ตอนที่ ๑๑
กลางดึกพิมพ์รตารู้สึกตัวตื่น เพราะอาการปวดท้อง เธอมักปวดท้องตอนดึกบ่อยๆ ยิ่งเมื่อไหร่ที่ดื่มแอลกอฮอล์ มักจะปวดท้องมากกว่าที่เป็นบ่อยครั้งที่เธอจะต้องลุกมากินยาตอนดึกๆ
พิมพ์รตาเอื้อมมือเปิดไฟหัวเตียง พอไฟสว่างเธอรู้สึกตกใจที่เห็นกรกฎนอนอยู่บนเตียง เธอจ้องมองใบหน้าที่หลับใหลนั้นอย่างแปลกใจ พร้อมกับทบทวนความทรงจำ เธอจำได้ว่าไปทานข้าวแล้วนั่งรถกลับบ้าน แล้วก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย ก้มลงสำรวจร่างกายตัวเอง ชุดนอนที่ใส่ก็ดูเรียบร้อยดี เปิดดูข้างในชุดชั้นในยังเป็นตัวเดิมที่เธอใส่เมื่อเช้า
‘สงสัยเราคงเมามาก ปูคงเปลี่ยนให้แน่ๆ แล้วทำไมมานอนอยู่ห้องเราได้นะ ไม่กลับไปนอนห้องตัวเอง’ พิมพ์รตาอดสงสัยไม่ได้ แต่ก็ปล่อยให้กรกฎนอนอยู่อย่างนั้น เธอลุกไปกินยาแล้วเลยอาบน้ำเพราะรู้สึกเหนียวตัว ปกติถ้าไม่ได้อาบน้ำ เธอนอนไม่ได้ นี่คงเป็นเพราะเมามากถึงได้หลับไป
เมื่อเธออาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนแล้ว เดินมาหยุดดูกรกฎที่นอนขดตัวเหมือนเด็กๆ อดยิ้มขำไม่ได้ ‘นอนดิ้นเหมือนเด็กเลยดูซิ ถีบผ้าออกหมดแล้วนอนขดตัวคงจะหนาวล่ะสิเนี่ย’ พิมพ์รตาหยิบผ้าห่มมาห่มให้เบาๆ เธอเอนตัวลงนอนข้างๆ มองคนที่นอนหลับตาพริ้มขนตายาวเป็นแพ จมูกโด่งเป็นสันปลายเชิดนิดๆ บ่งบอกว่าเป็นคนดื้อรั้น ซึ่งคงไม่ต่างจากเธอมากนัก ปากบางสีชมพูโดยไม่ต้องพึ่งลิปสติกใดๆ เธอมองใบหน้านั้นอย่างหลงใหล เอื้อมมือไปลูบเบาๆ ที่คิ้วไล้ลงมาตามสันจมูก จนถึงปากบางได้รูปนั้น ปลายนิ้วไล้ไปบนปากบางนั้นไปมา เธอก้มลงแตะริมฝีปากลงไปเบาๆ อย่างลืมตัว
ดวงตาที่ปิดสนิทคู่นั้นลืมตาขึ้นมาอย่างงงๆ เหมือนมีอะไรสักอย่างลูบไล้อยู่บนใบหน้าเธอ เมื่อลืมตาขึ้นมาเห็นใบหน้าอีกคนแนบชิด ปากแนบอยู่กับริมฝีปากเธอ กรกฎตกใจถอยห่างร้องเบาๆ
“คุณ...” เรียกแผ่วเบา เธอนิ่งจ้องมองอย่างสงสัย หรือว่าเธอจะฝันไป
“ขอโทษนะที่ทำให้ตื่น ทำไมมานอนอยู่ห้องฉันล่ะ” ถามแก้เก้อออกไปทั้งๆ ที่ใบหน้าร้อนผ่าว
“ก็...เอ่อ...คุณเมามาก...เป็นห่วง” อ้อมแอ้มบอกออกไปเบาๆ เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่ได้ฝันไป
“แล้วคุณตื่นมา เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ยังถามต่ออย่างห่วงใย
“ไม่เป็นไร แค่รู้สึกร้อนๆ แล้วก็เหม็นตัวเองก็เลยลุกไปอาบน้ำ แล้ว...เอ่อ...ฉันทำอะไรบ้าๆ ลงไปหรือเปล่า” ถามออกไปอย่างกลัวๆ ว่าจะทำอะไรลงไปเพราะเมา
“ไม่รู้จำไม่ได้ จำได้แต่ว่าคุณเมา” บอกออกไป พร้อมก้มหน้าหลบสายตา
‘จะให้บอกได้ไงว่ากอดรัดเราไว้ แล้วยังบอกรักเราอีก’ คิดอยู่ในใจไม่กล้าบอกออกไป ก่อนหาทางเลี่ยง
“งั้นฉันกลับไปนอนห้องแล้วกันนะ” บอกออกไปพร้อมกับลุกขึ้น
“ไม่ไปได้ไหม” เสียงบอกแผ่วเบา แต่ดังชัดในความรู้สึกของทั้งคู่
“คะ” หันมองหน้า เอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“มันดึกแล้วจะไปทำไม นอนด้วยกันนี่แหล่ะนะ” บอกออกไปไม่กล้ามองหน้า รู้สึกร้อนวูบวาบแปลกๆ
“ไม่ดีกว่า เดี๋ยวคุณนอนไม่สบาย” บอกแล้วเดินออกไปที่ประตูทันทีด้วยกลัวใจตัวเอง
“ปูจ๋า อย่าไปเลยนะ” เสียงที่เว้าวอน พร้อมกับร่างที่โผมากอดกระชับทางด้านหลัง ทำเอาคนที่กำลังจะเปิดประตูยืนตัวแข็งทื่ออย่างตกใจ และทำอะไรไม่ถูก รู้สึกวูบไหวกับร่างนุ่มละมุนที่ส่งกลิ่นหอมอยู่แนบตัวเธอ
พิมพ์รตาเองก็ไม่เข้าใจการกระทำของตัวเองเหมือนกัน เธอรู้แต่ว่ารู้สึกใจหายที่เห็นกรกฎกำลังจะเดินออกจากห้องนี้ไป
“อย่าไปเลยนะ” เสียงอู้อี้ที่ดังอยู่ด้านหลังเธอ เพราะใบหน้าของคนพูดซบอยู่กับแผ่นหลัง
กรกฎค่อยๆ หันกลับมา มองหน้าคนที่ดึงรั้งเธอไว้ จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ แต่หัวใจดวงนี้เต้นแรง จนจะหลุดออกมาข้างนอกอยู่แล้ว
“ไม่ไปก็ได้ ปล่อยก่อนรัดแน่นหายใจไม่ออก” บอกเบาๆ อย่างรู้สึกประหม่า ใบหน้าร้อนผ่าว เมื่อหันมาเจอกับดวงตากลมโตที่จ้องอยู่ไม่ห่าง ค่อยๆ เดินกลับมานั่งลงบนเตียงนอนอีกครั้ง
“คุณไม่ง่วงเหรอคะ” เอ่ยถามเสียงเบาแก้เก้อ
ไม่มีเสียงตอบจากคนที่เดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า หากแต่ใบหน้าที่ก้มลงมา กดริมฝีปากอวบอิ่มลงบนหน้าผากเกลี้ยงเกลา แล้วลากไล้ลงตามสันจมูกเรื่อยลงมา จนถึงริมฝีปากบางได้รูปที่สั่นระริกเม้มสนิท ตัวเกร็งแทบจะลืมหายใจของกรกฎ
พิมพ์รตารับรู้ถึงอาการตัวเกร็งของคนอวดเก่ง ที่ตอนนี้หลับตาปี๋ ตัวแข็งอย่างนึกขำ เธอแกล้งใช้ลิ้นเลียริมฝีปากอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนไปกระซิบข้างหูเบาๆ
“ไม่ง่วงแล้วปูจ๋า” เสียงกระซิบแผ่วเบา แถมด้วยลมอุ่นๆ ที่เป่ารดข้างหู ทำเอากรกฎขนลุกเกรียว ตามมาด้วยลิ้นอุ่นๆ ขบเม้มไปตามติ่งหู ลากลงถึงลำคอขาวผ่อง ที่แหงนเงยมาหาอย่างเสียวซ่าน ลากวนกลับไปดูดเม้มลงไปบนริมฝีปากบางอย่างอ่อน โยน ดูดเบาๆ และเน้นหนักจนอีกคนทนไม่ไหว ดูดตอบพร้อมกับแทรกลิ้นเข้าไปดูดซับความหวานในโพรงปาก ผลัดกันดูดดุนลิ้นของกัน และกัน อย่างต้องการความหวานของอีกฝ่าย จนร่างของทั้งคู่อ่อนระทวย
กรกฎเอนตัวลงบนเตียงนอน ตามแรงที่โถมทับลงมาของพิมพ์รตาซึ่งเลื่อนริมฝีปากซุกไซร์ไปตามซอกคอ ลิ้นอุ่นลากผ่านลำคอไปมา สร้างความเสียวซ่านในร่างกายไปใหญ่
“อ๊า...” จนเผลอครางออกมา มือจิกลงไปบนผมยาวสลวย ของพิมพ์รตา เธอเงยหน้ามองยิ้มหวานหยาดเยิ้มใส่ ก่อนจะถอดชุดนอนของตัวเองออก เผยให้เห็นปทุมถันสวยงามขาวผ่อง ขนาดพอดีสมตัว เธอขยับขึ้นมาป้อนยอดตูมลงไปในปาก ของคนที่นอนมองตาค้างนั่นทันที แม้จะงงๆ แต่เมื่อยอดเต่งตึงมาจ่ออยู่ที่ปากแล้ว กรกฎก็ไม่รอช้าอ้างับดูดดุนยอดตูมนั้นทันที เธอดูดเหมือนเด็กที่หิวกระหาย ทำเอาคนที่อยู่
ข้างบนต้องแหงนหน้าขึ้นสูดปาก เพื่อระบายความเสียวซ่าน ก่อนจะพลิกตัวลงมาอยู่ข้างล่าง ปล่อยให้กรกฎบรรจงโลมเลียสองเต้างามอย่างเท่าเทียมกัน ก่อนลากริมฝีปากผ่านหน้าท้องแบนราบช้าๆ ให้คนที่นอนเกร็งรู้สึกปั่นป่วนในท้องน้อยอย่างหนัก จนไปหยุดที่ดอกไม้งาม กลางร่างสวยที่ตอนนี้มีน้ำหวานซึมออกมาตามอารมณ์ของเจ้าของ กรกฎไม่รอช้าก้มลงจุมพิตและสูดกลิ่นหอม ก่อนที่จะบรรจงสอดลิ้นเข้าไปลิ้มชิมน้ำหวานของดอกไม้งามที่แย้มกลีบให้เธอได้สอดลิ้นเข้าไปอย่างง่ายดาย
เธอเฝ้าไล้เลียหยอกล้อ หลงใหลไปกับความหอมหวานของดอกไม้ ดูดดื่มน้ำหวานที่ถูกปลดปล่อยออกมาเพื่อเธอ ราวกับคนกระหายน้ำทั้งดูดดุนใช้ลิ้นระรัวเร็วๆ และผ่อนช้า ตามแรงอารมณ์ปรารถนา และแรงโยกของเจ้าของดอกไม้งาม
“อ๊ะ อ๊า ซิ๊ด ไม่ไหวแล้วปูจ๋า ช่วยพิมพ์ทีนะคะคนดี” ร่างบางร้องครวญคราง อย่างเสียวกระสัน น้ำเสียงที่เปล่งออกมาร้องขอ เธอเงยหน้ามอง ก่อนสอดนิ้วลงไปในกลีบดอกไม้งาม ที่มีน้ำหวานมากพอ ค่อยๆ สอดลงไปทีละนิ้ว ทีละนิ้วจนคับแน่น ก่อนจะดึงเข้าออกช้าๆ และเร่งเร็วตามแรงโยกของเจ้าของดอกไม้งาม เธอขยับจังหวะรัวเร็วขึ้นเรื่อยๆ เธอเผลอยิ้มออกมา เมื่ออีกคนแอ่นกายขึ้น ตอบสนองตามจังหวะของการดึงเข้าออก
“ปูจ๋า...ขอบคุณนะคะที่รักกัน” กระซิบเบาๆ แต่เสียงดังก้องไปถึงข้างใน ก่อนจะพรมจูบลงไปบนใบหน้าของคนที่ยังนอนหอบ แต่ยิ้มระเรื่อมีอยู่เต็มใบหน้า โอบกอดร่างเปลือยแนบแน่น หลับตาพริ้มอย่างคนที่มีความสุขล้นอก
นอนนิ่งได้ไม่นาน พิมพ์รตาลูบไล้ไปบนร่างกายของคนที่นอนหลับตาพริ้ม ก่อนจะอ้าปากดูดลงไปบนยอดตูมที่แข็งเป็นไต ขบกัดเบาๆ ทำให้กรกฎถึงกับแอ่นตัวขึ้นอย่างเสียวซ่าน
“อื้อ........เสียวจัง”เสียงร้องที่ดังลอดออกมาจากปากบางทำให้พิมพ์รตายิ้มพราวเจ้าเล่ห์ มือกอบกุมบีบเค้นเต้าเต่งตึงไม่ปล่อย ก่อนเลื่อนตัวต่ำลงไป ลิ้นเลียไล้ ระหว่างทางจนถึงปลายเท้า ก่อนวนกลับขึ้นมาจนถึงจุดกึ่งกลางที่หมายตาไว้ แทรกปลายลิ้นลงไปลิ้มลองความหอมหวานที่ส่งกลิ่นเย้ายวน
“อ๊า...พิมพ์จ๋า” เสียงร้องครางด้วยความวาบหวาม สะโพกยกสูงตามแรงปรารถนา พิมพ์รตาตอบสนองกรกฎเหมือนที่ทำให้เธอ ปลายนิ้วค่อยๆ สอดใส่ พร้อมๆ กับลิ้นที่ดูดดุนเร่งเร้าเร็วขึ้นแรงขึ้น เพียงไม่นานเสียงร้องดังขึ้น พร้อมกับร่างที่กอดรัดตัวเธอแนบแน่น ร่างที่ชื้นไปด้วยเหงื่อกระตุกเกร็ง ก่อนจะค่อยๆ คลายลง นอนหอบหายใจจนตัวโยน พิมพ์รตาลูบไล้เส้นผมที่ชื้นไปด้วยเหงื่ออย่างรักใคร่หลงใหล ก่อนกระซิบถาม
“ปูจ๋า...รักพิมพ์บ้างหรือเปล่า”
“รักซิค่ะ ไม่รักจะปล่อยตัวปล่อยใจขนาดนี้เหรอ” ริมฝีปากกดลงไปบนปากอวบอิ่มเบาๆ ยืนยันคำพูด
“คุณล่ะ...” ย้อนถามเบาๆ ตาจ้องลงไปในตากลมโตที่เผยอมอง
“รักค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ พอรู้ตัวอีกที ก็รู้สึกหวงมากเวลาที่เห็นปูอยู่กับอ้อม แม้จะรู้ว่ามาทีหลัง” เสียงเบาสั่นไหว
“คุณจะเชื่อหรือเปล่า ถ้าจะบอกว่าความรู้สึกที่มีให้คุณกับอ้อมไม่เหมือนกัน อ้อมเป็นเหมือนญาติคนเดียวที่ฉันเคยมี แต่กับคุณเหมือนเป็นลมหายใจที่รู้แล้วว่าขาดไม่ได้” เสียงที่บอกออกมาหนักแน่น และจริงจัง ดวงตาที่จ้องมองไม่หลบหลีก ประหนึ่งจะบอกให้คนฟังเชื่อมั่นในคำพูด
“เชื่อแล้ว...ขอบคุณนะที่กล้ารักกัน” มอบจูบที่บรรจงกดทับ ลงบนริมฝีปากบางคือรางวัล
“แต่ก็กลัวเหลือเกิน” เสียงแผ่วเจือสั่นไหว
“กลัวอะไร” ร้องถามอย่างห่วงใย พร้อมมือลูบไล้แผ่นหลังคล้ายปลอบประโลม
“เราต่างกันเหลือเกิน กลัวต้องจากพราก” คำบอกเจือรอยเศร้าทำเอาคนฟังใจหาย ก่อนจะสอดประสานมือเข้าไปในมือของคนข้างๆ จับไว้แน่น ก่อนบอกเสียงแน่นหนัก
“แม้จะมีปัญหาใดๆ เกิดขึ้น พิมพ์ก็ไม่หวั่น แค่ขอให้มีมือของปูไว้ให้จับก็พอ เราจะไม่ทิ้งกันนะคะ”
“ขอบคุณนะคะ” มือจับกระชับอีกมือแน่นกว่าเดิมอย่างอุ่นใจ
“ต่อไปนี้เรียกพิมพ์ว่า พิมพ์นะคะ แล้วแทนตัวเองว่าปูจ๋าด้วย แล้วพิมพ์ก็จะเรียกปูจ๋า... ปูจ๋า” หยอกล้อหัวเราะดังลั่นอย่างมีความสุข เมื่อเห็นอีกคนหน้าแดงเขินอาย
“เรียกพิมพ์น่ะได้ แต่ปูจ๋าไม่เอาอ่ะ ปูเฉยๆ นะ นะคะ” ทำเสียงออดอ้อน พร้อมกอดกระชับคนตัวบาง เข้ามาไว้ในอ้อมกอดแนบแน่น
“ก็ได้ ก็ได้ แต่พิมพ์จะเรียกปูจ๋า ฮ่าๆๆ” เสียงหัวเราะดังลั่นอย่างถูกใจ ที่ได้แกล้งคนรักที่อายหน้าแดง เมื่อไม่อาจห้ามได้ กรกฎเลยต้องใช้วิธีประกบริมฝีปากลงไปปิดปาก ที่กำลังหัวเราะร่านั้นให้เงียบเสียงลง ก่อนจะแทรกเรียวลิ้นชื้น เข้าควานหาความหวานอย่างอ่อนโยน พิมพ์รตาแหงนเงยหน้าจูบตอบอย่างโหยหาไม่แพ้กัน...