วันนี้เป็นอีกวันที่มัทนาไม่ได้ไปทำงานเพราะจู่ๆร่างกายก็ดันอ่อนแอจนกลายเป็นไข้ขึ้นมาอาจเพราะเมื่อคืนที่นั่งตากน้ำค้างจนดึกโดยที่ไม่เจียมร่างกายของตัวเองจนทำให้ต้องมานอนซมอยู่แบบนี้
มือเล็กของใครบางคนค่อยๆสัมผัสกับหน้าผากของคนคนที่นอนอยู่ก่อนจะเจ้าของมือจะดึงกลับเพราะความร้อนที่มีมากกว่าปกติ
“เป็นไงล่ะเพราะความอวดดีของเธอแท้ๆ”
มัทนาลืมตาของมองคนพูดชั่วครู่ก่อนจะดึงสายตาไปทางอื่นเมื่อเจ้าของเสียงพูดหันกลับมา
“หวังว่าวันนี้ฉันคงไม่เห็นเธอแบกสังขารไปหลังไร่อีกนะ”
ประโยคประชดประชันดังมาอีกครั้งพร้อมกับผ้าชุบน้ำที่หทัยภัทรยื่นเข้ามาใกล้หน้าคนป่วย
“จะทำอะไร”
“ผ้าผืนแค่นี้ใช้เป็นอาวุธไม่ได้หรอก”
หทัยภัทรเอ่ยออกมาอย่างรู้ทันก่อนจะลงมือเช็ดหน้าคนป่วยช้าๆจากนั้นก็ไล่ลงมาที่ซอกคอเธอลูบไล้อยู่นานพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงมากขึ้นทุกทีแค่เช็ดตัวทำไมเธอถึงได้รู้สึกตื่นเต้นมากมายขนาดนี้นะ
“ถอดเสื้อ”
คำสั่งที่ได้ยินทำเอาคนที่กำลังสับสนถึงกับเด้งตัวถอยออกมาอย่างเร็ว
“ฉันบอกให้ถอดเสื้อไม่ได้ให้ขยับหนีไปทางอื่นมานี่!”
ไม่พูดเปล่าแต่หทัยภัทรใช้มือดึงแขนคนบนเตียงให้มาอยู่ที่เดิมทันทีก่อนจะเอื้อมมือไปปลดกระดุมของอีกฝ่ายด้วยตัวเอง
“เดี๋ยวค่ะใจเย็นๆ”
เจ้าของกระดุมร้องห้ามทันทีก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างตัวเองเอาไว้มิดถึงคอ
“ทำอะไรของเธอ เร็วๆสิฉันมีเวลาไม่มากนะ”
“คุณนั่นแหละจะทำอะไร”
“ฉันแค่จะเช็ดตัวเร็วๆสิฉันรีบ!”
“เดี๋ยวมัททำเองค่ะถ้าคุณรีบไปก่อนก็ได้”
หทัยภัทรยกมือกอดอกพร้อมกับแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัดจนคนมองเริ่มรู้สึกร้อนๆหนาวๆมากขึ้นตอนนี้ไม่แน่ใจว่าไข้กำลังขึ้นหรือว่าเป็นอาการข้างเคียงจากการมองมาของคนที่ยืนข้างเตียงกันแน่
“มานี่!”
ประโยคคำสั่งสั้นๆแต่ได้ใจความที่สมบูรณ์และชัดเจนเมื่อคนฟังปฏิบัติตามโดยอัตโนมัติแม้จะไม่เข้าใจว่าคนพูดจะมาดีหรือมาร้ายแต่ตอนนี้การทำตามคงเป็นเพียงทางเลือกเดียวที่เธอจะสามารถทำได้ในตอนนี้
“ทีงี้ทำมาเป็นเล่นตัว…ถอด!”
คำพูดประชดประชันผสมกับคำสั่งทำให้มัทนาต้องยอมทำตามอาจเพราะวันนี้เธอกำลังถูกความป่วยครอบงำจนทำให้ไม่พร้อมไปสู้รบตบมือกับใครแต่มันจะเกินไปมั้ยนะกับการต้องมาถอดเสื้อให้คนไม่คุ้นเคยดูเนี้ย
หลังจากการเช็ดตัวผ่านพ้นไป หทัยภัทรถึงกับรีบเอามือขึ้นแตะที่หัวใจของตัวเองเพราะตอนนี้เธอว่ามันทำงานหนักเกินไปแล้วความรู้สึกปั่นป่วนวิ่งวนอยู่ในร่างกายตลอดเมื่อสายตามองเห็นผิวขาวเนียนของคนที่นอนอยู่และหากมือเผลอไปโดนตัวของคนป่วยเพียงแค่เฉียดใกล้ร่างกายของเธอก็สั่นสะท้านไปหมดทั้งตัว เธอคิดว่าคนป่วยกำลังแพร่เชื้อให้กับตัวเองอยู่แน่ๆไม่งั้นเธอคงไม่รู้สึกแปลกไปทั้งตัวและหัวใจแบบนี้
“พักผ่อนแล้วก็กินยาด้วยเดี๋ยวกลางวันจะให้คนมาดู”
มัทนามองประตูที่ถูกปิดลงช้าๆอย่างสงสัยนับวันเธอยิ่งไม่เข้าใจคนที่เพิ่งเดินออกไป เมื่อวานยังต่อว่าด่าทอเธอราวกับเป็นทาสที่ไร้หัวใจแต่พอมาวันนี้กลับมาดูแลทำเหมือนกับเป็นห่วงเป็นใย…ตกลงจะเอายังไงกับเธอกันแน่นะ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วก็เข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความเหน็บหนาวแปลกที่วันนี้ไม่มีใครมาวุ่นวายกับเธอเลยสักคนแต่จะว่าไม่มีก็ไม่ถูกเมื่อเธอเพิ่งถูกลวนลามไปเมื่อตอนเช้าแค่คิดถึงสัมผัสของใครอีกคนใบหน้าขาวก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มทันทีทั้งๆที่เหตุการณ์ผ่านไปนานแล้วแต่ความรู้สึกวาบหวามก็ยังคงมีอยู่ คิดกลับกันหากเธอเป็นคนเช็ดตัวให้หทัยภัทรบ้างจะเป็นอย่างไรนะแค่คิดก็…
“ยังไม่ตายอีกเหรอ”
ประโยคของใครบางคนดังแทรกเข้ามาในความคิดทำเอามัทนาต้องเบรกความคิดทะลึ่งๆของตัวเองลงก่อนจะหันไปมองหน้าเจ้าของประโยคหาเรื่อง
“ฉันไม่เคยเห็นคนป่วยทำน่าตาระรื่นแบบนี้ซักครั้ง”
ปาลิตาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงดูแคลนก่อนจะเดินมาปิดทางไม่ให้คนที่คุยด้วยเดินหนีไปได้
“คนอื่นอาจจะเชื่อเธอแต่ไม่มีวันเป็นฉันเลิกเล่นละครซะที”
“คุณพูดเรื่องอะไรของคุณ”
“ความจริงไงล่ะ ความจริงที่ใครๆก็ต่างหลงลืมเพียงเพราะความเจ้าเล่ห์ของเธอ”
“ถ้าจะมาหาเรื่องกันมัทคงต้องขอตัวก่อน”
เมื่อเริ่มจะหมดความอดทนมัทนาก็เลือกที่จะเดินหนีเพราะหากต้องอยู่ในสภาวะแบบนี้เรื่อยๆเธออาจจะไม่สามารถบังคับตัวเองให้หยุดแค่นี้ได้
“จะไปไหนล่ะทนฟังความจริงไม่ได้หรือไง”
คนพูดดึงแขนของคนที่กำลังจะเดินหนีไว้ก่อนจะจัดการออกแรงเหวี่ยงตัวมัทนาให้ล้มลงไปด้านหลังอย่างง่ายดาย
“คุณทำบ้าอะไรของคุณเนี้ย”
มัทนาตะโกนออกมาอย่างสุดจะทนก่อนจะพยุงตัวลุกขึ้นช้าๆ
“มันจะมากไปแล้วนะคุณปาลิตา”
“มันจะมากกว่านี้อีกถ้าแกยังขืนยุ่งกับพี่หทัยอีก”
คนทั้งคู่ประสานสายตาเข้าหากันอย่างไม่มีใครยอมใครก่อนที่รอยยิ้มน้อยๆจะผุดขึ้นที่มุมปากของมัทนาทำให้คนที่มองอยู่เกิดความสงสัยขึ้นมา
“เป็นบ้าอะไรของแก”
“เปล่า”
“แล้วแกยิ้มทำไม”
“มันไม่สำคัญหรอกค่ะว่ามัทจะยิ้มทำไมแต่สิ่งที่คุณควรรู้ก็คือพี่สาวของคุณต่างหากที่มายุ่งกับมัท”
“พูดบ้าอะไรของแก!”
ปาลิตาถลาเข้าไปกระชากคอเสื้อคนพูดทันที
“อย่าพูดเรื่องบ้าๆนี้อีก”
“ถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริงคุณคงไม่โกรธขนาดนี้หรอกอ้อ…ฝากบอกคุณหทัยด้วยนะคะว่าตอนที่เธอช่วยเช็ดตัวให้มัทมันทำให้มัทรู้สึก…ดีมาก”
มัทนาเน้นประโยคสุดท้ายเหมือนจงใจให้คนฟังได้ซึมซับให้มากที่สุดและเหมือนกับจะได้ผลเมื่อมือที่จับคอเสื้อของเธอค่อยๆคลายออกพร้อมกับการทรุดลงไปนั่งที่พื้นอย่างคนไร้เรี่ยวแรงของปาลิตา
“ท่าทางจะช็อค” เป็นเพียงแค่ข้อความที่ดังขึ้นในใจเมื่อมัทนาไม่คิดจะปลอบใจอะไร ปาลิตาทำร้ายเธอมามากต้องเจอกับตัวเองซะบ้างเป็นไงล่ะถึงกับล้มทั้งยืนสมน้ำหน้า!
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคงไม่มีอารมณ์จะคุยกับตัวเองแล้ว มัทนาก็รีบเดินเข้าบ้านแต่ขายังไม่ทันพ้นประตูเธอก็ต้องหันกลับไปมองคนที่เดินตามมาด้วยสีหน้าเซ็งๆ
“ต้องการอะไรอีก”
มัทนาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเบื่อๆพร้อมกับหันมาเผชิญหน้ากับคนหาเรื่องอีกครั้งและครั้งนี้เธอจะไม่ถอยหนีอีกแล้ว
“พ่อแม่ของแกทำร้ายพี่หทัยของฉันให้ต้องเจ็บปวด ฉันจะไม่มีวันให้แกที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกของคนสารเลวแบบนั้นได้ทำร้ายพี่หทัยซ้ำอีกถ้าแกจะทำก็ข้ามศพฉันไปก่อน!”
“พูดบ้าอะไรของคุณกินยาไม่ได้เขย่าขวดหรือไง”
“อย่าทำเป็นโง่แกจะไม่รู้ได้ยังไงคิดเหรอว่าค่าตัวคนอย่างแกจะสูงถึงสี่สิบล้านไม่มีใครหน้าโง่ซื้อตัวแกมาถ้าไม่มีจุดประสงค์หรอก”
ยิ่งฟังมัทนาก็ยิ่งไม่เข้าใจนี่มันเรื่องอะไรกันมีอะไรที่เธอควรรู้มากกว่าคำว่าบุญคุณอีกงั้นเหรอ
“แต่ถ้าแกโง่ฉันจะช่วยเพิ่มความฉลาดให้เอง”
ปาลิตายิ้มออกมาอย่างสะใจเมื่อเห็นใบหน้าซีดเผือกของคนฟัง
“แม่ของแกไงล่ะร่าน! แย่งคนรักของพี่หทัยไปก่อนหน้าวันแต่งงานแค่วันเดียวเหตุผลก็ไม่มีอะไรมากแค่ท้อง!”
คนพูดเว้นวรรคครู่หนึ่งก่อนจะหันมาจ้องหน้าคนฟังที่กำลังอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน
“แล้วฉันคงไม่ต้องบอกนะว่าไอ้เด็กเปรตที่อยู่ในท้องกับไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนั้นเป็นใครแต่ถ้าไม่เชื่อ”
ปาลิตาหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าก่อนจะค่อยๆยัดใส่มือคนตรงหน้า
“ลองโทรถามพ่อแกดู”
พูดจบปาลิตาก็ฉีกยิ้มกว้างออกมาอย่างอารมณ์ดีแต่เดี๋ยวก่อนสิ หญิงสาวหันกลับไปยังจุดเดิมที่เพิ่งออกมาก่อนจะตะโกนออกมาเสียงดัง
“สี่สิบล้านมันดูมากไปหน่อยแต่มันก็คุ้มนะถ้าได้จัดการกับมารชีวิตอย่างแก!”
เสียงหัวเราะของคนพูดดังกังวานไปทั่วแต่ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวของมัทนาได้ดับสลายลงไปแล้วจะมีก็เพียงความสับสนมากมายในจิตใจพร้อมกับคำถามที่ว่าหากเรื่องที่ได้ยินเป็นเรื่องจริงนั่นก็หมายความว่าเธอไม่ได้เกิดมาจากความรักสินะ มัทนาหยิบมือถือขึ้นมากดหาคนที่จะตอบเรื่องนี้ได้ดีที่สุดทันทีเพราะเธอต้องรู้ให้ได้ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร
หลังจากคุยโทรศัพท์กับบิดาอยู่นาน มัทนาก็ถึงกับล้มตัวลงนอนอย่างหมดแรงเรื่องทุกอย่างเป็นจริงอย่างที่ได้ยินมาแต่มันเจ็บปวดมากกว่าเป็นร้อยเท่าเมื่อได้ยินจากปากของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของเธอ
“พ่อของเธอเคยเป็นคนรักของหทัยภัทร”
“เพราะความพลั้งเผลอทำให้เธอถือกำเนิดบนโลกใบนี้” “และเพราะมีเธอพ่อและแม่จึงต้องอยู่ด้วยกัน” หลังจากที่พ่อเธอเล่าจบท่านก็เอาแต่พูดคำว่าขอโทษ ขอโทษ ขอโทษแล้วเธอจะโกรธได้อย่างไรในเมื่อสาเหตุของเรื่องทั้งหมดมาจากตัวเธอเองเพราะเธอจึงทำให้คนทั้งสามเจ็บปวดถ้าไม่มีเธอก็ไม่มีเรื่องน่าเศร้าแบบนี้
น้ำตาค่อยๆซึมออกมาทีละน้อยโดยที่เจ้าของไม่คิดที่จะสั่งห้าม ตอนนี้คงมีสิ่งนี้สิ่งเดียวที่จะช่วยชะล้างความเจ็บปวดในหัวใจของเธอได้ ควรจะทำอย่างไรดีนี่คือคำถามที่เกิดขึ้นในใจของมัทนา หญิงสาวหลับตาลงช้าๆเพราะนึกเท่าไหร่ก็นึกคำตอบไม่ออกสักทีหากเป็นไปได้พรุ่งนี้เธอไม่ขอลืมตาตื่นได้มั้ยนะ…
นิยายเรื่องอื่นๆ
คุณหนูที่รัก yuri
http://my.dek-d.com/melike/writer/view.php?id=975576 ลิขิตรักยัยตัวร้าย yuri
http://writer.dek-d.com/melike/story/view.php?id=552259 เกมรัก สะดุดใจ yuri
http://writer.dek-d.com/melike/story/view.php?id=847672 ปีกรัก yuri
http://writer.dek-d.com/melike/writer/view.php?id=1003521 สัญญาวิวาห์กำมะลอ yuri
http://my.dek-d.com/melike/writer/view.php?id=1044762 สามารถสั่งซื้อได้แล้วจ้า
แบบe-book ก็มีนะค่ะเข้าไปดูได้ที่
http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookSearchResults&type=author&search=meAyou ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ