ณ โรงเรียน..
โรงเรียนประจำจังหวัดที่เมื่อก่อนเปิดสอนแค่หญิงล้วนแต่ปัจจุบันตอนนี้กลายเป็นสหศึกษาซึ่งก็หมายความว่าเป็นโรงเรียนที่มีผู้ชายสามารถเรียนได้ซึ่งต่างจากเมื่อก่อนเอามากๆ อีกทั้งโรงเรียนแห่งนี้ยังขึ้น
ชื่อเรื่องกีฬาอีกด้วยมีนักเรียนหลายคนที่สามารถสอบชิงทุนไปเรียนต่อที่ต่างประเทศในสายกีฬาเยอะซึ่งปีหนึ่งก็ตกอยู่ที่ประมาณแปดถึงสิบคน....และก็เป็นความฝันของสาวเท่ห์คนนี้ด้วยเพราะเธอก็อายุจะ
สิบเก้าแล้ว และอีกไม่นานก็สามารถที่จะสอบชิงทุนนั้นได้ด้วยและเธอก็จะไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือไปเป็นแน่...
“แกคิดดีแล้วเหรอยัยเวย์” เพื่อนสาวที่เพิ่งลงจากรถยุโรปคันหรูของบ้านเห็นเพื่อนสาวเท่ห์กำลังยืนมองป้ายประกาศเกี่ยวกับการชิงทุนนักกีฬาไปเรียนต่อที่ต่างประเทศอย่างเหม่อเลย
“ฉันก็....คงดีแล้วมั่ง” แต่คนที่ยืนเหม่อกลับตอบมาอย่างไม่เต็มเสียงเหตุเพราะยังไม่แน่ใจ
“อ้าวการสอบเหลืออีกไม่กี่เดือนข้างหน้าแล้วแกยังจะมาคิดอะไรอีกหล่ะ” สาวที่เป็นเพื่อนก็พยายามซักไซร้
“ฉันเพียงแค่กำลังคิดอยู่นะ ว่าถ้าฉันไปแล้วผลดีผลเสียมันจะตามมามากแค่ไหน” เมื่อนึกถึงหน้าผู้เป็นแม่แล้วก็ทำให้เธออยากเปลี่ยนใจเอาดื้อๆ เพราะสุขภาพแม่ก็ยังไม่ค่อยแข็งแรงพ่อก็ดันมาไปมีบ้านเล็ก
บ้านน้อยนี่แหละคือสิ่งที่เธอเจ็บแค้นฝั่งใจผู้ชายคนนั้น
“แกกำลังห่วงแม่แกอยู่เหรอ” เพื่อนสาวข้างๆเอามือมาทาบบ่าสาวเทห์เพื่อบอกให้รู้ว่าเธอนะเห็นใจและเป็นห่วงเพื่อนคนนี้เสมอ
“แต่ถึงยังไง...ฉันก็ยังต้องเดินหน้าต่อไป” สาวเท่ห์ที่เมื่อกี้เกือบจะอ่อนแอให้เพื่อนเห็นก็กลับมาเข้าโหมดเข้มแข็งขึ้นแล้ว
“มันต้องอย่างนี้สิถึงจะสมกับเป็นยัยเวย์ขี้เก๊กขรึมสักหน่อย ฮ่าๆ” เมื่อโดนเพื่อนสาวแซวคนที่ได้ยินถึงกลับหันหน้ามาถลึงตาใส่เพื่อนที่แซวจนได้
“แกอยากมีปากไว้กินอะไรอร่อยๆอีกมั๊ยห๊ายัยวัน” เมื่อค้อนด่าเพื่อนเสร็จสาวเท่ห์ก็เดินนำโลดเข้าโรงเรียนไปซะหน้าตาเฉย
“ชิชะ! ยัยนี่นิ” สาวที่โดนดุใส่บ่นอุบอิบคนเดียว
ห้องเรียนม.6ห้องBตอนนี้นักเรียนหลายคนกำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมสอบเอ็น ทั้งแอดฯบ้างไรบ้างแต่ก็มีอยู่คนเดียวที่ไม่ค่อยตื่นเต้นและตื่นตัวไปกับคนอื่นเลย
“ยัยดิพมานี่สิ ฉันว่าฉันจะเรียนสัตวแพทย์ฉันจะสอบนี่” เพื่อนสาวที่นั่งข้างๆโต๊ะเริ่มเรียกเพื่อนเพื่อเปิดบทสนทนาของตัวเอง
“อย่างนั้นเหรอ ฉันว่าก็ดีเหมือนกันนะดูแก ร๊ากกกกสัตว์จะตายไป” เพื่อนสาวที่ชื่อว่าดิพลากเสียงยาวแกมจะให้สาวอีกคนรู้ว่า...สัตว์ได้ตายก็ตอนถึงมือหมอนี่แหละ
“แกประชดฉันเหรอยัยดิพ เชอะๆๆไหนๆบอกของแกมาดิว่าจะสอบอะไรบ้างเดี๋ยวฉันจะวิจารณ์ เฮ้ย!วิเคราะห์เองว่าแกสมควรมั๊ยที่จะเรียนมัน” สาวที่โดนยื่นข้อเสนอรู้สึกหนักใจขึ้นมาทันทีจะให้ต้องพูดอีกเห
รอก็ยัยเพื่อนตัวดีคนนี้มันจะเอากลับบ้าง
“ก็ไม่มีอะไรมากเหรอคณะที่ฉันสนใจก็...สถาปัตฯนะ” สาวอีกคนข้างๆทำตาโตอลังการขึ้น
“แกจะบ้าเหรอเรียนสายวิทย์แต่ไปต่อมหาลัยสายศิลป์เนี่ยนะงั้นแกเรียนวิทย์ทำเพื่อ?” สาวที่ค้านขาดใจก็ถามความเห็นของเพื่อนขึ้น
“ก็ฉันโดนแม่บอกให้เรียนวิทย์นะแต่ใจจริงฉันอยากเรียนศิลป์ แม่บอกฉันว่าเรียนวิทย์ไปเถอะส่วนมหาลัยจะเลือกคณะไหนก็เรื่องของฉัน” ที่แท้มันก็เป็นแบบนี้เอง
“ฉันเข้าใจแกแล้ว เอาน๊าแกอย่าคิดมากเลย” สาวสองคนคุยกันต่ออีกไม่กี่ประโยคก็หันมาให้ความสนใจกับเพื่อนอีกคนที่นั่งเหม่อ(อีกแล้ว)มองอะไรออกไปทางหน้าต่าง
“แล้วแกล่ะยัยเวย์ตกลงจะสอบชิงทุนเปล่า” เพื่อนที่เพิ่งคุยกับสาวเท่ห์ตอนเช้าถามขึ้น
“ฉันก็คิดว่า....อืมฉันจะสอบนะ” หลังจากที่คิดทบทวนอยู่นานเธอควรที่จะสอบชิงทุนตามความฝันของตัวเองดีกว่าส่วนแม่ค่อยฝากคุณน้าดูแลเพราะถึงยังไงคุณน้าก็อยู่กับแม่ตลอดแล้ว
“แล้วแม่แกล่ะยัยเวย์” คนที่โดนถามก็ทำหน้าคิดหนักแปปนึงแล้วพูดขึ้น
“ฉันจะให้น้าดูแลนะ แต่พวกแกหวังสูงเกินไปมั๊ยเนี่ยพวกแกคิดเหรอว่าคนอย่างฉันจะสอบได้” สาวเท่ห์ที่เวลาทำอะไรจะจริงจังกับสิ่งที่ตัวเองทำมาตลอด แต่มีอยู่เรื่องเดียวที่เธอไม่เคยเลยที่จะเปิดใจนั่นก็
คือ ‘ความรัก’
“ดีเลย แต่เรื่องสอบได้ไม่ได้นะฉันว่าแกก็น่าจะรู้ดีนะว่าตัวแกเองทำได้ดีแค่ไหน แต่โดยส่วนตัวฉันแล้วเชื่อสิ....แกได้ล้านเปอร์เซ็นเลยแหละ
“ใช่ยัยวันฉันก็คิดเหมือนแก ว่าแต่แกกำลังมองอะไรอยู่เหรอเมื่อตะกี้นะ” เพื่อนสาวขี้สงสัยถามสาวเท่ห์หลังจากที่ก่อนพวกเธอเข้ามาทักเหมือนเธอกำลังนั่งมองใครคนหนึ่งอยู่อย่างเอาการ
“ปะ เปล่าหรอกพวกแกก็รู้ฉันมีตาไปมองใครได้แฟนก็ไม่มี” สาวเท่ห์ที่โกหกยังไงก็ไม่เนียนเอาซะเลยนะ
“โกหกเหมือนจะเนียนเลยนะยัยเวย์ ถอยไปซิ” เพื่อนสาวที่มีมารยาท(น้อย)ผลักหัวสาวเท่ห์เบาๆแล้วชะเง้อหน้าไปมองตามที่สาวเท่ห์มองออกไป
เมื่อมองซ้ายขวาสองสามรอบก็เห็นกลุ่มลีดเดอร์ของโรงเรียนแปดคนที่กำลังซ้อมกันอยู่อย่างแข็งขันดูสิยัยดาวโรงเรียนเจิดจรัสที่สุดในกลุ่มเลย ‘สาววันคิด’
“ที่แท้ก็มองยัยนั่นนี่เอง เฮ้ย!!” เพื่อนสาวที่รู้ความรู้สึกของเพื่อนก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ
“คนที่ยัยเวย์มองที่แท้ก็ยัย..”
“อย่าพูดมันออกมานะยัยดิพ” สาวเท่ห์เอามือไปปิดปากเพื่อนสาวที่กำลังเฉลยความลับสุดยอดของเธอออกมา
“นี่แกจะจบม.6อยู่อีกไม่กี่เดือน ผ่านกีฬาสีคราวนี้ไปแกก็หมดสิทธิ์เจอยัยนั่นแล้วนะโว้ย” เพื่อนสาวพูดขึ้นอย่างโมโห
“แกลองมาเป็นฉันสิแล้วแกจะรู้ ให้มันเป็นความลับไปแบบนี้แหละดีแล้วพอถึงวันที่ต้องไม่เจอหน้ากันเดี๋ยวฉันก็ลืมเธอไปเองแหละ” สาวเท่ห์พูดกับเพื่อนแต่ตาดันหันมองไปทางเธอคนนั่น
“โธ่ๆ ฉันเข้าใจแกนะยัยเวย์” เพื่อนสาวอีกคนที่เข้าใจเพื่อนหันมาพูดให้กำลังใจ
“ขอบคุณนะยัยดิพ” สาวเท่ห์ที่หัวใจตอนนี้เริ่มหดหู่ขึ้น เมื่อนึกถึงตอนสองปีที่แล้ว
ใต้อาคารเรียนของโรงเรียนประจำจังหวัดมีการสอบคัดเลือกนักเรียนใหม่เข้าสู่ม.1และม.4โดยที่ทางโรงเรียนได้แบ่งเป็นโซนม.1และม.4ให้แยกกันซึ่งสรุปว่ามีนักเรียนม.4เข้าสมัครมากกว่าม.1ซึ่งทำให้ทาง
โรงเรียนคิดหนักเหตุเพราะม.4จะเปิดให้เข้าเรียนได้แค่สิบห้องเท่านั้นซึ่งนักเรียนที่เห็นมาสมัครมากกว่าสิบห้องเลยทำให้ทางโรงเรียนต้องจัดเปิดกรณีพิเศษโดยที่จะคัดเลือกนักเรียนจากความสามารถ
พิเศษอีกห้องหนึ่ง ซึ่งมีนักเรียนให้ความสนใจหลายคนเลยทีเดียว.....
“ขอโทษนะค่ะ ไม่ทราบว่าจะคัดเลือกกรณีพิเศษด้วยมั๊ย?” เสียงนุ่มๆหวานใสของผู้หญิงคนหนึ่งทักฉันขึ้น
“อ๋อ ค่ะ” ฉันหันไปมองหน้าเธอเหมือนกับมีอะไรต้องมนต์ให้ฉันอยากจะมองหน้าเธออย่างนี้ไปตลอดอย่างนั้นแหละ....นางฟ้าชัดๆ
“เออเธอ เธอ เป็นอะไรรึเปล่า” เธอคนนั้นเรียกฉันให้หลุดออกมาจากภวังค์ที่เธอสร้างให้ฉันตกลงไป
“ปะ เปล่าหรอก” คนที่ปฎิเสธอย่างไม่เนียนพูดเสร็จก็เกาหัวตัวเองเบาๆอย่างแก้เขิน
“ฮ่าๆ โกหกไม่ค่อยเนียนเลยนะ” เธอคนนั้นหัวเราะและพูดเสร็จก็นั่งเก้าอี้ข้างๆกัน
“โกหกอะไรกันหล่ะ!!” สาวที่โกหกไม่เนียนก็ยังจะปฎิเสธอีก
“ไม่โกหกก็ได้ว่าแต่ชื่ออะไรเหรอ” เธอถามชื่อฉัน
“ฉันชื่อเวย์นะ แล้วเธอล่ะ” สาวข้างกายทำตาระยิบระยับขึ้น
“ชื่อเวย์เหรอ โครตเท่ห์เลย” เธอที่นั่งข้างกายฉันยิ้มให้อย่างจริงใจที่สุด...น่ารักมาก
“เธอคิดอย่างนั้นเหรอ?” ไม่เคยมีใครชมอย่างนี้มานานแหละ
“เราน่ะชื่อว่าเคลนะ” เธอแนะนำตัวเสร็จก็มีเสียงมาขัดความสนใจของเราสองคน
“คนต่อไปเข้ามาได้เลยค่ะ” เสียงเรียกให้เข้าไปคัดเลือกนี่เอง
“งั้นเดี๋ยวฉันมานะ” พูดเสร็จสาวเท่ห์ก็เดินเข้าไปในห้องทันที
“จ๊ะ โชคดีนะเวย์” เธอส่งกำลังใจมาให้พร้อมรอยยิ้มที่ละลายโลก
“อืม”
ผ่านไปประมาณสิบห้านาทีคนที่เข้าไปคัดเลือกออกมาอย่างหน้าตาเรียบเฉยเหมือนเดิมตอนที่เข้าไปนั่นแหละ.......
“มาแล้วเหรอ เป็นไงผ่านมั๊ย” เธอคนนั้นยังรอฉันอยู่ที่เดิมพร้อมกับส่งคำถามมาซะรัวเลย
“ทำไงดีอ่าเคล คือฉัน คือฉัน” คนที่รอฟังคำตอบเริ่มทำหน้าไม่ดีเมื่อเห็นคนที่ตอบทำหน้าอย่างกับว่า..
“หมายความว่ายังไงเหรอเวย์ไหนบอกเคลมาสิ” คนที่รอฟังลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินตรงมาทางสาวเท่ห์
“เรานะ...ผ่านด้วยแหละ” หลังจากที่ลุ้นมาเกือบสองนาทีสาวเท่ห์ก็เสยยิ้มมุมปากขึ้นแต่ตรงข้ามกับสาวสวยหวานอีกคน
“เวย์อ่า รู้มั๊ยเราตกใจหมดเลยนะนึกว่าจะไม่ผ่านซะแล้ว” สาวสวยตรงหน้าตีเข้าไปที่ไหล่ข้างซ้ายของสาวเท่ห์ทีหนึ่ง
“ก็เราอยากจะให้เคลตื่นเต้นเหมือนเราตอนที่โดนคัดเลือกนะ” เมื่อพูดอย่างนั้นสาวเท่ห์ก็ยิ้มอย่างจริงใจขึ้นบ้างต่างจากหลายๆครั้งที่เจอ
“ว้าว!! เวย์ยิ้มอย่างนี้น่ารักเป็นบ้าเลย” สาวที่ชอบพูดอะไรตรงๆบอกออกไปอย่างไม่อ้อม
“คิดว่าอย่างนั้นเหรอ แต่เราก็ยิ้มได้สวยไม่เท่าเธอหรอกนะ” สาวเท่ห์ยื่นหน้ามาให้สาวหวานจนเหลือแค่ระยะประชิดนิดเดียวเอง
“บ้านะ” สาวหวานแก้มเริ่มแดงเมื่อคนที่ตัวสูงกว่าทำกิริยาแบบนั้นกับเธอ
“เขินเหรอ ดูดิแก้มแดงยังกับตำลึงเลย” สาวเท่ห์พูดแซวสาวหวาน
“แม้ก็ดันเอาหน้ามาอยู่ระยะประชิดแบบนั้นใครไม่เขินก็บ้าแล้วแถมยังดูเท่ห์กว่าผู้ชายบ้างคนอีก” สาวหวานก็พูดตรงเกิ๊น!คราวนี้เป็นสาวเท่ห์บ้างแล้วล่ะที่แก้มแดง
“ฮ่าๆ นั่นไงล่ะเวย์ก็แก้มแดงแล้วเหมือนกัน” สาวหวานเอากลับบ้าง
“ชิ!! เล่นแบบนี้เราตั้งตัวไม่ทันเลย” สองสาวมองหน้ากันแปปแล้วก็หัวเราะรวนออกมาโดยไม่ได้นัดหมาย มีไม่บ่อยหรอกคนที่จะเห็นสาวเท่ห์คนนี้ยิ้มออกมาอย่างจริงใจขนาดนี้คงจะมีแต่สาวหวานคนนี้แหละ
ที่ได้เห็น.......
..........................................................
หลังจากที่ไม่ได้อัพมานานนนนนนนน มว๊ากกกกก เอาแบบยาวๆไปเลย