นิยายเรื่องนี้เป็นภาคต่อของ The bodyguard Vol.1 ที่ได้จัดทำเป็น E-book เป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ หาซื้อได้ตามลิงก์นี้
http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NToiNTE0NjgiO3M6NzoiYm9va19pZCI7czo0OiIxODE3Ijt9Chapter 1 : พันธนาการสามหัวใจ ดิออนพบตัวเองอยู่กับอาวุธมากมายตรงหน้า เธออดทนยอมเดินมาที่นี่ทั้งที่ต้องเดินกระโผลกกระเผลกด้วยอาการขาแพลงเพราะลื่นล้มที่น้ำตกเมื่อเช้า เพราะคนตัวสูงตรงหน้าที่บอกว่าจะพาเธอมาหาอะไรทำแก้เบื่อ แต่นี่มันจะไม่ทำให้เบื่อมากกว่าหรือไง มีแต่ปืนกับปืนและก็กระสุน ของน่ากลัวทั้งนั้นเลย
สาวน้อยอยากกระพริบตาแต่ก็ทำไม่ได้ ของที่เห็นมันทำให้ตื่นตาตื่นใจมากจนไม่อยากจะทิ้งการมองมันเลยสักนาทีทั้งที่กลัว ก็ไม่เคยเห็นปืนจริงๆมากเท่านี้มาก่อนในชีวิตนี่นา และก็ไม่อยากเชื่อด้วยว่าในเกาะที่ห่างไกลจากแผ่นดินใหญ่มากแบบนี้จะมีสถานที่ที่ดูเหมือนคลังแสงของกองทหารขนาดย่อมเช่นนี้ได้ แคลทำมันขึ้นมาเมื่อไหร่ หล่อนเตรียมการเรื่องนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“แคลเป็นทหาร ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกนะ ถ้ามีห้องแบบนี้ในเกาะของเค้า”
เสียงพูดนี้พาให้คนที่กำลังอึ้งกระพริบตาและหันมามองหน้าคนพูด ร่างสูงกับผมสีเงินกำลังหันหลังให้เธออยู่ เขาหยิบปืนยาวกระบอกหนึ่งมาสำรวจดูและทำท่าเหมือนจะลองใช้มัน แต่ก็แค่ลองเล็งมันดูเท่านั้นแล้วก็เก็บมันเข้าที่ตรงผนังที่มีที่แขวนไว้
“แต่ถึงอย่างนั้น การมีอาวุธสงครามมากขนาดนี้อยู่ในมือ ก็ผิดกฎหมายไม่ใช่หรือคะ เท่าที่ฉันเคยรู้มา” สาวน้อยเสนอความเห็น แต่อีกคนก็ใจเย็นอธิบายข้อเท็จจริงให้ฟัง
“ก็ถูก เธอพูดถูกแล้ว แต่นั่นก็เฉพาะตอนที่แคลไม่ได้สังกัดหน่วยกองพันพิเศษที่ปฏิบัติงานพิเศษให้กองทัพ”
ดิออนกระพริบตาปริบๆระหว่างคิดทบทวนว่าคนตรงหน้าพูดว่าอะไร หน่วยกองพันพิเศษเหรอ..? โอ้..เข้าใจแล้ว...
“หมายความว่า...”
“หมายความว่า.. อาวุธเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนมาจากกองทัพ มันอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ตอนที่แคลประจำอยู่ที่อังกฤษ มีไว้ในกรณีฉุกเฉิน” แองเจล่าต่อความให้คนที่กำลังงงได้ฟัง จากนั้นก็เดินสำรวจห้องคลังอาวุธนี้ต่ออย่างสนใจ แต่ก็ไม่ได้ลืมที่จะเล่าเรื่องให้เด็กสาวฟังอีก
“เธอคงไม่รู้ว่า รัฐบาลของฉันกับรัฐบาลของประเทศเธอมีการติดต่อกันอยู่ตลอดเวลา เราทำงานร่วมกันเสมอ”
“แต่คุณบอกว่าคุณไม่เคยมาที่นี่ไม่ใช่เหรอคะ ครั้งนี้เป็นแค่ครั้งที่สองที่คุณมาเกาะนี้ ไม่ใช่เหรอ..ผู้พัน” ดิออนแย้งตามเหตุผลที่รู้มา แล้วคนตัวสูงตรงหน้าก็หันมายิ้มให้ ดวงตาเป็นประกายแปลกๆ มันทำให้นึกกลัว แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรน่ากลัวกว่านี้หรอก
“ก็ใช่ ฉันมาที่นี่ครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง แต่ในหน่วยของฉัน ก็ไม่ได้มีฉันคนเดียวนี่ที่ทำงานแบบนี้ และถ้าเธอจะถามว่าทำไมนี่ที่ถึงได้เหมือนว่าไม่เคยมีใครมาใช้เลยมาก่อนก่อนหน้าฉัน ฉันก็จะบอกกับเธอว่า ฉันขอคุณพ่อฉันไว้ว่า อย่าใครมายุ่งกับที่นี่นอกจากฉันกับเจ้าของเกาะ นั่นก็คือแคล ส่วนคนอื่นที่ทำงานในประเทศของเธอ เขาก็มีที่ของเขาที่อื่น ซึ่งฉันบอกเธอไม่ได้หรอกนะว่ามันคือที่ไหน เข้าใจนะ มันเป็นความลับ”
สาวน้อยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เหตุผลของเขาฟังน่าเชื่อจริงๆ เพราะใช่ เขามีอำนาจมากพอในมือที่จะสามารถเนรมิตเกาะแห่งนี้ให้เป็นฐานทัพลับได้โดยไม่มีใครรู้ นอกจากคนที่ควรรู้เท่านั้น เท่าที่เธอรู้มาผู้พันแองเจล่า มิลเลอร์ เป็นลูกสาวคนเดียวของท่านนายพลเอนริค มิลเลอร์ ผู้มีอำนาจที่สุดในกองทัพอังกฤษและท่านนายพลที่ว่าก็เป็นที่ปรึกษาของท่านนายกรัฐมนตรีที่นั่นด้วย
นั่นจึงหมายความว่าเมื่อมีการติดต่อกันในทางทหารกับทางรัฐบาลของประเทศเธอ ท่านนายพลมิลเลอร์ ก็จะมีสิทธิในการตัดสินใจดำเนินการอะไรก็ได้ที่นี่ ใช่หรือไม่..
โอ้..งั้นก็แสดงว่า ผู้พันคนนี้เส้นใหญ่คับประเทศเธอเลยสินะ ถ้าเช่นนั้นทำไม ยังมีคนกล้ามาทำอะไรเธอที่อยู่ในความดูแลของเขาได้อีกล่ะ หรือว่ามันจะมีอะไรที่ตื้นลึกหนาบางกว่านี้ที่เธอไม่รู้
แน่นอน..มันต้องมี ไม่ว่าที่ไหน คำว่า “ไส้ศึก” มันต้องมีเสมออยู่แล้ว เชื่อสิ..
“เอ่อ..แล้วคุณพาฉันมาดูอะไรแบบนี้ทำไมคะ ฉันไม่ใช่ทหารเสียหน่อยนี่” ถึงจะอยากรู้อะไรอีกหลายอย่าง แต่ตอนนี้เธอก็อยากถามเรื่องนี้ก่อนว่า เธอมาอยู่ที่นี่ทำไม
จุดประสงค์ของทหารตัวใหญ่ตรงหน้าที่พาเด็กอย่างเธอมาดูอาวุธสงครามแบบนี้ มันคืออะไร เธอไม่อยากอยู่ที่นี่ กลิ่นของมันทำให้ขนลุก ให้ไปเดินดูเกาะกับแคลยังจะดีเสียกว่า แคลไม่น่าทิ้งเธอไว้กับเขาเลย มันน่ากลัว...
“เพราะฉันอยากให้เธอรู้จักพวกมัน”
หากแต่คำตอบสั้นๆก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้คนฟังที่เป็นเด็กอย่างเธอรู้เรื่อง จนกระทั่งแองเจล่าเลือกปืนด้ามหนึ่งออกมาจากตู้และส่งให้เธอนั่นแหละ ก็พอจะเดาได้แล้วว่าเขาหมายความว่าอย่างไร ดิออนมองหน้าคนที่ส่งปืนมาให้เหมือนไม่เชื่อสายตา เธอยังไม่กล้ารับมัน
“ฉันยิงปืนไม่เป็น..”
“เธอต้องหัดยิง”
คนตัวสูงพูดเสียงเรียบแต่ถ้าเปรียบกับแคลแล้ว เสียงของเขามีอำนาจมากกว่า ทั้งเสียงและสายตาของเขาเลยด้วย เพราะถ้าเปรียบเทียบกันแล้ว เสียงและสายตาของสาวตาสีแดงทำให้เธอสบายใจ ผ่อนคลายเหมือนสายน้ำที่อบอุ่นให้ชีวิตได้ดำรงเป็นชีวิตต่อไป ในขณะที่เสียงและสายตาของคนคนนี้ทำให้เธอตื่นตัวและระแวดระวัง เหมือนสายน้ำเย็นที่ชุ่มฉ่ำหากแต่แอบซ่อนเร้นอะไรเอาไว้ข้างใน..ความตาย..
หวังใจว่า เขาคงไม่ฆ่าเธอด้วยท่าทางเยือกเย็นแบบนี้หรอกนะ ไม่หรอก เขาเป็นผู้พิทักษ์ของเธอนี่นา เขาสาบานเอาไว้แล้ว...
ดิออนมองหน้าคนใจเย็นตรงหน้าที่ยังคงยื่นปืนให้เธออยู่อย่างไม่เชื่อสายตา แล้วอะไรบางอย่างก็ทำให้เธอหยิบมันมามองพิจารณา ปืนมีขนาดพอดีกับมือเธอ มันคงเหมาะสำหรับผู้หญิง ซึ่งก็คงจะเป็นสาวตัวเล็กอย่างเธอนี่แหละ ปืนสั้นออโตเมติก ถ้าเธอเดาไม่ผิดนะ
“FN Five Seven มันดูเหมาะกับเธอดี ใช้ไม่ยากหรอก” ทหารตัวสูงอธิบายและยื่นมือมาขอของจากมืออีกคนที่เหมือนจะส่งให้ด้วยท่าทางงงๆเล็กน้อย
แองเจล่านำปืนกระบอกเล็กกว่ามือตัวเองกลับไป และสอนวิธีใช้มันให้กับสาวตรงหน้าที่ว่าตอนนี้จะสนใจการสอนของเธอขึ้นมาบ้างแล้ว “ปืนกระบอกนี้ เธอไม่ต้องทำอะไรกับมันมาก แค่ตรวจดูว่าในแมกกาซีนมีกระสุนเต็มหรือไม่ หรือยังมีเหลือพอสำหรับใช้หรือเปล่า และเวลาที่เธอจะใช้ เธอก็ปลดเซฟตี้ และลั่นไก แล้วมันก็.. ปัง.. ตาย..”
คำสุดท้ายออกมาด้วยน้ำเสียงขี้เล่น แต่คนฟังคงปรับตามอารมณ์ไม่ทัน จึงได้เห็นเด็กสาวทำหน้ามึนกลับมาให้ ตัวเองเลยต้องส่ายหน้ายิ้มๆและคว้ามือเล็กของหล่อนมารับของกลับคืนไป
“เก็บเอาไว้นะ แล้วฉันจะสอนให้วันหลัง หรือไม่ก็คงเป็นแคลที่สอนเธอ แต่เก็บมันไว้ให้ดีนะ ถ้าเป็นไปได้ อย่าให้ใครเห็น นอกจากฉันกับแคล เข้าใจนะ” พูดจบก็ดันตัวเด็กสาวออกไปจากห้องคลังแสง แต่ระวังไม่ให้หล่อนเจ็บที่ขาซึ่งยังใช้งานได้ไม่ดีนัก
ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลส่งสายตาปรามให้อีกคนเก็บของที่ให้ไปตามที่บอกไว้ แล้วเด็กสาวทำตามอย่างเหลือเชื่อ อาจเพราะหวั่นใจในความเยือกเย็นดุจน้ำแข็งของดวงตาคนมอง ทั้งสองเดินออกไปสู่ภายนอก ดิออนจำเป็นต้องหรี่ตามองสิ่งต่างๆ แสงอาทิตย์สว่างจ้าเกินไป มันทำร้ายสายตาเธอ
“แดดแรงแบบนี้ แคลไปเดินทั่วเกาะได้ยังไง” เด็กสาววิจารณ์ออกมาให้คนข้างๆหัวเราะในลำคอ ดิออนมองหน้าคนตัวสูงคิ้วขมวด เขาสนุกอะไรกันนี่
“แคลลี่ไม่ได้บอบบางอย่างที่เธอเห็นหรอกนะ เค้าเป็นทหาร จำไม่ได้หรือไง ตอนเป็นนักเรียนเตรียม ฝึกหนักกว่าที่เธอคิดไว้มากนะคะ..เด็กน้อย..” พูดตามความจริงแต่เด็กผู้หญิงตรงหน้ายังไม่เลิกทำหน้ามุ่ย ในที่สุดก็ต้องยอมเป็นคนใจดีอย่างที่ไม่ค่อยจะเป็นจนได้ เสียงนุ่มเอ่ยเบาๆ
“เธอวอไปตามเค้ามาก็ได้นะ นี่ก็เที่ยงแล้วด้วย ตะวันตรงหัวพอดี จะได้ทานมื้อเที่ยงด้วยกันและทานยาด้วย ขาเธอจะได้หายเร็วๆ” คนตัวสูงส่งวิทยุสื่อสารให้สาวตัวเล็กและทำท่าจะเดินจากไป หากไม่ถูกรั้งไว้เสียก่อน
“ผู้พันคะ คุณไม่อยู่กับเราเหรอ..” ดิออนถามอย่างสงสัย หากแต่คนที่จะไปก็หันมาส่ายหน้าให้พร้อมยิ้มบางๆ แล้วก็เดินจากไปเงียบๆให้เธอมองตามหลังอย่างเสียดาย
ใช่สิ เพราะถึงจะดูน่ากลัวขนาดไหน ภายใต้ความเย็นชาที่ดูน่ากลัวนั้น ผู้พันแองเจล่าก็เป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกปลอดภัยอยู่ดี สำหรับเธอ..
และคงจะเป็นสำหรับแคลด้วยเหมือนกัน...
--The bodyguard--
แคลลี่พลิกวัตถุสีดำในมือไปมา ดวงตาสีแดงมองมันอย่างไม่มีความรู้สึกอะไรพิเศษ เธอเห็นมันมาบ่อยทั้งชีวิตแล้วนี่ อาวุธปืน ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นไม่เหมือนคนที่เอามันมาอวดให้ดู
ดิออนรีบพาเธอมาจากโต๊ะอาหารทั้งที่เพิ่งจะทานมื้อกลางวันเสร็จด้วยกัน เพราะต้องการจะนำปืนกระบอกนี้มาให้เธอดู น่าเอ็นดูดีนะ ความตื่นเต้นของเด็กได้ของเล่นใหม่ เธอคิด
“เค้าบอกให้ฉันสอนเธอเหรอ” ถามขึ้นเบาๆและเหลือบตาขึ้นมองหน้าคนที่ตัวเองถาม ดิออนพยักหน้าเร็วๆกลับมา พาให้เธอยิ้มรับ
“โอเคได้.. แต่เธอต้องเลือกก่อนนะว่า เธอจะใช้ปืนมือไหน”
“หมายความว่ายังไง ก็ฉันถนัดขวานี่” เด็กสาวถามงงๆให้อีกคนมองด้วยสายตาเอ็นดูเหมือนผู้ใหญ่มองเด็ก
แคลมองเธอด้วยสายตาเปลี่ยนไป มันเริ่มชัดขึ้นทุกที ความรู้สึกนี้เธอรับรู้ได้ ระหว่างเธอกับหล่อน เยื่อใยที่มีให้กันคงเหลือแค่เพียงพี่น้องจริงๆ แต่ก็ช่างเถอะ มันควรจะเป็นแบบนี้อยู่แล้วล่ะ ช่างมัน...
“มันไม่จำเป็นต้องเป็นมือข้างที่เธอใช้เขียนหนังสือหรอกนะที่จะยิงปืนได้ดี ถึงส่วนใหญ่คนทั่วไปจะเป็นแบบนั้น อย่างฉันที่ถนัดซ้าย แต่ใช้ปืนมือขวา มันดูแปลกหรือเปล่าล่ะ” เสียงหวานชี้แจงใจเย็น อีกคนเลยมองอย่างเข้าใจ ดิออนดูไม่มีปัญหาอะไรกับเรื่องนี้ แล้วเรื่องอื่นล่ะ
“อืมม.. ถ้าเข้าใจแล้ว เอาไว้พรุ่งนี้นะ ฉันจะพาเธอไปลอง แต่คงต้องเป็นในป่าที่ฉันไปดูที่มาวันนี้แหละ มันเงียบดี ปลอดภัย” คนฟังพยักหน้ารับอย่างไม่มีปัญหา คนพูดเลยไม่มีเรื่องปวดหัวเพิ่มนอกจากเรื่องเดิมๆที่ยังสะสางไม่ได้ แล้วความกลุ้มใจในสีหน้า คงเป็นออร่าที่ทำให้อีกคนรู้สึกถึงมัน ไม่นานมืออุ่นๆเลยมาสัมผัสมือเธอเบาๆ
ดวงตาสีแดงกระพริบและมองสบสีเขียวทันที “ทำไมเหรอ..ดิออน..”
“ฉันเป็นภาระให้เธอมากใช่ไหม..แคล”
แคลลี่นิ่งอึ้งเพราะคำถามนี้ ดิออนดูเสียใจจริงๆขณะที่หล่อนถามออกมา ท่าทางเหมือนอยากจะร้องไห้ได้ทุกเวลา เธอไม่อยากจะเห็นมันเลย จะทำยังไงดี ไวเท่าความคิด ปืนในมือเลยถูกทิ้งลงกับโต๊ะตรงหน้า สองแขนโอบตัวร่างบางเข้ามาหากอดหล่อนเอาไว้ หวังให้สัมผัสนี้บอกถึงความห่วงใยของเธอที่มีให้หล่อน
“อย่าพูดแบบนี้อีก..ดิออน ฉันไม่ชอบฟัง รู้ไหม..”
“แต่ฉันก็ไม่ชอบที่เห็นพวกเธอดูวุ่นวายกันไปหมดเพราะฉันคนเดียว เธอควรมีความสุขกว่านี้ เธอกับผู้พัน..”
ดวงตาสองสีมองสบกันเพราะประโยคหลังที่ดึงแคลให้ออกมามองหน้าคนพูด จ้องหน้าหล่อนเหมือนต้องการจะถามความหมายที่ต้องการจะสื่อสาร แล้วหล่อนก็เข้าใจจริงๆ
“เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วนะแคล เธอไม่ต้องปิดฉันหรอก ฉันเข้าใจ”
“เธอรู้..?” แคลถามออกมาหน้าตาตื่น รู้สึกเหมือนตัวเองล้มเหลวในการซ่อนความลับที่เป็นเรื่องส่วนตัว หากแต่เมื่ออีกคนตอบกลับมา มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ใครจะสังเกตตัวเธอออก เธอเป็นแบบนั้นจริง
“แคลลี่.. ฉันอยู่กับเธอมาเป็นปีนะ ทำไมฉันจะไม่รู้ล่ะว่า เธอเป็นแบบไหน แล้วเธอเปลี่ยนไปเมื่อไหร่ และเธอก็ดูมีความสุขขึ้นเวลาอยู่กับเขาเมื่อเร็วๆนี้ ฉันเห็น... ตั้งแต่คืนนั้น ที่เธอไม่ได้กลับไปนอนที่บังกะโล..”
คนฟังยิ้มเจื่อนๆกลับไปให้คนพูด แคลลี่หัวเราะฝืดๆในลำคอและส่ายหน้าอย่างระอาใจตัวเอง รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาทันที “ฉันรักเค้า..ดิออน ฉันเพิ่งรู้ว่าฉันรักเค้ามากแค่ไหนก็เมื่อ..คืนนั้น..” ถึงรู้ว่ามันไม่ดีที่พูดแบบนี้ออกไป มันอาจจะไปทำให้คนฟังเสียใจก็ได้ หากแต่ความจริงเรื่องนี้เธอควรต้องบอก ถ้าอยากจะตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม
จบกันทีรักสามเส้า เราสามคน.. หรือว่ายัง..?
“ฉันเข้าใจ..”
แต่แล้วคำตอบสั้นๆของคนฟังก็ทำให้คนพูดเจ็บหัวใจแปลกๆ คงเป็นครั้งแรกที่เธอไม่ได้ยินเด็กสาวต่อล้อต่อเถียงหรือถามอะไรให้วุ่นวาย แคลลี่รู้สึกเหมือนไมเกรนกำลังเล่นงานเธออย่างหนัก ปวดหัวมากจนรู้สึกว่าอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว เธอคงต้องไป อย่าให้ความสงสารของเธอทำร้ายใครอีกเลย แม้กระทั่งตัวเอง
“ขอบใจนะดิออน ขอบใจจ้ะ ฉันขอตัวก่อนนะ มีงานต้องไปทำต่อ” พูดแล้วก็ลุกขึ้นยืน หากแต่มือก็ถูกดึงไว้ด้วยอีกคนให้ต้องหันขวับกลับมา ดวงตาสีแดงถามว่าเจ้าของมือต้องการอะไร
“หาหมอให้ฉันเร็วๆได้ไหมแคล.. ขอร้องล่ะ”
แม้จะตกใจ แคลลี่ก็พบว่าเธอทำได้แค่พยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มเห็นใจ ร่างโปร่งก้มลงมอบจุมพิตที่หน้าผากเด็กสาวเบาๆ และจากไปพร้อมหัวใจชาๆ
ฉันทำร้ายเธอมากเลยใช่ไหม..ดิออน.. ถ้าจะต้องตายเพราะปกป้องเธอ มันก็สมควร..
-The Bodyguard-
ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลกระพริบเมื่อเห็นมือหนึ่งยื่นมาตรงหน้า หันไปสบตาเจ้าของมือแล้วก็ต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ จำใจส่งของในมือตัวเองให้หล่อนไป
เอาแล้วไง แคลลี่มาทำไมตอนนี้ เหล้ากำลังรสชาติดีอยู่เลย คิดอย่างเสียดายขณะมองของที่อยู่ในมืออีกคน หล่อนจะทำอะไรกับมันกันนะ และแล้วดวงตาคมก็ต้องเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นสาวหน้าใสข้างๆกระดกของเหล้าสีอำพันนั่นเข้าปากหน้าตาเฉย แต่ก็รู้เลยว่าหล่อนไม่ได้ชอบมันนัก คิ้วขมวดเชียว ขมล่ะสิ
“ขออีกได้ไหม..” บอกพร้อมส่งแก้วเปล่าให้คนตรงหน้า แองเจล่ากระพริบตาเหมือนไม่เชื่อว่าได้ยินอะไร “แอน.. ขอหน่อย หวงหรือไง..”
เป็นไปตามคาด ใช้ไม้นี้ทีไร เธอก็ได้ของที่อยากได้ทุกที แคลลี่กระดกน้ำขมๆเข้าปากอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้รู้สึกผะอืดผะอมจนต้องลุกขึ้นวิ่งไปห้องน้ำที่อยู่ใกล้ๆ เอามันออกไป ไม่ว่าจะนานเท่าไหร่ เธอก็ยังแพ้มัน
“รู้ว่าดื่มไม่ได้ แล้วดื่มทำไมคะ” คนที่เดินตามมาอย่างรู้ทันถามขึ้นพร้อมลูบหลังให้สาวที่โก่งคออาเจียนอยู่กับชักโครกตรงหน้า สายตาของเธอห่วงใยหล่อนจริงจัง แคลลี่เป็นอะไรไปอีก พักนี้อารมณ์เปลี่ยนเร็วจนรับไม่ทันเหมือนกัน หรือประจำเดือนหล่อนใกล้จะมา ฮอร์โมนเล่นตลกอีกหรือไงนี่..
“ฉันเครียด.. ฉันอยากหนีปัญหา มันมากเกินไป ฉันรู้สึกรับไม่ไหวแล้ว..”
“นั่นเพราะเธอเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับงานมากเกินไป เธอต้องแยกแยะให้ได้..แคล” เสียงนุ่มวิจารณ์ขณะส่งแก้วน้ำเปล่าให้อีกคนบ้วนปาก ล้างกลิ่นอาเจียนในปากของหล่อน แคลลี่รับมันไปอย่างไม่อิดออดแต่ก็ไม่วายจะมองหน้าเธอเหมือนอยากหาเรื่องอย่างนั้น คงเพราะคำวิจารณ์
ร่างสูงถอนหายใจแผ่วแล้วไปยืนกอดอกพิงผนังมองคนที่กำลังจัดการตัวเองให้เรียบร้อยอยู่ห่างๆ ไม่อยากทำตัวเป็นพี่เลี้ยงเด็กให้ใคร ถึงจะเป็นสามีภรรยากัน
“เธอเอาอารมณ์ส่วนตัวเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากเกินไป มันทำให้เธอแย่ หรือเธอจะถอนตัวดีล่ะ ฉันจะขอคุณพ่อให้..”
“ไม่..! ฉันจะทำงานนี้ ฉันไม่ไว้ใจคนอื่น” แคลลี่ตอบอย่างไม่ต้องคิด ลืมไปด้วยว่าเธอไปกระชากคอเสื้อเขาเพื่อเรียกร้องความสนใจ จนกระทั่งดวงตาเย็นชาตรงหน้าจ้องหน้าเธอให้รู้ตัวว่าทำอะไรอยู่ ถึงได้ยอมปล่อยเขาและพึมพำคำขอโทษออกมาเสียงเบา หากแต่เสียงของเขาดังกว่าเสียงเธอเมื่อเขาพูดประโยคนี้
“เธอไม่ไว้ใจพี่ด้วยเหรอ..แคล”
ดวงตาสีแดงกระพริบตา รู้สึกแล้วว่าตัวเองทำพลาดไปมาก เธอไม่ได้ต้องการจะทำแบบนี้เลย แค่ทุกอย่างที่เจอมามันทำให้เครียดมากไปเท่านั้น เธอยังไม่สามารถสะสางอะไรได้หมด ไม่ว่าเรื่องงานก็ยังคาราคาซัง กระทั่งเรื่องหัวใจก็ดูจะอ่อนแอสิ้นดี มันแย่จริงๆ
ฉันควรจะทำยังไงดีกับเธอ..ดิออน ฉันไม่อยากให้เธอต้องทนอยู่ในความอึดอัดแบบนี้ แต่ฉันก็ไม่มีทางเลือกอะไร ขอโทษด้วยนะ ฉันรักเธอมากนะ..น้องสาว เข้าใจฉันหน่อย..
“เปล่า.. ไม่ใช่ แค่ฉันอยากจะเห็นกับตาว่าเค้าจะปลอดภัยดีเท่านั้น ฉันอยากเห็น.. ขอร้องนะแอน อย่าถอดฉันออกจากงานนี้ ได้ไหมคะ” พูดพร้อมจ้องตากับอีกฝ่ายเพื่ออ้อนวอนเขาทางสายตา แองเจล่าดูลังเลใจที่จะตอบ แบบนี้เธอคงจะต้องทำให้เขามั่นใจขึ้น
สองมือสวยปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตคนตัวสูงกว่าระหว่างมองตาเขาไม่หยุด แล้วก็ลูบคลำเนื้อเนียนในร่มผ้า กล้ามเนื้อของเขาตรงที่เธอสัมผัสเกร็งขึ้นรับแม้ใบหน้าจะนิ่งเฉย
“เธอทำแบบนี้อีกแล้วนะแคลลี่ เธอก็รู้นี่ว่าพี่ไม่ชอบ..”
“แต่ฉันทำกับพี่คนเดียวนะ อย่าโมโหสิ จริงๆนะคะ” เธอจบคำพูดตัวเองด้วยจุมพิตที่อกแน่นๆของเขา แอบได้ยินเสียงถอนหายใจดังขึ้นมาพาให้เกิดรอยยิ้มที่ริมฝีปากอิ่ม
มือสวยเริ่มไล่ลงไปปลดกระดุมและซิปกางเกง หากแต่เธอก็ทำได้เพียงเท่านั้น คนตัวใหญ่กว่าพลิกตัวสลับตำแหน่งกับเธออย่างว่องไว กลายเป็นเธอที่ยืนติดผนังห้องน้ำแทน
แองเจล่าพาเสียงครางอย่างพึงใจออกมาจากปากของเธอ เมื่อเรียวปากสวยของเขาสัมผัสลำคอขาวยาวระหง มือใหญ่สัมผัสทรวงอกอย่างเชี่ยวชาญ ฤทธิ์น้ำเมาที่ยังตกค้างอยู่ในกระแสเลือดเพิ่มความรุ่มร้อนให้กายเธอ อยากให้เขาสัมผัสมากกว่านี้ แล้วสิ่งนี้ไม่ต้องร้องขอก็ได้มา ลิ้นร้อนๆเชยชิมความหวานตรงหว่างขาพาให้เจ้าของมันแทบยืนไม่อยู่ เซ็กส์กับคนที่รู้ใจ มันน่ามหัศจรรย์เสียจริง
หญิงสาวจิกเล็บลงตรงบ่าของคนตรงหน้าเมื่อรู้สึกว่าเธอไม่อาจทนทานมันได้ไหว ยิ่งเมื่อลิ้นถูกแทนที่ด้วยอะไรที่เธอต้องการมันมากกว่า แรงปรารถนาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น มืออุ่นดึงเอวเธอให้เข้าไปใกล้ๆระหว่างที่อีกมือไม่ทิ้งขว้างการบริการที่เธอชื่นชอบมัน สิ่งลุกล้ำลึกขึ้นและลึกขึ้น สวรรค์ก็ใกล้เข้ามาทุกที
แคลลี่อยากจะร้องออกมาให้สุดเสียงเมื่อเธอไม่สามารถจะอดทนอะไรได้อีกต่อไปแล้ว แต่ก็ทำให้เพียงแต่เสียงอู้อี้ในลำคอของอีกคนที่พาเรียวปากของเขามาประกบกับปากของเธอไว้ ซ่อนเสียงอันน่าอายให้แทนกัน หากแต่ก็แค่เสียงเท่านั้นที่เขาช่วยบรรเทามันได้ด้วยริมฝีปาก ร่างกายที่สั่นสะท้านก็ยังต้องการการกอดปลอบและพักพิงอยู่
เขาจูบศีรษะเธอเบาๆระหว่างที่เธอซบหน้าลงกับบ่ากว้างนี้ กอดเธอไว้ให้อบอุ่นด้วยท่อนแขนที่แข็งแรง รู้สึกดีที่สุด มันทำให้ได้รู้ว่า ภายใต้ความวุ่นวายและปัญหาทั้งหลายในโลก ยังมีที่ที่หนึ่งที่ผ่อนคลายและปลอดภัยสำหรับเธอ ภายใต้ความเย็นชาที่เป็นฉากหน้าของคนคนนี้ เขายังมีความอบอุ่นที่ซ่อนเอาไว้ให้เพียงเธอเท่านั้น เธอคนเดียว..
“แคล.. เธอจะห่วงใครอะไรยังไง พี่ไม่ว่านะ ขออย่างเดียวเท่านั้น อย่าทำร้ายตัวเอง ถ้าจะมีใครต้องเจ็บกับเรื่องบ้าๆนี้ ขอเป็นพี่คนเดียวพอ นะคะคนดีของพี่”
แล้วสิ่งเดียวที่เขาขอเธอเท่านี้.. เธอจะให้เขาได้ไหมล่ะ..แคลลี่ หรือมันยากเกินไป..
เส้นด้ายสีแดงบางๆพันผูกนิ้วก้อยของคนสามคน เชื่อมโยงหัวใจของพวกเขาเอาไว้ด้วยกันเป็นวงกลมอยู่ตรงนี้ มีใครเห็นมันบ้างไหม..?
คุณล่ะ..?
TBC.