บทที่ 12
"หอมจัง เปลี่ยนแชมพูใหม่เหรอคะ" หล่อนทักเพราะกลิ่นเปลี่ยนไปแต่ยังถูกใจเหมือนเดิม
"ค่ะ" คนตัวเล็กตอบเสียงเบา
"ไม่ชอบกลิ่นเดียวกับพี่เหรอ" เธอถามอย่างไม่จริงจังนัก
"เปล่าค่ะ หนึ่งแค่...เอ่อ...อยากลองเปลี่ยนดูเฉยๆ พี่อีฟชอบไหมคะ" สาวน้อยเงอะงะเหมือนไม่รู้จะบอกเหตุผลยังไงดี
"ชอบค่ะ พี่ชอบกลิ่นหอมอ่อนๆ" อรสาบอกยิ้มๆ
"เสร็จแล้วค่ะ" เสียงใสพูดพลางมองกระเป๋าสองใบที่พื้นห้องอย่างพึงพอใจ
"ไปนอนกับพี่นะคะคืนนี้ พรุ่งนี้ไม่อยู่พี่เหงาแย่เลย" อีฟยิ้มอย่างล้อเลียน
"ทำหน้าอย่างนี้คิดถึงไม่จริงรึเปล่าคะ" เด็กน้อยทำแก้มป่อง
"ล้อเล่นค่ะ" หล่อนบอกและจูงมือบางให้ไปยังห้องนอนของตัวเอง
"อย่าไปกอดกับใครแบบนี้รู้ไหมคะ...พี่หวง" เธออดพูดไม่ได้เมื่อคิดว่ากวางน้อยจะต้องนอนเคียงข้างคนอื่น และคนๆ นั้นอาจจะเป็นเพื่อนสนิทที่คิดไม่ซื่อก็ได้
"หนึ่งทำกับพี่อีฟคนเดียว" คำพูดของร่างเล็กทำให้หัวใจเธออบอุ่นถึงขั้นร้อนรุ่ม สาวสวยกลืนน้ำลายลงคอ พยายามจะอดทนต่อคำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจของนันทวรรณ
"อย่าพูดอย่างนี้ค่ะ พี่ลำบาก" หญิงสาวพูดเสียงเบา
"ลำบากยังคะ" แมวน้อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงงุนงงสงสัยไม่ได้รับรู้ต่อผลกระทบที่มีกับหล่อนเลยแม้แต่นิดเดียว
"เฮ้อ" คนผมยาวถอนหายใจเสียงดัง
"ช่างเถอะค่ะ ไม่มีอะไรหรอก" อรสาตัดปัญหา เพราะรู้ว่าถ้าพูดคงต้องอธิบายยืดยาวเป็นแน่แท้ แถมทำให้คนในอ้อมกอดรู้ด้วยว่าเธอต้องการมากแค่ไหน
"ง่ะ พี่อีฟ" สาวน้อยส่งเสียงประท้วง
"มันอธิบายลำบากค่ะ ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวโตขึ้นหนึ่งก็จะเข้าใจเอง"
"ได้ยินประโยคนี้จนเบื่อแล้วค่ะ โตขึ้นเดี๋ยวก็รู้เอง โตขึ้นเดี๋ยวก็เข้าใจเอง" ร่างผอมบางดัดเสียงเล็กๆ ล้อเลียนอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก
"แล้วเป็นอย่างที่พูดรึเปล่าคะ" หล่อนถาม
"ก็ถูกค่ะ แต่รู้ตอนนี้ไม่ได้เหรอคะ ทำไมต้องให้รู้ด้วยตัวเองด้วยทั้งๆ ที่ก็สามารถบอกได้" หนึ่งไม่ยอมเลิกราง่ายๆ คนตัวเล็กแอบอัดอั้นตันใจ
"คงเพราะว่าบางเรื่องมันซับซ้อนอธิบายไปในตอนนี้ก็งงอยู่ดี บางเรื่องมันก็เกินวัยค่ะ" เธอพยายามจะตอบคำถามให้ดีที่สุด
"ไม่รู้ก็ได้ค่ะ ฟังพี่อีฟพูดหนึ่งชักมึนแล้ว" เด็กสาวโยกหัวแกล้งทำหน้ามึน
"ดูทำเข้า" หญิงสาวถอนหายใจในความขี้เล่น
"นอนนะคะ ดึกแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ตกรถนะ" อรสาลูบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ ชักชวนให้นอนก่อนที่จะเล่นมากไปกว่านี้
"ไม่มี goodnight kiss เหรอคะ" คนพูดทำตาแป๋วมองอย่างต้องการคำตอบ
"อะไรกันค่ะ พี่เคยได้ยินแต่ morning kiss" หล่อนขมวดคิ้วกับคำพูดที่ไม่คุ้นเคย
"มีสิคะ พี่อีฟไม่เคยได้ยินไม่ได้แปลว่าไม่มีเสียหน่อย" แมวน้อยพูดอย่างดื้อดึง
"มีก็มีค่ะ ทำเป็นรู้มากนะเราเนี่ย แต่พี่ไม่ทำหรอกนะ ไหนบอกพี่เองไงคะว่าเราจะคบกันแค่ทางใจ ฮึ" คนอายุมากกว่าทวงถามคำพูดก่อนหน้านี้
"แต่ก่อนที่จะเป็นแฟนกันก็เคย...เอ่อ...จูบกันแล้วนี่คะ" เห็นซื่อๆ อย่างนี้บางทีก็แอบแสบเหมือนกันนะเนี่ย เธอคิดในใจ
"ไม่นับค่ะ ตกลงกันแล้วห้ามเบี้ยวสิคะ" สาวตาน้ำตาไม่ยอมอ่อนข้อในเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด เธอพลาดมาแล้วหนหนึ่งและจะไม่ยอมให้เกิดแบบนั้นขึ้นอีก
"เซ็งเลย" นันทวรรณทำปากยื่น
หญิงสาวเชยคางเรียวของแมวน้อย จากนั้นก็ก้มลงไปที่ใบหน้าน่ารักเกลี้ยงเกลา แล้วหอมแก้มนุ่มนั้นเบาๆ ทดแทน
"นอนได้รึยังคะ" หล่อนพูดด้วยความเขินอายทั้งๆ ที่เป็นคนเริ่มทำเองแท้ๆ
"ค่ะ" อีกฝ่ายซุกหน้าที่อกเธอ คงเพราะรู้สึกไม่ต่างกัน
"ฝันดีค่ะ"
ตอนเช้าหมอกเพิ่งจางหล่อนก็ขับรถไปส่งคนน่ารักที่หน้าตึกคณะมนุษยศาสตร์ในมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นจุดนัดพบ มีเพียงไม่กี่คนที่มาถึงก่อนอาจจะเพราะยังเช้าอยู่
หลังจากนั้นเธอจึงกลับมาทำความสะอาดบ้านพร้อมกับทำรายงานที่ค้างอยู่จนเสร็จ เวลาเย็นก็ขับรถออกไปดูคอนเสิร์ตตามนัด
"น้องอีฟนี่หาไม่ยากเลยนะ" เขายิ้มอบอุ่นทักทาย
"อีฟแต่งตัวประหลาดขนาดนั้นเลยเหรอคะ" เธอตาโตเมื่อได้ยินพลางก้มสำรวจชุดของตัวเองและก็ไม่เห็นว่าจะแตกต่างไปจากคนอื่นๆ ตรงไหน หล่อนใส่เสื้อยืดสีส้มที่สกรีนชื่อวงตัวใหญ่ แล้วก็กางเกงยีนสีฟ้าซีดขาดเล็กน้อยให้ดูไม่เรียบร้อยเกินไป พร้อมด้วยหมวกสีเดียวกับเสื้อมีสัญลักษณ์ของวงปักอยู่
"เปล่าหรอกครับ น้องอีฟก็แต่งปกติแหละ แต่สีเสื้อเด่นมากๆ เลย เพราะมีแต่คนใส่สีขาว" ชายหนุ่มอธิบาย
อรสาไม่แปลกใจเพราะชื่อและสัญลักษณ์ของวงเป็นสีดำ แฟนๆ เลยมักเลือกสกรีนบนเสื้อสีขาว แต่หล่อนคิดว่ามันดูพื้นๆ ไปและไม่ค่อยโดนใจ ปกติแล้วเธอชอบสีโทนเย็น แต่เมื่อคิดว่าชื่ออยู่บนพื้นสีส้มแล้วดูดีแค่ไหนจึงยอมที่จะใส่สีนี้
"ไปต่อคิวกันดีกว่าค่ะ คนเริ่มเยอะแล้ว" หญิงสาวเตือนเมื่อมองเห็นแฟนๆ หลายคนทยอยเดินไปยังประตูที่ปิดอยู่ของโดม
"ก็ดีครับ ไปก่อนจะได้อยู่ใกล้ๆ เวทีหน่อย" พี่ฝุ่นจับมือเธอให้เดินตามเขาไป
แวบแรกอรสาเกือบจะชักมือออกด้วยความไม่เคยชินและไม่ได้คาดคิดมาก่อน แต่หล่อนก็ทำใจเย็นรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดฉวยโอกาสแต่อย่างใด
บัตรที่ฤทธิศักดิ์ซื้อมานั้นเป็นโซนหน้าที่ต้องยืนและแย่งกันบริเวณหน้าเวที คนเบียดเสียดกันแน่นขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป พี่ฝุ่นพยายามดูแลเธอตลอดเวลา ทั้งกันผู้ชายข้างๆ ที่เบียดช่วงล่างกับข้างหลังคนผมยาวอย่างจงใจ และอื่นๆ อีกมากมาย
หลังคอนเสิร์ตจบหญิงสาวรู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ฮัมท่วงทำนองของวงโปรดตลอดทางกลับบ้าน รุ่นพี่หนุ่มชวนทานอาหารเย็นเธอก็ปฏิเสธเพราะต้องการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เพียงแค่มาวันนี้และคำพูดของเขาในเย็นวันนั้นหล่อนคิดว่ามันก็มากเกินพอแล้ว
เมื่อถึงบ้านเธอก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนทันที พลางหยิบมือถือขึ้นมาและพิมพ์ตัวอักษรลงไปเพื่อส่งให้สาวน้อยที่อยู่ไกล
'คิดถึงนะคะ' อรสารู้สึกว่าตัวเองหวานขึ้นทุกที
'คิดถึงเหมือนกันค่ะ อยากนอนข้างๆ พี่อีฟจัง วันนี้หนึ่งนอนข้างอิงกับพี่ฝันค่ะ สองคนนี้เขม่นกันตลอดเลย' คนตัวเล็กตอบกลับในเวลาอันรวดเร็ว
'ถ้ามีอะไรไม่ดีก็ขอย้ายที่นอนนะคะ ไม่ต้องทน นอนข้างๆ พี่ในฝันละกันนะ ;p' หล่อนพิมพ์เหมือนเล่นไม่รู้สึกอะไรแต่จริงๆ หวาดหวั่นใจเพราะสองคนนั้นไม่น่าไว้ใจเลยสักคน มีแต่คนฉวยโอกาสกับแฟนของเธอ
'หนึ่งจะฝันค่ะ' แมวน้อยตอบ
'รักนะคะ ราตรีสวัสดิ์คนน่ารัก' หญิงสาวพิมพ์ประโยคสุดท้ายและพยายามข่มตาหลับ
เด็กสาวรู้สึกอึดอัดเป็นที่สุด อาคารตั้งกว้างแต่พี่ฝันกับอิงกลับเลือกที่จะนอนข้างๆ หล่อน พลิกซ้ายไปก็เพื่อน พลิกขวาไปก็พี่ เธอเลยนอนหงายนิ่งๆ แต่ทั้งสองคนก็ไม่วายจับมือไว้คนละข้าง ไม่รู้ว่าจะจับไปเพื่ออะไร
"หนึ่ง" เพื่อนสาวอารมณ์ดีเรียก
"น้องหนึ่ง" เสียงยั่วเรียกเกือบจะเวลาเดียวกัน คนถูกเอ่ยชื่อเริ่มงงไม่รู้ว่าควรจะหันไปหาใครก่อนดี สุดท้ายจึงไม่หันสักข้างเดียว
"เอ่อมีอะไรคะ"
"พี่หนาวขอกอดหน่อยได้ไหม" ดวงตากลมโตเว้าวอน
"อิงก็หนาว กอดด้วยคนสิ" สองคนพูดเหมือนกันแต่หล่อนมีร่างเดียว ไม่ใช่ขนมชั้นจะได้ตัดแบ่งให้คนละข้างได้
"เอ่อ งั้นพี่ฝันกับอิงเอาผ้าห่มของหนึ่งไปนะคะ แล้วก็นอนข้างๆ กัน หนึ่งร้อน" สาวน้อยตัดปัญหาให้สองคนนั้นไปวุ่นวายกันเอาเอง เธอขออยู่สงบๆ แล้วหลับตาเพื่อฝันตามที่ได้บอกไว้ดีกว่า
สองสาวหน้าตาบ่งบอกว่าไม่ชอบใจความคิดนี้อย่างมาก ตาจ้องตากันเลยทีเดียว ต่างฝ่ายต่างพยายามจะเป็นคนที่นอนติดกับเธอ เด็กสาวไม่รู้ว่าเป็นอะไรกันนักหนา
"พี่ฝันคะ อิง" คนร่างบางขมวดคิ้วให้ทั้งคู่
"ขอหนึ่งนอนตรงนี้คนเดียวนะคะ" เธอพูดอย่างสุภาพเพราะทนไม่ไหวอีกต่อไปกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้น
สุดท้ายทั้งคู่ก็นอนกันเสียห่างแถมผ้าห่มผืนนั้นก็วางอยู่ตรงกลางไม่มีใครใช้ นันทวรรณได้แต่ส่ายหน้า จริงๆ ตอนแรกต่างคนต่างก็จะเอาผ้าห่ม แต่พอไม่มีใครยอมก็วางทิ้งเสียอย่างนั้น สองคนนี้ยิ่งกว่าลิ้นกับฟัน ถ้าเป็นแฟนกันคงได้ตีกันตายแน่นอน ไม่ช้าไม่นานคนผมเคลียบ่าก็เผลอหลับไปเนื่องด้วยใช้แรงมาทั้งวัน
"เป็นแค่เพื่อนคิดเหรอว่าหนึ่งจะชอบ" เสียงหวานดังขึ้นจากข้างหลัง เบาจนแทบไม่ได้ยิน
"แล้วพี่คิดเหรอว่าหนึ่งจะชอบพี่" ขวัญฟ้าอดที่จะโต้ตอบไม่ได้
"ก็มีโอกาสมากกว่าใครบางคนละกัน" น้ำเสียงนั้นเยาะเย้ยอย่างชัดเจน
"ไม่มีวัน" หล่อนพยายามไม่สนใจ เพื่อนสาวไม่น่าจะชอบคนแบบนฤมลได้ เธอคบกับอีกฝ่ายมาหลายปีพอจะรู้นิสัยและความชอบอยู่
"ก็คอยดูกันไป" เสียงสนทนาอย่างไม่เป็นมิตรเงียบลง แต่ความคุกรุ่นในใจของคนทั้งสองกลับยิ่งรุนแรงขึ้น