Chapter 5 : คำสัญญาจากสาวแปลกหน้า
เสียงเฮลิคอปเตอร์ที่ดังมาจากทางไกล พาให้คนที่นั่งอยู่ริมชายหาดลุกขึ้นในทันที แคลลี่ออกมานั่งรอแขกของเธออยู่หลายนาทีแล้ว และแล้วการรอคอยก็สิ้นสุดลงเมื่อเสียงนี้เกิดขึ้น
ดวงตาสีแดงหรี่มองยานพาหนะที่กำลังลอยอยู่เหนือพื้น ยกมือหนึ่งขึ้นป้องแสงให้กับดวงตาตัวเองขณะมองมัน ระหว่างที่ลูกน้องของเธอสองสามคนกำลังให้สัญญาณสิ่งบินได้นั่นให้ลงจอดบนผืนทราย ไม่นานเพียงใดมันก็สัมผัสพื้นและเธอก็เห็นใครคนหนึ่งก้าวลงมา..แซนดร้า คูเป้..
สาวชาวอเมริกันในชุดสูทกึ่งลำลองเดินเข้ามาหา หล่อนมีหน้าตาสะสวยไม่ต่างจากที่เธอเห็นในรูปภาพแฟ้มประวัติ ผมยาวสลวยสีบลอนด์ประกายทอง ดวงตาคมกริบสีฟ้าคราม ความสูงเมื่อยืนประจันหน้ากันก็คงพอๆกับเธอ หน่วยก้านหล่อนดีทีเดียวจากที่เห็นท่วงท่าการเดิน สวยสง่าและเข้มแข็งไปในคราวเดียวกัน และในขณะเดียวกันที่เธอพิจารณาหล่อนอยู่ แซนดร้าเองก็กำลังพิจารณาเธอเหมือนกัน ดวงตาสีฟ้าใสนั้นเป็นประกายพึงพอใจแปลกๆเหมือนรอยยิ้มที่มุมปากก่อนจะเอ่ยทักทาย
“สวัสดีค่ะ แคลลี่ใช่ไหมคะ” ตำรวจสากลเริ่มต้นทักทายเจ้าบ้านก่อนและแน่นอนผู้ที่ขึ้นชื่อเรื่องมารยาทดีเด่นอย่างแคลลี่ย่อมจะไม่มีท่าทีไม่ดีใส่แขก มือสวยยื่นมาสัมผัสกันเพื่อทักทายกลับ
“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้พบนะคะ..แซนดร้า”
หากแต่เมื่อแว่วหูได้ยินเสียงวิจารณ์จากแขกตรงหน้า เจ้าบ้านก็กระพริบตาอย่างประหลาดใจ
“สวยสมกับที่ผู้พันโม้เอาไว้เลยนะคะ”
“อะไรนะคะ” แคลลี่เลิกคิ้วถามแสร้งทำเหมือนไม่ได้ยินมัน ทั้งที่ใจจริงหัวใจในอกกำลังเต้นตูมตาม ใบหน้าร้อนผ่าว หญิงสาวถือว่ามันเป็นโชคดีของเธอที่ตอนนี้แซนดร้าหยิบแว่นกันแดดขึ้นมาสวมใส่แล้ว หล่อนจึงไม่น่าจะเห็นใบหน้าที่เปลี่ยนสีของตน แต่ไม่เห็นแน่นะ ทำไมยิ้มประหลาดแบบนั้นอีกแล้วล่ะ
“ไม่มีอะไรค่ะ แค่พูดไปเรื่อยๆเท่านั้น แล้วผู้พันกับเจ้าหญิงล่ะคะ”
คนฟังกระพริบตาปริบๆกับสรรพนามที่อีกคนใช้เรียกเด็กสาวในความคุ้มครองของตัวเอง แต่เธอก็เลือกที่จะไม่วิจารณ์อะไรกับมัน กลับตอบคำถามให้อย่างหน้าตาเฉย
“แอนนั่งอยู่เป็นเพื่อนดิออนค่ะ เค้ากำลังตรวจเช็คร่างกายอยู่”
แซนดร้าพยักหน้ารับรู้ ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติมและเดินตามสาวขนาดตัวพอๆกันที่กำลังเดินนำเข้าไปยังตัวอาคารของคฤหาสน์หลังใหญ่กลางเกาะ ตำรวจสาวแม้จะสงสัยอยู่ว่าทำไมตัวเองต้องถูกนัดมาที่นี่มากกว่าในตัวเมืองแต่ก็ไม่ได้ถามซักไซ้อะไร เธอเชื่อว่าผู้ที่จ้างเธอมาทำงานนี้จะบอกมันเอง
“ฉันจะพาคุณไปเจอพวกเค้านะคะ หลังจากที่เราคุยกันเรื่องรายละเอียดของงานแล้ว” แคลลี่พูดขึ้นขณะเดินพาอีกคนไปถึงด้านในของอาคารและกำลังจะพาหล่อนเข้าไปยังห้องทำงานของตัวเอง แซนดร้าพยักหน้ารับอย่างไม่มีปัญหาอะไร หล่อนทำเพียงตอบกลับมาสั้นๆ
“โอเคค่ะ”
เจ้าของห้องผายมือให้แขกนั่งลงกับเก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะทำงานและระหว่างที่ร่างสูงโปร่งนั่งลง เธอก็ยังคงมองหล่อนอยู่ไม่ละวางสายตาและไม่เห็นว่ามันเป็นการเสียมารยาทอะไร เพราะนายจ้างมีสิทธิที่จะทำแบบนี้อยู่แล้ว หล่อนเองก็คงจะคิดแบบเดียวกัน แต่ก็อดจะพูดอะไรไม่ได้
“คุณแคลคะ อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ อย่าจ้องกันนานแบบนี้สิคะ ถึงนี่จะเป็นการดูตัวของคุณก็เถอะค่ะ คุณไม่รู้หรือว่า สีตาของคุณน่ากลัว”
แคลลี่กระพริบตาในที่สุดและยิ้มให้คนวิจารณ์ เสียงหวานพูดทีเล่นทีจริง “ก็พอรู้ค่ะ แต่ฉันยังเชื่อว่า ฉันไม่ได้เป็นอันตรายกับคนที่อยู่ใกล้เหมือนปีศาจในหนังนะคะ ถึงสีตาจะเหมือน”
“โอ้.. มีอารมณ์ขันดีนะคะ ดีค่ะ ฉันชอบ”
เจ้าของบ้านยิ้มให้แขกแต่ไม่ได้พูดอะไร แคลลี่ส่งแฟ้มเอกสารงานให้กับลูกจ้างพิเศษของเธอที่ก็รับมันไปอย่างไม่ลังเล
“นั่นคือรายละเอียดของงานที่ฉันจะให้คุณทำค่ะ ไม่เข้าใจตรงไหน ถามได้นะคะ” พูดจบก็ปล่อยให้อีกคนนั่งอ่านเอกสารไป ส่วนตัวเธอก็นั่งจิบชาที่มีคนนำมาเสิรฟให้พร้อมกับของแขก
ดวงตาสีแดงมองเหม่อไปเล็กน้อยเมื่อคิดไปถึงสองคนที่ตัวเองจากมา ป่านนี้แอนกับดิออนจะเป็นยังไงบ้าง หมอจะเจออะไรบ้างนะ
“ฉันขอเจอคุณหนูสวอนส์หน่อยได้ไหมคะ”
แคลลี่กระพริบตา เลิกเหม่อและหันไปมองหน้าผู้หญิงตรงหน้าอย่างประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมหล่อนถึงต้องอยากเจอดิออนด้วยในเมื่องานนี้ไม่จำเป็นต้องเจอก็ได้ หล่อนรับงานจากเธอเท่านั้น ถ้าอยากเจอคุณผู้พันก็ว่าไปอย่าง รู้จักกันนี่นา แต่ก็ช่างเถอะ ไม่เห็นจะเป็นอะไร เผื่อดิออนจะได้เจอคนอื่นๆบ้าง อยู่กับพวกเธอมากๆคงจะเบื่อน่าดู คิดแล้วก็ยิ้มบางๆให้คนขอ
“ได้ค่ะ คุยงานเสร็จแล้ว ฉันจะพาไปพบ แต่กับเรื่องงานนี้...”
“ไม่มีปัญหาค่ะ แต่ฉันขอค้างที่นี่สักคืนเพื่อศึกษาแปลนแผนผังของคฤหาสน์สวอนส์ก่อนนะคะ คุณแคลมีอยู่ใช่ไหมคะ”
“มีอยู่ค่ะ แต่มันอยู่ในแฟลชไดท์อันนี้” มือสวยชูของที่ว่าขึ้นให้อีกคนดู ดึงมันออกมาจากกระเป๋ากางเกง ข้อมูลนี้เธอเพิ่งดาวน์โหลดมาจากอีเมล์ที่มิลล์ส่งมาให้ การเก็บผู้หญิงคนนี้เอาไว้ใกล้ตัวเป็นความคิดที่ดีทีเดียว หล่อนมีประโยชน์จริงๆ
แซนดร้าทำท่าจะรับของ แต่แคลลี่กลับดึงมันกลับไปและมองหน้าเธอเหมือนมีอะไรจะพูดสักอย่าง และเธอรู้ว่าคืออะไร
“ขอเอกสารเซ็นต์สัญญางานด้วยค่ะ เจ้านาย”
แคลลี่ยิ้มพอใจให้กับผู้ที่รู้ทันเกมส์ของเธอ จากนั้นก็ดึงเอกสารที่ว่าออกมาจากลิ้นชักของโต๊ะส่งให้หล่อนที่นั่งขมวดคิ้วน้อยๆมองหน้าอยู่ ได้ยินเสียงบ่นจากปากหล่อนให้ยิ้มกว้างขึ้น
“ฉันลืมไปค่ะว่า นายจ้างของฉันเป็นใคร คุณไม่ต่างจากเขาเท่าไหร่เลยนะคะ สมแล้วที่เป็นสามีภรรยากัน”
“ขอบคุณค่ะที่ชม” เสียงหวานตอบรับคำชมของอีกคนที่จริงๆก็รู้อยู่ว่า หล่อนกำลังว่าประชดเข้าให้ ในใจของแซนดร้าคงจะว่าเธอเคี่ยวน่าดูทีเดียว แต่ช่วยไม่ได้นะ ฉันต้องการหลักประกัน งานสำคัญขนาดนี้นี่
“เรียบร้อยค่ะ”
รับเอกสารกลับมาจากคนตรงหน้าและก้มมองมันอย่างละเอียด ทุกอย่างเรียบร้อยจริงอย่างที่หล่อนพูด ข้อมูลที่หล่อนอยากได้จึงไปถึงมือหล่อนทันที
“ฉันมีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะพร้อมอินเทอร์เนตอยู่ในห้องพักที่จัดเอาไว้ให้ ถ้าต้องการจะใช้มันก็ตามสบายนะคะ ฉันจะให้คนพาไปดูห้อง ส่วนของของคุณ ก็อยู่ในนั้นเรียบร้อยแล้วค่ะ” พูดจบผู้เป็นนายจ้างก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ หลังจากที่เก็บสัญญาเอาไว้ในที่ลับแล้ว
แคลลี่รอให้อีกคนลุกตามและพาออกจากห้องไป ยังไม่สามารถจะไว้ใจให้หล่อนอยู่ตามลำพัง เพราะยังไงความลับก็ยังเป็นความลับอยู่ดี
ผู้หญิงสองคนเดินตามกันไปตามทางเดินที่จะไปสู่ห้องห้องหนึ่ง เจ้าของบ้านมีสีหน้าเรียบเฉยระหว่างเดินนำ ส่วนแขกก็มองสิ่งต่างๆที่พบเจอตลอดทางอย่างสนใจ มันเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่ได้มาเจอกับสถานที่ไม่คุ้นตา หากแต่ว่า คำถามที่หล่อนถามออกมากลับไม่เกี่ยวกับมัน
“ทราบมาว่า คุณหนูสวอนส์เคยเป็นคู่หมั้นคุณแคล เรื่องจริงหรือเปล่าคะ”
คนถูกถามมีสีหน้าตกใจไปสามวินาทีก่อนที่จะคิดได้ว่า คนอย่างเธอย่อมจะเป็นข่าวดังในวงการอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แล้วจึงหันมาตอบคำถามให้คนถามอย่างไร้อารมณ์พิเศษ
“เป็นเรื่องจริงค่ะ แต่เหตุผลที่ทำไมถึงถอนหมั้นกัน ฉันไม่ขอตอบนะคะ เพราะคุณย่อมจะเดาได้อยู่แล้วว่าเพราะอะไร..”และถึงน้ำเสียงและสีหน้าจะเรียบนิ่ง หากแต่ดวงตาสีแปลกที่มองหญิงสาวตรงหน้าคงทำให้หล่อนรู้สึกว่าไม่ควรจะถามอะไรอีก หล่อนจึงเงียบไป ยอมเดินตามมาเงียบๆ
แคลลี่เคาะประตูห้องที่เป็นจุดหมายปลายทาง และเป็นไปอย่างที่คิดที่คนมาเปิดประตูให้คือคนตัวใหญ่ที่สุดที่นี่ แองเจล่าทักทายแซนดร้าด้วยการกอดหล่อนและก็ถูกหล่อนหอมแก้มไปตามระเบียบ วัฒนธรรมตะวันตกชัดเจน เธอที่เห็นพฤติกรรมแบบนี้มานักต่อนักและทำเองด้วยจึงไม่รู้สึกอะไร ต่างจากอีกคนที่นั่งตาโตอยู่บนเตียง ซึ่งเธอเดินเลี่ยงเพื่อนเก่าสองคนที่กำลังพูดคุยกันมาเพื่อเจอกับหล่อน
ร่างสูงโปร่งลดความสูงลงมานั่งลงกับขอบเตียงและเอื้อมมือมาสัมผัสหน้าผาก ดวงตาสีแดงแสดงความอาทรออกมาเหมือนน้ำเสียงของเธอที่พูด
“คุณหมอกลับไปแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้าง..”
ดิออนยิ้มบางๆกลับมา ไม่มีทีท่าหนีจากสัมผัสเธอและตอบกลับมาตามที่ถูกถาม
“ผู้พันให้คนไปส่งที่ห้องพักแล้ว เขาบอกว่าต้องขอเวลาศึกษาตำราก่อนน่ะ ถึงจะพาฉันขึ้นเขียงได้ บอกว่าสองสามวันหรือไม่ก็เป็นอาทิตย์ ช่วงนี้ก็ให้กินยาแก้ปวดไปก่อน ถ้ามันปวดมาก ถ้าไม่มากก็ไม่ต้อง ให้ทนเอา.. เพราะยามันแรง”
“แล้วตอนนี้ปวดอยู่หรือเปล่าล่ะ” ถามขึ้นมาและเปลี่ยนตำแหน่งมือตัวเองเป็นดึงมืออีกคนมานวดคลึงเบาๆ หวังให้สัมผัสทำให้หล่อนผ่อนคลายลง แคลลี่เรียนรู้เรื่องนี้มาจากคอร์สพิเศษที่โรงเรียนเตรียมทหาร ภาควิชาการแพทย์เบื้องต้น
เด็กสาวส่ายหน้าและพูดออกมายิ้มๆ “ตอนนี้ฉันวิ่งไล่ตีเธออีกยังได้เลยนะ จะลองไหมล่ะ”
แคลลี่แม้จะแปลกใจกับอารมณ์ที่ดีอย่างเหลือเชื่อของคนพูด แต่เธอก็รู้สึกดีกับมัน ดีใจที่ดิออนเป็นเด็กเข้มแข็งและดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เธอจะได้ลดความห่วงในตัวหล่อนลงและทำงานได้อย่างสบายขึ้นบ้าง
“ไม่ดีกว่านะ คราวที่แล้ว ฉันยังเจ็บไม่หายเลย โดนซ้ำอีกเดี๋ยวก็สมองเสื่อมกันพอดีสิคะ” พูดแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ พาให้อีกคนหัวเราะตาม
แต่ไม่นานสายตาของเด็กสาวก็เปลี่ยนไปมองสิ่งอื่นมากกว่าใบหน้าเธอให้เธอมองตามไป และพบว่าสองคนที่เธอเกือบลืมมายืนอยู่ตรงนี้แล้ว
“แคล.. ช่วยแนะนำตัวให้เค้าหน่อยสิ” แองเจล่าพูดเหมือนระอาใจคนข้างๆเต็มที่แล้ว คนมองเลยกระพริบตาปริบๆอย่างงงๆให้ หากแต่สายตาที่มองกันคงสามารถสื่อสารกันได้ว่าต้องการอะไร แคลลี่จึงพยักหน้าให้ทันที
สาวตาสีแดงนำมือของอีกสาวที่กุมไว้เองกลับไปวางไว้ที่ตักของเจ้าของมัน ก่อนลุกขึ้นยืนข้างๆสาวผู้มาใหม่ แต่หลีกทางให้หล่อนเข้ามาใกล้เตียงคนไข้มากกว่าตัวเอง
“ดิออน.. นี่คือ “ผู้หมวดแซนดร้า คูเป้” เค้าเป็นตำรวจสากลมาจากอเมริกา แต่คราวนี้มาทำงานพิเศษจ้ะ ส่วนแซนดร้า.. นี่คือ...”
“คุณหนูดิออน สวอนส์.. ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” แซนดร้าแทรกขึ้นอย่างไม่สนใจใครและทำให้คนที่นี่ตกใจด้วยการไปคว้ามือคนตัวเองพูดด้วยมาจูบเบาๆ ราวกับอัศวินทักทายเจ้าหญิง
ดิออนทำตาโตและหันไปหาแคลลี่ทันทีเหมือนจะขอความช่วยเหลืออะไรสักอย่าง หากแต่หล่อนก็ทำเพียงแค่ยิ้มให้และขยับปากบอกว่า ‘ไม่เป็นไร’ เท่านั้น
แต่มันจะไม่เป็นไรได้ยังไง ในเมื่อเธออายจนหน้าร้อนไปหมดแบบนี้ แคลนะแคล ไม่ช่วยกันเลย แล้วยัยนี่เป็นใคร ทำไมต้องมาทำแบบนี้ด้วย
“คุณหนูสวยกว่าที่ฉันจินตนาการเอาไว้นะคะ” ตำรวจสาวพูดขึ้นอีกเหมือนได้ใจที่ไม่มีใครว่าอะไร หากแต่คราวนี้ก็ได้ยินเสียงกระแอมดังขึ้นมาจากด้านข้างและเมื่อหันไปก็พบว่าแองเจล่าส่ายหน้าให้ด้วยสายตาเคร่งขรึม แต่เขาก็กลับพูดติดตลกออกมาให้รู้สึกว่าแค่พูดเล่น
“อยากติดคุกที่นี่เหรอแซนดร้า ดิออนยังอายุไม่ถึงเกณฑ์นะ”
“โธ่..ผู้พันคะ คุณก็รู้นี่คะว่าเรื่องนี้ฉันรอได้ อีกไม่ถึงปีไม่ใช่หรือคะ ก็อายุสิบแปดแล้ว..” ประโยคหลังนี้เหมือนจงใจพูดกับคนที่หันกลับไปหาที่มือนุ่มๆยังคาอยู่ในมือเธออยู่
แซนดร้าเผยยิ้มมุมปากเมื่อเห็นเจ้าของมือหน้าแดงก่ำยิ่งกว่ามะเขือเทศสุก มันเป็นเรื่องสนุกของเธอเลยจริงๆที่ทำคนหน้าแดงได้แบบนี้ และยิ่งสนุกกว่าเมื่อสาวหน้าแดงต่อปากต่อคำเธอกลับมาอย่างไม่กลัว ขัดกับใบหน้าของหล่อน
“ก็ถูกของหมวดค่ะ เพราะอีกสามเดือนก็ถึงวันเกิดฉันแล้ว แต่คุณจะอยู่ที่นี่ได้ถึงวันนั้นเหรอคะ รอดกลับมาจากบ้านฉันให้ได้ก่อนดีกว่านะ แล้วค่อยมาคุยกัน ดีไหมคะ” ดิออนพูดและดึงมือตัวเองกลับมาจากการถูกจับไว้ด้วยมือกาวของอีกสาว
สาวน้อยรู้สึกสะใจกับสีหน้าตกใจของสาวแปลกหน้า และรู้สึกว่าตัวเองเริ่มเหมือนแคลขึ้นไปทุกที เมื่อก่อนเธอพูดแบบนี้เป็นที่ไหนกันล่ะ นี่คงซึมซับมาจากระยะเวลาเกือบปีที่อยู่กับแคลลี่แน่ๆ ไม่ผิดเลย
ใช่สิ เพราะตอนนี้หางตาเธอแอบเห็นสาวตาสีแดงยิ้มอย่างพอใจอยู่ตรงนั้น ท่าทางแคลจะประทับใจกับคำตอบของเธอน่าดูทีเดียว ลูกศิษย์เจริญรอยตามอาจารย์มาติดๆแบบนี้นี่นา แต่ก็ใช่ว่า คนอย่างแซนดร้าจะยอมแพ้ใครง่ายๆอย่างที่ใครๆอาจจะคิดไว้ โดยเฉพาะเด็กสาวคนนี้เมื่อเรียวปากสวยเผยยิ้มหวานกระชากใจคนมองออกมาขณะมองตาของเด็กปากกล้าและพูดประโยคหนึ่งออกมาให้หล่อนตาโต
“ถ้าดูถูกกันขนาดนี้ เรามาตกลงกันหน่อยดีไหมคะคุณหนู”
“ตกลงอะไร..” ดิออนพบตัวเองถามออกไปถึงจะตกใจจนแทบทำอะไรไม่ถูกก็ตาม ใจหนึ่งก็โกรธผู้พิทักษ์สองคนของเธออยู่นะว่า ยืนเฉยให้เธอถูกแกล้งอยู่แบบนี้ได้ยังไง จำเอาไว้เลยด้วย ทั้งสองคน
หากแต่กับวันนี้ คงไม่มีอะไรที่จะทำให้เธอตกใจมากไปกว่านี้อีกแล้วแน่ๆ เพราะถ้ามากกว่านี้ เธอยินดีให้หมอฉีดยาให้หลับไปจะดีกว่าต้องเจอมัน ผู้หญิงบ้าอะไร ทำไมเป็นไปได้ขนาดนี้ แคลยังไม่เคยเป็นเลย..
“ฉันขอรางวัลเป็น.. พาคุณหนูไปเที่ยวหนึ่งวัน รับประกันให้ด้วยว่าจะไม่ให้ใครมาทำอันตรายได้เลย โอเคไหมคะ”
เด็กสาวพบตัวเองพาใบหน้าร้อนๆไปมองหน้าสาวที่ยืนมองอยู่เหมือนจะขอความเห็นจากหล่อน และดิออนก็ต้องขมวดคิ้วให้กับใบหน้าหวานที่ยิ้มแย้มของแคลลี่ที่แสดงกลับมาพร้อมความเห็นที่ทำให้เธอหัวใจเต้นรัว
“ให้ให้เค้าไปเถอะดิออน ไม่เป็นไรหรอก ผู้หญิงเหมือนกัน”
โอ้..ผู้หญิงเหมือนกันงั้นเหรอ.. ผู้หญิงเหมือนกันไม่น่ากลัวงั้นใช่ไหม.. แต่ถ้าหล่อนเป็นผู้หญิงแบบเธอ มันก็น่ากลัวทั้งนั้นแหละ..แคลลี่ ไม่รู้ตัวหรือไงเล่า
ดิออนคิดไปคิดมาอย่างหวั่นๆ หากแต่ใครอีกคนก็มาช่วยให้เธอใจชื้นขึ้นด้วยคำของเขา
“ไม่เป็นไรหรอกดิออนจัง เพราะถ้ายัยนี่ทำอะไรเธอตอนไปไหนมาไหนด้วยกันล่ะก็ ฉันจะจับหล่อนเชือดเองกับมือ ตอนนี้ก็รับปากไปก่อนแล้วกัน ฉันรำคาญ จะได้ไปทำอะไรอย่างอื่นซะที”
เจอแบบนี้ก็ต้องยอมรับมันอย่างช่วยไม่ได้และคิดว่าคงจะไม่มีอะไรแย่กว่านี้อีกแล้วล่ะสำหรับชีวิตเธอ และอีกอย่างยัยหมวดบ้านี่ก็ดูท่าทางไม่มีพิษมีภัยมากนักหรอก คิดว่าน่าจะจัดการได้อยู่ เพราะก็เคยมีประสบการณ์มาบ้างแล้วนี่กับคนร้ายๆ เธอยังอยู่มาได้จนป่านนี้เลยนี่นา
“โอเคก็ได้ ฉันรับปากคุณ แต่คุณก็ต้องให้สัญญากับฉันบางอย่างด้วยนะผู้หมวด”
“อะไรคะ..” แซนดร้าถามเสียงหวานเหมือนไม่รู้ว่าคนฟังรู้สึกเลี่ยนจนแทบจะอาเจียนออกมาให้ได้แล้ว
ดิออนแอบกลอกตาอย่างระอาและกลั้นใจไม่ให้เอานิสัยปากเสียมาใช้ตอนนี้ให้เสียงาน ส่วนแองเจล่าก็กำลังยกมือขึ้นบีบขมับเหมือนคนปวดหัวจัดแต่ทำอะไรไม่ได้ต้องปล่อยให้มันเป็นไป
คนที่อยู่ตรงนี้เห็นจะมีอยู่คนเดียวที่ดูจะมีความสุขกับเรื่องนี้อย่างไม่น่าเชื่อเหมือนมันเป็นหล่อนเองที่เป็นสร้างสถานการณ์นี้ขึ้นมา หรือไม่ก็คงเพราะการกระทำของแซนดร้าถูกอกถูกใจตัวเองจริงๆ แคลลี่กำลังพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้จนหน้าแดง ดวงตาสีแดงเสมองทางอื่นเหมือนไม่อยากเห็นใครต่อว่าตัวเองกลับมากับท่าทางแบบนี้ที่ดูคล้ายจะเสียมารยาทไปหน่อย ไปหัวเราะเยาะคนอื่นได้ยังไงเนี่ย นิสัยไม่ดี..
หากแต่ครั้งนี้ที่ทุกคนที่นี่ได้ฟังคำพูดของเด็กสาว ก็คงจะต้องตกใจไปตามๆกัน ไม่ใช่แค่คนที่หล่อนพูดด้วยเท่านั้น อย่างแน่นอน..
“คุณต้องรับปากฉันว่า ถ้าเอาอะไรออกมาจากห้องทำงานคุณแม่ฉันไม่ได้ก่อนถูกจับได้ ช่วยเผามันอย่าให้เหลือเลยนะคะ แต่ห้ามทำอะไรคุณพ่อฉันกับน้องสาวฉัน โอเคไหมคะ”
แซนดร้ากระพริบตาและเปลี่ยนสีหน้าจากขี้เล่นไปเป็นเคร่งขรึมทันใด เธอมองหาใครอีกสองคนเพื่อขอความเห็นจากพวกเขา แองเจล่าและแคลลี่พยักหน้าให้อย่างไม่ต้องคิด คราวนี้เธอจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังและจบมันด้วยจุมพิตที่หลังมือของคนสั่งการ คล้ายจะใช้มันเป็นคำมั่นสัญญา
“ฉันรับปากค่ะ และขอใช้เกียรติของตำรวจเป็นประกัน ฉันจะไม่มีวันผิดสัญญา”
TBC.