บทที่ 10
"พี่อีฟคะ" เสียงแมวน้อยพูดขณะอยู่ในอ้อมกอดของเธอเช่นเคย
"คะ" หญิงสาวขานรับ
"อาทิตย์หน้าหนึ่งต้องไปเข้าค่ายกับอิง" เด็กน้อยน่ารักเงยหน้าขึ้นมามอง หล่อนจับได้ว่าอีกฝ่ายแอบกลัวเธอ
"กลัวพี่ว่าเหรอ" คนหน้าสวยถามตรงๆ
"ค่ะ" กวางน้อยตอบเสียงเบา
“จริงๆ พี่ก็อยากว่าอยู่นะคะ แต่หนึ่งต้องไปไม่ใช่เหรอ มันจำเป็นพี่เข้าใจได้” หล่อนบอกอย่างคนมีเหตุผล
“แล้วไปแค่เพื่อนๆ หรือรุ่นพี่ไปด้วยคะ” เธอนึกถึงผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวคนนั้น ผู้หญิงที่ชอบถึงเนื้อถึงตัวคนตัวเล็ก
“เหมือนว่าจะไปทั้งสาขาเลยค่ะ” เด็กน้อยน้ำเสียงบ่งบอกความไม่แน่ใจสักเท่าไหร่
“พี่เป็นห่วง ยังไงก็ระวังตัวนะคะ ถ้ามีอะไรก็โทรมาหาพี่ได้ตลอด” หล่อนไม่แน่ใจว่าคำเตือนนี้จะได้ผลสักแค่ไหน ดูอย่างตอนเพื่อนที่ชื่ออิงนั่นก็ทีหนึ่งแล้วที่คนร่างบางระวังไม่พอ ถ้านันทวรรณลดความน่ารักและใสซื่อลงสักหน่อยเธอคงไม่ต้องมานั่งกลุ้มใจอยู่อย่างนี้
“อือ พี่เกือบลืม ถ้าหนึ่งไม่ไปค่าย พี่กะจะชวนไปดูคอนเสิร์ตวงSupสักหน่อย พี่ฝุ่นรุ่นพี่ที่คณะเขาได้ตั๋วมา ตอนแรกพี่จะซื้อเองแต่ก็ซื้อไม่ทันนึกว่าจะไม่ได้ดูซะแล้ว” สาวสวยบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าวันหยุดเธอเองก็ไม่ได้อยู่บ้านคนเดียว ไม่ต้องเป็นห่วง
“พี่อีฟต้องไปกับพี่เขาสองคนเหรอคะ” เสียงใสฟังดูเป็นกังวล
“ค่ะ ก็หนึ่งไม่ว่างไปนี่ แล้วพี่ก็รับปากเขาไปแล้ว” หล่อนไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร เพราะพี่ฝุ่นก็สุภาพกับเธอมาตลอด อีกอย่างหญิงสาวมั่นใจว่าดูแลตัวเองได้
“ค่ะ” แมวน้อยซึมไปถนัดตา
“เป็นอะไรคะ ฮึ” เธอถามน้องสาว
“เปล่านี่คะ” เสียงระฆังดังแผ่วเบาคล้ายไม่อยากพูด
“โกหกพี่บ่อยขึ้นนะคะ พี่ไม่ชอบเลย มีอะไรก็บอกพี่สิ” หล่อนกดดันเพราะรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ หนึ่งรู้สึกไม่ดีก็ทำให้เธอเป็นกังวลใจไปด้วย
“หนึ่งแค่...เอ่อ...” คนผมสั้นพูดอ้ำอึ้งไม่เป็นประโยค
“...แค่หึงเหรอคะ” เสียงหวานรู้สึกสนุกขึ้นมาทันทีที่ได้พูดประโยคนี้คืน
แมวน้อยซุกอก ไม่บอกก็รู้ว่าเขินแค่ไหนที่โดนจับได้ หล่อนลูบไล้ผมดำเงาวับนั้นด้วยความอบอุ่นใจ เธอรู้ว่ามันก็แค่ช่วงเวลาสั้นๆ เหมือนหมอกที่เมื่อโดนแสงส่องก็จางหายไป
“พี่อีฟคะ” หัวใจเธอเต้นแรงคล้ายกลองถูกรัว
“หือ” น้ำเสียงคนตัวสูงเหมือนจะหลับ
“คือว่าพรุ่งนี้...” หล่อนไม่กล้าบอกขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“ทำไมคะ” คนสวยถาม
“หนึ่ง...เอ่อ...รับปากว่าจะให้พี่ฝันมาส่งที่บ้านน่ะค่ะ” เด็กสาวกลั้นใจพูดออกไปจนจบ เปลือกตาสวยที่ปิดไปแล้วเปิดทันที
“คิดอะไรคะถึงไปรับปากเขาแบบนั้น” อีกฝ่ายเสียงนิ่งผิดปกติ
“ไม่ได้คิดค่ะ หนึ่งรู้สึกว่าพี่เขาก็จริงใจดี ก็เลยอยากให้โอกาสพี่เขาบ้างน่ะค่ะ” หล่อนบอกตามตรง จริงๆ แล้วนอกจากที่พูดไปคือเธอรู้สึกกดดัน จึงพยายามหาทางออก
“พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามหนึ่งนะคะ แต่พี่ยอมรับว่าพี่ไม่สบายใจมาก หลายครั้งที่พี่เจอ เขาต้องแตะเนื้อตัวหนึ่งทุกครั้ง สำหรับพี่มันคือการฉวยโอกาสค่ะ” คนอายุมากกว่าถอนหายใจหลายหนก่อนจะพูดออกมา หล่อนรับรู้ได้ถึงความตึงเครียดในน้ำเสียง
“เอาเป็นว่าอย่างที่พี่เพิ่งบอกไป ระวังตัวให้มาก และโทรหาพี่ทันทีถ้ามีอะไรเกิดขึ้น” อรสาย้ำประโยคเดิม
สาวน้อยอยากเถียงว่าพี่อีฟมีสิทธิ์เต็มที่ทั้งในฐานะพี่สาวและคนที่เธอรัก แต่แมวน้อยไม่อยากจะพูดถึงเรื่องหลังจึงเงียบเสีย มาถึงตอนนี้เด็กน้อยยอมรับว่าอยากจะกลับไปแก้ไขคำพูดกับรุ่นพี่สาว เพราะไม่อยากเห็นเจ้าของอ้อมกอดเป็นแบบนี้เลย แสงจากนอกห้องส่องเสี้ยวหน้ารูปไข่ เห็นได้ชัดว่าคนอายุมากกว่ารู้สึกยังไง
“หนึ่งจะไม่ให้เขามาส่งอีกแล้วค่ะ...หลังจากนี้” สาวร่างบางหวังว่าคำพูดนี้จะช่วยอะไรได้บ้าง
“อย่าคิดมากเลย” คำพูดนั้นเด็กสาวอยากจะให้คนสวยทำตามมากกว่า เพราะเธอแทบไม่ได้คิดอะไรด้วยซ้ำ หล่อนใช้ความรู้สึกเป็นหลักมากกว่า
“ฝันดีนะคะ” น้ำเสียงปนเศร้ากล่าวคำสุดท้ายของคืนนี้
"หนึ่งจะไปกับพี่ฝันจริงๆ เหรอ" เพื่อนสาวถามย้ำในคาบเรียนคาบสุดท้าย
"ก็รับปากไปแล้วนี่จะเบี้ยวได้ไง" เธอให้เหตุผล ไหนๆ ทุกๆ อย่างก็มาถึงขั้นนี้แล้วคงไม่สามารถเปลี่ยนใจได้อีก
"แล้วพี่สาวหนึ่งว่าไง" สีหน้าสาวอวบเหมือนลุ้นให้หล่อนบอกว่าพี่อีฟไม่ยอม
"พี่อีฟก็ไม่อยากให้ไปแต่เขาก็ไม่ห้าม" เด็กสาวตอบตามจริง
"โถ่" น่าจะห้าม คำนี้คนตรงหน้าไม่ได้พูดออกมาแต่เธอรู้ว่าอีกฝ่ายพูดในใจ
"เอาน่า แค่ไปส่งบ้านคงไม่มีอะไรหรอก อย่างมากก็แวะกินข้าวเย็นล่ะมั้ง" หล่อนเดาเอา เพราะคิดว่าคงไม่น่าจะมีอะไรเกินกว่านี้ได้
"คิดในแง่ดีเกินไปแล้ว"
นั่นคือคำพูดสุดท้ายก่อนที่ต่างคนต่างแยกย้ายกันออกจากห้อง ขวัญฟ้าเดินมาส่งถึงรถ เธอรู้ว่าอิงก็ไม่ค่อยชอบนฤมล เจอหน้ากันทีไรเป็นต้องจ้องกันไม่วางตาทุกที
"พี่นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว" เสียงหวานเชิญชวนพร้อมกันยื่นมาจับมือเธอไปกุมไว้
"หนึ่งรับปากแล้วนี่คะ" สาวน้อยตอบเสียงเบา
"ขึ้นรถเถอะค่ะ" รอยยิ้มที่บ่งบอกความรู้สึกถูกส่งมา เธอก็รู้สึกดีใจที่ทำให้สาวเปรี้ยวมีความสุข หล่อนคิดว่าการทำให้คนอื่นยิ้มได้ และรู้สึกดีเป็นเรื่องที่ควรทำ
"ค่ะ" นันทวรรณตอบรับ ก่อนก้าวขึ้นรถเธอเหลือบมองเพื่อนสาวที่ยืนนิ่งไม่พูดอยู่แวบหนึ่ง ในดวงตานั้นเด็กสาวเห็นความห่วงใยแบบเดียวกับที่พี่อีฟมี
"เราจะไปไหนกันก่อนดีคะ ทานข้าว ดูหนัง ฟังเพลง" คนหน้าสวยเผื่อตัวเลือกไว้หลายอย่าง คงคิดว่าเธอต้องเลือกสักอย่างแน่นอน
"เอ่อ ทานข้าวค่ะ" สาวร่างบางเลือกอันแรก และคิดว่าจะเลือกแค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น อาหารเย็นเป็นทางเลือกที่ใช้เวลาน้อยที่สุด
"ได้ค่ะ งั้นไปร้านอาหารญี่ปุ่นละกัน แถวสุขุมวิทมีหลายร้านที่อร่อยรับรองหนึ่งต้องชอบ" คนผมประบ่าไม่แน่ใจนัก เธอไม่เคยกินอาหารชาติอื่นสักเท่าไหร่ ถึงจะเคยก็เป็นแค่ของเลียนแบบตามตลาด ซึ่งคงเทียบไม่ได้กับร้านหรูๆ ทั้งเรื่องรสชาติและราคา
"ค่ะ" สาวน้อยพยักหน้ารับรู้
หลังจากทานอาหารเสร็จหญิงสาวก็รู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปไว เธอนั่งมองหน้าใสๆ น่ารักๆ ได้ไม่มีวันเบื่อ คนตรงหน้าเก้ๆ กังๆ อยู่บ้างในการรับประทานอาหารมื้อนี้ หล่อนเดาว่าคงไม่ชิน และดูเหมือนสาวน้อยจะชอบรสจัดอยู่พอสมควร
"ไปดูหนังต่อกันนะคะ วันนี้มีเรื่องเข้าโรงน่าสนใจหลายเรื่องเลย พี่ดูโปรแกรมมาแล้ว" นฤมลเชิญชวน หล่อนอยากนั่งข้างๆ ร่างบางในความมืด จับมือเล็กๆ นั่น จริงๆ แล้วอยากจะให้อีกฝ่ายมาซบด้วยซ้ำแต่เรื่องนั้นคงเป็นไปไม่ได้
"จะมืดแล้ว กลับบ้านไม่ดีกว่าเหรอคะ" เด็กน้อยดูเป็นกังวล หญิงสาวเดาว่าพี่สาวคงไม่ได้พาไปไหนเลย ขึ้นรถก็คงตรงกลับบ้าน นันทวรรณเลยไม่ชินที่จะกลับดึก
"ยังไม่มืดเลยค่ะ ยังเย็นอยู่เลย" หล่อนแย้งไป ไม่อยากให้คนตัวเล็กคิดมาก
"ไปดูหนังกันเถอะค่ะ ไปตอนนี้คงพอดีรอบต่อไป" เธอกะเวลาในใจ
"ค่ะ"
มือใหญ่กว่าเลื่อนมาทับมือของหล่อนที่วางไว้ที่พนักข้างๆ ความอุ่นถูกถ่ายทอด เธอชอบที่ไม่หนาว แต่ไม่ชอบเลยที่อีกฝ่ายจะทำแบบนี้ ถูกของพี่อีฟ พี่ฝันช่างฉวยโอกาส
เด็กสาวอยากกลับบ้าน ไม่อยากดูภาพยนตร์เลยแม้แต่นิดเดียว แต่ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงในเมื่อคนข้างๆ ดื้อดึงเสียเหลือเกิน พี่อีฟคงเป็นห่วงอยู่ที่บ้านล่ะมั้งป่านนี้
เธอชักมือออกจากมือที่ใหญ่กว่าช้าๆ แล้วจึงหยิบแก้วน้ำมาดื่ม อากาศในโรงเย็นจนนันทวรรณอยากได้เสื้อกันหนาวสักตัวมาใส่เพื่อเพิ่มไออุ่น หล่อนนึกถึงอ้อมกอดของคนสวย มันอบอุ่น อ่อนโยน
ใจเธอลอยไปถึงบ้านหลังเล็ก แม้ตาจะอยู่ที่จอขนาดใหญ่ซึ่งกำลังฉายภาพอยู่แต่สิ่งเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในความคิดหรือการรับรู้แม้แต่น้อย
อรสารู้สึกกระสับกระส่าย เธอไม่สบายใจอย่างมากที่คนตัวเล็กยังกลับไม่ถึงบ้าน จริงๆ ก็พอรู้อยู่ว่าผู้หญิงคนนั้นคงไม่มาส่งเฉยๆ ต้องพาน้องสาวเธอไปที่นั่นที่นู่นอยู่แล้ว แต่ก็หวังว่าแมวน้อยจะปฏิเสธไป ไม่ปล่อยให้หล่อนรออยู่แบบนี้ ดูเหมือนหญิงสาวจะคาดหวังเกินไป
เธอจะกดโทรศัพท์หลายครั้งแต่ก็พยายามยับยั้บชั่งใจเอาไว้ เพราะถ้าหนึ่งไม่ได้โทรมาแสดงว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ใช่ ไม่น่าเป็นห่วงมาก แต่ก็น่าเป็นห่วงอยู่ดี
กวางน้อย รีบๆ กลับบ้านเถอะนะ พี่จะทนไม่ไหวอยู่แล้ว หญิงสาวภาวนาอยู่ในใจ เพิ่งรู้ว่าความเป็นห่วงและหึงหวงจนแทบบ้านนั้นเป็นยังไง
"หนึ่ง" เสียงเรียกที่เกือบคุ้นแทรกเข้ามาในความคิดที่ล่องลอย
"หนึ่ง หนังจบแล้วนะคะ" คราวนี้เธอได้สติทันที จำเสียงหวานแบบนี้ได้
"ค่ะ" หล่อนตอบรับงงๆ
"ใจลอยไปไหนคะ" ทั้งสองลุกขึ้นเดินไปที่ทางออกตามหลังคนดูคนอื่นๆ
"เปล่าค่ะ" เด็กสาวไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร กลัวอีกคนเสียความรู้สึก
"ใจอยู่กับพี่บ้างไม่ได้เหรอคะ" น้ำเสียงนั้นปนเศร้า แววตาก็ฉายชัดถึงความเสียใจ มือที่กุมหล่อนไว้เหมือนจะสื่อความรู้สึกนั้น
"พี่ฝัน" เธอเรียกชื่อคนตรงหน้า ความรู้สึกผิดผุดขึ้นมาในใจ
"ไปคุยกันในรถเถอะค่ะ" สาวหุ่นดีจูงมือเธอไป
สาวน้อยถอนหายใจ หล่อนไม่คุ้นกับสถานการณ์แบบนี้เลย เธอไม่แน่ใจว่าควรจะทำเช่นไรจึงจะดีกับทุกคน ทำไมต้องมีใครสักคนเสียใจเพราะเธออยู่เรื่อย
ปากอิ่มจูบบนหลังมือเบาๆ ซ้ำไปซ้ำมา เด็กสาวไม่กล้าดึงออกเพราะกลัวจะแย่กว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
จากนั้นมือสวยก็ยื่นมาที่แก้ม ไล้ไปมาแผ่วเบาราวกับปุยนุ่นมาแตะแก้ม แต่เธอไม่อยากให้คนตรงหน้าทำแบบนี้เลย
"พี่ฝัน" หล่อนเรียกพยายามบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าต้องการให้หยุด
นฤมลไม่สนใจ ใบหน้าสวยเฉี่ยวเข้ามาใกล้ทุกขณะ เธอเห็นทุกอย่างบนใบหน้านั้นชัดเจน เด็กสาวกลืนน้ำลายด้วยความหวั่นวิตก