึกตกใจ แต่คราวนี้เธอไม่ยอมหลงกลมารยาของคนตรงหน้าอีกแล้ว “กลัวเหรอ.. ทำอย่างกับว่า..ฉันจะเชื่อเธอแน่ะ..” ดวงตาสีเขียวเหมือนมรกตมองอีกคนอย่างไม่ไว้ใจ จนได้เห็นหล่อนยิ้มเจื่อนๆกลับมา คงรู้ตัวแล้วว่า ทำกับเธอเกินไป ก็แค่คนรู้จักกันได้ไม่ถึงสองวัน..ทำยังกับยัยนั่นจะแคร์เรื่องนี้แน่ะ..
“เธอรู้มั้ยว่า.. เธอน่ากลัวกว่าผีซะอีก..แคลลี่” รอยยิ้มอย่างมีชัยเกิดขึ้นที่ริมฝีปากของเธอเมื่อเจอกับสีหน้าตกตะลึงของบอดี้การ์ดสาว ดิออนยกมือขึ้นโบกไปมาขณะหันหลังให้สาวร่างสูง “ฉันจะกลับล่ะ..”
ดวงตาสีแดงกระพริบปริบๆเหมือนไม่ได้ยินที่อีกคนพูด แต่พอรู้ตัวอีกที เธอก็เห็นแค่ด้านหลังของร่างบางในชุดนักซิ่งนั่นแล้ว “เดี๋ยว..ดิออน เดี๋ยวก่อน..อย่าเพิ่งไป..”
“ฉันจะกลับบ้าน..”
ใบหน้าหวานถอดสีขึ้นมาทันที “ไม่ได้นะ..ดิออน.. เรายังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำอีก” แคลลี่วิ่งตามมาดักหน้าคนตัวเล็กกว่าได้ทัน เธอพยายามทำหน้าตาให้ดูน่าสงสารที่สุดขณะมองหน้าเด็กสาว เผื่อว่าหล่อนจะใจอ่อน เสียงถอนหายใจอย่างรำคาญดังออกมาจากคนตรงหน้าก่อนจะได้ยินคำตอบที่เธอชอบใจ
“ก็ได้ ก็ได้ มีอะไรว่ามา..” เสียงห้าวพูดออกมาอย่างเสียไม่ได้ ดิออนไม่ชอบใจเลยที่มันไปทำให้อีกฝ่ายหน้าระรื่นขึ้นได้แบบนี้ “เดี๋ยวก่อน.. เธอพาฉันมาที่นี่ทำไม..?”
ความดีใจในสีหน้าและแววตาของคนตรงหน้าหายไปในทันที มันถูกแทนที่ด้วยความเคร่งขรึม เมื่อคนตัวสูงยืดตัวตรงขึ้นเต็มความสูงด้วยท่วงท่างามสง่าและผายมือข้างหนึ่งไปยังพื้นที่ด้านหลัง
“ด้านหลังของฉัน เป็นโรงฝึกศิลปะการต่อสู้ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ศูนย์ฝึกความพร้อมของบอดี้การ์ด..”
ดิออนพยักหน้ารับคำบอกเล่านั้นอย่างงงๆ แต่สายตาของเธอมองตรงไปยังอาคารที่มีลักษณะเป็นโรงยิมขนาดใหญ่ด้านหลังของตัวผู้เล่า ขณะที่เขาเอ่ยเล่าต่อไป
“พนักงานของบริษัททุกคนจะต้องเข้ามาฝึกซ้อมที่นี่เป็นประจำ อย่างน้อยก็สัปดาห์ละสามถึงสี่ครั้ง รักษาความพร้อมด้านสมรรถภาพทางร่างกาย..”
เสียงฮัมดังขึ้นแทนคำรับรู้เรื่องเล่าและเข้าใจมัน แต่ดิออนก็ต้องหันกลับไปมองเจ้าของเรื่องเมื่อคิดบางเรื่องได้ “แล้วยังไง.. เธอเล่าให้ฉันฟังทำไมล่ะ”
และสายตาจากดวงตาสีแปลกนั่นก็ตอบแทนเขากลับมา ร่างบางรีบก้าวถอยหลัง ตั้งท่าจะขัดขืน “อย่าบอกนะว่า.. เธอจะให้ฉันไปฝึกอะไรในนั้นด้วย”
ใบหน้าสวยของเด็กสาวส่ายไปมาทันทีหลังจากที่อีกคนพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ดิออนก้าวถอยหลังอีกก้าว “ไม่มีทาง.. ไม่มีทางแน่ๆ”
“แต่เธอจะชอบนะ..ถ้าได้ทำ..” แคลพยายามโน้มน้าวใจ แต่อีกฝ่ายก็เอาแต่ส่ายหน้ากลับมา
“ไม่.. ฉันไม่ฝึก.. ไม่ใช่หน้าที่.. นั่นมันหน้าที่ของเธอ เสียใจด้วย..” ร่างบางหันหลังกลับทันที แต่ก็แปลกใจที่เธอถูกดึงกลับมาอีกครั้งด้วยมือที่เข้ามาจับท่อนแขน ดวงตาสีมรกตจ้องสีแดงอย่างมาดร้าย “ปล่อยนะ..” เธอขู่ฟ่อ
“ก็ฉันอยากให้เธอได้รู้ไว้บ้างนี่นา..”
ดิออนไม่เข้าใจว่า เธอเป็นอะไรไปถึงได้ยอมให้อีกคนได้แตะต้องตัวเธออยู่แบบนี้ และยอมฟังเรื่องที่เขาพูด และหยุดที่จะหนี หรือจะเพราะสีหน้ากับหน้าตาที่แสดงออกมาถึงความไร้เดียงสาแบบนี้กันแน่
“แล้วทำไมฉันถึงจะต้องรู้.. ก็มีเธออยู่ทั้งคนอยู่แล้วนี่..” ดิออนตอบด้วยน้ำเสียงธรรมดา และก็ต้องแปลกใจกับรอยยิ้มพึงใจของคนตรงหน้า มันเหมือนว่าเธอพูดอะไรผิด
ดวงตาสีมรกตเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อรู้ความหมายของคำพูดของตัวเอง ใบหน้าของเธอทั้งหน้าร้อนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“เฮ้..อย่าเข้าใจผิดนะ ฉันก็แค่คิดว่า เธอเป็นบอดี้การ์ด.. มันก็ต้องเป็นหน้าที่ของเธออยู่แล้ว..” และนั่นก็ทำให้ได้เจอสีหน้าผิดหวังออกมาจากคนฟังประมาณหนึ่งนาที ก่อนที่จะกลับมายิ้มแปลกๆอีกรอบ ..ฉันไม่ชอบยิ้มแบบนี้เลย..ให้ตายสิ..
“กลัวล่ะสิ..”
ดวงตาสีมรกตกระพริบตาเพราะไม่เชื่อว่าเธอได้ยินอะไร แต่ไม่ใช่ เธอได้ยินมาถูกต้องแล้ว ผู้หญิงร้ายกาจ หล่อนกำลังยิ้มอย่างดูถูกเธออยู่ตรงนี้
“กลัวอะไร.. ฉันกลัวอะไร..บอกมานะ..” มือเล็กขยับขึ้นมาดึงคอเสื้อเชิ้ตของคนตรงหน้าทันที แต่รอยยิ้มนั่นยังไม่หายไป ดิออนดึงหล่อนลงมาหา ไม่อยากเชื่อเลยว่าแคลลี่จะสูงกว่าเธอมากขนาดนี้ อาจจะประมาณสิบเซ็น.
แต่เธอคิดผิดที่เอาตัวเข้าไปหาหล่อน และเพิ่งมารู้ว่าตัวเองผิดไป เมื่อใบหน้าสวยก้มลงมาหาเธอมากกว่าความจำเป็น หัวใจเธอเต้นแรงอย่างน่าประหลาด ผิดธรรมชาติเพราะมันไม่เหมือนเวลาที่เธออยู่กับใครๆ เธอไม่เคยรู้สึกวุ่นวายใจมากขนาดนี้มาก่อน ดิออนจึงตัดสินใจถอนตัวออกมาก่อนที่จะรู้สึกแย่กว่าที่เป็น
มือเล็กข้างเดิมออกแรงผลักอีกคนออกไป จากนั้นก็ปล่อยคอเสื้อที่จับเอาไว้ออกและถอยออกมา สายตายังคงมองจ้องเหมือนจะขู่กับผู้ที่ยังยืนทื่อเหมือนเสา ไม่สะทกสะท้านกับแรงผลักนั่น “ไม่เห็นจะกลัวเลยนี่..” ดิออนยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ เพราะอยากให้อีกฝ่ายเข้าใจว่า เธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับสิ่งที่เขาทำเลยสักนิด แต่เธอคิดผิด..อีกแล้ว
“ฉันไม่เชื่อหรอกค่ะ..”
หัวคิ้วของเธอกระตุกเพราะสายตาของดวงตาสีแดงที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่า ตัวเองกลายเป็นเธอได้กลายเป็นตัวตลกไปแล้ว
“แล้วจะเอายังไง..” ดิออนยืนกอดอกมองคนตรงหน้าอย่างท้าทาย แต่เธอไม่ได้ตั้งใจจะหมายความแบบนั้นจริงๆ สิ่งที่เขาพูดตอบออกมา จึงทำให้สองตาของเธอเบิกค้างอย่างไม่ตั้งใจด้วยเหมือนกัน
“ไปโรงยิมกับฉันสิ..”
--The bodyguard--
“ไฮ..ยัยลูกหมา.. เป็นไงสบายดีอยู่อีกเหรอ..?” เสียงแหลมเจ้าเล่ห์ดังขึ้นภายในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของโรงฝึกไอคิโด ZY คอร์เปอเรชั่น
ดิออนจำได้ว่ามันเป็นเสียงคนรู้จัก จึงหันไปมองด้วยท่าทางไม่พอใจ เป็นไปตามที่คิดไว้สาวหัวแดงยืนมองมาทางอยู่ตรงนั้น เธอถอนหายใจเบาๆออกมาระหว่างหันหน้าหนีไป ในใจภาวนาให้ฝ่ายนั้นไม่เดินตามเธอมา เพราะกับวันนี้มันเกินกว่าที่เธอจะรับอะไรได้อีกแล้ว แต่เหมือนพระเจ้าจะไม่รับฟังคำขอของเธอ คนที่เธอไม่อยากเจอจึงได้เดินเข้ามาขวางอยู่ตรงหน้า
“อแมนด้า.. อย่ามายุ่ง” ดิออนเดินเลี่ยงร่างนั้นไปอย่างไม่สนใจไยดี แปลกใจเหมือนกันที่เขาไม่ได้พยายามจะขวางเธออีกครั้ง หรือพระเจ้าจะยอมฟังเธอแล้ว แต่เสียงที่ดังไล่หลังมา มันหมายความว่าอย่างไร
“โชคดีนะ..ดิออน.. ระวังตัวด้วย..”
ใบหน้าสวยคมเหลียวหลังกลับไปมองหน้าเจ้าของคำพูดประหลาด เพราะไม่อาจลบความสงสัยนี้ออกไปได้ “ทำไม ระวังอะไร”
อแมนด้ายกไหล่ คล้ายๆจะตั้งใจกวนประสาทแต่แววตาบอกว่าไม่ได้คิดแบบนั้นเท่าไหร่ “ก็ระวังเจ้านายฉันยังไงล่ะ.. ระวังดารอฟสกี้เอาไว้ให้ดี..”
ดิออนยิ่งขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจมากขึ้น “พูดอะไร.. ไม่รู้เรื่อง..”
เสียงถอนหายใจยาวๆดังออกมาจากคนตรงหน้าหนึ่งครั้ง ก่อนที่หล่อนจะหันหลังให้เพื่อเดินออกไป ความข้องใจยังอยู่เต็มใบหน้าของดิออน แต่เธอก็ถอดใจที่จะเอ่ยถามอะไร เพราะเข้าใจว่าอแมนด้าคงไม่ได้อยากจะพูด ทว่าคำที่หลุดออกมาจากปากของเขาก็ทำให้เธอต้องทำหน้าตาตะลึงไปมากกว่าหนึ่งนาที
“ดารอฟสกี้.. ไม่ได้ดีอย่างที่เห็นหรอกนะ.. จำไว้..”
--The bodyguard--
“ไฮ..ดิออนจัง ทำไมเปลี่ยนชุดนานจังจ๊ะ..” แคลลี่ถามขึ้นมา เมื่อหางตามองเห็นคนที่เธอรออยู่เดินเข้ามาในโรงยิม เธอยิ้มให้ฝ่ายนั้นและหันกลับมาสนใจคนตรงหน้าที่เมื่อครู่เป็นคู่ฝึกซ้อมให้เธออยู่ ร่างสูงโค้งศีรษะลงในท่าคำนับเหมือนกับที่อีกคนทำ จากนั้นเด็กสาวคู่ซ้อมชั่วคราวของเธอก็หันจากไป เหลือไว้แค่เพียงเธอกับคู่ซ้อมตัวจริง
ดิออนมองตามหลังสาวผู้นั้นไป เพราะประหลาดใจกับท่าทางของหล่อน นาทีหนึ่งที่เธอเห็นผู้หญิงคนนั้น หล่อนทำท่าทางเหมือนเสียดายอะไรสักอย่าง มิหนำซ้ำยังจากไปหลังมองหน้าเธอด้วยหางตาอย่างไม่พอใจเสียอีก ผิดกับเวลาที่หล่อนมองเจ้านายสาวสวยของหล่อนเป็นไหนๆ ดวงตาสีน้ำตาลนั่นดูหวานฉ่ำเหมือนกำลังปลาบปลื้มอะไรอยู่มากอย่างนั้นแหละ
“ยัยบ้านั่น เป็นอะไรนะ..” ดิออนพึมพำขึ้นมาโดยไม่คิดว่าจะมีใครได้ยินมัน แต่เมื่อเธอหันมามองหน้าคนที่ยังยืนอยู่ตรงนี้อีกคน ก็รู้ว่าหล่อนได้ยิน รอยยิ้มบนริมฝีปากสวยนั้นบอกมา แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรต่อ
“ดารอฟสกี้.. ไม่ได้ดีอย่างที่เห็นอยู่หรอกนะ..จำไว้” คำพูดนี้ผุดขึ้นมาในหัวของเธอ พาให้คิ้วเรียวต้องขมวดเข้าหากัน ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เข้าใจมันอยู่ดี
“ดิออน.. เชิญทางนี้จ้ะ..”
รถไฟแห่งความคิดของเธอถูกขวางกลางรางอีกครั้งเพราะเสียงเรียกเชิญ ดิออนเดินไปหาผู้ที่ยืนรออยู่เพราะไม่รู้ว่าจะขัดขืนไปทำไม ถึงในใจจะยังสงสัยในเรื่องนั้นก็ช่างมันก่อน
“จะสอนอะไรล่ะ ว่ามาสิ..” คำพูดห้วนๆเหมือนมะนาวไม่มีน้ำ ทำให้อีกคนหน้าถอดสีไปทันทีแต่ก็ใช่ว่าเธอจะสนใจ ร่างบางยังคงกอดอกเคาะเท้าเปล่ากับพื้นเบาะของโรงฝึกต่อไปในสไตล์เด็กวัยรุ่นจอมกวน
แคลลี่ยอมรับว่าเธอตกใจเมื่อเห็นท่าทางของเด็กสาวตรงหน้า เพราะตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยเจอใครที่ไหนที่เป็นเช่นนี้ โดยเฉพาะที่เป็นเด็กผู้หญิง แต่กับดิออน มันคงจะเป็นเรื่องปกติสำหรับสิ่งที่เธอเจอเป็นครั้งแรกและอีกหน่อยมันคงจะไม่น่าแปลกอีกแล้ว คิดได้เช่นนั้น รอยยิ้มจึงปรากฏขึ้นมาพร้อมแววตายิ้มได้ “ไม่คิดเลยนะว่า..ดิออนจังจะใจร้อนแบบนี้”
คนถูกว่าเหน็บกลอกตาและทำหน้าตาระอาใจ เธอมักจะรำคาญใจกับน้ำเสียงหวานๆและอาการขี้เล่นของคนคนนี้อยู่เสมอ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร “อย่ามัวแต่พูดเลยน่า.. จะทำอะไรก็ทำ”
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของฝ่ายนั้นแม้แต่น้อย ร่างสูงนั่นค่อยๆเดินเข้ามาหาเธอ ดวงตาสีมรกตเบิกตากว้างอย่างตกใจ เมื่อความใกล้ของร่างกายเขากับเธอเหลืออยู่เพียงไม่ถึงคืบ และเขาก็ก้มหน้าลงมาหา ใบหน้ากับสายตาดูทะเล้นซะไม่มี เธอก้าวถอยหลังด้วยท่าทางหวาดๆ แต่ก็ไม่สามารถไปไหนได้ไกล เพราะสองแขนถูกจับไว้ด้วยสองมือของอีกคน
“จะทำอะไรน่ะ..”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่จะสอนให้คุณหนูรู้จักวอร์มร่างกายตัวเองเท่านั้น” แคลเผยยิ้มออกมาอย่างที่ไม่รู้ตัวว่ามันดูน่ากลัวเพียงไหน ดวงตาสีเขียวของคนตรงหน้าจึงได้ดูไม่ไว้ใจเธอ ทั้งที่ตอนนี้เธอก็พยายามที่จะพูดจาด้วยสำนวนอย่างคนทำงานแล้วแท้ๆ
“เอ่อ..เหรอ.. งั้นก็ปล่อยสิ..” ดิออนพยายามใจเย็นไว้ก่อน เพราะรู้ดีว่าเธอไม่มีทางสู้หล่อนได้ในสภาพแบบนี้ หากโชคไม่ดีเธออาจจะไม่แค่เจ็บตัวด้วยซ้ำ เธอยอมรับเลยว่า ผู้หญิงตรงหน้าไม่ใช่คนที่เธอจะล้อเล่นด้วยได้ หล่อนดูอันตราย แม้ใบหน้าจะเปื้อนยิ้ม ..เหมือนนักฆ่าหน้าหวาน.. โอ่..งั้นเลย..
แคลลี่หรี่ตามองเด็กสาวเล็กน้อยทำเหมือนกำลังประเมินอะไรบางอย่าง จากนั้นจึงค่อยทำตามที่หล่อนขอ ปล่อยสองแขนที่จับไว้จนแน่นนั่นทิ้งไปและถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว พยักหน้าให้เป็นสัญญาณเริ่มการกระทำ แต่อีกคนยังนิ่งเฉยอยู่ เธอจึงต้องเอียงคอมองอย่างสงสัย “มีอะไรหรือคะ”
ดิออนเหมือนยังไม่หายตกใจได้สนิท แต่ไม่นานก็กะพริบตาและส่ายหน้าไปมาให้เป็นคำตอบกลับไป การวอร์มร่างกายมันเป็นพื้นฐานที่เรียนมาในวิชาพละศึกษา จึงไม่แปลกหากเธอจะทำมันได้ แต่ท่าต่อไปจากนี้นี่สิ “แล้วยังไงต่อ..”
คนฟังคลี่ยิ้มอย่างพอใจและขยับมาใกล้คนตัวเล็ก “อะ...ทีนี้ ก็จะต้องตั้งการ์ดแบบนี้ แล้วก็กางขาเล็กน้อยแบบนี้…” ผู้ฝึกสอนอธิบายและจับร่างกายของคนตรงหน้าให้ตั้งท่าทางตามแบบที่ต้องการ ทำราวกับเด็กสาวเป็นแค่ตุ๊กตาของเธอตัวหนึ่ง แต่พอถึงจุดที่เธอจะต้องเข้าไปจับที่ต้นขาของหล่อน แทนการใช้เท้าเขี่ย เสียงอุทานก็ดังขึ้นมาพร้อมการขยับหลบออกไป
แคลลี่เงยหน้าขึ้นมองหน้าเจ้าของร่างเล็ก เลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้น แปลกใจเล็กน้อยที่เห็นสองแก้มขาวที่เปลี่ยนสีของนายจ้าง แต่แล้วก็ยิ้มออกมาอย่างเข้าใจ เธอยืดตัวขึ้นและปล่อยให้หล่อนได้ทำมันเอง
“โอเค...ใช้ได้มั้ย..” ดิออนถาม อีกคนส่ายหน้า เธอเปลี่ยนท่าใหม่อีกครั้ง กางขาและกำหมัดทั้งสองข้างอย่างหนักแน่น ตั้งท่าให้เข้มแข็ง “ได้หรือยังเนี่ย เมื่อยแล้วนะ” เธอย้ำคำถามอย่างเหนื่อยหน่าย และครั้งนี้ครูฝึกก็ไม่ได้ส่ายหน้า เธอจึงเตรียมจะลดการ์ดลง แต่ดวงตาสีแดงที่จ้องเขม็งนั่น ยังบอกว่า ไม่อนุญาต
ร่างสูงกว่าเดินวนรอบตัวคนร่างเล็กที่กำลังยืนเกร็งอยู่เหมือนเสือมองดูเหยื่ออันโอชะ ดิออนไม่อยากยอมรับเลยว่า เธอรู้สึกกลัวและกำลังภาวนาอยู่ในใจให้เขาออกไปให้ไกลเธอ แล้วก็เหมือนพระเจ้าฟังคำขอนี้ เสียงนี้จึงดังขึ้น
“โอเค.. ลดการ์ดลง”
ดิออนผ่อนลมหายใจที่กลั้นไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ออกมา กล้ามเนื้อแขนและขาของเธอเริ่มผ่อนคลาย แต่ก็เป็นแบบนั้นไปไม่ได้นาน เมื่อเสียงหวานแต่ไม่น่าฟังในความคิดของเธอ พูดขึ้นอีก
“อ่ะ...ทีนี้ เธอก็เข้ามาจู่โจมฉันเลยนะ อะ เข้ามา” ร่างสูงกว่าประกาศออกมาอย่างจริงจัง แคลย่อตัวลงเล็กน้อยสองขายาวกางออกไปด้านข้าง สองแขนตั้งการ์ดขึ้นเพื่อจะอยู่ในท่าตั้งรับ เธอพยักหน้าและใช้สายตาออกคำสั่งแต่มันกลับทำให้ได้รอยยิ้มออกมาจากอีกฝ่าย เพราะอะไร
“ฉันไม่อยากทำเธอเจ็บ” ดิออนพูดทีเล่นทีจริง และได้สายตาท้าทายเป็นรางวัล มันทำให้เธอนึกฉุน “แต่ก็ได้นะ..ถ้าเธอต้องการ” คนหน้าหวานยิ้มยั่วเธอกลับมาอีก ดิออนยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น เธอขยับตัวออกไปพร้อมมือที่กำหมัดไว้แน่น เตรียมเล็งเป้าหมายไปที่ใบหน้าสวยๆของคนตรงหน้าเธอ
แต่มันก็พลาดไปอย่างไม่น่าเป็นไปได้ ทั้งที่เป้าหมายไม่ได้ขยับตัวออกจากรัศมีที่เธอพุ่งตัวเข้าไป แคลลี่แค่ใช้มือข้างหนึ่งยกขึ้นรับหมัดและขยับฝ่ามือเลื่อนลงมาที่ข้อมือของเธอ บิดแขนเธอไปด้านหลัง มันทำให้เธอร้องครางอย่างเจ็บปวด แต่ก็ไม่เกินสองนาที เธอก็พบว่าตัวเองลงไปนอนคว่ำหน้าอยู่กับเบาะของโรงยิม ตอนนี้ทั้งเจ็บทั้งอาย ..เสียทีหล่อนอีกจนได้.. ให้ตายสิ...
“ขอโทษด้วยนะจ๊ะ..ดิออนจัง แต่ไอคิโดน่ะ เค้าไม่ได้ใช้แต่กำลังนะจ๊ะ.. จะบอกให้..”
เสียงนี้ทำให้เธอกลับคืนมาสู่โลกปัจจุบัน ดิออนพลิกตัวหันกลับมาอยู่ในท่านั่งกับพื้น มองตาขวางไปที่คนที่กำลังยืนอยู่ “รู้แล้วล่ะน่า” เธอเอ่ยออกมาอย่างรำคาญใจ และพยายามจะลุกขึ้น แต่มือหนึ่งก็ถูกส่งออกมาช่วยเหลือ และก็เป็นตอนนี้เองที่เธอคิดอะไรขึ้นมาได้
“ขอบใจนะ” เธอรับมือที่ส่งมา แต่แทนที่จะใช้มันดึงร่างตัวเองให้ลุกขึ้น เธอกลับดึงเขาลงมาหาและกระโดดหนีไปอย่างว่องไวเหมือนลิงวอก เสียงร้องตกใจจากเขาเข้าหูแต่เธอดูไม่สนใจมัน
พลันดิออนกระโดดขึ้นคร่อมตัวคนที่กำลังพลิกตัวเพื่อจะลุกขึ้น และเขาก็จำเป็นต้องอยู่ในท่านอนหงายไปแบบนั้นเพราะถูกเธอตรึง ดวงตาสีแดงดูตกตะลึงจนไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากที่เผยอค้าง “ไงล่ะ..เก่งนักใช่มั้ย..”
ไม่เข้าใจเลยว่าเพราะอะไร เธอเองจึงหยุดชะงักการเคลื่อนไหวไปเหมือนกัน แค่เพียงถูกมองด้วยดวงตาที่เธอไม่เคยยอมรับว่ามันทรงเสน่ห์แบบนี้ของคนด้านล่าง ร่างบางสะดุ้งทันทีที่รู้สึกว่า ใบหน้าของเธอถูกสัมผัส มืออุ่นๆของเขาทำไมเหมือนไฟที่กำลังเผาไหม้แก้มของเธอ สมองของเธอเบลอไปหมดเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ดิออนไม่รู้ตัวว่าใบหน้าตัวเองกำลังขยับลงมาหาเจ้าของมือ สายตาติดตรึงอยู่แต่กับทะเลสาปสีแดง
แต่ว่า....
“กรี๊ด....ดิว คุณแคล.!”
เสียงกรีดร้องอย่างตกใจนั่น ทำให้ดวงตาของเธอกะพริบและคืนสติกลับมา “เฮ่ย!” และเพราะรู้แล้วว่าตัวเองทำอะไรอยู่
ดิออนจึงรีบกระโดดออกจากตำแหน่งน่ากลัวนั้นทันที ตอนนี้เธอไปนั่งหอบแฮ่ก หน้าแดงก่ำ และมองคนที่กำลังลุกขึ้นนั่งอย่างหวั่นใจ กระทั่งได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากที่ใกล้ๆ จึงเงยหน้าขึ้นมองหาที่มาของมัน เธอทำตาขวางใส่หน้าเพื่อน แต่เหมือนเขาไม่สะทกสะท้านตามเคย ไมมองผ่านเลยหน้าเธอไปทางอื่น
“คุณแคล..”
“มีอะไรหรือไม” แคลลี่ไม่ได้แสดงอะไรออกมาจากใบหน้าของเธอเลยแม้แต่น้อยเมื่อมาอยู่ในท่ายืนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และยังปล่อยให้ดิออนลุกขึ้นเองอีกด้วย เธอเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นเมื่อเห็นว่าไมยังคงไม่ตอบอะไรกลับมา
“เอ่อ.. คือ..ดิฉันจะมาบอกว่า...ได้เวลาอาหารกลางวันแล้วค่ะ” ไมตอบตะกุกตะกักเพราะภาพที่เพิ่งเห็นมาเมื่อสักพักยังวนเวียนอยู่ในสมอง มันทำให้เธอไม่กล้ามองหน้าเจ้านายของตัวเองตรงๆ
“โอ้..งั้นเหรอ.. ได้เวลาแล้วหรือนี่..” เจ้านายสาวพึมพำและหันไปมองอีกคน เธอยิ้มให้เด็กสาว “งั้นวันนี้.. พอแค่นี้ก่อนนะคะ..” เธอบอกหล่อน ก่อนหันไปหาลูกน้องคนสนิท “ไม.. ช่วยพาคุณหนูไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และพาไปทานอาหาร เสร็จแล้วก็พาไปส่งที่บ้านด้วยนะ วันนี้ฉันมีประชุม..” เมื่อผู้รับคำสั่งพยักหน้าให้อย่างขันแข็ง เธอจึงแจกรางวัลให้ด้วยรอยยิ้ม “ฉันต้องขอตัวก่อนนะ”
ร่างสูงเดินผ่านคนที่ตัวเองสั่งไป จนไปถึงอีกคน แคลลี่หันไปแจกยิ้มหวานให้หล่อนด้วย“แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะจ๊ะ ดิออนจัง..” เธอขยิบตาให้แล้วเดินออกจากโรงฝึกไป อย่างไม่สนใจว่าคนมองจะต้องตกใจสักแค่ไหนกับมัน
ดิออนยืนทื่อเหมือนก้อนหิน จิตใจคล้ายไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สายตายังคงอยู่ในทิศทางของประตูทางออกที่มีใครคนหนึ่งเพิ่งเดินออกไป เธอไม่ได้ยินเลยว่าเสียงใครกำลังร้องเรียกชื่อ จนกระทั่งเห็นมือของเขามาโบกไปมาอยู่ตรงหน้า
“เฮ้.. เฮ้..ดิว.. ยัยดิออน.. เลิกเหม่อได้แล้วน่า เขาไปแล้ว..” ไมถอนหายใจคล้ายคนเหนื่อย แต่เธอเหนื่อยใจมากกว่าเวลามองเห็นหน้าเพื่อนรัก หล่อนยังดูเหมือนคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยู่เหมือนเดิม และความคิดหนึ่งก็มาสะกิดใจให้เธอพูด “เออ..เมื่อกี้ เธอทำอะไร..”
ดิออนไม่เข้าใจในคำถามของอีกคน เธอส่ายหน้าไปมาและเตรียมจะเดินออกไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า หากไม่มีคนมายืนขวางเสียก่อน ดวงตาสีมรกตมองสีม่วงอ่อนอย่างสงสัย “อะไรไม”
“เล่ามาเดี๋ยวนี้นะ..!” ไมร้องโวยวายและดึงทึ้งแขนเพื่อนรัก หมายจะให้เขาพูดให้เธอฟังให้ได้
“โอ้ย..ยัยบ้า.. เธอเป็นบ้าอะไรเนี่ย.. ปล่อยฉัน..”
“ไม่.. นอกจากว่าเธอจะเล่ามาก่อน..” สาวตาสีม่วงอ่อนยืนยัน มันทำให้ได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายดังขึ้นมา อีกฝ่ายเบือนหน้าให้เธออีกครั้งและเขาก็พึมพำขึ้นมาเบาๆ
“ได้ข่าวเมื่อกี้ ฉันกำลังซ้อมไอคิโดอยู่นะ..”
“แค่นั้น..” ไมย้ำอีก
ดิออนขมวดคิ้ว “ใช่..แค่นั้น..” เธอเดินหลบไปอีกทาง คราวนี้สามารถหลุดออกจากการถูกขวางเอาไว้ได้สำเร็จ แต่มันก็ได้สำเร็จจริงอย่างที่เธอคิด เมื่อมีเสียงดังตามหลังมา พาให้สองตาเธอเบิกโต
“ไม่ยักรู้นะว่า.. ไอคิโดมีท่านั่งคร่อมและก้มลงจูบด้วยนะเนี่ย.. น่าเรียนจริงๆ..”