บทที่ 2
หญิงสาวไม่คิดอีกต่อไปว่าทำไมถึงต้องขับรถตามคนตัวสูง หล่อนเว้นระยะห่างพอประมาณ กลัวรถคันข้างหน้าจะรู้ตัว
ในที่สุดกิตติญาก็หยุดรถหน้าบ้านหลังเล็กๆ ที่ค่อนข้างมืดหลังหนึ่ง เธอทำทีเป็นขับเลยไป ก่อนจะจอดหน้าบ้านร้างที่ห่างออกไป
เสียงแมลงร้องดังในความเงียบ ผ่านไปเกือบ 5 นาที เด็กสาวผมหยักศกคนนั้นจึงลงจากรถด้วยใบหน้าอารมณ์เสียกว่าตอนอยู่ในผับซะอีก ไม่รู้ทำไมพิมถึงรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อประตูรถสีขาวปิดลง เพื่อนสาวก็ออกรถเกือบจะในทันที เหมือนกับว่าคนที่เพิ่งลงรถไปไม่มีความสำคัญใดๆ คนหน้านิ่งคงขับรถกลับคอนโดย่านอโศก จิณณพัตอยากตามไป แต่คิดอีกทีหล่อนจะไปเพื่ออะไร จะพูดอะไรกับอีกฝ่าย
เฮ้อ...สาวร่างบางถอนหายใจ เธอควรหยุดแค่นี้ ลืม ลืมไปซะ หญิงสาวสตาร์ทรถกลับบ้านด้วยความกลัดกลุ้ม
หลายวันมานี้ทั้งๆ ที่พยายามลืมแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ทุกอย่างจะยิ่งฝังแน่นในความทรงจำเสียมากกว่า หล่อนลงจากรถสีดำคันเก่งแล้วเดินเข้าบ้านด้วยความล้า ทั้งจากการทำงานและการทำใจให้ลืม
"ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ คิดถึงผมไหม" สามีเปิดประตูหน้าบ้านพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส
"ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะจ๊ะ ดื่มน้ำเย็นๆ ก่อนนะ" เธอทำตามอย่างว่าง่าย ความรู้สึกอยากร้องไห้แวบเข้ามาวูบหนึ่งเหมือนลมพัด ทำไมต้องร้องหล่อนเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
"เป็นอะไรครับคนดี บอกผมได้นะ" นนทพันธ์กุมมือพิมไว้ แววตาแสดงความห่วงใยอย่างชัดเจน
หญิงสาวฝืนยิ้ม ไม่อยากให้เขาเป็นห่วง นี่เป็นเรื่องของเธอ เธอต้องจัดการทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเอง
"ก็แค่เรื่องยุ่งๆ นิดหน่อยน่ะค่ะ เดี๋ยวก็เรียบร้อย" จิณณพัตตอบ ไม่เชิงโกหกซะทีเดียว
เขาเหมือนจะไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ซักไซร้ เพียงแต่ยิ้ม เป็นยิ้มที่บอกว่า ผมอยู่เคียงข้างคุณเสมอ
สาวเสียงหวานอยากรู้ว่า ถ้าเธอบอกเขาถึงเรื่องราวในคืนนั้น ภาคจะรู้สึกอย่างไร เจ็บปวด ผิดหวัง หล่อนนึกเวลาอีกฝ่ายโกรธไม่ออก เขาไม่เคยโกรธใคร เป็นคนใจเย็นมากมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เมื่อคิดว่าจะบอกตัวเธอก็รู้สึกเหมือนมีอะไรหนักอึ้งทับอยู่ อย่าเลย อย่าให้เขารู้เลย ปิดเขาไว้ เดี๋ยวทุกอย่างมันก็จางหายไป
เกือบ 3 เดือนแล้วที่พิมไม่ได้โทรไปหาคนที่ได้ชื่อว่าเพื่อน อีกฝ่ายก็ไม่ได้โทรหาเธอเช่นเดียวกัน หญิงสาวนึกถึงกิตติญาทุกวัน มันอึดอันจนแทบทนไม่ได้ บางครั้งหล่อนก็นึกบ้าๆ ว่าจะไปหาถึงที่ทำงานให้รู้แล้วรู้รอดไปจะได้ไม่ต้องนั่งคิดฟุ้งซ่านแบบนี้
เธอเขี่ยอาหารในจานไปมา ไม่รู้สึกอยากสักนิดเดียว ถ้าเป็นเมื่อก่อนหญิงคงคะยั้นคะยอให้หล่อนทานให้หมด จิณณพัตยิ้ม จริงๆ แล้วเพื่อนสาวเป็นคนอบอุ่นมาก ใจดี ช่างเอาใจใส่ เพียงแต่คนตัวสูงมักจะเลือกปฏิบัติเฉพาะกับคนที่อยากทำเท่านั้น ส่วนมากคนทั่วไปจึงเห็นแต่ความเฉยชาไร้อารมณ์
เสียงเลื่อนเก้าอี้โต๊ะข้างๆ ดังขึ้น เธอถอนหายใจ ในขณะที่กำลังลุกขึ้นเสียงคุ้นเคยก็ดังเสียก่อน หญิงไม่ผิดแน่ จิณณพัตมั่นใจแม้จะมีผนังสีไม้กั้นอยู่ทำให้ไม่เห็นหน้า แต่เสียงนุ่มหวานแบบนี้มีแค่คนเดียวเท่านั้น
หญิงสาวนั่งลงตามเดิม หัวใจกระตุกวูบ รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้อยู่ใกล้อีกคนโดยไม่คาดคิด...จนกระทั่ง
"นัดแนนมาวันนี้มีอะไรรึเปล่าคะ" เสียงหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น ฟังดูเย้ายวนอย่างประหลาด หล่อนหุบยิ้มโดยไม่รู้ตัว
"ทำไมถึงคิดว่ามีอะไรพิเศษล่ะคะ" เสียงนุ่มปนขำ
"ก็...หญิงไม่เคยชวนแนนมาทานข้าวนี่ หรือไม่จริงคะ" ไม่มีเสียงตอบจากคนหน้านิ่งอยู่พักใหญ่
"อาหารมาพอดี ทานก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวหญิงจะบอก" จิณณพัตคิดว่าเดาไม่ผิด เพื่อนสาวจะพูดอะไรได้ ร้านอาหารมีระดับ แสงไฟสีส้มนวลตาดูอบอุ่นอ่อนโยน ท่วงทำนองไร้เสียงขับร้องเปิดคลออยู่ตลอดเวลาแบบนี้ ถึงอย่างนั้นก็อยากจะมั่นใจว่าใช่สิ่งที่คิดอยู่หรือเปล่า แม้ว่าลึกๆ อยากให้ตัวเองคิดผิดเหลือเกิน เมื่อหลายเดือนก่อนไม่ใช่หล่อนหรอกเหรอที่บอกให้คนยิ้มสวยจริงจังกับใครสักคน แต่เวลานี้ไม่รู้ทำไมถึงอยากให้ตัวเองไม่ได้พูดประโยคนั้นออกไปแทน
พิมกวักมือเรียกบริกรชายคนหนึ่ง และสั่งอาหารเพิ่มอีก 2-3 อย่าง เธอพูดเสียงเบา เพราะไม่อยากให้คนที่ผนังอีกฝั่งได้ยิน ไม่อยากให้รู้ว่าอยู่ที่นี่ด้วย
10 กว่านาทีที่เสียงช้อนส้อมกระทบกันเบาๆ จากโต๊ะข้างๆ จิณณพัตคงรู้สึกไปเองว่าเสียงนั้นช่างบาดใจเสียเหลือเกิน
"ของหวานไหมคะ" กิตติญาเอ่ยเสียงหวานกว่าปกติ
"ไม่เอาดีกว่าค่ะ แนนอยากรู้ว่าหญิงมีเรื่องอะไรจะบอกแนน" เสียงยั่วมีความตื่นเต้นเล็กน้อยปนอยู่
"แนน ลองคบกับหญิงดูไหม" เสียงนุ่มพูดช้าแต่ทว่าชัดเจน
หญิงสาวรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว เสียงหัวใจเต้นรัวแรงก้องอยู่ในหูทั้งสองข้าง นัยน์ตาพร่ามัวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ เธอกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น พยายามตั้งสติที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด
หล่อนมีใจ หล่อนรู้ และแน่ใจในวินาทีนี้เอง ไม่ใช่ในแบบเพื่อนเหมือนที่ผ่านมา ความเป็นเพื่อนคงหายไปตั้งแต่คืนนั้น และถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกเสน่หาแบบแฟนแทน สามีเธอเล่ายังรักเขาอยู่ไหม พิมตอบตัวเองอย่างไม่ลังเลว่ารัก แต่มันไม่เหมือนกับความรักที่มีต่อกิตติญาเลย นนทพันธ์ทำให้หล่อนรู้สึกอบอุ่น มีความสุข และพึงพอใจกับการใช้ชีวิตคู่ ส่วนหญิงเธอโหยหา ทรมานจนแทบทนไม่ได้ และคิดถึงอยู่ตลอดเวลา
การรักคนสองคนพร้อมกันมันเป็นแบบนี้นี่เอง หญิงสาวรู้ซึ้งแก่ใจแล้วตอนนี้ มันเหมือนมีทางแยกที่ไม่รู้จะเลือกเดินทางไหน จริงๆ แล้วต้องบอกว่าไม่สามารถเลือกทางไหนได้เลยมากกว่า
สาวนัยน์ตาสีช็อกโกแลตจมอยู่กับความคิดตัวเองอยู่นาน จนไม่รู้ว่าเพื่อนสาวและแฟนใหม่ลุกออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ หล่อนอยากบอกว่ายินดีแต่พูดไม่ออก จะพูดได้อย่างไรในเมื่อคิดเกินกว่าการเป็นเพื่อนกัน อยากจะหึงหวงก็ทำไม่ได้อีกเช่นกัน เพราะเช้าวันนั้นได้รับปากอีกฝ่ายไปแล้วว่าจะเป็นเพื่อน...เหมือนเดิม
นิ้วเรียวกดโทรศัพท์โทรออกไปยังคนที่คิดถึง
"หญิง" เธอคุมเสียงนิ่ง
"ว่าไงพิม" หล่อนได้ยินเสียงสูดลมหายใจ
"เจอกันได้ไหม" หัวใจจิณณพัตเต้นแรงขึ้น
"ได้สิ" มีความลังเลเล็กน้อยปนอยู่ในเสียงนุ่มทุ้มนั้น
"งั้นพรุ่งนี้นะ เอ่อ...ที่คอนโดหญิงได้รึเปล่า" เกิดความเงียบขึ้นครู่หนึ่ง
"โอเค สัก 6 โมงเย็นละกัน" ในที่สุดปลายสายก็ตอบตกลง
"อือ" หล่อนคงบ้าไปแล้วที่ทำแบบนี้ ไม่มีเหตุผลที่นัดเจอ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรด้วยซ้ำ แต่เธอไม่สนใจ ขอเพียงได้เห็นหน้าอีกฝ่ายอย่างเดียวก็ยังดี
'คิดตรึกตรองอยู่นาน อยากกระซิบเธอด้วยคำพูดหนึ่ง ที่มันซ่านมันซึ้งอยู่ในหัวใจ
ได้แต่รอแต่รอ เเล้วอีกเมื่อไร โปรดเถิดใจ โปรดจงได้เอ่ยคำ
ความรู้สึกของเธอปนเปกันไปหมด สงสัย กังวล ตื่นเต้น และกลัว อยากรู้ว่าทำไมถึงนัดเจอที่คอนโดของหล่อน กัววลเพราะไม่รู้จะทำตัวเป็นเพื่อนอย่างที่พูดออกไปได้หรือไม่ ตื่นเต้นที่จะได้เจอคนที่แอบรักอีกครั้งหนึ่ง ไม่มีวันไหนเลยที่จะไม่นึกถึงใบหน้ารูปหัวใจนั้น และกลัวห้ามใจตัวเองไม่ได้
จะบอกว่ารัก เธอจะซึ้งหรือเปล่า อยากเอ่ยเรื่องราว ที่มันยังคั่งค้างใจ
ถ้าบอกกับเธอ เธอจะรักหรือไม่ ได้เเต่ถอนใจ เก็บเอาไว้ ไม่กล้าบอกเธอ
หล่อนลุกไปเปิดตู้เย็นหยิบไวน์ขาวออกมารินใส่แก้ว แอลกอฮอล์เล็กน้อยน่าจะพอช่วยสงบสติอารมณ์ที่สับสนนี้ได้บ้าง
เพียงแค่คำๆ นี้ ยากเย็นเหลือเกินให้เธอได้รู้ เมื่อลองคิดดู ก็อยู่เพียงเเค่ใจ
ได้แต่รอแต่รอ เเล้วอีกเมื่อไร โปรดเถิดใจ โปรดจงได้เอ่ยคำ
'ก๊อก ก๊อก ก๊อก' เสียงเคาะประตูดังขึ้นเป็นจังหวะ
มือที่ถือแก้วไวน์สั่นเล็กน้อยอย่างคุมไม่อยู่ หญิงสาวค่อยๆ วางแก้วใสลงบนโต๊ะกระจก แล้วเดินอย่างไม่รีบร้อนไปที่ประตู มองตาแมว แล้วสูดหายใจลึกก่อนเปิดประตูไม้บานหนาออก
แสนจะทนทรมาน วอนให้ฝันช่วยบันดาลภายในใจ ให้ตัวฉันมีกำลังจะพูดไป เอ่ยความนัยจากใจนี้
รักเพียงเธอมายาวนาน พอจะบอกมันสั่นสะท้านทุกที โอ้คนดี ใจดวงนี้มีแต่เธอ
...ได้เเต่ถามใจ ว่าเมื่อไร จะกล้าบอกเธอ' *
ตาสีน้ำตาลอ่อนมีแววแปลกกว่าเคย ไม่ใช่แค่ความอบอุ่น แต่มีความคิดถึงปนอยู่ด้วย อีกฝ่ายมองหล่อนไม่วางตาเช่นกัน ก่อนจะเดินเข้าประตูมาแล้วสวมกอดเธอ
กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ กระทบจมูก ความอุ่นของร่างบางส่งมาถึงเธอ หญิงสาวสอดมือรอบเอวกอดตอบ บอกความรู้สึกที่ไม่อาจเอ่ยเป็นคำพูดได้ออกไปผ่านทางร่างกาย
ผ่านไปได้สักครู่หนึ่ง ต่างฝ่ายต่างถอยออกจากกันและกัน ตัวหล่อนรู้สึกเก้ๆ กังๆ อย่างบอกไม่ถูก แต่ก็พยายามวางหน้านิ่งเสมือนว่าการกอดเมื่อกี้เป็นเพียงการทักทายของคนที่เป็นเพื่อนกัน ไม่มีนัยยะใดๆ แฝงเร้น
"นั่งก่อนสิ" หล่อนผายมือไปยังโซฟานุ่มสีดำที่ตั้งอยู่กลางห้องกระจก ก่อนที่ตัวเองจะปิดประตูแล้วเดินไปนั่งฝั่งตรงข้าม
"ไวน์หน่อยไหม"
"อือ" อีกฝ่ายตอบ แต่ท่าทางไม่ค่อยอยากได้ไวน์สักเท่าไหร่
กิตติญาลุกไปหยิบแก้วอีกใบที่คว่ำอยู่บนตู้เย็น จากนั้นกลับมานั่งแล้วค่อยๆ รินน้ำสีขาวอย่างไม่รีบร้อน
เกิดความเงียบขึ้นเมื่อต่างจิบน้ำที่อยู่ในแก้วของตนเอง ไม่มีใครเป็นฝ่ายพูดก่อน สงบจนหญิงสาวอดคิดไม่ได้ว่าอาจมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นหลังจากนี้
"หญิงผอมลงอีกแล้ว" เครื่องดื่มหมดแก้วคนร่างบางจึงเอ่ย
"งานยุ่งน่ะ" เธอตอบความจริงเพียงครึ่งเดียว
"เพลาๆ ลงบ้างก็ดีนะ" เสียงหวานมีแววห่วงใยชัดเจน ตาสีน้ำตาลอ่อนไหววูบ
"พิมเองก็ดูผอมลงเหมือนกัน บอกแล้วให้ทานเยอะๆ" หล่อนยิ้มให้กับคำพูดของคนตรงหน้า
"ไม่ต้องห่วงพิมหรอก ควรห่วง...ตัวเองมากกว่า" ท้ายประโยคตะกุกตะกัก ใบหน้ารูปหัวใจหันมองออกไปนอกกระจกใส ฟ้ากำลังมืด ดาวพราวระยับเผยตัวออกจากผืนผ้าสีดำสนิท
หญิงสาวเงียบอีกครั้งไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปได้อีก เพราะสิ่งที่อยู่ข้างในส่วนลึกของหัวใจเป็นคำที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกมาได้
"หญิง" น้ำเสียงหวานฟังดูเศร้า
"หือ" หล่อนตอบ
"เคยชอบคนที่เขามีคนอื่นอยู่แล้วไหม" คนจมูกรั้นถามโดยไม่ได้หันกลับมามอง
"เคยสิ" หล่อนแค่นยิ้มและพูดช้าๆ
จิณณพัตหันกลับมาทันทีที่ได้ยินคำตอบ แววตาอบอุ่นมีคำถาม มีความสงสัยปะปนอยู่ หล่อนรอให้คนตรงหน้าถามต่อ
"แล้วหญิงทำยังไง"
"ก็...เก็บมันไว้ในใจ" หญิงสาวถอนหายใจเล็กน้อย ตาจับจ้องอยู่ที่ไวน์ก้นแก้ว ไม่กล้ามองสบตาอีกฝ่าย กลัวว่าจะปิดความลับที่ซ่อนไว้มาเนิ่นนานไม่ได้
"ไม่ทรมานเหรอ" คนผมสลวยคิ้วขมวด ครุ่นคิดและรอคอยคำตอบ มือเรียวกำกระโปรงสีเทาโดยไม่รู้ตัว
"ทรมานแทบตาย" น้ำใสคลออยู่ในดวงตาสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำ ความรู้สึกที่ถูกปิดบังเล็ดลอดออกมา เธอระงับไม่ได้
"หญิง" เสียงหวานใสเรียกชื่อเหมือนอยากปลอบประโลม
"ไม่เป็นไร" หญิงสาวยกมือห้ามคนตรงหน้าที่ทำท่าจะลุก
"ไม่คิดจะแย่งคนๆ นั้นมาเป็นของตัวเองเหรอ" นัยน์ตาสีช็อกโกแลตยังคงมองอย่างเป็นห่วง
"ไม่" หล่อนตอบทันที
"ความรักไม่ใช่ข้ออ้างในการทำผิดนะพิม คนเขารักกันหญิงจะไปแยกเขาได้ยังไง ถึงแยกได้ ใจของเขาก็อาจไม่ใช่ของเรา ได้แต่ตัวหญิงไม่ต้องการ ทางที่ดีทำใจและลืมมันไปดีกว่า" กิตติญาบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังกว่าเคย
"หญิงทำใจได้แล้วใช่ไหม" คนร่างบางพูดด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจนัก
"ทำไมถึงคิดแบบนั้น" เธอสงสัย มองหน้าอีกฝ่ายเพื่อหาคำตอบ
"ไม่รู้สิ" ตาคู่สวยไม่ยอมสบตาหล่อน
"พิม...มีอะไรปิดบังหญิงรึเปล่า" คนตัวสูงถามออกไปตรงๆ ไม่อ้อมค้อม
"หญิงล่ะมีอะไรปิดบังพิมอยู่รึเปล่า" ดวงตาอบอุ่นมีแววมุ่งมั่นอย่างประหลาด ร่างกายที่พิงโซฟาอย่างสบายเกร็งขึ้นมาเล็กน้อย
วันนี้จิณณพัตแปลกเหลือเกิน ไม่เหมือนคนเดิมที่หญิงสาวรู้จัก อธิบายไม่ถูก รู้แต่ว่าอีกฝ่ายมีความมั่นใจในบางเรื่อง แต่ก็ดูสับสน และเศร้า
กิตติญามองเพื่อนรักอย่างชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ความลับของเธอเป็นเรื่องเปราะบาง บางทีความลับของอีกฝ่ายก็คงเป็นเช่นเดียวกัน
"ในฐานะเพื่อนพิมบอกหญิงได้ไหม"
"แล้วถ้าพิมถามหญิงกลับด้วยคำถามเดียวกันล่ะ" สาวร่างบางพูดหยั่งเชิงแกมบังคับไปในตัว
"แม้ว่าถ้าหญิงพูดออกไปแล้วเราอาจเป็นเพื่อนกันไม่ได้อีกต่อไปอย่างนั้นเหรอ" ใจข้างในหล่อนร่ำไห้
"ใช่" คำตอบจากปากรูปกระจับก้องกังวาลอยู่ในหู
คนหน้านิ่งมองหน้าหวาน ตาของคนที่นั่งตรงข้ามกึ่งบ้าคลั่ง คิ้วขมวดจนแทบเป็นปม ริมฝีปากเม้มกันจนเกือบเป็นเส้นตรง
เธอรู้สึกถึงแรงดันจากภายในว่าไม่อาจทนได้อีกต่อไปที่จะเก็บความรู้สึกรักไว้ ไม่ว่าจะต้องเสียเพื่อนคนหนึ่งไปหล่อนก็ไม่สนใจอีกแล้ว ขอแค่ได้เอ่ย
"หญิงรักพิม" คำพูดแรกออกจากปากพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลลงมา
"รัก...ทั้งๆ ที่รู้ว่าพิมไม่เคยคิดเกินเพื่อน" ประโยคต่อมากระท่อนกระแท่น
"รัก ทั้งๆ ที่พิมมีแฟนแล้ว และยังรักเมื่อพิมแต่งงาน" เสียงที่พูดออกไปแตกพร่า
"รักมาตลอด 11 ปี และไม่มีวันไหนเลยที่หญิงจะไม่คิดถึงพิม" คำพูดสุดท้ายแผ่วเบา
หล่อนสะอึกสะอื้นราวกับเด็กเล็ก ความเจ็บปวดที่อยู่ข้างในใจไม่สามารถควบคุมได้ ระบายน้ำตาจากภายในสู่ภายนอก เธอไม่รู้หรอกว่าจิณณพัตจะมีปฏิกิริยายังไงกับการสารภาพ เพราะหยาดน้ำใสบดบังทุกสิ่งทุกอย่างให้พร่าเบลอ หญิงสาวจมอยู่กับความรู้สึกตัวเอง ความยับยั้งชั่งใจ ความใจเย็น และการควบคุมตัวเองที่เคยดีเสมอมาพังทลายเหมือนกำแพงเขื่อนที่มีรอยร้าว
สาวร่างบางรู้สึกช็อก ไม่นึกว่าคนๆ นั้นจะเป็นตัวเอง ที่ผ่านมาทำไมเธอไม่เคยรับรู้ว่าภายใต้สีหน้าที่นิ่งเฉยนั้นซ่อนความรู้สึกอะไรเอาไว้ ทุกๆ คำพูดที่เอ่ยออกมาราวกับกำลังจะขาดใจ หล่อนรู้สึกเจ็บปวดเมื่อเห็นอีกฝ่ายร้องไห้ไม่หยุด กิตติญาคงเจ็บปวดมาก ทำไมเธอจะไม่รู้ แค่ 3 เดือนยังทรมานขนาดนี้ แล้วเวลาตั้ง 11 ปี ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าทนได้อย่างไร ที่ไม่เคยจริงจังกับใครคงเพราะไม่อาจลืมเธอได้นั่นเอง แล้วหล่อนยังบอกให้ไปหาคนอื่นอีก เรานี่มันช่างไม่รู้อะไรเลยจริงๆ
จิณณพัตลุกไปนั่งข้างๆ แกะมือที่กุมขมับตัวเองอย่างคนหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างออก มือบางพยายามเช็ดน้ำตาที่ไหลรินไม่ขาดสาย แต่ภาพตรงหน้ากลับเบลอ เพราะเธอเองก็ร้องไห้เช่นกัน
"อย่าร้องนะ" เสียงที่เคยนุ่มแหบพร่า
"ร้องไห้ทำไมพิม" หล่อนเช็ดน้ำตาตัวเองด้วยหลังมือ เมื่อได้ยินเสียงของหญิง
"พิมรักหญิง หญิงเจ็บ พิมก็เจ็บ" หญิงสาวพูดออกไปอย่างง่ายๆ
"ไม่ได้รักแบบเพื่อนหรอก" ร่างบางเสริม เมื่อเห็นแววตาดีใจวูบไหวในตาสีเกือบดำก่อนที่จะเลือนหายไปและถูกแทนที่ด้วยความเศร้า
คนหน้าคมอ้าปากค้าง ตาบ่งบอกว่าไม่เชื่อในสิ่งที่เพิ่งได้ยินจากปากของเธอ
"พิมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว ตอนแรกพิมนึกว่าเพราะ...เอ่อช่างเถอะ เอาเป็นว่าพิมรักหญิงเกินเพื่อนก็แล้วกัน" การอธิบายตะกุกตะกักขึ้นมาอย่างกระทันหัน เพราะเขินอายเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น
กิตติญายิ้มเศร้า แต่ดูดีใจอยู่ลึกๆ น้ำตาเหือดหายไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงคราบความเปียกปอนที่เสื้อเชิ้ตเข้ารูปสีขาว
"หญิงจะไม่มีวันลืมสิ่งที่พิมบอกเมื่อกี้เลย" ตาสีนิลสื่อความหมายเช่นเดียวกับคำพูด
"พิมเองก็เหมือนกัน" หล่อนกุมมือคนตัวสูง
"ดึกแล้ว พิมกลับบ้านเถอะ" เสียงนุ่มบอก ตามองนาฬิกาบนฝาผนัง
"ค้างที่นี่ไม่ได้เหรอ" เธอทำน้ำเสียงอ้อนเล็กน้อย
"พิมก็รู้ว่าทำไม" คนหน้านิ่งบอก เสียงเจือเศร้า นัยน์ตาเจ็บปวดอีกครั้ง
"อือ เราต่างต้องกลับไปหาคนของตัวเองใช่ไหม" หัวใจหญิงสาวเต้นผิดจังหวะเมื่อนึกถึงเจ้าของเสียงเย้ายวนเมื่อกลางวัน
"หือ เมื่อกี้ว่าไงนะ" คนยิ้มสวยขมวดคิ้วเหมือนสงสัย
"พิมบอกว่า เราต้องกลับไปหาคนของตัวเอง" เธอพูดซ้ำอีกครั้ง
"ใครคือคนของหญิงล่ะ" กิตติญาทำหน้างุนงง
"เอ่อ...คือเมื่อกลางวันพิมได้ยินหญิงขอใครสักคนเป็นแฟน" หล่อนเอ่ยเสียงอ่อย
"แล้ว..."
"แล้วอ่ะไรล่ะ หญิงทำให้พิมงงนะ" คนหน้ารูปหัวใจชักรู้สึกปวดหัวกับปฏิกิริยาของอีกฝ่าย
"แล้วจะมีคนของหญิงได้ยังไงล่ะ" คำพูดของคนตรงหน้า ชวนให้สับสนเสียจริง แล้วที่หล่อนได้ยินคืออะไร
-----------------------------------------
*เพลง ไม่กล้าบอกเธอ โดย โจ ก้อง