web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 31
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 147
Total: 147

ผู้เขียน หัวข้อ: ตอนที่ ๗  (อ่าน 1755 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ลำเนา

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 68
ตอนที่ ๗
« เมื่อ: 08 มีนาคม 2014 เวลา 18:59:39 »
   มื้อกลางวันที่ศศิมาได้นัดหมายไว้ ไร้เงาของอักษรา ซึ่งนั่นทำให้พราวฟ้ารู้สึกผิดกับสิ่งที่ได้ทำลงไปกับคำพูดทิ้งท้ายของอักษราที่ว่า แค่คนรู้จักก็ดีมากพอแล้ว คนพูดที่บอกถึงความรู้สึกเจ็บปวดที่มีอยู่ในหัวใจก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ได้ยินคำพูดนั้นนัก หากแต่ว่าพราวฟ้าเลือกที่จะนิ่ง เพื่อให้อีกคนเข้าใจว่าเธอไม่ได้รู้สึกอะไรนักกับสิ่งที่เกิดขึ้น

   “พอดีบุ๊คมีงาน เลยขอตัวสำหรับมื้อกลางวันนี้ ฝากขอโทษพราวมาด้วย” ศศิมาบอกเล่าสิ่งที่อักษราฝากมาบอกกับพราวฟ้า

   “ค่ะ” คำพูดเพียงสั้นๆ แต่ในใจของพราวฟ้าครุ่นคิดอยู่มากมาย กับสิ่งที่อักษราบอกกับเธอ เรื่องที่จะไม่มาเจอเธออีกตลอดระยะเวลาที่เธออยู่ที่นี่ ผู้หญิงที่ไม่เคยจะผิดคำพูดเลยสักครั้งตั้งแต่รู้จักกันมา ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามถ้าเป็นคำพูดที่พูดออกมาจากปากของอักษราละก็ ทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นไปตามนั้น

   “มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ” ศศิมาถามเพราะได้สังเกตเห็นคนที่ร่วมรับประทานอาหารอยู่มีอาการครุ่นคิดกับอะไรบางอย่างอยู่

   “ไม่มีอะไรค่ะ คิดเรื่องงานอยู่น่ะคะ” พราวฟ้ายิ้มให้ศศิมาที่แสดงความห่วงใยออกมาด้วยคำพูดและแววตา

   “มีอะไรที่พี่ช่วยได้ก็บอกนะ พราว ไม่ใช่ในฐานะเจ้าของรีสอร์ท แต่ในฐานะพี่สาวคนหนึ่ง” ศศิมายิ้มให้ด้วยความจริงใจ

   “ขอบคุณค่ะ พี่ศศิใจดีกับพวกเราเสมอ เอาเป็นว่าขอคำแนะนำสำหรับสถานที่สวยๆ ให้พอที่จะถ่ายรูปแล้วก็เขียนเรื่องราวได้ดีกว่าค่ะ มีที่ไหนแนะนำบ้างหรือไม่คะ” พราวฟ้าพูดเปลี่ยนเรื่อง เพราะเธอไม่รู้ว่า ศศิมารู้อะไรมาบ้างเกี่ยวกับตัวเธอและอักษรา แต่ที่สังเกตดูก็ไม่น่าจะรู้อะไรมากนัก

   “มีหลายสถานที่มากเลย เดี๋ยวพี่ให้เด็กเอาแผ่นพับให้ดูดีกว่าเพราะมันเยอะมากเล่ากันไม่หวาดไม่ไหวแน่ เอาเป็นว่าเดี๋ยวทานข้าวเสร็จ พราวก็ลองขับรถไปดูบริเวณนี้ดูก่อนก็ได้ รอบๆ นี้ก็มีสถานที่ที่น่าสนใจอยู่ ทุกรีสอร์ทเข้าเยี่ยมชมได้หมดค่ะ อนุญาตให้ถ่ายรูปได้ด้วย ยิ่งถ้ารู้ว่าพราวเขียนแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวด้วยแล้วล่ะก็ รับรองได้ว่าในทุกๆ สถานที่พราวจะได้รับข้อมูลอย่างดีแน่นอน” ศศิมาบอกเล่าอย่างละเอียด พราวฟ้ายิ้มกว้างนึกขอบคุณในความกรุณาของเพื่อนรุ่นพี่ที่ใจดีแบบนี้กับทุกๆ คน

   “ขอบคุณมากค่ะ พราวโชคดีนะคะ สถานที่แรกที่มาก็พบพี่สาวใจดีอย่างพี่ศศิเลย” พราวฟ้ายิ้มให้ศศิมาที่ยิ้มกว้างให้เธออยู่เช่นกัน พราวฟ้าพูดจบก็กลับมาหวนคิดถึงอักษรา ซึ่งเธอไม่แน่ใจนักว่าถ้ารวมเรื่องการได้พบเจออักษรากับศศิมาเข้าด้วยกันแล้วมันเป็นความโชคดีหรือไม่

   “ยินดี และดีใจมากเลยค่ะ ที่พราวเลือกที่นี่เป็นที่แรก บางทีเรื่องบังเอิญก็สร้างความสุขกับความรู้สึกดีดีให้พวกเราได้โดยไม่รู้ตัว ว่าไหม” เสียงหัวเราะของสองสาวดังขึ้นพร้อมกัน

   พราวฟ้าทำตามคำแนะนำของศศิมาหลังจากเสร็จจากอาหารมื้อกลางวันก็ขับรถออกมาตามคำแนะนำของเจ้าของรีสอร์ท พร้อมกับแผ่นพับอีกจำนวนหนึ่งที่พนักงานของรีสอร์ทมอบให้กับเธอและยังบอกเล่ากับสถานที่ต่างๆ พอเป็นแนวทางในการที่จะขับรถเพื่อนดูสถานที่ใกล้ๆ บริเวณนี้ ขับรถมาได้สักครู่เธอก็เลี้ยวรถเข้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่งจากคำบอกเล่าของพนักงานของรีสอร์ทศศิมา

   “ไร่มีรัก” คือ สถานที่แห่งแรกที่พราวฟ้าเลือกเข้ามาขอเยี่ยมชม

   “ชื่อน่ารักดีจริง ไร่มีรัก” พราวฟ้าอมยิ้มหลังจากรำพึงกับตัวเองเมื่อเห็นป้ายชื่อของไร่ เธอขับรถตรงไปยังส่วนที่เป็นสำนักงานของไร่แห่งนี้ เพื่อขอข้อมูลและพูด คุยเกี่ยวกับไร่แห่งนี้ รวมถึงขอเยี่ยมชม ซึ่งพราวฟ้าได้รับการต้อนรับอย่างที่จาก
เจ้าหน้าที่ของไร่ ซึ่งบอกกับเธอว่าไร่แห่งนี้เปิดเป็นศูนย์ศึกษาและท่องเที่ยวด้วย

   “ขอบคุณนะคะ” พราวฟ้าบอกขอบคุณพนักงานที่ช่วยให้ข้อมูลกับเธอโดยได้บอกกับเธอว่า จะมีเจ้าหน้าที่อยู่ตามจุดต่างๆ คอยดูแลคนงาน ซึ่งเจ้าหน้าที่เหล่า นั้นจะใส่เสื้อสีฟ้าอ่อน ด้านหลังของเสื้อจะปักตัวอักษรของชื่อไร่ ถ้าอยากได้ข้อมูลอะไรสามารถสอบถ้าได้จากเจ้าหน้าที่ที่อยู่บริเวณนั้นได้ทันที

   พราวฟ้าเดินดูแปลงผักหลากหลายชนิด พืชผักที่นี่ปลูกได้งามมากคงจะด้วยการดูแลอย่างดี เพราะคนงานที่นี่มีจำนวนไม่น้อยนักจากที่สังเกตและเดินผ่านมาที่น่าชื่นชมก็คือ คนงานมีน้ำใจและมีรอยยิ้มให้กับผู้ที่มาเยี่ยมชม ซึ่งถึงแม้จะมีจำนวนไม่มากนัก แต่ทุกคนก็ดูจะชื่นชมกับความมีอัธยาศัยดีของเจ้าหน้าที่และคน งานของไร่แห่งนี้ ไร่มีรัก คิดถึงชื่อขึ้นมาทีไร พราวฟ้าก็ยิ้มได้ทุกที มัวแต่เพลินกับความคิดเองจนทำให้ไม่ทันระวัง

   “ระวังค่ะ” เสียงของใครบางคนพูดขึ้นเมื่อเธอเดินไปบริเวณที่ทำให้เกิดการลื่นจนเกือบจะล้มลงดีที่เจ้าของเสียงช่วยประคองเธอเอาไว้ แต่ไม่ใช่การประคองเป็นการโอบกอดเธอเอาไว้แนบแน่นมากกว่า

   “ขอบคุณค่ะ” เสียงคุ้นเคยนั้นทำให้อักษรากอดเอาไว้แน่นขึ้นกว่าเดิมหมวกที่มีปีกบังใบหน้าของคนที่เธอเข้ามาช่วยไม่ให้ล้มลง กับแว่นกันแดดทำให้เธอไม่รู้ว่าผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดเธอนั้นเป็นใคร หากแต่ว่าคำขอบคุณนั้นเป็นเสียงที่เธอคุ้น เคยเป็นอย่างดี หัวใจที่โหยหาและรอคอยทำให้อักษรากอดพราวฟ้าเอาไว้ตามคำสั่งของหัวใจตัวเอง

   “พราวอยู่ตรงนี้สักครู่ก่อนได้ไหม” เสียงของคนที่กำลังโอบกอดและประคองพราวฟ้าไว้ดังขึ้น ทำเอาหัวใจของคนที่ได้ยินพองโตเมื่อรู้และได้ยินชัดว่าเป็นใคร

   “บุ๊ค” พราวฟ้าพูดชื่อของอักษราขึ้นมาและรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกตรึงไว้ไม่ ใช่ด้วยเพราะได้อยู่ในอ้อมกอดของอักษราแต่กลับเป็นหัวใจของตัวเธอเองมากกว่าที่อยากจะอยู่แบบนี้ ไม่ใช่เพราะการร้องขอของอีกคน แต่เพราะอยากตามใจหัวใจของ ตัวเอง พราวฟ้าเผลอใจขยับเข้าใกล้เพื่อที่จะแนบชิดกับคนที่โอบกอดเธออยู่ให้มากขึ้น

   “ให้ผมช่วยไหมครับ” เสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น

   “ขอบคุณค่ะ พี่รวิณ” อักษราค่อยๆ คลายอ้อมกอดออกจากพราวฟ้าในทันทีที่ได้ยินเสียงของรวิณซึ่งเป็นผู้จัดการของไร่แห่งนี้

   “เจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่าครับคุณ” รวิณถามพราวฟ้าที่ยิ้มจางๆ ให้หาก แต่ว่าไม่รู้เลยว่าแก้มตัวเองมีเลือดฝาดให้เห็นจนกระทั่งทำให้รวิณจ้องมองอย่างไม่วางตา

   “ฝากพี่รวิณดูแลด้วยนะคะ บุ๊คขอตัวก่อน” อักษราพูดจบก็เดินจากไปปล่อยให้ผู้จัดการไร่ทำหน้าที่ของตัวเอง

   “มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ ผมชื่อรวิณ เป็นผู้จัดการไร่ที่นี่ครับ”

   “ขอบคุณค่ะ ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ ขออนุญาตเดินดูรอบๆ บริเวณนี้หน่อยนะคะ ที่นี่สวยมากค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าแปลงผักจะถูกจัดแต่งให้สวยงามจนสามารถกลาย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้”

   “ครับผม มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะครับ ผมดูแลอยู่แถวนี้ครับ”

   “ขอบคุณค่ะ” พราวฟ้ามองตามไปทางเดินที่อักษราเพิ่งเดินไป

   พราวฟ้าถ่ายรูปไว้จำนวนมากและจดบันทึกลงบนสมุดที่เธอถือติดมือมา รอยยิ้มเล็กๆ เกิดขึ้นเมื่อมองเห็นภาพล่าสุดที่ถ่ายเก็บไว้ ผู้หญิงในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนกับกางเกงยีนสีเข้มและหมวกสานแบบง่ายๆ แต่ก็มองดูเป็นชาวไร่เต็มตัว พราวฟ้ายังคงมองไปทางเดียวกับที่เธอถ่ายรูปไว้เมื่อสักครู่ แล้วหัวใจก็กำลังบอกอะไรบาง อย่างกับเธอ

   “เดินไปสิ ก็แค่ไม่กี่ก้าวเอง” พราวฟ้ารู้ว่าตัวกับหัวใจรู้สึกไม่ต่างกันนัก

   “ขอโทษค่ะ ขอคุยด้วยได้ไหม” พราวฟ้าเดินไปหยุดอยู่ไม่ห่างจากผู้หญิงสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าที่เธอเพิ่งถ่ายรูปเก็บไว้

   “พราว”

   “พราวอยากขอบคุณที่ช่วยไม่ให้ล้มเมื่อสักครู่นี้” พราวฟ้าจำได้ว่าเธอได้บอกขอบคุณไปแล้ว หากแต่ว่าตอนนั้นเธอไม่รู้ว่าคนที่โอบกอดและช่วยประคองเธออยู่นั้นเป็นใคร ความรู้สึกแปลกๆ จากอ้อมกอดของอักษราทำให้เธอตัดสินใจเดินมาบอกขอบคุณอีกครั้ง

   “พราวบอกบุ๊คแล้ว บุ๊คขอโทษที่มาให้พราวเห็นหน้าอีก แต่บุ๊คไม่ได้ตั้งใจแล้วก็ไม่คิด
ว่าพราวจะมาที่นี่” อักษราพูดโดยที่ไม่กล้าสบตากับพราวฟ้า

   “ทำงานที่นี่หรือคะ”

   “ค่ะ บุ๊คขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ ถ้ามีอะไรล่ะก็แจ้งเจ้าหน้าที่ที่นี่ได้ค่ะ ทางสำนักงานคงแจ้งให้พราวทราบแล้ว” อักษรายิ้มจางๆ ให้แต่ก็ยังคงก้มหน้าก้มตาไม่ยอมมองสบตากับพราวฟ้า

   พราวฟ้าเปิดสมุดบันทึก เพราะไม่รู้จะพูดอะไรหรือทำอย่างไร การเปิดสมุดบันทึกเป็นอาการหรือการแสดงออกของคนที่กำลังคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าตัวเองอยากให้คนที่พูดคุยอยู่ด้วยอยู่ต่อ หรือให้เดินจากไป ดอกไม้แห้งจากสมุดบันทึกก็ปลิวตามลมตกลงบนพื้น อักษราเห็นเข้าจึงก้มลงช่วยเก็บ มันดูคุ้นเคยในความรู้สึกของคนที่เห็น รอยยิ้มเล็กๆ เกิดขึ้นในใจ ดอกไม้ถูกยื่นกลับมาอยู่ตรงหน้าเจ้าของ

   “ยังเก็บไว้อีกหรือ” อักษราถามและมองสบตากับพราวฟ้าทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เธอพยายามที่จะหลบสายตาของพราวฟ้า

   “จำได้หรือคะ” พราวฟ้าถาม

   “บุ๊คไม่คิดว่าพราวจะยังเก็บไว้”

   “พราวรู้ว่าคนที่นำมาให้ตั้งใจให้ ก็เลยเก็บไว้ อยู่ในสมุดบันทึกเป็นเพื่อนไปไหนมาไหนด้วยตลอด” พราวฟ้าไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้บอกไป อาจจะเพราะดวงตาอ่อนโยนที่กำลังจ้องมองมาที่เธอ

   “เพื่อน” อักษราพูดเพียงแค่นั้น

   “ให้พราวขอบคุณด้วยการเลี้ยงเครื่องดื่มเย็นๆ สักแก้วได้ไหมคะ แล้วอีกอย่างที่ทำให้โกรธจนเดินหนีมาเมื่อตอนสายๆ วันนี้” พราวฟ้าเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองอ่อนแอเมื่อได้อยู่ใกล้ๆ กับอักษราโดยเฉพาะตอนที่โดนโอบกอดเอาไว้แนบแน่น หัวใจเหมือน
อยากจะแล่นไปอยู่กับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

   “อยู่ที่ไร่ค่ะ พี่ศศิ” เสียงโทรศัพท์เรียกเข้าของอักษราดังขึ้น เธอจึงยิ้มจางๆ ก่อนรับสาย ชื่อที่ได้ยินทำให้พราวฟ้าเลี่ยงที่จะเดินนำหน้าไปก่อน

   “ทำไมรีบกลับไปคะ พราวถามถึงอยู่ว่าทำไมไม่อยู่ทานข้าวด้วยกัน อ้อแต่ที่โทรมาเรื่องสำคัญเลย หนีกลับไร่ไปแบบนี้ไม่คิดบ้างหรือว่าคนที่นี่จะคิดถึง” ศศิมายิ้มเล็กๆ กับตัวเอง เมื่อได้เอ่ยคำว่าคิดถึงไปกับปลายสาย

   “ขอบคุณนะคะ มาทานอาหารเย็นที่ไร่ไหมล่ะคะ”

   “รอให้ชวนอยู่เลยค่ะ ขอบคุณนะคะ น่ารักแบบนี้ใครไม่รักก็บ้าแล้วเนอะ” เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นก่อนที่ศศิมาจะวางสาย อักษราอมยิ้มกับการพูดทีเล่นทีจริงของศศิมาซึ่งพูดเล่นกับเธออยู่บ่อยๆ

   พราวฟ้าเดินมาทางเรือนเพาะชำของไร่ อักษราเห็นเข้าพอดีจึงรีบเดินตาม มา ใจหนึ่งก็ไม่อยากจะไปกวนใจแต่อีกใจก็คิดว่าขอแค่ได้เห็นได้อยู่ใกล้ๆ ก็คงเพียง พอแล้ว

   “อยากได้ผักไปทานบ้างไหมคะ” อักษราถามขึ้นพร้อมรอยยิ้ม

   “ขอบคุณค่ะ แต่ไม่รบกวนดีกว่า” พราวฟ้ายิ้มจางๆ ให้ แววตาที่ดูเมินเฉยกลับมาให้เห็นอีกครั้งหลังจากที่อักษรารับโทรศัพท์จากศศิมา

   “ทำไมยังเก็บมันไว้ล่ะ”

   “เก็บอะไร”

   “ดอกมะลินั่น” อักษรามองไปที่สมุดบันทึกที่อยู่ในมือของพราวฟ้า

   “ก็มันเป็นของพราว ถ้าจะเก็บไว้ก็คงจะไม่แปลกอะไรไม่ใช่หรือคะ”

   “ก็จริง บุ๊คให้พราวแล้ว มันก็ต้องเป็นของพราว หลงดีใจนึกว่ารู้สึกดีถึงได้พกพาไปไหนมาไหนด้วย” อักษราพูดเสียงอ่อยๆ

   “ไปดูแลพี่ศศิเถอะค่ะ ไม่ต้องหวงพราว เดี๋ยวเดินดูทั่วๆ แล้วก็จะกลับ”

   “ทำไมถึงชอบไล่กันนักคะ” อักษราเข้าสวมกอดพราวฟ้าไว้ไม่ให้ทันตั้งตัว

   “ปล่อยนะ บุ๊ค”

   “ถ้าดิ้นหรือส่งเสียงดังนะ นอกจากไม่ปล่อยแล้วจะจูบด้วย” อักษราพูดเสียงเข้มทำเอาพราวฟ้าหยุดอยู่นิ่งๆ สายตาอันอ่อนโยนที่จ้องมาทำให้หัวใจหวั่นไหว เริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าที่อยู่ห่างกันเพียงแค่คืบกำลังทำให้หัวใจที่พยายามเข้มแข็งและสร้างเกราะคุ้มกันตัวเองไว้นั้น ตอนนี้กำลังบอกกับพราวฟ้าว่ามันไม่ได้ผล

   “ไหนบอกจะไม่มาให้เห็นหน้าอีก” พราวฟ้าเริ่มกวนโมโหเผื่อว่าอักษราจะยอมปล่อยเธอ

   “บุ๊คไม่ได้ไปหา แต่พราวมาหาบุ๊คเองต่างหาก”

   “พราวไม่ได้มาหา พราวมาทำงานมาหาข้อมูล มาถ่ายรูป” พราวฟ้าอธิบาย

   “แอบถ่ายรูปบุ๊ค ใช่หรือเปล่า” อักษราถามพร้อมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีกเล็กน้อย และจ้องมองดวงตาที่ดูเฉยเมยซึ่งได้เริ่มดูอ่อนโยนขึ้นเมื่อได้เห็นใกล้ๆ

   “เปล่า บุ๊คมายืนอยู่ตรงที่พราวจะถ่ายรูป พอกดแล้วถึงได้เห็น”

   “อยากอยู่อย่างนี้ตลอดไป” อักษรายิ้มแล้วมองจ้องดวงตาคู่สวยคู่นั้น

   “แต่พราว” ไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ริมฝีปากอุ่นๆ ของอักษราก็ปิดกั้นคำพูดของพราวฟ้าเอาไว้ ความอบอุ่นและความรู้สึกดีดีแผ่ซ่านไปทุกอนูของร่างกายโดย เฉพาะในหัวใจที่ดูเหมือนจะยอมเปิดเผยถึงความโหยหาในความรักด้วยเช่นกัน

   “คิดถึงตั้งแต่วินาทีแรกที่บอกว่าจะไป จนวินาทีนี้ทั้งๆ ที่อยู่ในอ้อมกอดบุ๊คก็ยังคิดถึงพราวอยู่ตลอดเวลา รู้ตัวบ้างไหม” อักษรากระซิบบอกแล้วกอดกระชับคนที่เธอบอกว่าคิดถึงเอาไว้แนบแน่น อยากจะเหนี่ยวรั้งเอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่เธอจะสามารถทำได้

   “พราวก็เหมือนกัน” สองแขนที่แนบอยู่กับตัวเอง เริ่มโอบกอดไปที่ลำตัวของอักษราและกระชับจนแน่นเช่นกัน ซึ่งความรู้สึกที่ได้รับการโอบกระชับจากคนที่แสนคิดถึงทำให้อักษรายิ้มทั้งน้ำตา แล้วภาพเก่าๆ เมื่อครั้งที่ได้รู้จักกันก็กำลังหวนกลับเข้ามาหาเธอทั้งสองอีกครั้ง




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.