web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 31
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 145
Total: 145

ผู้เขียน หัวข้อ: ดอกคาร์เนชั่นต้องห้าม (ฉบับปรับปรุง) บทที่ 5  (อ่าน 1449 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ อาพัทธ์ อันธการ

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 74
บทที่ 5

"ตือ ดือ ดื้อออ" เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นพร้อมกับการสั่นไหวที่กระเป๋าหลังข้างซ้ายของคนตัวสูง ทำเอาสองสาวซึ่งอยู่ในห้วงของความวาบหวามสะดุ้งได้สติขึ้นมาทันที ต่างฝ่ายต่างเก้อเขินกันอย่างไม่เป็นมาก่อนตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน อรสาลุกจากร่างบางของน้องสาวด้วยความทุลักทุเล จากนั้นจึงหันไปล้างมือที่อ่างล้างหน้าด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับล้วงโทรศัพท์มากดรับสาย

ตัวหล่อนยังคงนอนนิ่งบนพื้นกระเบื้องที่เย็นเฉียบและแห้งสนิท นันทวรรณยอมรับว่าเธอไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว ชั่วขณะหนึ่งเรายื้อแย่งกันรับผิดชอบ เพียงแค่วินาทีเดียวทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

หัวใจของเธอยังคงเต้นรัวแรงเหมือนจะหลุดออกมาจากอกเสียให้ได้ และริมฝีปากก็ยังคงจำความนุ่มนวล อ่อนไหว เคลิ้มฝันได้อย่างแม่นยำ สัมผัสนั้นยังตราตรึงอยู่ในความรู้สึก เด็กสาวรู้ว่าคนที่เป็นสายเลือดเดียวกันเขาไม่ทำกันแบบนี้ คนที่ทำอย่างนี้มีเพียงแต่คนรักกันเท่านั้น คนร่างบางยิ่งสับสนมากขึ้นอีกว่าเพราะเหตุใดคนสวยจึงจูบ และทำไมหล่อนถึงไม่ขัดขืนหรือท้วงติงสิ่งที่จะเกิดขึ้นเลย

เธอกลืนน้ำลายรับรู้ถึงความแห้งผากตั้งแต่ปากนุ่มจนถึงลำคอ อดไม่ได้ที่จะยกนิ้วขึ้นลูบไปบนเนื้อสีชมพูบางบนใบหน้า จากนั้นจึงถอนหายใจอย่างไม่อาจคิดอะไรได้มากไปกว่านั้น แล้วหยิบแปรงขึ้นมาขัดพื้นที่เหลือที่ค้างคาก่อนเกิดเหตุการณ์เมื่อครู่



เสียงเรียกเข้าทำให้คนผมยาวกลับสู่ปัจจุบันอีกครั้ง สายตาที่เคลิ้มกับรอยประทับ หน้านวลที่แดงซ่านและหัวใจที่เต้นแรงมากจนอกที่เบียดกันรับรู้ได้อย่างชัดเจน หล่อนอายตัวเองและไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้กระทำสิ่งนี้ลงไปได้ เรื่องที่เลวร้ายที่สุดคือคนๆ นั้นไม่ใช่อื่นไกล 'น้องสาวของตัวเอง' เธอเป็นคนประเภทไหนกันถึงทำแบบนี้ได้ลงคอโดยที่ไม่รู้สึกอะไรเลย ใช้ความบังเอิญและความอ่อนต่อโลกของแมวน้อยให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเอง

คนหน้าคมพยายามหยุดคิดทุกสิ่งทุกอย่างแล้วปั้นหน้านิ่ง ล้างมือให้สะอาดจากคราบของน้ำยาและรับสายที่โทรเข้ามาอย่างพยายามใจเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้

"ฮัลโหล" เสียงหวานติดแข็งเล็กน้อยเพราะไม่อาจลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วได้

"อีฟ ฮือๆๆๆ" ปนัดดาเรียกชื่อหล่อนด้วยเสียงอู้อี้ และร้องไห้ออกมาอย่างหนัก เธอรับรู้ได้จากเสียงสะอึกสะอื้นที่ส่งมาตามสาย

"แกเป็นอะไร" สาวสวยถามออกไปและลืมเรื่องของนันทวรรณทันที

ตั้งแต่รู้จักกันมาหลายปี หล่อนไม่เคยเห็นเพื่อนคนนี้ร้องไห้แม้แต่ครั้งเดียว สาวเปรี้ยวเป็นคนเข้มแข็งมากๆ คนหนึ่งที่เธอรู้จัก เผชิญหน้ากับทุกปัญหาอย่างไม่กลัวเกรงอะไร ในวันนี้กลับมีน้ำตา เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่นะ

"แป้ง ใจเย็นๆ นะ แกบอกฉันสิใครทำแกให้เป็นแบบนี้" หล่อนพูดด้วยความจริงจังและหนักแน่น คล้ายผู้ใหญ่ปลอบเด็ก

"พี่กี้" ชื่อที่หลุดออกมาจากต้นสายเป็นชื่อที่เธอไม่คิดว่าจะได้ยิน พี่กี้ หรือกัญญาแฟนสาวของปนัดดาซึ่งคบกันมาหลายปี หล่อนเห็นอยู่บ่อยๆ เมื่ออีกฝ่ายมารับเพื่อนของเธอ แต่ไม่ได้รู้จักกันมากนักเท่าที่เห็นดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นก็เอาใจใส่แป้งดี

"พี่กี้ทำไม" หญิงสาวถามเอาความ

"เขา...เขาบอกเลิกกับฉัน เขา...บอกว่าเขารักคนอื่น" เพื่อนรักพูดตะกุกตะกัก พูดไปร้องไห้ไปจนฟังออกได้ลำบากกว่าปกติ

เมื่อได้รู้เหตุผลที่แท้จริงหล่อนก็ถอนหายใจ เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนสองคนเธอไม่อาจจะช่วยอะไรได้เลย ในเมื่ออีกฝ่ายพูดอย่างนั้นถ้าเป็นอรสาคงจะร้องไห้เช่นกันด้วยความที่รักมาก แต่หล่อนจะไม่มีวันเสียใจหรือฟูมฟายให้อีกคนกลับมาเป็นอันขาด ปนัดดาดูเหมือนจะเป็นคนไม่ค่อยใส่ใจหรือสนใจอะไรสักเท่าไหร่ ถ้ารู้จักกันดีพอจะรู้ว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นแค่ภาพลวงตาที่สาวเปรี้ยวแสดงออกมาเท่านั้นเอง เพื่อนสาวของเธอเป็นคนละเอียดอ่อน และจริงจังมากโดยเฉพาะกับความรักที่มีให้คนๆ นั้น

หล่อนไม่รู้จะปลอบใจอย่างไรดีเพราะตัวเองไม่เคยมีความรักและคนรักในแบบแฟนเลยแม้สักครั้ง อีกทั้งปกติเวลามีเรื่องไม่สบายใจหรือคิดไม่ตก หญิงสาวก็จะคิดหาทางออกด้วยตัวเอง หล่อนไม่ชอบเอาปัญหาไปปรึกษาใคร เธอถอนหายใจอีกครั้งหนึ่งอย่างหนักใจ

"อีฟ...แกอย่าทิ้งฉันนะ" คำพูดที่สั่นพร่าเพราะความปวดรวดร้าวในใจ คล้ายกับเด็กที่ต้องการสิ่งยึดเหนี่ยว และอรสาก็เป็นสิ่งเดียวที่คนโทรมาสามารถพูดจาแบบนี้ได้

"ฉันไม่ทิ้งแกหรอก ฉันสัญญา ฉันจะเป็นเพื่อนของแกตลอดไป" สาวหน้ารูปไข่พูดจาหนักแน่นเพื่อให้อีกฝ่ายมั่นใจ

หลังจากนั้นก็พูดคุยไม่ให้เพื่อนคิดมากอีกเล็กน้อยจึงวางสายไป เธอเดาว่าเพื่อนคงนอนด้วยความทุกข์ใจ แต่หล่อนก็ไม่ได้ต่างกันเลย หญิงสาวไม่รู้จะมองหน้าน้องได้อย่างไร จะพูดบอกเหตุผลอะไรออกไปว่าที่ทำแบบนั้นไม่ได้ตั้งใจ ชั่วนาทีนั้นความรู้สึกต้องการมันชักจูงอรสาอย่างแรงกล้าให้สัมผัส พิสูจน์ความหอมหวานนุ่มนวล แย่ตรงที่ความรู้สึกมันไม่มีความผิดชอบชั่วดีและศีลธรรม



'ติ๊งต่อง' กริ่งหน้าบ้านดังขึ้นขณะที่เธอเพิ่งใส่เสื้อเสร็จและกำลังจะเดินออกจากห้องเพื่อไปรับประทานอาหารเช้า

"พี่ไปดูเอง" สาวสวยพูดเมื่อทั้งสองคนเปิดประตูห้องออกมาพร้อมกัน หล่อนสบตาได้เพียงชั่ววูบก็ต้องหลบมองพื้นเสียเอง เพราะไม่อาจลบเลือนสิ่งเหล่านั้นไปจากความทรงจำและความรู้สึกได้

นันทวรรณยอมรับว่าเขินอาย ซึ่งดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่คิดเหมือนกัน เพราะพี่สาวยังคงทำมีสีหน้าที่ไม่แตกต่างไปจากเมื่อวาน คล้ายกับจะบอกว่า เมื่อวานเกิดอะไรขึ้น พี่จำไม่เห็นได้ อย่างไรอย่างนั้น

ไม่นานนักมือขาวเรียวสวยนั้นโอบเอวของสาวเปรี้ยวรูปร่างสมส่วนติดแบบบางเข้ามาในบ้าน เธอยืนมองตาไม่กระพริบ หล่อนจำผู้หญิงคนนี้ได้ คนๆ นี้นั่งอยู่ข้างพี่สาวของเธอในเที่ยงวันนั้น แต่จากความสนิทสนมและความชิดใกล้ในตอนนี้ นันทวรรณรู้สึกไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นแค่เพื่อน แต่พี่อีฟเคยบอกว่ายังไม่มีแฟน เธอยอมรับว่าเชื่อมาโดยตลอด ไม่เคยคิดว่าคนตรงหน้าจะโกหก ตอนนี้เด็กสาวก็ยังอยากเชื่ออยู่ เพียงแต่ภาพที่เห็นทำให้หล่อนหวั่นไหว

"นั่นหนึ่ง น้องฉันเอง" เสียงหวานพูดแนะนำ

"หนึ่งนี่แป้งเพื่อนพี่" มือสวยกระชับเอวอีกฝ่ายแน่นขึ้น ปากสวยพูดพลางยิ้ม

"สวัสดีค่ะ" สาวน้อยจำต้องยกมือไหว้ตามมารยาท คนร่างบางไม่รู้จะพูดหรือทำอะไรได้มากกว่านี้

ผู้หญิงสองคนยืนเคียงข้างกัน คนมาใหม่ดูเหมือนเศร้าสร้อยเล็กน้อย รอบดวงตาบอบช้ำคล้ายร้องไห้มาตลอดทั้งคืน แต่ใบหน้าสวยเรียว หุ่นดี ผมทำสีน้ำตาลเกือบอ่อนเข้ากับบุคลิกที่ดูเหมือนคนมั่นใจในตัวเอง แต่ถ้าเปรียบเทียบกันแล้วพี่อีฟสวยกว่ามาก หน้าคม หุ่นดีดูสุขภาพแข็งแรง สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่ดูบอบบางเหมือนอีกฝ่าย

"เดี๋ยวพี่จะออกไปข้างนอกนะ คงกลับช่วงหัวค่ำ ถ้ามีอะไรก็โทรหาพี่ได้ตลอด" คนตัวสูงพูดเรียบๆ แล้วหันไปสบตาคนที่บอกว่าเป็นเพื่อนอย่างรู้กัน

เด็กสาวนั่งลงบนโซฟาอย่างแรงฟังเสียงรถแล่นออกไปไกลจากบ้าน หล่อนรู้สึกบางอย่าง ความไม่พอใจเล็กๆ แต่เธอไม่รู้เลยว่าอะไรที่ทำให้เกิดความรู้สึกนี้ แมวน้อยนั่งอยู่ตรงนั้น ยกเข่าขึ้นมากอดและคิดทบทวนทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรก



"เห็นไหม ไม่มีเขาแกก็อยู่ได้ แกมีฉันไง" สาวสวยพูดเมื่อเห็นเพื่อนสาวหน้าตาดีขึ้นหลังจากพาไปเที่ยวสถานที่หลากหลาย

"อือ ขอบใจมากนะแก" ปนัดดาส่งยิ้มเจือเศร้าเพียงเล็กน้อยคืนมา หล่อนจึงยิ้มตอบเพื่อบอกว่า ไม่เป็นไร ยังไงก็เพื่อนกัน

สาวเปรี้ยวมองหน้าเธอด้วยความซึ้งใจ เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวได้เห็นสีหน้าแบบนี้ เธอขับรถพาอีกฝ่ายไปหาอาหารเย็นอร่อยๆ ทานจนอิ่มตื้อ จากนั้นจึงพาเพื่อนไปส่งที่บ้านเพราะคนร่างเกือบบางมาหาหล่อนด้วยรถสาธารณะ



ภายในบ้านมืดสนิทไม่มีแสงไฟเล็ดลอดออกมาจากตรงไหนเลย เธองุนงง ไม่แน่ใจว่าสาวน้อยหลับแล้วหรือว่าไม่อยู่บ้านกันแน่ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็เหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติเพราะแม้แต่ไฟที่เสาประตูหน้าบ้านและรอบบ้านซึ่งเปิดเป็นประจำก็ไม่มีแสงไฟเช่นเดียวกัน

อรสาค่อยๆ ไขประตูเข้าบ้านอย่างช้าๆ หล่อนใจไม่ค่อยดีกลัวว่าจะมีเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้น การอยู่บ้านคนเดียวมานานทำให้เธอไม่ค่อยไว้ใจอะไรง่ายๆ ยิ่งมีน้องสาวมาอยู่ด้วยแล้วยิ่งต้องระวังมากขึ้นกว่าเดิมเพราะมีแต่ผู้หญิง ต่อให้สู้ยังไงก็แพ้แรงผู้ชายอยู่ดี

ไฟสว่างไสวขึ้นร่างเล็กบางนั่งขดตัวเหมือนลูกแมวอยู่บนโซฟา ไม่มีการขยับเขยื้อนใดๆ ทั้งสิ้น ราวกับเป็นก้อนหินก้อนหนึ่ง เธอเดินเข้าไปหาแตะมือลงบนไหล่บาง ตาสีน้ำตาลเข้มเงยหน้ามองขึ้นมา แววตาวูบไหว มีความรู้สึกหลากหลายปะปนกันอย่างแยกไม่ออก แต่มันทำให้อีฟรู้สึกอยากกอดปลอบโยน เธอรู้สึกเหมือนเป็นความผิดของตัวเองที่ปล่อยให้น้องสาวอยู่คนเดียวแบบนี้ ยังไม่นับรวมเรื่องเมื่อวานอีก

หญิงสาวกอดอีกฝ่ายจากข้างหลัง มันเป็นอ้อมกอดที่บอกว่าพี่ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง พี่จะพยายามทำให้ดีกว่านี้

"เหงารึเปล่าคะ" เธอถามทั้งๆ ที่รู้คำตอบอยู่แก่ใจ

"นิดหน่อยค่ะ" เสียงใสดั่งระฆังตอบกลับมา แต่น้ำเสียงนั้นไม่ใช่แค่เพียงเล็กน้อยอย่างที่เจ้าตัวพูดแต่มันบอกว่าแมวน้อยเหงามาก

"พี่ขอโทษ" หญิงสาวพูดออกไปด้วยความรู้สึกจากใจจริง หวังว่าคนตัวเล็กจะเข้าใจว่าหล่อนหมายถึงทุกอย่างจริงๆ

"ยกโทษให้พี่ได้ไหมคะ" เด็กน้อยเอี้ยวคอหันมามอง ความสับสนปรากฏในดวงตาคู่สวย คิ้วเรียวบางขมวดเล็กน้อยอย่างใช้ความคิด

"ไม่ใช่ความผิดของพี่อีฟหรอกค่ะ" นันทวรรณตอบและกลับไปก้มหน้าก้มตาตามเดิมทั้งๆ ที่ยังมีมือของเธอโอบอยู่รอบคอ

"เปล่าเลย เป็นความผิดของพี่คนเดียว" หล่อนตระหนักได้ในวินาทีนั้นว่าตัวเองกระทำสิ่งเลวร้ายเพียงใด ก่อนหน้านี้เธอแค่รู้สึกผิดแต่มันไม่ได้แทรกซึมเข้ามาในใจลึกขนาดนี้เลย เหมือนหล่อนเพิ่งโดนค้อนทุบหัวให้ได้คิดจริงๆ เป็นครั้งแรกในเวลาเกือบ 24 ชั่วโมง

"มองหน้าพี่ได้ไหมคะ" หญิงสาวอ้อนวอน

กวางน้อยหันมา ตาทั้งสองสบกัน เธอจับแก้มนวลใสและเย็นของคนตรงหน้า จากนั้นจึงเอ่ยออกไปว่า

"พี่เลว พี่รู้ และพี่ก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงทำแบบนั้น แถมยังทิ้งหนึ่งไว้แบบนี้อีก หนึ่งเกลียดพี่โกรธพี่ได้ แต่อย่าทำแบบนี้ พี่ทนไม่ได้ที่เห็นหนึ่งต้องรู้สึกแย่ สับสน ต่อไปนี้พี่จะพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อน้องคนนี้ให้ดีที่สุด พี่สัญญา หนึ่งจะให้โอกาสพี่แก้ตัวไหม" เสียงหวานสั่นเพราะความรู้สึกเกลียดตัวเอง

"พี่อีฟ" น้องสาวเธอพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนตกใจ

"ได้ไหมคะ" หญิงสาวถามย้ำ

"ค่ะ" คำตอบนั้นทำให้ใจของอรสารู้สึกชุ่มชื่นขึ้นอีกครั้ง

"ขอบใจนะ" เธอยิ้ม

"แล้วนี่ทานอะไรรึยังคะ" คนตัวสูงนึกขึ้นมาได้

"ยังค่ะ" เด็กน้อยยิ้มเขินเมื่อโดนถาม

"มานี่เลย พี่จะทำอะไรให้ทาน" หล่อนดึงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นแล้วพาไปยังห้องครัว



เกือบจะเที่ยงคืนแล้วเมื่ออรสาอาบน้ำเสร็จ เห็นเจ้าตัวเล็กทานได้อย่างเอร็ดอร่อยเธอก็รู้สึกดีขึ้นอีกนิด เหมือนตัวเองได้ไถ่โทษไปทีละน้อย

'ก๊อก ก๊อก ก๊อก' เสียงเคาะประตูดังก้องในความเงียบของเวลาดึก

เธอเช็ดหน้าด้วยผ้าขนหนูผืนเล็กก่อนจะวางตากอย่างใจเย็นและเดินไปเปิดประตูห้องนอน ไม่เอ่ยถามว่าใครเป็นคนทำลายความเงียบเพราะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ในบ้านนี้นอกจากเธอ

"ว่าไงคะ" อรสายิ้มพร้อมถาม

"คือว่า...หนึ่ง...นอนด้วยได้ไหมคะ" แมวน้อยเขินเมื่อพูดออกมา วันนี้อีกฝ่ายแต่งชุดคล้ายเดิม เสื้อยืดกางเกงขาสั้นและ...ไม่มีอะไรข้างใต้นั้น

"ได้ค่ะ" หล่อนส่ายหน้าเล็กน้อยเมื่อคนตัวเล็กเดินเข้าห้องมา

"อย่าไปพูดแบบนี้กับใครรู้ไหมคะ" หญิงสาวเอ่ยหลังจากทั้งคู่นอนลงบนเตียงและห่มผ้านุ่มผืนหน้าเรียบร้อยแล้ว

"พูดอะไรคะ" กวางน้อยทำตาใสซื่อเหมือนไม่เข้าใจ

"คำว่านอนน่ะค่ะ ถ้าไปพูดอย่างนี้กับผู้ชายเขาจะหาว่าเชิญชวนนะคะ" สาวสวยแจงให้ฟัง

"อ่อค่ะ" เด็กน้อยพยักหน้ารับรู้

"พี่อีฟเที่ยวสนุกไหมคะวันนี้" เสียงใสถามในความมืดที่มีเพียงแสงจากดวงจันทร์

"พี่ไม่ได้เที่ยวเพื่อตัวเองหรอกค่ะ เพื่อนพี่เขาเสียใจกับเรื่องบางอย่าง พี่แค่อยากให้เขาได้ออกไปข้างนอกแล้วเลิกเศร้ามากกว่า" หล่อนบอกตามตรง

"คิดว่าพี่ไปเที่ยวแล้วทิ้งเราใช่ไหม" อรสามองเงาที่กระทบเหลี่ยมมุมบนใบหน้าอย่างรู้ทัน

"เปล่านี่คะ" ตาคู่สวยนั้นไม่ยอมมองเมื่อพูดออกมา

"เดี๋ยวนี้โกหกพี่เหรอ หึ" เธอเริ่มอารมณ์ดีขึ้นเมื่อได้แหย่อีกฝ่าย

"พี่อีฟก็...รู้อยู่แล้วนี่คะ" ปากบางขมุบขมิบตอบเสียงเบา ถ้าเปิดไฟคงได้เห็นว่าอีกฝ่ายหน้าขึ้นสีอย่างแน่นอน

"พรุ่งนี้ไปเที่ยวกันไหมคะ ถือว่าชดเชยวันนี้" หญิงสาวถาม แต่คิดว่าคนตรงหน้าต้องตอบรับอยู่แล้ว ได้ออกไปข้างนอกบ้านเสียบ้าง

"ไปค่ะ" เด็กน้อยตอบด้วยความดีใจ ท่าทางกระตือรือร้นเหมือนเด็กเล็กๆ

"อยากไปไหนเป็นพิเศษรึเปล่า" อีฟคิดไม่ออกว่าจะพาแมวน้อยไปที่ไหนดี ตัวเธอเองก็ไม่ค่อยได้ไปไหนสักเท่าไหร่ วันนี้ผ่านตรงไหนก็แวะเอาเท่านั้นเอง ส่วนมากก็เป็นห้างไม่ก็วัด

"หนึ่งอยากไปไหว้พระ แล้วก็...อืม อยากดูดอกไม้สวยๆ" เสียงใสพูดเจื้อยแจ้วถึงความต้องการของตัวเอง

"พี่คิดออกแล้ว" หญิงสาวบอกเมื่อรู้ว่าจะพาคนตรงหน้าไปที่ไหนดี

"ที่ไหนคะ" นันทวรรณถามด้วยความอยากรู้

"ไม่บอกค่ะ" เธอถือโอกาสแกล้งแมวน้อยเล่น อีกฝ่ายเบะปากตามเคย น่ารักน่าเอ็นดูในสายตาของหล่อน

"ใจร้ายจังค่ะ" คนร่างบางกล่าวหา มือเล็กกอดอก แก้มป่อง

"ใจร้ายที่ไหนคะ อยากให้หนึ่งแปลกใจถึงได้ไม่บอก" คำพูดของน้องสาวจริงแล้วก็มีส่วนถูกไม่น้อย หล่อนทั้งอยากแกล้งและอยากให้ประหลาดใจในเวลาเดียวกัน

"บอกหน่อยไม่ได้เหรอคะ" คนตัวเล็กงัดท่าไม้ตายออกมา

หญิงสาวหันไปมองเพดานแล้วอมยิ้ม เธออยากสู้ให้ชนะสักครั้ง ถ้าแพ้มุขนี้ตลอดคนอายุน้อยกว่าคงได้ใจไปเรื่อย เดี๋ยวจะกลายเป็นเอาแต่ใจตัวเอง

"ไม่บอกค่ะ อย่าอ้อนพี่เลย" สาวสวยพูดพลางยิ้ม

หนึ่งเงียบไป หล่อนจึงหันมองกลับไปทางเดิมและเห็นว่าแก้มบางนั่นป่องกว่าเมื่อสักครู่เสียอีก ปากบางก็เบะมากกว่าเดิมจนเธออดหัวเราะไม่ได้

"พี่อีฟ" คนจมูกรั้นเรียกเสียงเศร้า

"ไม่ได้ค่ะ" อรสาบีบจมูกนั้นอย่างหมั่นเขี้ยว มุ่งมั่นเสียจริงน้องสาว

"ดอกไม้นี่อยากไปดูกุหลาบหรือกล้วยไม้คะ" เธอตัดการออดอ้อนด้วยคำถาม

"ดูทั้งสองอย่างไม่ได้เหรอคะ" เสียงใสถามซื่อๆ

"ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวกลับมาถึงบ้านจะมืด มันอันตรายนะคะ" หล่อนตอบคำถามนั้นด้วยคำพูดที่ค่อนข้างเอ็นดูและห่วงใย

"อืมมม งั้นกุหลาบค่ะ" สาวน้อยเลือก

"โอเค นอนเถอะค่ะ พรุ่งนี้จะได้ออกกันแต่เช้า" เธอลูบผมดำมันเงา

เสียงลมหายใจของหนึ่งเริ่มสม่ำเสมอ หล่อนได้ยินมันเพียงเบาๆ เท่านั้นเพราะอีกฝ่ายนอนตะแคงข้างหันมาทางเธอ ส่วนตัวอรสาเองนั้นนอนหงายมองเพดานห้องโล่งๆ

เมื่อพลิกกลับไปก็เห็นว่าดวงตาดั่งดาวคู่นั้นไม่ได้ปิด แต่กำลังมองดูอยู่ หญิงสาวรู้สึกได้ว่าแมวน้อยมีเรื่องบางอย่างอยู่ในใจ แต่เธอเดาไม่ออกว่าเป็นเรื่องอะไร

"นอนไม่หลับเหรอคะ" คนตัวสูงกว่าเอ่ยถาม

"หนาวค่ะ...พี่อีฟกอดหนึ่งได้ไหมคะ" เสียงหวานถามอย่างเรียกร้อง

คนสวยยิ้มตอบ มือเรียวสอดไปที่เอวบางแล้วดึงให้คนหน้ารักเข้ามาชิดใกล้ ลมหายใจอุ่นๆ ของคนตัวเล็กแทบจะเป่ารดต้นคอ ขนอ่อนที่แขนตั้งขึ้นโดยอัตโนมัติแต่เธอพยายามไม่ใส่ใจ มีเรื่องวุ่นวายมากเกินพอแล้วในสองวันที่ผ่านมา

"ราตรีสวัสดิ์ค่ะ" อรสาบอกเบาๆ จากนั้นจึงหลับตาลง รับรู้เพียงความอุ่นนุ่มจากตัวของน้องสาวตัวเองเท่านั้น



นันทวรรณนอนไม่หลับ ตลอดวันที่ผ่านมาเธอเฝ้าคิดและถามตัวเองซ้ำๆ ถึงเหตุผลทั้งของตัวเองและของอรสา และคำตอบเท่าที่คิดได้ก็ไม่ดีเอาเสียเลย

หล่อนคิดว่าตัวเองชอบพี่อีฟเข้าเสียแล้ว ไม่ใช่ในแบบพี่สาวน้องสาวแต่แบบแฟน เธอคิดว่าที่เป็นแบบนี้เพราะตลอดเวลาไม่เคยเจอกัน ไม่เคยมีความผูกพันให้แก่กันในเชิงนั้น เมื่อได้เจอกัน ใกล้ชิดสนิทสนม เห็นความดีและความอ่อนโยนที่มอบให้จึงเกิดความหวั่นไหวและกลายเป็นความชอบขึ้นมา ซึ่งมันคงรวดเร็วเกินกว่าคำว่าสายเลือดจะได้มีโอกาสเปลี่ยนให้เป็นความรักแบบพี่น้อง

เด็กน้อยไม่กล้าบอกสิ่งที่ตัวเองคิดได้ให้อีกฝ่ายรับรู้ เพราะเธอคิดว่าพี่อีฟแค่เผลอความรู้สึกชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น คงเพราะพี่อีฟเหงาไม่มีใคร และหล่อนก็อยู่ตรงนั้น

ลำตัวบางเบียดคนร่างสวยให้ชิดเข้าไปอีก สาวน้อยต้องการไออุ่นของคนตรงหน้า หล่อนเรียกร้องซึ่งพี่อีฟก็ใจดีมอบให้แทบทุกอย่าง เธอไม่รู้เลยว่าต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป

เปลือกตานวลปิดสนิท อกไหวทุกการหายใจ พี่สาวคนสวยคงหลับไปแล้ว ถ้าเป็นเวลานี้...ตอนนี้คงสามารถบอกความในใจที่แสนสับสนนี้ได้

"หนึ่งรักพี่อีฟนะคะ หนึ่งขอโทษ" เสียงใสพูดแผ่วเบาราวกับกระซิบ




email+facebook : N.Rattanawadikant@gmail.com
fanpage : www.facebook.com/อาพัทธ์-อันธการ/107884562739822

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.