web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 153
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 150
Total: 150

ผู้เขียน หัวข้อ: Chapter 06 - เจ้าหญิงแห่งเปลวเพลิง และ..คู่หมั้นของฉัน  (อ่าน 2907 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ anhann

  • Moderator
  • ขาประจำ
  • *****
  • กระทู้: 174
    • Crimson Maiden Les-books

Chapter 6 :    เจ้าหญิงแห่งเปลวเพลิง  และ..คู่หมั้นของฉัน

“ไม่ใช่ที่นี่...แคล” 

ดิออนรอเวลาที่คนที่กำลังมองหน้าเธอจะรู้สึกตัว  ในขณะเดียวกันเธอก็กำลังรอให้ตัวเองรู้สึกตัวด้วยว่า  ทำอะไรลงไป  หัวใจเธอสับสน  มันเหมือนว่าเธอกลายเป็นผู้หญิงไม่ดี  เธอกำลังจะพลีกายให้หล่อน  และได้ตัดสินใจแล้วว่าจะทำ  เธอจะยอม  ยอมให้หล่อนได้มันไป  เพราะอะไร..  ความรักหรือ..?  ไม่แน่ใจ..  แต่ถ้าต้องการน่ะใช่แน่..  เธอต้องการแคล..  และถ้าได้เดี๋ยวนี้...ก็ยิ่งดีใหญ่.. 
แคลลี่อบอุ่น  เร่าร้อน  ส่วนเธอเย็นชาและเหน็บหนาว  และเธอก็ต้องการความร้อน  และหล่อนมี  หล่อนสามารถที่จะช่วยทำให้เธออบอุ่นได้  และคงจะสามารถผ่อนคลายหัวใจและร่างกาย
เจ้าหญิงแห่งไฟ  ฉันต้องการเธอ..  ได้โปรด..  คงต้องโทษความผิดให้กับร่างกาย..
แต่มันคงไม่เป็นไรมั้ง  ผู้หญิงเหมือนกัน.. ฉันคงไม่เสียหายเท่าไหร่..  และสิ่งนี้เองที่เธอคิดผิด
“เฮ้...” 
แคลลี่กระพริบตาและรู้สึกตัวแล้วว่าทำอะไรลงไป  เธอรีบผละออกจากร่างของคนที่นอนหงายอยู่บนพื้น  และไปนั่งตาลอยอยู่ข้างๆ เปล่าเลย..  เธอไม่ได้เสียใจที่ทำมันลงไป  แค่รู้สึกผิด...
“ขอโทษนะ..  ฉันเสียใจ..”  เธอพึมพำและมันก็ทำให้ใบหน้าของเธอต้องหันกลับมาเพราะมือที่เข้ามาจับมันไป  ดวงตาสีเขียวมรกตจ้องมองตาเธอ  แววตาจากดวงตาคู่นั้นดูน่ากลัวอย่างที่ไม่เคยเป็น  และเธอก็สะดุ้งกับประโยคนี้
“แต่ฉันไม่..  ฉันไม่เสียใจ..” ดิออนพูดโพล่งออกมาและเปลี่ยนจากการจับบีบใบหน้าของอีกคนมาเป็นดึงมือหล่อนให้ลุกขึ้น  เธอยังไม่ยอมให้หล่อนคลาดสายตาเพราะต้องการจะทำให้ตัวเองรู้สึกมั่นใจขณะพูดประโยคนี้ 
“ฉันให้โอกาสเธอนะ..  เลือกเอา..  ระหว่างสานต่ออะไรที่เราทำกันเมื่อกี้..  กับลืมๆมันไปซะ  เธอจะเลือกอะไร..”
“แต่---”
“ไม่ต้องมา.. “แต่” กับฉัน..”  ดิออนตวาด  และตกใจเสียงของตัวเองจึงชะงักไปสองวินาที  แต่สิ่งที่ทำลงไปแล้ว  เธอก็หยุดมันไม่ได้  เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่และเอ่ยต่อ“และฉันขอบอกเลยนะว่า..  ถ้าเธอเลือกลืมมัน..  ฉันขอบอดี้การ์ดคนใหม่..”  ดวงตาสีเขียวมรกตมองจ้องดวงตาสีแดงที่แสดงอาการตกใจอย่างสุดขีดนั่น  เธอรู้สึกสะใจ  แต่เหมือนมันยังไม่พอ  “และก็..ฉันขอผู้ชายด้วยนะ..”
และนั่นคงจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอจะพูด  หากเธอรู้ก่อนว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น  ดิออนนึกไม่ถึงว่า  หญิงสาวที่มีหน้าตาหวานปานน้ำผึ้งขนาดนี้  เวลาโกรธแต่ละครั้งมันน่ากลัวมากเพียงใด  แต่มันก็สายเกินไปกว่าที่เธอจะรู้ถึงข้อนี้   มารู้ตัวอีกที  เธอก็ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวในโรงยิม
ดิออนยืนนิ่งเงียบ  แต่น้ำตาไหลออกมาอาบแก้มขาวของตัวเอง   ดวงตาสีเขียวเหม่อลอยและมองเห็นแต่ภาพของดวงตาสีแดงที่มองเธออย่างเกลียดชัง  ก่อนที่หล่อนจะหันหลังจากไปโดยไม่เหลียวมองเธออีกเลย
...ฉันทำบ้าอะไรลงไปเนี่ย...
--The bodyguard--
“บอดี้การ์ดคนใหม่เหรอคะ..”  ไมร้องถามออกมาอย่างตกใจ  หลังจากที่ได้ฟังคำสั่งจากคนที่นั่งอยู่เบื้องหน้า  แต่ทว่าก็รู้สึกสะดุ้งโหยงขึ้นมาทันทีที่ดวงตาสีแดงเหลือบขึ้นสบตา  เธอรู้แล้วว่า  เธอไม่ควรจะถามอะไรเขาอีกแล้ว  แคลลี่กำลังอารมณ์ไม่ดี..มาก...
แคลลี่วางปากกาที่ใช้เซ็นเอกสารอยู่เมื่อครู่ลงกับโต๊ะ  เอนหลังลงกับพนักเก้าอี้และกอดอกคลายๆ  สองขายาวไขว่ทับกันในท่านั่งไขว่ห้าง  เธอปรายตามองหน้าพนักงานคนสนิทที่เธอชุบเลี้ยงมาดุจน้องสาวแท้ๆ  ริมฝีปากอิ่มเอิบบิดเม้มบดเคี้ยวกันเมื่อเห็นไมนั่งก้มหน้าอยู่ตรงนี้  จากนั้นก็ตัดสินใจพูด 
“ลูกค้าต้องการบอดี้การ์ดคนใหม่  ระบุตัวด้วยว่าต้องเป็นผู้ชาย..  เธอช่วยจัดส่งไปให้เขาด้วยก็แล้วกันนะ  และถ้าเป็นไปได้ก็วันนี้เลย..”  เสียงของเธอดูเรียบเฉยจนผิดปกติ  ไม่แปลกเลยที่อีกคนจะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเธออย่างประหลาดใจแบบนี้ 
ดวงตาสีม่วงเหมือนต้องการคำตอบแม้จะไม่ได้เอ่ยถาม  แคลถอนหายใจออกมาแรงๆ และหันหน้าไปทางอื่น  เหมือนไม่ต้องการจะให้ใครเห็นใบหน้าที่แสดงความผิดหวังของตัวเอง  “เพื่อนเธอ..  เขาเพิ่งปลดฉันออกวันนี้..  ไม่ใช่สิ..เมื่อกี้..  ถ้าเธออยากจะรู้...” 
ไมกระพริบตาไม่แน่ใจว่าตัวเองได้ยินอะไรไป  “อะไรนะคะ..ปลดคุณ..?”  คำตอบไม่ได้ถูกส่งกลับมาเป็นคำพูดจา  แต่คือการที่เขาพยักหน้ารับ  ไมยอมรับว่าเธอไม่เข้าใจเลยว่า  มันเกิดอะไรขึ้น  เพราะจำได้ว่า  เมื่อเช้าก็เป็นดิออนเองที่เดินเข้าไปหาเจ้านายของเธอถึงที่บ้าน  และตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น  แล้วความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัว  ทำให้ต้องถาม 
“มีเรื่องกันเหรอคะ”
แคลลี่นิ่งไปประมาณสองนาที  ก่อนที่จะส่งเสียงฮัมกลับมา  ไมยังไม่กล้าจะเอ่ยถามอะไรต่ออีก  เพราะแม้ตอนนี้เจ้านายของเธอจะไม่ได้ดูน่ากลัวเท่าเมื่อครู่อีกแล้ว  แต่เห็นได้ชัดเลยว่า  หล่อนไม่อยากจะพูดและเธอรู้จักนิสัยหล่อนดี  มันเด่นชัดเมื่อร่างสูงถอนหายใจยาวๆและลุกขึ้นยืน   หันมาส่งยิ้มแห้งๆให้เธอ
“เอ่อ..  เธอก็ทำตามที่เขาสั่งมาก็แล้วกันนะ  และถ้าเป็นไปได้  ก็ส่งไปหลายๆคนหน่อย  เขาจะได้มีตัวเลือก..  ฝากด้วยล่ะ..”  ร่างสูงกำลังจะก้าวเดินออกไปจากห้องทำงานของเขาแล้ว  แล้วเธอจะทำเพียงมองหล่อนหายไปแบบนี้อย่างนั้นหรือ
“เดี๋ยวค่ะ..คุณแคล..”  ไมร้องเรียกและลุกขึ้นจากเก้าอี้  รีบเดินเข้าไปหาคนตัวสูงที่หยุดยืนฟัง  คิ้วเรียวสีน้ำตาลเลิกขึ้นเป็นคำถามกลับมา  “จะไปไหนคะ.. บอกได้มั้ย..”  ความห่วงใยคงสามารถสื่อไปทางสายตาและน้ำเสียงของเธอ  หล่อนจึงยิ้มให้ในแบบที่ดีขึ้นกว่าเมื่อครู่  มืออุ่นๆสัมผัสศีรษะของเธอแผ่วเบาเหมือนพี่สาวพึงทำกับน้อง  และเธอรู้สึกได้ถึงอบอุ่นที่หัวใจ 
แคลลี่เป็นคนดี.. ถึงจะดูเจ้าชู้  ดูเป็นคนกะล่อนก็ตาม  แต่หล่อนก็ไม่เคยทำร้ายใครและไว้ใจได้  และเธอจะไปว่าอะไรเขาได้ หากสองแขนยาวจะรวบตัวเธอเข้าไปกอดเอาไว้  ไมกอดตอบไปอย่างไม่ลังเล 
แน่นอนเลยว่าเธอไม่รู้ว่าหล่อนเป็นอะไรไปแต่หากการถูกกอดจะทำให้รู้สึกดีขึ้นได้  เธอก็พร้อมที่จะให้อย่างยินดี  แต่มันก็มีเพียงเสียงหวานที่กระซิบตรงข้างหู  “ฉันจะไป..แค่ที่ใกล้ๆนี่แหละจ้ะ..  ไม่ต้องห่วงหรอกนะ..  แล้วเจอกันที่บ้าน” 
เสียงหวานจบลงตรงจูบที่หน้าผากและร่างสูงนั้นก็เดินจากไป  ไมได้แต่มองตามหลังหล่อนไปอย่างห่วงใยเหมือนที่เคยเป็นมา  ห่วงใยอยู่ห่างๆแต่ไม่กล้าไปวุ่นวาย 
หลายปีแล้วสินะ  ที่แคลลี่รับเธอเข้ามาอยู่ร่วมบ้านในฐานะของน้องอุปถัมภ์  เธอพอใจในฐานะนี้  แม้ความจริงจะต้องการให้มันเป็นอย่างอื่นก็ตาม  ..เพราะหล่อนรักเธอได้แค่น้อง..
“แต่เธอ..  ดิว..  เธอไม่ใช่..  เธอทำอะไรที่รักของฉัน..”
--The bodyguard--
ทำไมฉันถึงได้โง่แบบนี้...   ดิออนพร่ำบ่นอยู่ในใจเมื่อเงยหน้าขึ้นมาและเห็นชายหนุ่มมากมายในชุดสูทสีดำยืนเรียงแนวอยู่ตรงหน้า   พวกเขาแต่ละคนดูเคร่งขรึม  เข้มแข็งและแข็งแรงตามแบบฉบับบอดี้การ์ด  เหมือนที่เธอเคยคิดเอาไว้ไม่มีผิด 
เธอเคยคิดว่าบอดี้การ์ดจะต้องมาในรูปแบบนี้  และคิดตลอดมาก่อนที่จะได้มาพบกับผู้หญิงที่เป็นบอดี้การ์ด  อแมนด้ายัยฮายีน่าหัวแดงนั่น  เพื่อนสมัยมัธยมที่มาเป็นบอดี้การ์ดให้  เธอคิดว่าโลกมันเลวร้ายมาก  เมื่อเธอมีบอดี้การ์ดที่เคยเป็นเพื่อน  เพราะมันเหมือนเธอถูกสอดแนมไปในทุกที่ทุกทางไม่ว่าจะไปทางไหน  อิสรภาพของเธอหายไปเพราะยัยผู้หญิงคนนั้น  จนกระทั่งเธอทำตัวย่ำแย่มากๆ เป็นเหตุให้ยัยหัวแดงยอมสละตำแหน่งนี้ไปเองด้วยความสมัครใจ  และก็ไม่คิดว่าคุณพ่อจะหาคนมาทำงานประเภทนี้ให้เธอได้อีก  และเธอคิดผิด   และยิ่งผิดที่เธอไล่ตะเพิดเขาออกไปเมื่อเช้านี้เอง  บอดี้การ์ดคนใหม่นั่น  ทั้งๆที่ความจริงแล้ว  เธอต้องการเขามากกว่าใคร  และไม่ได้ต้องการแค่ให้เป็นบอดี้การ์ดด้วย
...ทำไมฉันถึงได้โง่แบบนี้นะ...  ทำไมฉันเพิ่งจะรู้...
“ดิว..”
ดวงตาสีมรกตกระพริบและหลุดออกมาจากภวังค์  ดิออนหันมองหน้าเจ้าของเสียงเรียกและพบว่า  ไมกำลังยืนกอดอยู่ข้างๆด้วยสีหน้าเคร่งขรึมไม่แพ้บรรดาผู้ชายเบื้องหน้า  มันทำให้เธอสงสัยว่า  มันเพราะอะไร..  แต่เธอก็เหนื่อยเกินไปที่จะหาคำตอบของมันเวลานี้
ร่างบางลุกขึ้นยืนในที่สุด  และเริ่มเดินวนไปตามแถวของชายหนุ่มที่ยืนตัวตรงอยู่ตรงนี้  ดิออนมองพวกเขาอย่างพิจารณาทีละคน  บางคนก็หน้าตาหล่อเหลาและถูกชะตาเธอ  แต่ก็แย่เหลือเกินที่ว่า  เขาดูไม่เหมาะเท่าไหร่ที่จะตามเธอไปไหนมาไหนได้ทุกเวลาแบบนั้น  มันดูอันตรายเกินไปทั้งตัวเธอและตัวเขาด้วย  ซึ่งเธอคงไม่ต้องบอกเหตุผลว่าเพราะอะไร  แต่บางคนก็ดูเหมือนน่าจะไปเป็นโจรมากกว่าคนที่จะมาปกป้องเธอให้ปลอดภัยได้  ยิ่งมองก็ยิ่งต้องพยายามยั้งตัวเองไว้  ไม่ให้ทำท่าทางขนลุก
ดิออนหันไปมองหน้าเพื่อนของเธอที่ตอนนี้มีหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลงานอยู่ตรงนี้และบอกบางอย่างกับเขาไปทางสายตา  ไม่นานกับการสื่อสารกันไมก็พยักหน้าให้เป็นการรับรู้และก็หันไปออกคำสั่งอะไรบางอย่างกับพวกผู้ชาย  พวกเขาหายไปจากห้องนี้ทีละคนและหมดแถวในที่สุด  ดิออนถอนหายใจอย่างโล่งใจออกมาและพาตัวเองมานั่งลงกับเก้าอี้ตัวเดิม  และสถานการณ์ที่เธอคิดว่ามันน่าจะดีขึ้น  กลับกลายเป็นแย่ลงกว่าเมื่อกี้เมื่อเวลานี้ไมลากเก้าอี้มานั่งตั้งหลักมองหน้าเธออยู่ตรงนี้และส่งคำถามประโยคนี้ออกมา
“เล่ามานะ..  เธอมีปัญหาอะไรกับเจ้านายที่รักของฉัน..ยัยดิว..”

ดิออนถอนหายใจนับได้เป็นครั้งล้านกว่า   เป็นครั้งแรกที่เธอคิดว่า  เวลาเช้ามาถึงช้าเกินไป  เธอต้องการวันใหม่ตอนนี้  แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้  แล้วจะทำเช่นไรต่อไป  ในเมื่อนอนอย่างไรก็ไม่มีทางจะหลับลง  สมองยังคงคิดถึงเรื่องนั้น  วนเวียนไปมา  เธอไม่คิดเลยว่า  เธอจะแคร์ใครสักคนมากมายได้ถึงเพียงนี้   ทั้งๆที่เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่กี่วัน  แต่กับเขา  มันมากกว่าคนที่รู้จักกันธรรมดา  มากกว่าคนที่เธอจ้างมาทำงานเมื่อได้มาผูกสัมพันธ์ทางร่างกายกับเธออย่างที่ไม่มีใครเคยทำมันได้มาก่อน  จะบอกให้ถูกต้องก็คือว่า.... 
“แคลเป็นคนแรกของเธอกับประสบการณ์แบบนั้น”  ไม่ได้สิ..เรายังไม่มีอะไรกันมากกว่า..จูบ..  ไม่ใช่สิ.. ลูบคลำกันอีกนิดหน่อย.. 
ดิออนเอามือที่ก่ายหน้าผากลงมาและทุบมันลงกับที่นอนก่อนลุกขึ้นนั่ง  เธออยู่แบบนี้ไม่ได้อีกต่อไป  เธอจะต้องไปผ่อนคลายสมอง  แต่ในแบบไหนกันล่ะ..  คงไม่ใช่แบบนั้นเป็นอันขาด..  ฉันเข็ด.. 
เธอปฏิเสธที่จะลงไปนอนต่อและผุดลุกขึ้น  หายตัวไปในห้องน้ำ  ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็พบว่า  เธอเดินลงบันไดมาทีละขั้น  มันเป็นเวลาเช้ามาก  แต่มันก็ไม่ใช่เวลายากที่เธอจะเจอใครบางคนในห้องรับแขกแบบนี้  ดิออนรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาทันทีและรีบก้าวเท้ายาวๆลงบันได
“คุณพ่อ..”
ผู้ชายร่างสูงที่ยังดูหนุ่มฟ้อกว่าอายุจริงหันมาหาเธอ  เขาเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์กรอบเช้าในมือที่กำลังอ่านอยู่  เพื่อมองหน้าและยิ้มให้อย่างอบอุ่น  ความรู้สึกคุ้นเคยนี้ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอจะตอบรับคำเชิญทางสายตาของเขาที่บอกให้เข้ามาใกล้ๆ  ดิออนนั่งลงกับโซฟาข้างๆชายร่างใหญ่  ผู้มีสีผมและสีตาเหมือนอลิสซ่าไม่มีผิด 
“อรุณสวัสดิ์..เจ้าหญิงของพ่อ”  อ้อมกอดที่ให้ความรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นเข้ามาห่มหุ้มตัวเธอ  ดิออนกอดตอบเขาอย่างไม่ลังเลใจ  เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้นได้จริงๆโชคดีเหลือเกินที่เขาอยู่ตรงนี้ในวันแบบนี้ 
โดยปกติเธอจะไม่ได้เห็นคุณพ่อของเธอบ่อยนัก  ด้วยความที่เขามีงานมากมายที่ต้องทำ  มันทำให้เวลาที่มีให้เธอกับน้องสาวลดน้อยลงไปทุกวัน  และนั่นเองที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องจ้างบอดี้การ์ดมาดูแลเธอกับน้องสาว  แม้เธอจะไม่เคยต้องการมันเลยก็ตามที แต่ที่ยอมทุกวันนี้เพราะรู้ดีว่าเขาทำไปเพราะเป็นห่วง
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ  วันนี้ทำไมอยู่บ้านได้คะ..”  เสียงห้าวของเธอดูใสขึ้นเหมือนกลายเป็นเด็กเล็กๆอีกครั้ง  เมื่อพูดจากับผู้ชายคนนี้  เพราะเขาเป็นคนพิเศษ  คนพิเศษที่มีสิทธิ์จะหัวเราะใส่หูเธอระหว่างกอดกัน  โดยที่เธอไม่นึกโกรธ 
“ขอโทษจ้ะ..ลูกสาว   ดีใจนะ..ที่ลูกตื่นเช้าแบบนี้..”
ดิออนต้องพยายามไม่กลอกตาไปมาเมื่อได้ฟังคำหยอกปนคำสั่งสอนที่เขามักจะทำ  และเธอก็ทำเป็นขำไปกับเรื่องตลกในยามเช้า  “อยากเจอหน้าคุณพ่อค่ะ  ถึงได้รีบลุกขึ้นมา” 
ดวงตาสีฟ้าครามมองหน้าเธอเหมือนไม่เชื่อ  แต่เธอก็ไม่โทษเขา  มันเป็นเรื่องจริง  เธอไม่ได้ตั้งใจจะตื่น  แค่นอนไม่หลับเท่านั้น  แต่ไม่ว่าอย่างไร  เขาก็ยิ้มและมอบจุมพิตให้ที่แก้ม  “พ่อเองก็อยากเจอลูกเหมือนกันนะ..ดิออนจัง..”
ทว่าคำพูดประโยคนี้มันดูจริงจังไปหรือไม่  เมื่อสีหน้าของชายสูงวัยเปลี่ยนไปแบบนี้  ไม่ใช่สัญญาณที่ดีเท่าไหร่แล้ว 
ดิออนเริ่มขยับตัวออกห่างจากร่างกายใหญ่ๆนั่น  ดวงตาสีมรกตมองหน้าผู้เป็นบิดาอย่างประเมิน  และเขาก็ส่งเสียงหัวเราะ
“อย่ามองพ่อแบบนั้นสิลูก..  มันเหมือนลูกกำลังจะดุพ่ออย่างนั้นแหละ..”
เด็กสาวยิ้มออกมาได้  และลดความน่ากลัวทางสายตาของตัวเองลง  เธอถอนหายใจเบาๆคล้ายจะยอมรับอะไรที่จะได้ฟังแต่โดยดี  “มีอะไรหรือคะ..คราวนี้..”  เธอถามขึ้นอย่างรู้ทัน  มันทำให้เขาหัวเราะออกมาอย่างเขินๆ
“พ่อไม่เคยปิดอะไรลูกได้เลยสินะ..เจ้าหญิง..”  เฟอร์ริสมีสีหน้าจริงจังขึ้นอีกครั้งเมื่อพูดขึ้นใหม่   เขาจำเป็น  และเมื่อเห็นอีกคนพยักหน้าให้เป็นสัญญาณ  จึงสบายใจมากขึ้นที่จะพูดต่อ  “พ่อจะให้ลูกเจอคู่หมั้นของลูกวันนี้..”
ดิออนกระพริบตาถี่ๆเพราะคิดว่าเธอหูฝาดไป  “อะไรนะคะ..คุณพ่อ..”
เฟอร์ริสลุกขึ้นยืน  ส่งยิ้มและพยักหน้าให้ลูกสาวทำตาม  ดิออนดูงงๆแต่ยังคงปล่อยให้ผู้เป็นบิดาพาลุกขึ้นตาม  เธอมองหน้าเขาและภาวนาให้เขาพูดออกมาว่า “ล้อเล่น” แต่มันก็เป็นไปไม่ได้  เมื่อดวงตาสีฟ้าครามมองตรงไปยังประตูทางเข้าบ้านและเอ่ยเรียกใครบางคนมาจากตรงนั้น
มันเป็นนาทีช็อคโลกสำหรับเธอ  เมื่อได้เจอกับคนที่เดินออกมาจากที่ซ่อนตัวนั่น  รอยยิ้มแบบนั้น  มันทำให้เธอเหมือนล่องลอยไปในอากาศและหายไป  ซึ่งถ้าหายตัวไปได้ง่ายๆอย่างนั้นก็คงดี  เธอคงไม่ได้ยินเสียงคุ้นหูนี้อีกแล้ว
“สวัสดีจ้ะ..ดิออนจัง..”
“แคล..   แคลลี่..เธอมาที่นี่ทำไม..  ฉันไล่เธอไปแล้วนะ..  ไปซะ.!”
“อ่อ..นี่พ่อคงลืมบอกไปสินะว่า..  แคลนี่แหละ..  ที่เป็นคู่หมั้นของลูกเมื่อหลายปีมาแล้ว..ดิออนจัง..”

--The bodyguard--

“เป็นไปไม่ได้..  เป็นไปไม่ได้..”  ดิออนส่ายหน้าไปมาระหว่างเดินไปเดินมาอยู่ในห้องนั่งเล่นที่เธอระเห็จหนีออกมาจากห้องรับแขก  หนีจากแขกที่อยู่ที่นั่น  เพราะมันยากเกินไปที่จะยอมรับว่า  คู่หมั้นที่เธอรู้ว่ามีมาตลอดเวลาสามปี  เป็นผู้หญิง  ไม่ใช่ผู้ชาย  แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ในเรื่องเพศ  เธอคงสามารถคุยหรือเข้ากับเขาได้  ไม่ว่าจะเป็นเพศอะไร  หรือไม่ก็ทำตัวเป็นนางมารร้ายยังไงก็ได้ ให้พวกเขาถอนหมั้นเธอ  แต่นี่..แคล..
ใช่..แต่นี่คือ..แคล..   
เพราะความฟุ้งซ่านกำลังจะทำให้สมองของเธอเออเร่อ  ดิออนจึงคว้าโทรศัพท์มือถือของเธอขึ้นมาและกดเลขหมายที่จำได้ขึ้นใจ  เสียงโทรศัพท์ดังหลายครั้งแต่ยังไม่มีผู้ใดรับ เธอยืนกัดริมฝีปากล่างของตัวเองและลุ้น 
“ฮัลโหล...” เสียงคุ้นหูแต่รู้สึกงัวเงียกว่าปกติถูกส่งกลับมา รอยยิ้มโล่งใจปรากฏขึ้นมาที่ริมฝีปากของเธอ
“เฮ้..ไม..  นี่ฉันเองนะ..ดิออน..” เสียงครางอย่างเหนื่อยหน่ายดังมาจากปลายสาย  ทำให้เธอยิ้ม  เพื่อนของเธอเป็นแบบนี้อยู่เสมอไม่เปลี่ยน
“อา...  โทร.มาทำไมป่านนี้..ยัยดิว..  ฉันจะนอน..  จำได้มั้ยว่านี่วันหยุด  ขอฉันมีความสุขอยู่บนเตียงสักวันได้มั้ย---”
“ไม..แคลเป็นคู่หมั้นคนนั้นของฉัน..” ดิออนพูดโพล่งออกไปขัดประโยคบ่นของเพื่อนรัก  จนเขาชะงักเงียบเสียงไปทันที  ความเงียบแบบนี้  มันไม่ใช่สัญญาณที่ดีเท่าไหร่ในความคิดของเธอ  หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นส่ำเพราะกลัวว่าเพื่อนเพียงคนเดียวที่ไว้ใจได้จะวางหูใส่และไม่ยอมฟังเธอ
“ไม..?” แต่เธอคิดผิด  เสียงที่เหมือนคนร้องกรี๊ดดังออกมาจนเธอต้องพาโทรศัพท์ออกไปไกลๆจากใบหู
“ว๊าย..ยัยดิว.. อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้  แล้วเพิ่งจะมาบอกเอาตอนนี้เนี่ยนะ!”
ดิออนแค่นหัวเราะออกมาด้วยท่าทางขมขื่น  เธอเลิกยืนเหมือนคนบ้าและหาที่นั่งลงเพื่อสนทนากับอีกคนจากทางไกล  ถอนหายใจออกมาเบาๆ และคิดว่าจะเริ่มต้นเล่าว่าอย่างไรแต่คงจะช้าเกินกว่าที่อีกคนต้องการ  หล่อนจึงส่งคำถามมาคาดคั้น
“ดิว..  เล่ามาเดี๋ยวนี้..” ดิออนถอนหายใจแรงๆ  หลับตาลงและพูดตอบเหมือนคนบ่น
“ก็อย่างที่ฉันบอกไปแล้วไงล่ะ  เขาเป็นคู่หมั้นฉัน  เจ้านายเธอเป็นคู่หมั้นฉัน  ชัดหรือยัง”
“แล้วทำไมฉันไม่รู้..” ประโยคนี้ทำให้เธอนิ่งคิด
“เออ..นั่นสิ..”  ดิออนขมวดคิ้วเมื่อคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้  ทำไมเพื่อนของเธอจึงไม่รู้เรื่องนี้ทั้งที่เขาอยู่บ้านเดียวกัน  “สงสัยจะเป็นความลับ..”  เธอพึมพำขึ้นมาเบาๆ ไม่คิดว่าจะไปถึงอีกคนได้
“ว่าแล้วเชียว..”
คิ้วเรียวสีเข้มขมวดเข้าหากันเพราะเสียงอุทานจากปลายสาย  “ว่าแล้วเชียว..อะไร..ยัยไม”
เสียงถอนหายใจยาวๆดังออกมาที่วัตถุข้างหู  ดิออนเหม่อมองดูเพดานสีขาวที่เงยหน้าขึ้นมามองเหมือนไม่รู้จะทำอะไรตรงนี้ระหว่างที่รอคำตอบจากอีกคน  แต่แล้วเมื่อมันมาถึงจริง  ริมฝีปากของเธอก็บิดเข้าหากันอย่างโกรธเคืองทันที
“ฉันว่า..เรื่องนี้  มันจะต้องเกี่ยวกับเรื่องที่เธอไม่ยอมเล่าให้ฉันฟังแน่ๆเลยล่ะ..ยัยดิว..”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05 กุมภาพันธ์ 2014 เวลา 09:40:57 anhann »



เจอกันได้อีกที่ที่นี่นะคะ https://www.facebook.com/Crimsonmaiden, https://twitter.com/Anh29, http://leslybooks.lnwshop.com/ (ร้านหนังสือ)

 

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.