Chapter 9 : คู่รักหน้าจอเธอเป็นไอดอลทั้งที่เป็นคนต่างชาติ คงเพราะหน้าตาที่ไม่เหมือนคนที่นี่จึงได้มีทั้งสาวกรี๊ดและหนุ่มหลงใหลจนกลายเป็นคนดังในที่สุด อย่างที่เขาเรียกกันว่า “ไอดอล” นั่นแหละ แต่เธอกลับไม่ค่อยชอบตำแหน่งนี้มากนัก ผิดกับเจ๊ดัน หรือผู้จัดการส่วนตัวของเธอที่ออกจะปลาบปลื้มกับมันเหลือเกิน อาจเพราะหล่อนจะได้โกยเงินเปอร์เซ็นต์จากการรับงานให้เธอใส่กระเป๋าเงินหล่อนด้วยน่ะสิ
นึกหรือว่าฉันไม่รู้ ยัยผู้จัดการตัวแสบ!
แต่เรื่องนี้มันก็ผิดที่เธอด้วยที่บอกหล่อนว่าอยากดังตั้งแต่แรก พอหล่อนดันจนเธอได้ดังจริงๆแล้วกลับรู้สึกอึดอัดไปซะได้..
อา.. แต่อะไรก็ไม่เท่ากับที่มาดามดันของเธอ ก็คือคนรักเก่าและเพื่อนสมัยเรียนด้วย เรื่องนี้ใหญ่มหาศาลกว่าเรื่องอื่น ถึงอย่างนั้นก็น่าจะชินได้แล้วนะ เพราะหล่อนก็อยู่ตรงนี้ตลอดเวลา..
“อิงกริดทำอะไรอยู่.?” ถามเหมือนไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันกับคนที่ถามถึง คนฟังจึงเงยหน้าขึ้นมามองแปลกใจ เธอหัวเราะเกาหัวแก้เก้อ “ก็เผื่อเธอจะรู้มากกว่าฉัน เธอเป็นแฟนเค้านี่..”
รีเบคก้าส่ายหน้า ไม่สนใจคำถาม เปลี่ยนเรื่องพูดเฉย “วันนี้มีถ่ายในสตูดิโอนิดหน่อย ช่วงบ่ายเธอต้องไปเข้ายิม อ้อ..ไม่ใช่สิ โรงฝึกเทควันโด้ ส่วนตอนเย็นมีลองชุดที่ต้องใส่พรุ่งนี้ แล้วตอนค่ำก็-----”
“โอ้..พอเถอะพอเบคก้า หยุดก่อน!” คริสตินยกมือห้าม รู้สึกเหนื่อยมากแค่ได้ฟังคุณผู้จัดการบรรยายตารางงานวันนี้ หากหล่อนเหมือนจะยังไม่รู้นะ
“แค่บอกให้เธอเผื่อใจไว้เท่านั้น” ผู้จัดการสาวอมยิ้มน้อยๆปล่อยให้คนหน้างอหงุดหงิดต่อไป เปลี่ยนเรื่องที่สนใจไปที่อื่น “รู้ใช่ไหมว่า ถ่ายวันนี้ต้องเจอใครบ้าง อย่าทำให้เสียเรื่องล่ะ”
คนฟังหรี่ตากอดอกหัวเสีย หมั่นไส้กับรอยยิ้มรู้ทันจากคนข้างๆ “เธอหมายถึงอะไร ฉันไม่เข้าใจ” คริสตินเมินหน้าหนี แสร้งมองออกไปนอกหน้าต่างรถตู้ที่ใช้นั่งไปทำงานแทนรถส่วนตัววันนี้ หากไม่ทันไรบางคนก็พูดมาสะกิดหูให้ร้อนตัวอีก
“บลูอายส์ปริ้นเซสจะอยู่กับเราทั้งวันนะ”
ดวงตาสีฟ้าดอกไอริสนิ่งค้างไปนิดราวช็อคกับคำพูดที่ได้ยิน แต่ไม่นานก็ปัดมันออกหน้าตาย “แล้วไงล่ะ อยู่ก็อยู่ ใครจะไปว่า..”
“งั้นเหรอ.?”
คริสตินหันมามองจ้องหน้าคนทำเสียงสูงล้อเลียน จากนั้นก็ตกใจกับเสียงเทคช็อตถ่ายรูปดังแชะๆ และเธอรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แทบจะลุกไปบีบคอสาวตัวเล็กนี้ทันที “เธอทำบ้าอะไรเบคก้า!”
“จะอัพรูปให้แฟนคลับดูไง.. โชว์ความหล่อตอนไม่แต่งหน้าของเธอ”
คนฟังหน้าเหวอไปสองวิ ก่อนกลอกตาปลงๆ “ฉันล่ะเชื่อเธอจริงๆเลยนะ เดี๋ยวอยากให้สวย เดี๋ยวอยากให้หล่อ ไม่คิดหรือว่า ทำเกินไป..”
“เกินไปตรงไหน.. มีของดีๆแบบนี้ต้องรีบโชว์ ชีวิตดารามันมีขึ้นมีลงนะคริส เพราะฉะนั้น ตอนที่เธอยังดัง ทำอะไรได้ ก็ต้องทำ” รีเบคก้าพูดพลางก้มหน้าจัดการกับมือถือของตัวเองไปด้วย ลืมสนใจคนสวยข้างๆที่ทำหน้าบูดอยู่ เพราะงานในมือเธอมันน่าประทับใจเสียจริง
“คริส.. ฉันว่าสาวๆต้องตายหน้าจอคอมหรือมือถือของพวกหล่อนแน่ๆ!”
“และฉันก็คิดว่า เธอจะโดนตำรวจจับข้อหาฆ่าคนตาย”
“โอ้ย.. ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันก็ยังได้ไปร่าเริงในคุกล่ะ” ผู้จัดการสาวพูดกลั้วหัวเราะก่อนยกมือถือขึ้นโชว์ “ดูนี่ซะก่อน โพสรูปไปไม่กี่นาที ยอดไลค์ยอดเม้นท์มหาศาล ถ้าลองถ่ายคู่กันสิ อีตามาร์คจะต้องสติแตกเพราะเฟซบุคล่มยาวนานเป็นประวัติการณ์!”
“แล้วเธอก็จะโดนข้อหาเพิ่มเป็นทำลายทรัพย์สินของผู้อื่น ติดคุกนานขึ้นไปอีก ฉันไม่ไปประกันตัวนะ บอกเลย..” คริสตินบีบขมับ ปวดหัวจี๊ดกับท่าทางลัลล้าเกินเหตุของผู้จัดการส่วนตัวที่ไม่ว่าเธอจะว่าอะไรหล่อนก็หาสนใจไม่ ยังคงตั้งหน้าตั้งตาปั่นยอดแฟนคลับอย่างเอาเป็นเอาตายเหมือนทุกวัน แต่จะว่าไป ถ้าหล่อนไม่ทำแบบนี้ จะมีเธอวันนี้หรือไง..
“แหม.. ฉันกลัวมากเลยล่ะคริส” รีเบคก้าพูดขำๆ ได้โอกาสตัดบทด้วยรถที่มาจอดถึงที่หมายพอดี ร่างบางไม่ยอมให้เสียเวลา เปิดประตูพาเด็กในสังกัดออกไป และเป็นอย่างที่คาด ด้านหน้าตึกสตูดิโอมีแฟนๆมารอไอดอลของพวกเขาท่วมท้นเหมือนเดิม น่าสงสารพวกการ์ดที่ต้องทำงานหนักทุกครั้ง แต่คงไม่เท่ากับสาวคนนี้หรอกที่จับแว่นดำมาสวมแล้ว
ต๊าย..ตาย.. เท่ชะมัดยาด! รู้แล้วว่าเมื่อก่อนหลงเป็นบ้าเป็นหลังได้ยังไง!
หล่อกว่าผู้ชายอีกอ่ะ!
“นี่.. เลิกทำหน้าเพ้อฝันเป็นแฟนเกิร์ลเลยนะ ฉันคลื่นไส้!”
ผู้จัดการสาวเปลี่ยนสีหน้าไวเหลือเชื่อ เหตุเพราะคนปากร้ายที่พูดอะไรไม่เคยรักษาน้ำใจ หล่อนเดินออกไปแล้ว ปล่อยเธอทิ้งไว้คนเดียว
“เพราะแบบนี้แหละถึงไม่มีแฟนสักที” รีเบคก้าบ่นอุบแล้วรีบลุกตามไป แล้วจากที่หมั่นไส้อยู่เมื่อครู่ มันกลับรู้สึกภูมิใจแปลกๆ เมื่อได้เห็นแฟนๆคอยตามและให้ความสนใจคนที่เธอคอยดูแลมาหลายปี
เพราะนี่แหละ งานมาสเตอร์พีชของฉันล่ะ!
.............................................
บ้านหลังใหญ่แต่เธอนั่งอยู่ในมุมเล็กๆในห้องห้องหนึ่ง รอบด้านมีอุปกรณ์มากมาย สี พู่กัน กระดาษ ผ้าใบ และอะไรเล็กๆน้อยๆอีกที่อยู่ในกล่อง แฝดน้องหรี่ตามองผ้าใบที่ขึงไว้ในเฟรม กำลังคิดว่าจะวาดอะไรดี นานๆทีได้จับพู่กัน มันรู้สึกจะฝืดเหมือนขึ้นสนิม ทั้งมือและสมอง ทั้งที่นี่เป็นงานอีกอย่างที่เธอชอบมันแท้ๆ หรือจิตใจเผลอหลงไปกับแสงสีในวงการมายาไปเสียแล้วล่ะ
โอ้..ไม่นะ ตรงนั้นปล่อยคริสไปคนเดียวก็พอ..
นั่งมองมานานก็ยังไม่รู้ว่าจะเขียนอะไร มือขาวจึงตัดสินใจวางพู่กันลง ล้วงมือถือขึ้นมาแทน พอดีกับที่ข้อความถูกส่งเข้ามาในไลน์ส่วนตัว เห็นมันแล้วก็อดจะยิ้มไม่ได้ ยุ่งขนาดไหนคุณแฟนก็ยังคงส่งข้อความมาหากัน
แต่เดี๋ยวนะ มีส่งรูปมาด้วย!
อิงกริดนิ่งไปสักพักกับภาพที่เห็นที่ขยายมันเต็มหน้าจอ คนคนนี้หน้าเหมือนเธอเปี๊ยบแต่ไม่มีทางใช่ ก็เธอตาสีน้ำเงิน..
“คริส.?” พึมพำเบาๆพลางถอนหายใจ ถึงจะเข้าใจว่า พวกเขาทำงานด้วยกัน ก็ยังไม่วายคิดมาก เธอคงจะเซ้นซิทีฟมากเกิน
สาวบลอนด์ตาสีน้ำเงินเกือบจะปิดมือถือทิ้งแล้วหากไม่ได้ยินเสียงข้อความเข้ามาขัด ตัดใจก้มดูมันใหม่ จากนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างลืมงอน
‘ฉันรักเธอนะอิงกริด เย็นนี้จะซื้อขนมไปฝาก เป็นเด็กดีล่ะ’
จากที่คิดมากอยู่เมื่อกี้ก็เปลี่ยนเป็นอารมณ์ดีเสียเฉยๆ มือถืออาจจะถูกวางลงกับโต๊ะใกล้ๆ แต่แน่นอนมันยังเปิดบริการอยู่ รอคอยคนบางคนเหมือนเดิม
“โอเคๆ เด็กดีก็เด็กดี..” นั่งพูดอยู่คนเดียวก่อนเหลียวมาหยิบพู่กันใหม่ จุ่มสีและลากเส้นสายอย่างที่ใจต้องการได้สักที
แหม.. น้ำยาล้างสนิมยี่ห้อรีเบคก้านี่ใช้ดีมากเลยนะ..
...........................................
นั่งว่างๆรอกองถ่ายเรียก ไม่รู้จะทำอะไรก็เอามือถือขึ้นมากดเล่น และเฟซบุคก็ยังคงเป็นดินแดนที่น่าเข้าไปท่องเที่ยวเสมอ โดยเฉพาะหน้าเพจของใครบางคน เพจตัวเองไม่เคยเข้าไปสนใจเลย..
อันนั้นปล่อยคานะจังจัดการไปแล้วกัน..
หญิงสาวนั่งกลั้นยิ้มจนปวดแก้มกับภาพหลุดๆของบางคนที่ถูกโพสขึ้นมาบนหน้าวอล และเธอก็ต้องก้อปมันไว้ในเครื่องตัวเองทุกครั้งไป คนบ้าอะไรนะ น่ารักได้ขนาดนี้ ทั้งที่หน้าบึ้ง..
ขี้เก็ก ฟอร์มจัด!
พูดถึงหล่อนได้ไม่เท่าไหร่ ใครบางคนก็เอ่ยชื่อหล่อนขึ้นมา เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นตัวเป็นๆของเจ้าของชื่อที่กำลังถอดแว่นดำออก ร่างสูงยืนอยู่ท่ามกลางเจ้าหน้าที่กองถ่าย หล่อนเด่นมากตรงนั้นรัศมีบังคนอื่นจนมิดแม้จะมีนักแสดงบางคนยืนอยู่ด้วย พวกนั้นเหมือนจะกลายเป็นแค่แบล็กกราวน์ที่ไม่มีความหมายไปเลยเมื่อหล่อนมาถึง ทำไมกันหนอ.?
หรือเพราะตัวสูง.? หรือเพราะขาวกว่าชาวบ้านเขา.? หรือเพราะสีผม.? หรือเพราะเธอสนใจแค่หล่อนคนเดียว.?
“ฮิเมะซัง.. ได้เวลาแล้วค่ะ”
มิกิกระพริบตา เธอเข้าใจว่าชื่อเรียกนี้หมายถึงใคร ‘ฮิเมะ’ คือ ‘เจ้าหญิง’ และคนส่วนใหญ่นอกจากผู้จัดการส่วนตัวมักจะเรียกเธอแบบนี้เสมอ ก็เธอเป็นเจ้าหญิงสำหรับวงการนี้ไง..
แต่คนบ้านั่นกลับเรียกฉันเป็น.. นางมาร..
“ขอบคุณค่ะอิริซัง” ตอบรับตามปกติแต่เนื้อเสียงหวานหูกลับทำให้คนรับฟังรู้สึกตื่นเต้นแค่ได้ยิน มิกิอมยิ้มกับสาวกองถ่ายที่หน้าแดงระเรื่อ เธอกำลังจะเดินไปเข้ากล้อง หากชะงักเพราะเสียงหล่อนที่พูดตามหลัง
“ฉันเป็นแฟนคลับฮิเมะซังกับคริสตินซังนะคะ อยากให้เป็นแฟนกันจริงๆเลย พวกคุณน่ารักดี”
มิกิแทบไม่เชื่อหูที่ได้ยินแบบนี้ หากเธอก็ทำได้แค่โค้งศีรษะขอบคุณอย่างสุภาพตามมารยาทแม้ว่าใจจริงจะเต้นแรง และคิดกลัวว่าเธอจะมีสมาธิไหมในกองถ่ายวันนี้ ถ้าเรื่องนี้ยังตามหลอนเธอ..
เฮ้อ.. ไม่คิดกันบ้างหรือว่า ฉันเองก็อยากจะให้มันเป็นแบบนั้นจริงๆ..
......................................
คริสตินยืนหันหน้าเข้ากำแพงหันหลังให้คนอื่นๆในกองถ่าย มือขาวทาบลงกับอก ถอนหายใจยาวระบายความอึดอัดออกมา เธอกลั้นมันไว้ตลอดเวลาที่เข้ากล้องพร้อมกับผู้หญิงคนนั้น ไม่อยากจะบอกเลยว่าสูญเสียพลังงานไปมากขนาดไหน แทบตายแน่ะ!
ก็จะไม่ให้แทบตายได้ยังไง.. เผลอไปสบตาหล่อนแต่ละที บทพูดในสคริปต์ที่ท่องมาหลุดหายไปจากสมองทุกทีไป แล้วมันจะเป็นยังไงถ้าต้องเข้าฉากกับหล่อนบ่อยๆ ตายก่อนแล้วมั้งฉัน!
แต่ทำไมฉันจะต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะเนี่ย หรือว่าเกลียดเข้าไส้.?
หลงใหลจนสติแตกล่ะสิไม่ว่า...
“คริสตินซัง.. น้ำไหมคะ.?”
เสียงเรียกถามคล้ายเป็นระฆังช่วยชีวิตนักมวย สาวสวยตัวสูงหันมายิ้มให้กรรมการที่กำลังยื่นน้ำมาให้ ถึงมันจะเป็นแค่น้ำผลไม้กระป๋องธรรมดาก็ตาม ยังไงมันก็ดีกว่าที่เธอยืนเสียสติอยู่คนเดียว
“ขอบใจจ้ะอิริจัง”
“ไม่เป็นไรค่ะ พอดีรีเบคก้าซังฝากไว้ เธอบอกว่าขอไปธุระแป๊บนึง”
คริสตินยิ้มให้สาวตัวเล็กที่ช่วยอธิบายเรื่องที่อยากรู้ให้ ถึงหล่อนจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม เธอกระดกกระป๋องน้ำผลไม้ขึ้นดื่ม หากก็แทบสำลักกับอะไรที่หล่อนพูดขึ้นใหม่
“ปกติเห็นแต่คุณเดินแบบ ไม่คิดว่าใส่ชุดเท่ๆแบบนี้แล้วจะหล่อกว่าพระเอกอีกนะคะ ดีนะไม่ได้เล่นคู่กัน ไม่งั้นใครหลายคนต้องฝันสลายแน่ๆ”
คนที่ปกติเดินแบบเป็นอาชีพหลักก้มหน้าลงมองสาวที่ตัวสูงไม่ถึงไหล่ด้วยสายตาแปลกใจ และคิดว่า ถ้าจะคุยด้วยหน่อยก็น่าจะดี อย่างน้อยหล่อนก็ช่วยให้เธอหายจากอารมณ์วุ่นวายใจเมื่อครู่
“ฝันสลายเหรอ.. ช่วยบอกได้ไหมว่า..มันเรื่องอะไร.?”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่เรื่องที่พวกเรากำลังจิ้นกันอยู่..”
“จิ้นเหรอ.?”
“เรื่องคริสตินซังกับฮิเมะซัง..”
คริสตินตาค้างไปหลายวิก่อนจะกระพริบตาได้ แล้วก็หนักใจกับสายตาเพ้อฝันของสาวทีมงานคนนี้ “ไม่รู้เลยนะนี่ว่า เธอเป็นพวกนั้นด้วย” แกล้งทำให้มันเป็นเรื่องขำๆ พูดไปหัวเราะไป แล้วก็ตกใจกับเสียงพูดไม่พอใจของคู่สนทนาที่พูดเสร็จก็เดินหนีไปเฉยเลย
“มันเป็นความสุขค่ะ ความสุขของเรา ถึงมันจะเป็นแค่ฝันเพ้อๆ เราก็ต้องการ กรุณาเข้าใจด้วยค่ะคุณไอดอล”
ดวงตาสีฟ้าดอกไอริสมองตามหลังสาวตัวเล็กนั้นไปอย่างงงๆ จากนั้นก็หัวเราะกับกระป๋องน้ำผลไม้ในมือ “โทษทีอิริจัง.. บางทีฉันก็นึกไม่ถึงเรื่องนี้เลย”
.......................................
สาวอังกฤษเบี่ยงหน้าหลบเท้าที่พุ่งเข้ามาหมายจะฟาดหน้าได้อย่างหวุดหวิด หากมันคงยังไม่พอ ร่างสูงจำเป็นต้องเอนตัวไปข้างหลัง หากไม่อยากให้เท้าข้างเดิมทำให้ใบหน้าเสียโฉม แต่ถึงจะหลบครั้งนี้ได้อีก ครั้งหน้าจะรอดหรือไม่ ใครจะร่วมลุ้นกับเธอ
เข้าใจชัดแจ้งเลยว่า เทควันโด้สายดำเป็นยังไง รู้มานานแล้วด้วยตั้งแต่ถูกยัดให้เรียนตั้งแต่เด็ก แต่ที่ไม่เข้าใจ ก็คือทำไมเธอจะต้องมาโดนแบบนี้ ทั้งที่เธอแค่สายแดง!
ถึงอย่างนั้น.. ฉันก็ไม่ยอมให้เธอเตะหน้าฉันหรอก..แม่นาง Poison Ivy!
คริสตินกัดฟันกรอด หมุนตัวหลบศอกที่จะเข้ามากระทุ้งสีข้าง สายตาเหลือบไปเห็นรอยยิ้มถูกใจจากสาวลูกครึ่งตาสีน้ำเงิน ดวงตาคู่นั้นกำลังท้าทายเธออยู่ หล่อนย่อมรู้ดีกว่าตัวเองเหนือกว่าในเรื่องนี้ ถึงได้ยอมมาเป็นคู่ฝึกซ้อมด้วยกันแทนที่จะไปซ้อมกับหนุ่มๆที่นักแสดงคนอื่นที่มาร่วมฝึกด้วย
นี่มันเป็นเรื่องซวยของเธอใช่ไหมที่ซีรีย์เรื่องนี้มีฉากต่อสู้มากมายจนทางค่ายต้นสังกัดต้องจัดให้พวกเธอมาซ้อมกันก่อนเข้าฉาก และแน่นอน มันจะต้องเป็นแบบนี้ไปอีกนาน บางทีอาจจะจนกว่าที่จะถ่ายทำจบเรื่อง
กว่าจะถึงตอนนั้น หน้าฉันจะแหกไปถึงไหนแล้ว!
“คริส.. คุณอย่าเอาแต่หลบสิ ในบทคุณจะต้องช่วยฉันนะ แบบนี้จะไปช่วยได้ยังไง..”
เสียงเตือนเหมือนเสียงกระตุ้นให้ลุกขึ้นมาลองสู้กับหล่อนดูสักตั้ง หากยังไม่ทันจะได้คิดทำอะไร ก็เห็นหมัดลอยมาใกล้ใบหน้า มันก็หมายความได้อย่างเดียวว่า หล่อนไม่ได้หยุดจะรุกเธอทั้งที่บอกให้เธอรุก และโดยไม่รู้ตัวร่างกายก็เคลื่อนไหวพามือไปจับแขนหล่อน หมายจะยั้งหมัดไม่ให้โดนใบหน้าซึ่งเป็นของสำคัญเกือบจะมากที่สุดในตัวเธอในเมื่อเธอต้องใช้มันในการทำมาหากิน
หากกระนั้นผู้หญิงที่เป็นหนึ่งในศิลปะการต่อสู้ชนิดนี้ก็หาวิธีแก้คืนเธอได้อีกครั้ง หล่อนดึงแขนกลับไป หล่อนทำได้เมื่อมีแรงมากพอ แต่มือเธอน่ะสิดันทำเหมือนทากาวมา มันไม่ยอมปล่อยแขนหล่อนไป กระชากกันไปกระชากกันมา ไม่รู้ล้มลงมากองทับกันได้ยังไง ได้ยินเสียงหลายคนหวี้ดว้าย หากเธอสนใจมันน้อยกว่าที่ตัวเองกำลังจุกอยู่และรู้สึกหนักชะมัดเลย
“มิกิ.. เธอจะฆ่าฉัน..” บ่นออกมาอย่างอึดอัด หากชะงักไปเหมือนถูกมนตร์สะกดกับดวงตาของคนที่เงยหน้าขึ้นมามองกัน เธอสองคนมองจ้องกันอย่างนั้นอยู่นานจนกระทั่งได้ยินเสียงกดชัตเตอร์ พวกเธอกระเด้งตัวออกจากกันแทบไม่ทัน เพิ่งรู้ตัวด้วยว่า นอนทับกันในท่าที่อันตรายน่าดูชม เหมือนเธอกำลังถูกผู้หญิงอีกคนกดอยู่บนที่นอนเลย..
พระเจ้าๆ! ฉันต้องโดนยัยเตี้ยนั่นฆ่าแน่ๆ ตายแน่ๆเลยคริสติน!
ร่างสูงไปยืนบีบสองมืออยู่ระดับอกอย่างประสาทเสีย หันหน้าเข้าผนังโรงฝึกไม่กล้ามองคนอื่นที่อยู่ที่นี่ด้วย ไม่อยากให้ใครเห็นว่าตัวเองกำลังหน้าแดงขนาดไหนและสติแตกจนควบคุมแทบไม่อยู่
หญิงสาวกล้าๆกลัวๆเหลือบตาไปมองหาคู่ซ้อมเมื่อครู่ อยากรู้ว่าหล่อนเป็นยังไง เธอเห็นมิกิกำลังเอาผ้าขนหนูผืนเล็กทาบหน้าตัวเองอยู่โดยมีผู้จัดการส่วนตัวยืนคุมอยู่ข้างๆ ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมหล่อนต้องทำแบบนั้น อาจจะซับเหงื่ออยู่ แต่หูขาวๆที่แดงเห่อนั่นหมายความว่าไง..
“ทำได้ดีมากเลยคริส.. เย็นนี้จะกินอะไรดี ฉันเลี้ยงเอง!”
คริสตินหันขวับมามองหน้าคนที่อยู่ๆก็มาพูดข้างหู แล้วก็รู้สึกเลยว่า เธอพลาดบางอย่างไปเสียแล้ว และรู้แล้วว่า หนึ่งในไอ้เจ้าของเสียงถ่ายรูปแชะๆเมื่อกี้มันเป็นใคร ก็ยัยเตี้ยผู้จัดการส่วนตัวของเธอเอง...
“รีเบคก้า.. ฉันอยากจะกินต้มยำหัวเธอ” บอกออกไปเสียงนิ่งๆ หากผู้หญิงที่ถูกบอกกลับวิ่งหนีออกไปจากโรงฝึกทันทีให้เธอหัวเราะตาม และด้วยความบังเอิญหรืออะไรไม่ทราบได้ เธอหันกลับมาเจอกับสายตาที่กำลังมองมาพอดี เจ้าของมันยิ้มเขินๆกลับมาก่อนจะหันหนีไป ไม่อยากจะยอมรับเลยว่าตอนนี้เธอกำลังเป็นอะไรอยู่ รู้แค่อย่างเดียว..
ยัย Poison Ivy น่ารักจริงๆเลยนะ..
..........................................................
กลับมาจนได้หลังจากหายหน้าไปหลายอาทิตย์!!!
หายไปนานจนเริ่มได้กลิ่นบางคนจุดธูปอัญเชิญเลยทีเดียว
กลับมาครั้งนี้ เอาเรื่องนี้มาฝากกันก่อน หวังว่าคงพอให้หายคิดถึงกันนะคะ และถ้าคิดถึงกันจริงๆล่ะก็..
ทิ้งกำลังใจเอาไว้ ก่อนจะเดินจากไปด้วยก็ดี..
ขอบคุณมากค่ะ