web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 31
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 71
Total: 71

ผู้เขียน หัวข้อ: My little sweet devil vol.1 Chapter 14 : เจ้าหญิง Unseen  (อ่าน 3674 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ anhann

  • Moderator
  • ขาประจำ
  • *****
  • กระทู้: 174
    • Crimson Maiden Les-books
My little sweet devil vol.1 Chapter 14 : เจ้าหญิง Unseen
« เมื่อ: 13 มีนาคม 2014 เวลา 19:48:13 »


Chapter  14 : เจ้าหญิง Unseen



“ค่ะ เคยร้องประกอบอนิเมะมานิดหน่อย”  สาวหน้าหวานตอบยิ้มน้อยๆตามสไตล์  นักข่าวที่รุมสัมภาษณ์อยู่ก็ฮือฮากันไปสักพักก่อนจะมีคนหนึ่งที่ใจกล้าส่งเสียงถามขึ้นมาใหม่

“เรื่องอะไรคะฮิเมะซามะ.?” 

มิกิหัวเราะเบาๆ เธอไม่อยากเล่าถึงเรื่องนี้เท่าไหร่  แต่ทำยังไงได้  จะไม่ตอบคำถามสื่อมวลชนได้หรือ..  “คือไปช่วยเขาร้องนิดหน่อยค่ะ  นิดหน่อยจริงๆ  นานแล้วด้วยค่ะ  แทบจำไม่ได้แล้ว..”

“ตั้งแต่สมัยไฮสกูลหรือเปล่าครับ”  หนึ่งหนุ่มที่ถือไมค์มายื่นให้ถามขึ้นด้วยความหวัง  หญิงสาวยิ้มรับพร้อมยกนิ้วโป้งให้ 

“เจ๋งจังค่ะนักข่าวซัง..  ขอบคุณมากค่ะ”  ชมเขาเสร็จก็อาศัยโอกาสที่ผู้คนกำลังหันไปสนใจเขาเป็นทางให้เธอหนีออกจากการถูกรุมทึ้ง   

“ว้าว..  เกือบไปแล้วไหมล่ะ”  เจ้าหญิงตาสีน้ำเงินพึมพำกับตัวเองอย่างโล่งใจเมื่อหลบฉากจากบรรดานักข่าวเข้ามาถึงด้านในพื้นที่ของตึกที่มีไว้สำหรับบรรดาสต๊าฟและผู้เกี่ยวข้องอย่างพวกเธอเท่านั้น   
ถึงมันจะไม่ได้หนักหนาอะไรกับการตอบคำถามเพียงไม่กี่ข้อ  หากร่างกายที่เหน็ดเหนื่อยมาตั้งแต่เมื่อวานทั้งวันทั้งคืนแล้วกำลังจะหมดความอดทนและถ้ามันประท้วงขึ้นมา  คงไม่ใช่เรื่องดีแน่  เกิดเธอของขึ้นขึ้นมา  ไม่ใครก็ใครคงจะแตกกระเจิงกันหมด

รู้ฤทธิ์แม่น้อยไปเสียแล้ว!

ความจริงแล้วถ้าเป็นคนที่บ้านฮะนะซึกิทุกคนก็รู้ดีว่า  คุณหนูผู้นี้นิสัยแท้จริงเป็นอย่างไร  หล่อนเป็นเด็กแสบประจำบ้านที่ชอบเล่นซน  ชอบเล่นอะไรห่ามๆราวเด็กผู้ชายมาโดยตลอด  คำว่า ‘เรียบร้อยราวผ้าพับไว้’ ไม่เคยมีอยู่ในพจนานุกรม  ไม่เช่นนั้น  จะเป็นเทควันโด้สายดำได้อย่างไรกันเล่า 

ฉันเล่นมันมาตั้งแต่ห้าขวบด้วยซ้ำ  อัดเด็กผู้ชายมาแล้วตั้งไม่รู้กี่คน  ล้มคนตัวใหญ่กว่ามาตั้งเท่าไหร่  ไม่อยากจะจำ  แค่ตอนนี้ฉันต้องทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุดก็เท่านั้นเอง  มันเป็นทางเดียวที่ฉันจะไม่ต้องถูกขังอยู่ในบ้านหลังหรูในฐานะคุณหนูตระกูลใหญ่นั่น  ถึงตอนนี้จะเหนื่อยกว่า  แต่อิสระก็มีมากกว่าเยอะ  และฉันก็อาจจะได้เจอคนที่ฉันรักมากพอที่จะตกลงปลงใจด้วย  ไม่ใช่ใครไม่รู้ที่คุณย่าชอบเอามายัดเยียดให้  หรือพวกคนที่เคยถูกฉันทุ่มลงพื้นโรงฝึกมาแล้วทั้งนั้น 

พวกขี้แพ้แบบนั้น  ใครจะเอามาเป็นแฟนกันล่ะ  ที่สำคัญตอนนี้ฉันคิดว่า  ฉันเจอใครคนนั้นแล้ว   แค่ต้องทำให้เค้ามาเป็นของฉันให้ได้เท่านั้น!

ไฟท์โตะมิกิ!

“คุณหนู..  ช็อคโกแลตค่ะ”  เสียงคนสนิทที่ยื่นของมาให้อย่างรู้ใจพาให้ความหงุดหงิดถูกไล่ออกไปได้บ้าง  มือขาวเรียวงามรับมันมาอย่างเต็มใจ  ยิ้มดีใจเหมือนเด็กให้กับคนที่รู้จักกันมาตั้งแต่ยังเดินไม่ได้  คลานเล่นด้วยกัน 

ใช่..คานาเดะรู้ใจเธอที่สุดแล้ว เป็นทั้งเพื่อน พี่สาวและอะไรหลายๆอย่างที่ถ้าขาดไป  เธอก็คงจะลำบากมากทีเดียว  แต่วันหนึ่งหล่อนก็คงจะต้องมีคนให้ดูแลนอกจากเธออีกเหมือนกัน  ตอนนั้นเธอคงเหงา  แต่ก็เข้าใจ  จะให้มีแค่เธอที่มีความสุขอยู่คนเดียวได้ยังไงกันล่ะ

“นักข่าวบางทีก็น่ารำคาญกว่าแฟนคลับเยอะเลยนะ”  คนดังหน้าหวานแต่ตัวจริงแสนดุและแสบสดบ่นขึ้นมา  คนรู้ใจใกล้ๆหัวเราะเบาๆ

“ธรรมดาค่ะ  คนรักเราจริงๆกับคนที่จ้องจะหาประโยชน์  มันก็แตกต่างกันแบบนี้แหละ” 

“นั่นสินะ”  ริมฝีปากเต็มน่ารักขยับพึมพำ  เธอเริ่มสนใจกล่องขนมในมือมากกว่าเรื่องที่ทำให้สมองขุ่น  เธอรู้ว่ามันช่วยเธอได้เสมอเวลาที่ต้องการ  คนที่หมั่นหามันมาให้ก็เหมือนกัน  รู้ดีไปเสียทุกเรื่องเชียว  เสียอยู่เรื่องเดียวที่คานาเดะไม่เข้าใจเรื่องหัวใจของเธอ  แต่ช่างเถอะ  ฉันมีช็อคโกแลตแล้ว..   

มิกิเป็นคนติดช็อคโกแลตมาก  เธอจะใช้มันเสมอเวลาที่ร่างกายต้องการคลายเครียด  กินแก้ประหม่า  กินเวลาที่ต้องการพลังงานมากกว่าปกติ  เวลาเขิน 

โอ้..จะว่าไป  เธอก็เหมือนจะกินมันทุกเวลาเลยนะ..  ก็มันอร่อยดี  ขมๆหวานๆ เหมือนคนบางคนด้วยนะ  จะว่าไป...

เอ..ใครกันนะ.?

กระดาษฟรอยด์สีทองถูกแกะออกและของที่อยู่ด้านในก็เปิดเผยออกมา  หญิงสาวกำลังจะหยิบมันเข้าปาก  หากเธอกลับไม่ทันความไวของใครบางคนที่โผล่มาโฉบมันไปกินต่อหน้าต่อตา  มิกิอ้าปากค้างไม่อยากเชื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้  คนคนนี้ทำแบบนี้ได้ยังไง  เธอจำได้นะว่า  หล่อนขี้เก็กเป็นที่สุด

หรือช่วงนี้สติแตกไปแล้ว!

“คริส!  คุณแย่งช็อคโกแลตฉัน!”  พูดเสียงดัง  มือก็คว้าแขนคนที่เคี้ยวของกินของเธอตุ้ยๆ ลอยหน้าลอยตาหน้าไม่อายอยู่ 

ร่างสูงของสาวผมบลอนด์เงินถูกดึงไปดึงมาจนตัวโคลง  หากเจ้าของมันยังยิ้มและหัวเราะอย่างสะใจได้  แกล้งคนได้มันเป็นเรื่องที่ทำให้อารมณ์ดีที่สุด  โดยเฉพาะกับผู้หญิงคนนี้ 

ก็ดูสิ  น่ารักดีใช่ไหมเล่า..  จะโทษฉันได้ยังไง..

“คานะจังดูเค้าสิ  แย่งขนมฉันไป..”  มิกิฟ้อง  แต่คนรับคำฟ้องกลับหัวเราะกลับมาให้เธอขมวดคิ้วมุ่น  นึกหมั่นไส้เลยตีคนตัวสูงที่ใกล้มือที่สุดไปหนึ่งป้าบ  แต่แน่นอน  หล่อนไม่สะท้านสักนิด  หันไปหัวเราะเข้าคู่กับผู้จัดการของเธออีกต่างหาก  ไปสนิทสนมกันตอนไหนเนี่ย!

“โอเค..  เข้าข้างกันเข้าไปนะ  ฉันไปทำงานก็ได้!”  คนนอนน้อยออกฤทธิ์ออกเดช   ระเห็จหนีหน้าสองคนที่ดูเหมือนจะรุมแกล้งเธอคนเดียว  ได้ยินเสียงพวกนั้นหัวเราะตามหลัง  เธอกัดฟันสะกดอารมณ์โกรธเอาไว้  อย่าให้หลุดมาดเจ้าหญิงผู้น่ารักน่าชังเชียว  ถึงจะนิดเดียวก็เถอะ  เกิดมีใครเดินผ่านมาเจอเข้า  เธอก็เสียภาพพจน์หมดน่ะสิ   แต่ฉันจะจดบัญชีเอาไว้แก้แค้นทีหลัง  ระวังให้ดี...

“คนอะไรน่าหมั่นไส้ขนาดนี้..”  เจ้าหญิงตาสีน้ำเงินยังไม่เลิกบ่น  หากพอเดินผ่านห้องห้องหนึ่งซึ่งอันที่จริงเธอก็ต้องเข้าไปอยู่ในนั้นด้วยถ้าไม่มัวเอาแต่เล่นอยู่ด้านนอก  แต่ถ้าตอนนี้อยู่ตรงนั้นอยู่แล้วคงไม่ตื่นเต้นเท่านี้เวลาที่ยืนแอบฟังคนที่กำลังเทสต์เสียงอยู่ด้านใน  เสียงนี้ทำให้เธอตะลึง


最後のキスはタバコの flavor がした

Saigo no KISSU wa TABAKO no FLAVOR ga shita

ニガくてせつない香り

Nigakute setsunai kaori

明日の今頃には

Ashita no imagoro ni wa

あなたはどこにいるんだろう


Anata wa doko ni irun darou

誰を思ってるんだろう

Dare wo omotterun darou

You are always gonna be my love

……………………………………………………………………..
………………………………………………………………………… 


“โอ้..  ‘เฟิร์สเลิฟ..  อูทาดะ  ฮิคารุ’ เลยเหรอ.?” มิกิรำพึงอยู่ด้านหลังทีมงานที่นั่งฟังคนร้องเพลงอยู่ก่อน  เธอมองหน้าคนร้องอย่างประทับใจ  เพราะหากไม่ได้เข้ามาดูหน้าเวลาร้อง  เธอจะต้องคิดว่าเป็นสาวญี่ปุ่นแท้ๆที่กำลังสะกดหลายๆคนให้หยุดฟังเพลงของหล่อน  แม้นี่จะเป็นแค่การร้อง Cover เท่านั้น

“ไงล่ะ อึ้งไปเลยสิ  คิดว่าพวกฉันด้อยภาษาบ้านเธอสินะ”

คนกำลังอึ้งส่งเสียงฮัมรับอย่างลืมตัว  หากพอได้ยินเสียงหัวเราะมาเข้าหูก็เหลือบตาดูหน้าคนส่งเสียง  เห็นแก้มใสๆขาวๆของสาวอังกฤษที่หน้าเหมือนคนที่กำลังร้องเพลงอย่างกับแกะแดงระเรื่อเมื่อหล่อนกำลังพยายามกลืนขำลงคอไป

โอ้ย.. คนอะไรน่าหมั่นไส้เป็นบ้าเลย!

“อารมณ์ดีมากไปหรือเปล่าคะวันนี้   หรือเห็นฉันแบตอ่อนเลยได้ที”  เสียงหงุดหงิดกระซิบถามพยายามไม่ให้ไปรบกวนคนอื่นๆที่กำลังทำงานกันอยู่  ดวงตาก็มองดูหล่อนสลับกับคนที่กำลังร้องเพลง  อยากฟังเพลงก็อยาก  อยากคุยกับหล่อนก็อยากด้วยเหมือนกัน  แต่ถ้าให้ดี  เพลงหน้าขอเป็นหล่อนได้ไหม.?

“เธอนี่มีปัญหากับฉันตลอดเลยนะ  เวลาฉันไม่คุยเล่นด้วยก็ว่าเก็ก  เวลาเล่นด้วย  เธอก็หาว่าผิดปกติ  เรื่องเยอะไปไหมคะเจ้าหญิง.?”  คริสตินกระซิบตอบ  ยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากอย่างเหนือกว่า  เห็นอีกคนสะบัดหน้าหนีเป็นเจ้าหญิงแสนงอนก็อยากจะหัวเราะให้ลั่น  หากไม่กลัวไปทำให้ใครแถวนี้แตกตื่น  ได้แต่ฝืนกลั้นขำจนท้องปวดไปหมด

“คุณเป็นคนร้ายกาจที่สุดที่ฉันเคยเจอมา” 

“เธอก็เป็นมนุษย์เจ้าปัญหาแสนงอนที่สุดที่ฉันเคยเจอเหมือนกัน”

มิกิหันขวับไปมองคนพูดตาขวาง  หากมีหรือที่จะทำอะไรหล่อนได้  ยังลอยหน้าลอยตาไม่รู้ไม่ชี้อยู่ได้  ทั้งที่เพิ่งว่าเธอไปแท้ๆ “คุณเป็นคนขี้เก๊กที่ชอบแย่งของกินคนอื่น”

“เธอก็เป็นพวกชอบงอแงเวลาแบตอ่อนจนต้องพึ่งของบำรุงกำลังสินะ” 

“แล้วไง..  อย่างน้อย.. ฉันก็ไม่เคยขโมยของคนอื่นกินหน้าตาเฉยเหมือนบางคน”  เสียงหวานแต่ออกอาการขุ่นเคืองเห็นได้ชัดสะบัดใส่  คนมองเห็นอยากจะเอาใจให้หายงอนแต่กลับรู้สึกชอบที่ได้เห็นอาการแบบนี้  เลยก้มลงกระซิบใกล้ๆหู

“ฉันไม่แย่งเอาจากปากเธอเลยก็ดีเท่าไหร่แล้วนะฮิเมะจัง”

ความร้อนผ่าวย่างกรายขึ้นมาบนใบหน้าคนฟัง  ฮิเมะจังที่ว่ารีบถอยห่างจากคนพูดทันที  แปลกใจว่าทำไมมันจะต้องเป็นแบบนี้ทุกทีเวลาที่อยู่ใกล้กัน  เธออายมากๆ หัวใจก็เต้นแรงจนในอกอึดอัดไปหมด  เกิดมาก็เพิ่งจะเคยเป็น

หรือตกหลุมรักเค้าไปแล้ว..

ได้ไงล่ะ  เค้าต้องตกหลุมฉันก่อนสิ  ถึงจะตามแผน!  แต่ความรักบทมันจะเกิด  มันจะเดินตามแผนให้เธอหรือไง...

“มิกิ.?”

“หืมม.?”  เจ้าของชื่อขานรับอัตโนมัติลืมไปว่าต้องเก็กขรึมบ้าง  หากอาการเขินๆของคนเรียกที่หันไปเห็น  ก็ดูจะคุ้มค่ากับเรื่องหลุดๆของเธอเหมือนกัน  คิดในแง่ดี  พวกเธอคงจะเสมอกัน   หรือเปล่า.? 

อา..  อีโก้อันยิ่งใหญ่ของฉัน  ทำไมมันชอบเทคโอเวอร์ตลอดเลยนะเนี่ย  รู้ได้ไงว่า  เค้าจะคิดเหมือนกัน  ที่เรียกมาแบบนี้อาจจะกำลังกลัวว่า  จะต้องขึ้นร้องเพลงด้วยล่ะมั้ง..

“อะไร..  อย่าบอกนะว่ากลัว.?”  ถามไปกึ่งๆจะล้อเล่น  แต่เห็นบางอย่างที่ทำให้ต้องมองหน้าอีกคนงงๆ คริสตินเอื้อมมือมาจับมือเธอ  มือหล่อนเย็นมาก..

ขาดความมั่นใจเหรอ..  อย่างเค้าเนี่ยนะ!

ความจริงอยากจะแกล้งซ้ำที่เห็นว่ามีทางแก้แค้นคืน  หากที่ทำคือเปลี่ยนเป็นฝ่ายกุมมือหล่อนเอาไว้แทน  ดวงตาสีน้ำเงินยิ้มได้พยายามส่งกำลังใจไปให้คนที่คล้ายกำลังขาดมัน  มิกิกระซิบเบาๆอยู่ในลมหายใจ

“คุณเป็นไอดอลของฉันนะคริส”

คริสตินอึ้งไปนิดราวไม่เชื่อว่าได้ยินอะไร  ที่สุดก็ผงกหัวน้อยๆยิ้มบางๆราวจะบอกเป็นนัยว่าขอบคุณ  ขอบีบมือนุ่มๆที่จับไว้อีกหนึ่งทีแล้วปล่อยมันอย่างเสียดาย  ได้เวลาเปลี่ยนตัวกับฝาแฝดแล้ว  หรือพวกเขาจะอยู่ด้วยกันในนั้น 

ไอดอลในดวงใจเธอเดินเข้าไปสลับตัวกับอีกคนที่หน้าเหมือนกัน  เธอยิ้มกับท่าทางของพวกเขาที่เข้าไปสวมกอดกันอย่างพี่น้องที่รักใคร่กันมาก  และที่สุดอิงกริดก็ไม่ได้เดินออกมา  ยังคงอยู่ใกล้ๆพี่สาวฝาแฝด  จับมือเขาแทนเธอ  มองเขาอย่างห่วงใย  หญิงสาวมองดูพวกเขาอย่างเข้าใจ  ถึงเธอเองจะเป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่  แต่ก็บอกได้เลยว่าเธอชอบมัน  ชอบการแสดงออกของพวกเขา  มันบอกให้รู้ถึงความรักที่ไม่มีเงื่อนไข

ใช่หรือไม่..  ถ้าจะบอกแบบนี้...

“สองคนนั้นรักกันมากจนน่าหมั่นไส้..” 

ดวงตาสีน้ำเงินกระพริบกับเสียงที่ได้ยินใกล้หู  ผู้จัดการสาวของพวกเขานั่นเอง  รีเบคก้าย่องตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน  หรือเธอมัวแต่สนใจฝาแฝด..

“ก็จริงนะคะ  แต่คิดอีกที..  ก็น่ารักดี..” 

รีเบคก้ายิ้มเหมือนรู้อะไร  หากเธอก็เลือกเงียบแทนจะโต้แย้งกลับ  เลี่ยงพูดเรื่องอื่นแทนตามประสาคนไม่ค่อยชอบคุยจิกจุกเรื่องส่วนตัว  ในหัวเธอมีแค่เรื่องงานและงาน..

“ลือกันว่า  สมัยไฮสกูลเคยร้องประกอบอนิเมะเหรอคะ.?”

มิกิชะงักทั้งที่กำลังจะตั้งใจฟังไอดอลของเธอร้องเพลง  หญิงสาวยิ้มแห้งแล้งให้คนถาม  เพราะคำถามนี้เธอพยายามเลี่ยงจะตอบมันมาตั้งแต่ตอนโดนนักข่าวรุมสัมภาษณ์แล้ว  แต่กับผู้หญิงคนนี้คงจะไม่เป็นไรมั้ง  หวังว่า...

“ก็ไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ  มันเป็นอารมณ์คึกๆของคนเพิ่งเข้าวงการใหม่ๆ..”  ตอบไปอย่างไม่เต็มใจนัก  หากคนฟังคงไม่ได้ผิดหวังอะไรมาก  หล่อนยิ้มเหมือนจะเข้าใจ  เธอเสียอีกที่แปลกใจในตัวหล่อน 

รีเบคก้าดูเป็นผู้ใหญ่มากถึงหน้าตาจะใสกิ๊งราวสาววัยทีน  หรือเพราะหล่อนเป็นฝรั่งร่างเล็กที่ไม่สูงนัก  แต่ความจริงการเป็นผู้ใหญ่คงไม่ได้วัดกันที่ขนาดตัวหรอก  ดูฝาแฝดยักษ์พวกนั้นเป็นตัวอย่าง  ยิ่งตอนนี้ร้องเพลงเร็วคู่กัน  แกล้งกันไปแกล้งกันมาอยู่นั่น  ดูจะไม่ตั้งใจเอาเสียเลย แต่น่ารักนะ

“แต่บางคน  อยู่มาจนจะแก่แล้วยังจะทำเล่นเป็นเด็กอยู่ได้ ไม่ดูหนังหน้าซะบ้าง”  เสียงบ่นอย่างรำคาญดังขึ้นระหว่างการแย่งกันร้องเพลงของสองแฝด 

ผ่านการลองเทสต์ไปแล้ว   ตอนนี้พวกเขาจึงร้องด้วยกัน  นั่นคงเป็นคำสั่งของคนคุมงานนั่นแหละ  แต่เชื่อเลยว่า  คุณโปรดิวเซอร์ไม่คิดฝันหรอกว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้  และก็แปลกที่คนบ่นกลับอมยิ้มจนคนที่บังเอิญหันมาเห็นส่ายหน้ายิ้มบ้าง 

“ฉันพอเดาออกแล้วนะคะว่า  ถ้าบรรดาแฟนคลับเห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกัน  จะคิดยังไง.?”

“คิดยังไงคะ..  คิดว่าเป็นฝาแฝดปัญญาอ่อนหรือเปล่า.?”  ผู้จัดการสาวแกล้งว่า  สาวที่เสนอความเห็นมา  หัวเราะอย่างอดไม่ได้

“แหม..  ถ้ารีเบคก้าพูดแบบนั้น  ฉันที่จะกลายเป็นพวกเดียวกับพวกเค้าในอีกไม่นาน  จะโดนมองว่ายังไงล่ะคะนี่.?” 

“คุณก็คงเป็นเจ้าหญิงน้อยในฝูงลิงสองตัวมั้งคะ.?” 

มิกิขำจนต้องป้องปากกลั้นหัวเราะเอาไว้  เกรงใจทีมงานที่กำลังนั่งทำงานกันอยู่  หากพวกเขาก็เหมือนรู้ว่าเธอคงจะไม่ไหวแล้วที่จะกลั้นมันเลยส่งเสียงเรียกมา 

“มิกิจัง..  เชิญด้วยค่า..  หมดเวลาเล่นแล้วนะ” 

“ไปเดี๋ยวนี้แล้วค่ะ  วาตานาเบะซัง”  ขานรับเสียงหวานให้กับโปรดิวเซอร์ที่เธอเคารพหล่อนตามประสาคนเด็กกว่ามาก  อีกอย่างก็เคยร่วมงานกันมาก่อนตอนที่เธอร้องเพลงประกอบการ์ตูนอนิเมะ

อันที่จริงเธอก็ร้องอยู่บ้างบางเรื่อง  แต่เรื่องนี้จำเป็นหรือที่ต้องบอกใคร  พากย์การ์ตูนเธอยังทำเลย  แล้วทำไมต้องปิดใครด้วยล่ะ  ถ้ามันเป็นเรื่องจริง  ก็เพราะเสียงเธอตอนร้องเพลงการ์ตูนมันเหมือนเด็กมากไง  ตลกจะตาย  อายแย่..

แต่ถ้าอายแล้วมาร้องเพลงแบบนี้ได้ยังไง.?  ก็มันไม่เหมือนกัน..  อีโก้ของเธอมันบอกมา..   

“ไปก่อนนะคะรีเบคก้าซัง  เดี๋ยวโดนดุ” 

“ไฟท์โตะค่ะ”  รีเบคก้าขยิบตาให้  มองดูสาวที่เพิ่งลากันไป  เข้าไปโผล่อยู่ระหว่างสองฝาแฝด  น่าแปลกใจเหมือนกันที่สามคนนั้นดูจะเข้ากันได้ดี

“ทีพลัสวัน” 

ผู้จัดการสาวเหลือบตามองคนที่ลุกขึ้นมายืนอยู่ข้างๆแทนที่จะนั่งเก็กอยู่บนเก้าอี้ประจำตำแหน่งของเขาอย่างเมื่อครู่ “ตกลงเอาชื่อนี้จริงเหรอคะฮิเดกิซัง” 

“Twin บวก หนึ่ง  ไงครับ..”  ชายหนุ่มวัยสามสิบกว่าเจ้าของโปรเจ็คตอบกลับมาอย่างเชื่อมั่น  ท่าทางของเขาทำให้คนฟังแย้งไม่ออก  อย่างไรซะเขาก็เป็นคนรับผิดชอบโปรเจ็คนี้  ไม่ใช่เธอ..

“ไม่คิดหรือว่า  พวกเค้าจะชอบ.?”  เขาถามลองเชิง  เธอหลิ่วตามองยกยิ้มน้อยๆที่มุมปาก  หากไม่ได้ตอบอะไรกลับไป  ปล่อยให้เขาเดาเอากับท่าทางของเธอ  หรือไปหาคำตอบเอากับสามสาวนั่นเอาเองแล้วกัน  ส่วนเธอตอนนี้ก็ขอหันกลับไปมองคนที่แย่งกันร้องเพลงอยู่หลังไมค์อีกที  คราวนี้เธอกุมขมับทั้งอมยิ้ม

ผู้หญิงหน้าตาดีทั้งสามนั่น  ตกลงยังเป็นคนอยู่ใช่ไหม.? หรือกลายเป็นลิงบ้ากันหมดแล้ว   แต่เรื่องนี้อะไรก็ไม่ประหลาดเท่ากับว่า..

นั่นใช่เจ้าหญิงตาสีน้ำเงินผู้สง่างามตัวจริงหรือตัวปลอม.?     




...............................................



ตอนที่ 14 แล้ว  ไวจริงๆเลยเนอะ       

มาถึงตอนนี้แล้ว  รู้จักตัวแสดงเด่นๆในเรื่องนี้กันหมดแล้วใช่ไหมคะ อิอิ  โดยเฉพาะคู่นางxนาง คู่หลัก  ฮ่าๆๆ

ไม่รู้ว่า มาถึงตอนนี้แล้ว  พวกสาวๆในเรื่อง ยังน่ารักในสายตาคุณอยู่ไหม  หรือตอนนี้หมดแล้วไม่รู้  ไม่มีเม้นท์เลย

ไม่เป็นไรค่ะ 

อย่างไรก็ตาม  ฟังเพลงที่ลงเนื้อไว้ในนี้เลยดีกว่าค่ะ เผื่อใครยังไม่เคยฟัง

"First Love  อูทาดะ ฮิคารุ"  คนเขียนชอบมากเลยค่ะ เพลงนี้  นักร้องคนนี้ด้วย


อ้อแล้วก็..  นิยายเรื่องนี้เปิดจองอยู่นะคะ ถึงสิ้นเดือนนี้  ใครสนใจ  อ่านรายละเอียดได้ที่นี่ค่ะ http://www.yuriread.com/index.php?topic=1010.msg1422#new

บายค่ะ  ขอบคุณมาก  :45:



เจอกันได้อีกที่ที่นี่นะคะ https://www.facebook.com/Crimsonmaiden, https://twitter.com/Anh29, http://leslybooks.lnwshop.com/ (ร้านหนังสือ)

 

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.