ตอนที่ ๑๒
“ปูจ๋า” พิมพ์รตาร้องเรียก พลิกตัวมาหมายกอดคนรัก แต่สิ่งที่เจอคือหมอนข้างไม่ใช่คนที่เธอต้องการ ลืมตามองหาไม่มีแม้เงาของกรกฎ
‘อีกแล้วนะ ให้ตื่นมาคนเดียวอีกแล้ว’ บ่นกับตัวเองเบาๆ อย่างหงุดหงิด ก่อนจะเหลือบมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่โต๊ะข้างเตียง เก้าโมงกว่าแล้ว พิมพ์รตารีบเด้งตัวเองลุกขึ้นทันที
‘ปล่อยให้นอนสายโด่งขนาดนี้ ไม่ยอมปลุกกันเลยนะยายปูนี่ เดี๋ยวเหอะ’ อาบน้ำออกมาแล้วยังรู้สึกเคืองกรกฎที่ทิ้งให้เธอนอนอยู่คนเดียว
เธอเลือกหยิบเสื้อแขนกุดสีสด กับกางเกงขาสั้นสีขาว ในวันหยุดสบายๆ แบบนี้ แต่งตัวเสร็จเดินออกจากห้อง เหลือบไปมองห้องข้างๆ ที่เงียบสนิท เดินไปหยุดยืนหน้าห้อง ยกมือหมายจะเคาะประตู แต่แล้วก็เปลี่ยนใจหันกลับเดินลงไปข้างล่างทันที
‘ไม่อยากสนใจเรา ก็ไม่ต้องสนใจ’ ในใจยังงอน ที่กรกฎหนีหายไปไม่ปลุกเธอให้ตื่นมาพร้อมกัน
“แจ๋ว...แจ๋ว มีอะไรกินบ้างเนี่ย” ร้องเรียก ก่อนเดินไปนั่งรอที่โต๊ะข้างสนามหน้าบ้าน เมื่อมองออกไปที่สนามไม่เห็นคนที่เธอหวังจะเห็น
‘ไปไหนของเค้านะ’
“คุณหนู ป้าทิพย์ทำข้าวต้มกุ้งค่ะ คุณหนูจะทานเลยหรือว่าจะรับกาแฟก่อนคะ” แจ๋วเดินออกมาถาม
“เอามาทั้งสองอย่างน่ะแหล่ะ” บอกเสียงเรียบๆ
“อุ้ย...คุณหนูหิวมากขนาดนั้นเลยเหรอคะ” ร้องถามอย่างแปลกใจ ปกติพิมพ์รตาไม่ค่อยทานเยอะเท่าไหร่
“ทำไมล่ะ...หิว เอ่อ...เห็นปูหรือเปล่า” บอกเสียงแข็งก่อนเอ่ยถามถึงคนที่มองหา
“เมื่อเช้าเห็นออกมาวิ่งอยู่นะคะ แล้วก็นั่งทานกาแฟ เพิ่งขึ้นไปสักพักนี่แหล่ะค่ะ” บอกก่อนจะเดินออกไป เตรียมของที่พิมพ์รตาสั่ง รู้สึกว่าหน้าตาเจ้านายจะบึ้งตึงเหมือนอารมณ์ไม่ดี
เมื่อแจ๋วเดินกลับมาพร้อมข้าวต้มร้อนกรุ่น กับกาแฟหอมฉุย แต่ไม่มีร่างของเจ้านายเธอนั่งอยู่ที่เดิมเสียแล้ว
“อ้าว...ไหนบอกว่าหิว แล้วหายไปไหนล่ะเนี่ย” แจ๋วบ่นอย่างงงๆ กับการกระทำของเจ้านาย
พิมพ์รตาที่เอาแต่ใจตัวเองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว บัดนี้เดินพรวดพราดเข้าห้องของกรกฎอย่างรวดเร็ว ทำเอาคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ หันมามองอย่างตกใจ แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไร คนที่พุ่งเข้ามาก็กระหน่ำกำปั้นเล็กๆ เข้าตรงหน้าอกเธอทันที
“โอ๊ย...อะไรกันเนี่ย คุณพิมพ์” ร้องเสียงดังอย่างตกใจ พร้อมกับรวบมือน้อยๆ ที่กระหน่ำไม่ยั้งไว้ได้ทัน
“นี่ๆ ทุบให้ตายเลย ปล่อยพิมพ์นะ ไม่ต้องมาจับเค้าเลย” ร้องพร้อมกับดิ้นให้หลุดจากการจับกุม
“แล้วมาตีปูทำไมล่ะค่ะ เจ็บนะ” กรกฎสอบถาม มือยังจับรวบมืออีกคนไว้แน่น เรื่องอะไรจะปล่อยให้มาทุบเอาๆ
“โกรธอะไรคะ คนดี” กระซิบถามข้างหูเสียงอ่อนหวาน หมุนตัวโอบกอดข้างหลัง มือจับมือคนหน้าบึ้งตึงไว้ด้านหน้า
“ใครบอกให้ปูไม่สนใจพิมพ์ล่ะ ปล่อยให้พิมพ์ตื่นมาคนเดียว ไม่รอเค้าดื่มกาแฟด้วย ปูใจร้าย” บอกเสียงงอนๆ ทำเอาคนที่โอบกอด อดยิ้มขำกับความเอาแต่ใจของคนที่อยู่ในอ้อมกอดไม่ได้ ก้มลงหอมไปที่พวงแก้มหนักๆ หนึ่งที
“อื้อ...ก็เห็นว่าพิมพ์ไม่ค่อยได้นอน แล้ววันนี้เราก็ไม่ได้รีบไปทำงานนี่นา ปูก็เลยไม่ปลุก อยากให้พิมพ์นอนให้เต็มอิ่ม ตื่นมาจะได้สดใสไงค่ะ อย่าโกรธเลยน๊า” อ้อมแขนกอดกระชับแนบแน่น ก่อนจะระดมหอมซ้ายขวา ทำเอาคนที่ถูกกอดถูกหอมหายโกรธ จนยิ้มออกมาได้
“พิมพ์อยากนอนหลับพร้อมปู แล้วก็อยากตื่นมาพร้อมปูนี่ค่ะ” บอกเสียงอ่อน อย่างรู้สึกดี ก่อนจะหันมาหาใช้แขนโอบรอบคอก่อนจะโน้มลงมากดจูบไปที่ปากบางนั้นเบาๆ แล้วดูดเม้มริมฝีปากก่อนจะค่อยๆ สอดลิ้นอุ่นๆ เข้าไปดูดกลืนความหวานฉ่ำ ที่อีกคนสอดลิ้นรับอย่างรู้ใจ เป็นจุมพิตแสนหวานนุ่มนวลตอนเช้า
“อย่าทำแบบนี้กับพิมพ์อีกนะคะ พิมพ์ไม่อยากถูกทิ้งให้ตื่นมาคนเดียว” พิมพ์รตาบอกเบาๆ เมื่อถอนริมฝีปากออกจากการจูบที่นุ่มนวลนั้นแล้ว
“ค่ะ” กรกฎรับปากอย่างงงๆ กับสิ่งที่พิมพ์รตาบอก แม้เธอจะไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ถ้าเป็นความต้องการของคนที่เธอรัก เธอก็พร้อมที่จะทำ
“งั้นวันนี้ไปทะเลกันดีไหม ร้อนๆ ไปเที่ยวทะเลกัน ใกล้ๆ แค่พัทยาก็พอ พาพิมพ์ไปหน่อยนะคะ” ทำเสียงออดอ้อนเปลี่ยนอารมณ์
“ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกไหม” กรกฎถาม ก่อนก้มมองตัวเองที่ใส่เสื้อยืดสีสดขนาดพอดีตัว กับกางเกงขาสั้นประมาณเข่าที่เธอใส่อยู่บ้าน เพราะไม่คิดว่าจะออกไปไหน
“ไม่ต้องเปลี่ยนหรอก ไปแบบนี้แหล่ะสวยแล้ว เอาหมวกไปด้วยนะอากาศร้อน เดี๋ยวพิมพ์ไปหยิบหมวกในห้องก่อน ปูไปรอที่รถนะคะ” บอกก่อนจะเขย่งขึ้นไปหอมแก้มคนตัวสูงอีกที ก่อนจะเดินออกจากห้องไป กรกฎมองตามอย่างรู้สึกดี แม้จะกังวลใจกับสิ่งที่จะตามมา เธอสะบัดหัวไล่ความคิดของตัวเอง ก่อนจะเดินออกไปเพื่อรอพิมพ์รตาที่รถ
พิมพ์รตาแวะบอกแจ๋วให้รับรู้ เพื่อบอกป้าน้อมกับพ่อถ้าถามถึง ให้รู้ว่าเธอไปไหน แล้วรีบเดินออกมาที่รถ ที่กรกฎเปิดประตูรออยู่แล้ว
“ขึ้นรถได้เลยค่ะ” กรกฎโค้งคำนับอย่างสุภาพ ทำตัวเป็นคนขับรถขี้เล่นที่น่ารัก
“ขอบคุณค่ะ” พิมพ์รตายิ้มร่าขึ้นนั่ง กรกฎปิดประตูรถเบาๆ ก่อนจะอ้อมไปขึ้นด้านคนขับ ครู่เดียวรถก็เคลื่อนออกจากบ้าน มุ่งหน้าสู่พัทยา
ใช้เวลาราวๆ สองชั่วโมง ภายในรถที่พิมพ์รตานั่งเคียงคู่กันมากับกรกฎ ทั้งสองคนพูดคุยหยอกเย้ากันด้วยเสียงหัวเราะ และรอยยิ้ม เวลานี้ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นสีชมพู บ่อยครั้งที่มือทั้งสองเกาะกุมกัน และบ่อยครั้งที่กรกฎยกมือพิมพ์รตามาจูบลงบนหลังมือนั้น ความรักมันดีเช่นนี้เอง ทำให้หัวใจวูบวาบได้ตลอดเวลา อยากให้ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดอยู่แค่ตรงนี้ ตรงที่มีแค่คนสองคนที่รักกัน ความรักกำลังเบ่งบานในใจของคนทั้งคู่
เมื่อรถเริ่มชะลอความเร็วลงที่หาดจอมเทียน พิมพ์รตาชำเลืองสายตาคู่หวานผ่านกระจกไปสู่ภายนอก ท้องทะเลที่มองเห็นอยู่ข้างหน้า ทำเอาเธอสดชื่นขึ้นมาทันที
เมื่อรถจอดสนิทพิมพ์รตาเปิดประตูรถลงไป ยืนสูดลมหายใจ เอาความสดชื่นเข้าปอดแรงๆ กลิ่นทะเลจางๆ โชยมากับลมบางๆ เบื้องหน้าคือฟ้าจรดน้ำ เส้นระหว่างน้ำกับฟ้าขีดตัดกันชัดเจน ท้องทะเลสีครามเข้มสงบเงียบ มีเพียงริ้วคลื่นบางๆ ราบเรียบ ม้วนเกลียวอ้างว้าง อยู่เหนือผิวน้ำสีน้ำเงินเหงา เหมือนคนเปล่าเปลี่ยวใจ
กรกฎเดินมายืนข้างๆ เอานิ้วเกลี่ยเส้นผมบางส่วนที่ปลิวมาบดบังใบหน้าให้ พิมพ์รตาจับมือกรกฎแน่น ก่อนพาเดินตรงไปยังทะเลสีครามที่อยู่ตรงหน้า ทั้งสองคนเดินเท้าเปล่าไปตามหาดทรายสวยงาม ที่ทอดตัวเป็นแนวยาวอย่างช้าๆ
บ่อยครั้งที่พิมพ์รตาเดินลงไปเหยียบน้ำทะเลเล่น พร้อมกับเสียงหัวเราะที่สดใส กรกฎจ้องมองใบหน้าที่สดใสนั้นอย่างหลงใหล สายตาคมวาวจ้องมองเสื้อยืดบางๆ ที่ถูกสายลมรั้งให้แนบเรือนร่างรัดรึง ของหญิงสาวจนแลเห็นพุ่มทรวงสล้างเอิบอิ่ม และเบียดอัดจนแทบทะลักล้น แลเห็นเป็นรูปเป็นร่าง เพราะแรงลมที่ลู่ไล้เนื้อผ้า อดคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่เธอได้ดูดดื่มความหอมหวาน จนเผลอยิ้มออกมา
“อย่ามามองเค้าแบบนี้นะ” พิมพ์รตาเห็นสายตาที่มองจ้องเธอ เอามือปิดตากรกฎไว้อย่างเขินอาย
“ของสวยๆ งามๆ ก็ต้องมองซิค่ะ” กรกฎบอกยิ้มๆ
“บ้าใหญ่แล้ว ปูจ๋าพิมพ์มีความสุขจัง ได้มาทะเลที่ชอบกับคนที่พิมพ์รัก ปูชอบไหม”
“ชอบค่ะ ปูชอบทุกที่ ที่มีพิมพ์อยูแล้ว” บอกพร้อมกอดกระชับคนข้างๆ อย่างยืนยันคำพูด
“ไม่ต้องมาทำปากหวานเลย” แกล้งบอกกลบเกลื่อนความเขินอาย
“หวานไหมล่ะ” กรกฎยังจ้องหน้า ทำตาหวานเชื่อมใส่ จนพิมพ์รตาแทบจะละลาย
“หวานค่ะ ชอบมากด้วย” ยิ้มหวานยั่วเย้าให้อีกคนคลั่ง ถ้าไม่ติดว่ามีคนเยอะ คงจูบยืนยันความหวานไปแล้ว
“พิมพ์รู้สึกหิวแล้วล่ะ เราไปหาอาหารทะเลกินกันดีกว่าเนอะ เมื่อกี้ตอนที่ขับรถมา พิมพ์เห็นมีอยู่ร้านหนึ่งน่านั่งมากเลยไปกันเถอะ” พิมพ์รตาบอกพร้อมกับจูงมือกรกฎให้เดินตาม
ในที่สุดพิมพ์รตาก็เลือกร้าน ‘ลุงไสว’ ร้านที่ขึ้นชื่อของหาดจอมเทียน เลือกที่นั่งที่มองเห็นระลอกคลื่น ม้วนตัวอยู่ริมทะเล ลมโกรกพัดเย็นสบาย
“ปูจ๋า อยากกินอะไรสั่งสิ อื้อปูแพ้อะไรหรือเปล่าคะ” พิมพ์รตาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
“แพ้พิมพ์อย่างเดียวจ๊ะ” กรกฎบอกยิ้มๆ จนพิมพ์รตาอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปหยิกหมับเข้าที่ขาเบาๆ แต่ก็ทำเอาคนโดนหยิกสูดปากคลำขาป้อยๆ
“ถามเรื่องอาหารจ๊ะ พิมพ์อยากกินกรรเชียงปูนึ่ง แล้วก็ทะเลผัดฉ่า อีกอย่างเอาไรดีปู” สั่งที่ตัวเองอยากกิน แล้วยังร้องถามคนที่นั่งข้างๆ
“เอาแบบน้ำๆ มั่งต้มข่าทะเลดีกว่า” กรกฎร้องบอก
“อื้อเอาตามนั้นแหล่ะ ข้าวเปล่าจานเดียวพอ” หันไปสั่งพนักงานที่ยืนจดออเดอร์
เพียงไม่นาน อาหารทุกอย่างก็มาวางตรงหน้า สองคนทานกันอย่างมีความสุข กรกฎตักต้มข่าทะเลใส่ถ้วยเล็กให้พิมพ์รตา ซึ่งรับมาอย่างรู้สึกดี สองคนผลัดกันตักอาหารให้กัน ช่างเป็นเวลาที่มีความสุขที่สุด
เมื่อทานกันเรียบร้อยแล้ว ขณะที่กำลังจะเดินออกจากร้าน สายตากรกฎสะดุดอยู่ที่ผู้ชายคนหนึ่ง ที่นั่งติดชิดอยู่กับผู้หญิงสาว ท่าทางเหมือนเป็นคู่รักกัน กรกฎเพ่งมองอย่างตกตะลึง ผู้ชายคนนั้นคือแจ๊คสามีของอ้อม ซึ่งเธอมองยังไง ผู้หญิงที่นั่งอิงแอบกันนั้น ก็ไม่ใช่อ้อมเพื่อนรักของเธอ
“มองอะไรหือปู ไม่เดินไปล่ะ” พิมพ์รตาที่เดินมาชนกรกฎที่หยุดกะทันหันเอ่ยถาม แล้วเลยมองตามสายตาของกรกฎไปยังหนุ่มสาวทั้งคู่นั้น
“ใคร...ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอ ปูถึงได้มองตาค้างขนาดนั้น” สอบถามเสียงคาดคั้น อย่างออกอาการหึงเมื่อขึ้นนั่งรถเรียบร้อยแล้ว
“ไม่รู้จักหรอกผู้หญิงน่ะ แต่ผู้ชายคนนั้นสามีของอ้อม” กรกฎตอบคำถามเสียงเบาอย่างออกอาการเครียด
“จริงเหรอ” พิมพ์รตาหลุดปากอุทานเบาๆ อย่างตกใจ อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น เพราะเธอมองดูก็รู้ว่าสองคนนั้นไม่ใช่เพื่อนกันธรรมดาแน่ๆ
ตลอดระยะการเดินทางกลับ กรกฎนิ่งเงียบด้วยความกังวลใจ รู้สึกเป็นห่วงอ้อม ที่กำลังท้องลูกของผู้ชายที่เธอไม่เคยชอบหน้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แล้วยังมาเจอพฤติกรรมแบบนี้อีก เธออยากจะเข้าไปต่อยหน้ามันเหลือเกินมือที่จับพวงมาลัยกำแน่นไปตามความคิดที่พลุ่งพล่านนั้นพิมพ์รตาเอื้อมมือไปจับแขนเพื่อเรียกสติ
“ปูจ๋าอย่าเพิ่งคิดมากนะคะ บางทีมันอาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคิดก็ได้นะ พรุ่งนี้เราไปหาอ้อมกันไปดูว่าเค้าเป็นอย่างไรบ้าง ปูจะได้หมดห่วงไง ให้พิมพ์ขับแทนไหม” บอกคนรักอย่างเข้าใจ และห่วงใย
“ไม่เป็นไรค่ะ ปูขอโทษนะคะ ขอบคุณนะที่เข้าใจ อ้อมเค้าเป็นเหมือนญาติสนิท ปูเลยอดเป็นห่วงไม่ได้” หันมายิ้มให้คนรักอย่างรู้สึกดี
กลับถึงบ้านมืดพอดี ทั้งพ่อ และป้าน้อมกำลังรอการกลับมาของทั้งคู่อย่างเป็นห่วง เมื่อทั้งสองคนเดินเข้าบ้าน ผู้ใหญ่ทั้งคู่ถึงกับถอนหายใจอย่างโล่ง อก
“พิมพ์กลับมาแล้วเหรอลูก กลับกันซะมืดเลยพ่อเป็นห่วง” นครบอกลูกสาวพร้อมกับเดินเข้ามาโอบกอด
“อะไรกันคะพ่อ พิมพ์ก็บอกแจ๋วไว้แล้วนี่ค่ะว่าไปพัทยา” พิมพ์เอ่ยถามอย่างงงๆ กับอาการเป็นห่วงของพ่อกับป้าน้อม ที่ดูมากกว่าปกติ
“อื้อ...รู้แล้วจ๊ะ พอดีวันนี้มันมีคนสะกดรอยตามพ่อ ก็เลยรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย กลัวจะมีใครทำกับลูกด้วย แล้วมีอะไรผิดปกติหรือเปล่ากรกฎ” บอกลูกสาวแล้วเลยหันไปถามกรกฎ
“ไม่มีอะไรผิดปกติค่ะท่าน” กรกฎบอกอย่างมั่นใจ
“ดีแล้ว ต่อไปนี้เธอต้องระวังมากกว่าเดิมนะ ไปพักผ่อนก่อนเถอะ” นครสำทับกรกฎ
“ค่ะ ท่าน” กรกฎรับคำ ก่อนจะเดินเลี่ยงขึ้นห้อง เธอได้ยินเสียงพิมพ์รตาคุยกับพ่อดังแว่วให้ได้ยิน
“คุณพ่อเป็นอะไรหรือเปล่าคะ คุณพ่อก็ต้องระวังตัวเองด้วยนะคะ ลูกเป็นห่วงพ่อเหมือนกัน” บอกเสียงออดอ้อน ก่อนจะเข้าไปกอดแขนพ่อแนบแน่น พิมพ์รตาคุยกับพ่อและป้าได้สักพักก็ขอตัวขึ้นห้อง นึกห่วงกรกฎแต่เลี่ยงเดินเข้าห้องตัวเอง อาบน้ำให้สบายตัวก่อนแล้วค่อยไปหาดีกว่า
เสียงเคาะห้องดังขึ้นทำให้กรกฎรีบเดินไปเปิดประตูอย่างดีใจ เพราะลึกๆ เธอก็รอพิมพ์รตาอยู่เหมือนกัน
“นึกว่านอนแล้วเสียอีก” ถามแก้เก้อ อย่างกลัวพิมพ์รตาจะรู้ว่าเธอรออยู่
“ปูง่วงแล้วเหรอ ถ้าไม่อยากให้พิมพ์มาหา กลับก็ได้” บอกอย่างน้อยใจ ก่อนจะหมุนตัวกลับ แต่คนที่อยู่ในห้องดึงให้เข้ามาในห้อง แล้วสวมกอดไว้แน่นซะก่อน คืนนี้พิมพ์รตาอยู่ในชุดนอนแสนเซ็กซี่สีดำเนื้อบางเบา ทำให้คนมองอดรู้สึกวาบหวิวไม่ได้ เรื่องอะไรจะปล่อยให้กลับไปง่ายๆ
“ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย” กระซิบข้างหูพร้อมกับหอมไปที่ แก้มนวลอย่างงอนง้อคนขี้น้อยใจ
“ไม่ใช่อะไรล่ะ พิมพ์จะไปนอนห้องพิมพ์แล้ว ปูก็นอนเถอะง่วงแล้วไม่ใช่เหรอ” ทำเสียงกระเง้ากระงอด
“ไม่ให้ไป นอนกับปูห้องนี้นะ ห้องพิมพ์ไม่มีปูจ๋านะคะ” ออดอ้อนเสียงหวาน ทำให้อีกคนอดหัวเราะ หายงอนเป็นปลิดทิ้งกับคำพูดของคนที่งอนง้อเธอ
“ไม่งอนแล้วก็ได้ ปูจ๋าสบายใจขึ้นบ้างหรือยัง พิมพ์เป็นห่วงนะคะ” บอกเสียงหวานอย่างห่วงใย ก่อนจะดึงรั้งให้อีกคนล้มทับลงบนตัวเธอที่เอนนอนบนเตียงหนานุ่ม
“มีพิมพ์อยู่ด้วย ปูก็รู้สึกดีมากแล้วล่ะ ตัวพิมพ์หอมจังเลย” เสียงแหบพร่าที่เปล่งออกมา พร้อมกับพรมจูบไปทั่วใบหน้า ก่อนจะหยุดอยู่ที่ริมฝีปากอวบอิ่มนั้น บดบี้ลงไปตามการเผยอเชิญชวน จูบแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่ม แทบจะหายใจไม่ออก จนต้องผละออกจากกัน สายตาหวานวาวเป็นประกาย เมื่อหน้าอกที่อยู่ในชุดนอนที่แสนจะเซ็กซี่นั้น กระเพื่อมไหวตามจังหวะการหายใจแรงของเจ้าของ
กรกฎซบหน้าลงไปคลุกเคล้ากับทรวงอก ด้วยความรู้สึกวาบหวิว ริมฝีปากบางค่อยๆ จูบเบาๆ ไปตามความสวยงามตรงหน้า ตั้งแต่เนินอกจนลงไปถึงปลายยอดเสน่หา ที่เพียงเธอจูบสัมผัสลงไปเบาๆ มันก็ชูชันขึ้นมาท้าสายตา ให้เธอกลับไปดูดดื่มกับมันอีกครั้ง
พิมพ์รตาเงยหน้ามองเรือนผมดำสนิท ที่กำลังคลุกเคล้าไปกับทรวงอกของเธอด้วยความรู้สึกวาบหวิว ยิ่งกรกฎดูดกลืนยอดทรวงอกหนักหน่วงมากเท่าไหร่ เสียงหวานค่อยๆ ครางออกมาอย่างรัญจวนใจ
“ปูจ๋า...อื้ม...” พิมพ์รตาเอ่ยเรียกเสียงสั่นไหว ทรวงอกอีกข้างกำลังถูกบดคลึงจากฝ่ามือร้อนตามแรงอารมณ์อันสุดจะทานทน เสียงหวานที่ครางออกมา เรียกความหิวกระหายไห้อีกคนได้ไม่หยุด กายที่เปลือยเปล่าโดยไม่ต้องหาคำตอบว่าเสื้อผ้าหลุดออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ค่อยๆ เบียดกายแนบชิด เรียวขาแกร่งทั้งสองข้างค่อยๆ แยกเรียวขางามออกอย่างช้าๆ เมื่อกลางลำตัวอยู่ในส่วนตรงกัน คนที่อยู่ข้างบนก็ค่อยๆ บดเบียดถูไถอย่างเป็นจังหวะ จนร่างเย้ายวนนั้นบิดเร่า
“อ๊า...ปูจ๋า” เสียงหวาน ร้องเรียกชื่อคนที่ทาบทับแทบขาดใจ เพราะความเสียวกระสัน เมื่อทุกอย่างบนร่างกายเธอถูกครอบครองไปเสียหมด ราวกับไม่ใช่เป็นตัวของตัวเอง แรงดูดดึงบนยอดทรวง ทั้งความวาบหวิวที่คนข้างบนบดเบียดลงช่วงล่าง ยิ่งทำให้พิมพ์รตาหลงมัวเมาไปกับการปรนเปรอของกรกฎ มือบางยกขึ้นมาขย้ำเส้นผมสีดำสนิท เมื่อความรู้สึกแสนรัญจวน
“พิมพ์จ๋า...” แรงบดเบียดถูไถจากช่วงล่างที่เธอบรรจงทำอย่างตั้งใจ จนร่างเย้ายวนสั่นระริก ขยับเรียวขาออกกว้างเปิดทางให้เธอกระทำได้อย่างพอใจ และก็ทำให้เธอพร้อมตอบสนองความต้องการของอีกคนอย่างสุดตัว เสียงครวญครางที่ต่างฝ่าย ต่างก็มอบให้แก่กันนั้น ยิ่งทำให้ทุกอย่างเร่าร้อนมากยิ่งขึ้น
สะโพกผายหยัดกายขึ้นรับการเสียดสีแสนรัญจวนนี้เช่นกัน จวบจนร่างกายอันรุ่มร้อน ที่กอดรัดกันอยู่นั้น จะช่วยพากันไปจนถึงวิมานแสนสุขระหว่างเธอทั้งคู่ ส่งให้คนทั้งคู่นอนกอดก่ายกันอย่างเป็นสุข ปล่อยทิ้งความกังวลทั้งหลายไว้แก้ไขวันต่อไป...
**** เปิดจองหนังสืออีกครั้งแล้วนะคะ ใครที่อยากจับจองเป็นเจ้าของสั่งจองได้ที่นี่เลยนะคะ^^