web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 39
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 21
Total: 21

ผู้เขียน หัวข้อ: My little sweet devil vol.1 Chapter 20 : หวัง และ สิ้นหวัง  (อ่าน 11371 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ anhann

  • Moderator
  • ขาประจำ
  • *****
  • กระทู้: 174
    • Crimson Maiden Les-books
My little sweet devil vol.1 Chapter 20 : หวัง และ สิ้นหวัง
« เมื่อ: 30 มีนาคม 2014 เวลา 16:06:10 »


Chapter  20 : หวัง และ สิ้นหวัง   


สงสัยรมณ์บ่จอย...

ดวงตาสีฟ้าดอกไอริสเหลือบมองคนที่นั่งพิงหน้าต่างอีกด้านของรถอย่างสงสัย  สาวเจ้าเงียบมาตั้งแต่เปิดประตูหน้าบ้านมาแล้วเห็นรถตู้ของเธอมารับ  ดีที่ยังยอมขึ้นมาด้วย  ไม่งั้นคงหน้าแตกยับเยิน 

แต่ที่เมินกันไปนั่งอีกด้านนั่น  หมายความว่าไง.?

“พี่จำเป็นต้องนั่งติดหน้าต่างตลอดเลยเหรอ.?”  อิงกริดส่งเสียงมาจากเบาะด้านหลัง  แฝดพี่เหลียวมองคิ้วขมวด  ท่าทางไม่เข้าใจ 

“อะไรกัน  ทึ่มจริงเหรอเนี่ย!”  แฝดน้องพูดเสียงเพลีย  ส่ายหัวหน้ายุ่ง  คนที่นั่งคู่กันอยู่ก็แอบอมยิ้มทั้งที่นั่งจิ้มแท็บเล็ตเช็คข่าวอยู่  มองดูอยู่นานก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าโดนด่าทางอ้อม  จึงเอื้อมมือไปตบหัวน้องสักที 

“เจ็บนะคริส!”

“เธอว่าอะไรฉัน!”  โพล่งไปอย่างลืมสนใจว่าเสียงตัวเองดัง  ว่าจะหันไปขอโทษแขกที่ชวนขึ้นรถมาด้วย  แต่ดูเหมือนคนสวยตาสีน้ำเงินจะไม่ได้สนใจอะไร  เหม่อท่าเดียว  เหลียวไปมองผู้จัดการส่วนตัวหล่อน  คานาเดะก็ทำหน้าไม่ถูก  คงช่วยอะไรไม่ได้  ทำไงดี...

“ไปถามเองสิ  อยากรู้น่ะ” เสียงแฝดน้องกระซิบกระซาบข้างหู  ตวัดสายตาไปมองดูก็เห็นว่า  น้องอยากจะช่วยเธอจริงๆ  แต่ผู้หญิงคนนั้น...

เกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมาอีกล่ะ เมื่อวานยังดีๆอยู่เลย..

“เมื่อคืนดื่มไปเยอะน่ะค่ะ  สงสัยปวดหัว” 

ตัวช่วยผู้แสนดีทำหน้าที่แล้ว  คริสตินมองสาวยุ่นแท้อย่างไม่ค่อยเชื่อ  แต่พอหันไปเห็นคนที่ถูกพูดถึงยกมือขึ้นนวดขมับก็ทำตาปริบๆ “ดื่มจริงๆเหรอ ทำไมล่ะ”

“เอ่อก็เรื่อง...”  คานาเดะไม่กล้าตอบ  เธอหันมองผู้จัดการผมบลอนด์ที่มองมาด้วยสายตาเข้าใจ  รีเบคก้ายื่นแท็บเล็ตของตัวเองให้คนหน้ามึนที่ไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียว  แป๊บเดียวเท่านั้น  คนหัวเงินก็เข้าใจทุกอย่าง  แต่ปากยังใช้ไม่ได้เหมือนเดิม

“แฟนไซต์อะไรเนี่ย  กล้องไม่ดีหรือเปล่า  น่าจะชัดกว่านี้นะ”  สิ้นเสียงตัวเองได้ไม่เท่าไหร่  ก็ได้ยินเสียงดังเพี๊ยะและความเจ็บตามมา  แต่มันน่าจะมึนมากกว่านะ  โดนตบหัว 

“ยัยเตี้ย!  ตบฉันทำไม!” 

“แล้วนี่มันใช่เวลาที่เธอจะมานั่งวิจารณ์รูปหรือไงล่ะ!”  ผู้จัดการบาร์บี้สวนเข้าให้  พลางใช้สายตามองไปที่คนคนเดียวที่เงียบอยู่  ท่าทางที่เอาหัวพิงกระจกแบบนั้น  ไม่รู้ว่าหลับไปหรือยัง  “นู่น..  สนใจคนนู้นดีกว่า  หัดทำคะแนนหน่อยสิ  ทำไมต้องให้สอน” 

คริสตินถอนหายใจ  เธอไม่มีความกล้าเลยสักนิดที่จะเข้าไปคุยกับหล่อน  ทั้งที่คิดถึงแทบตาย  เธอตาขาวต่างจากมิกิที่สามารถทำได้ทุกอย่างเพียงเพื่อป้องกันไม่ให้ใครมาแตะต้องตัวเธอได้  หรือนั่นจะเรียกว่า  ‘ปรากฏการณ์หวง’  แต่จะเรียกว่าอะไร  หล่อนก็สร้างความประทับใจให้เธอไม่รู้ลืม  มันดูดีกว่าวิธีที่เธอใช้อำนาจมืดขู่ผู้กำกับให้เปลี่ยนบทหล่อนในเสี้ยวนาทีสุดท้ายนั้นเสียอีก 

ฝีมือคนละชั้นกันจริงๆ..

“ไปสิ อย่าป๊อด” เสียงเพื่อนตัวเล็กกระซิบ  คิ้วเรียวสีอ่อนขมวดปมน้อยๆก่อนจะจำใจพยักหน้ารับ 

“แต่ถ้าฉันโดนตบกลับมาล่ะ” 

นั่น..  ยังไม่วายกวนประสาท  รีเบคก้าส่ายหัวระอา  ยกมือขึ้นหยิกแก้มคนขี้กลัว  หล่อนกำลังจะโอดโอย  แต่เธอชิงพูดก่อน  “จะยอมโดนตบหรือนั่งบื้อจนไปถึงบริษัทก็ตามใจแล้วกัน”

คริสตินหน้ามุ่ย  ลูบแก้มที่เจ็บของตัวเองป้อยๆ เหลือบตามองแฝดน้องก็เห็นอิงกริดอมยิ้ม  ผู้จัดการสาวตาตี่นั่นก็เหมือนกัน  ยิ้มอยู่ได้  พวกนี้เห็นเธอเป็นตัวตลกหรือไง

“ไปเถอะคริส..  ก่อนที่จะมีใครมาสวมสิทธิ์แทน”

อิงกริดพูดแปลกๆ แฝดพี่ว่าจะอ้าปากพูดอะไรกลับไป  หากเสียงโทรศัพท์ของใครบางคนก็ดังขึ้น  กวาดตามองสาวคนอื่นที่ล้วงมือถือของตัวเองขึ้นมาดูกัน  พวกนั้นต่างเก็บมือถือของตนคงเพราะไม่มีใครโทรมาหา  ของเธอก็ไม่ใช่  เพราะมันไม่สั่นเลย  และคำตอบก็ถูกเฉลยเมื่อหันไปเห็นคนที่นั่งอยู่อีกด้าน  ป้องปากด้วยมือข้างหนึ่งกับอีกมือจับอยู่กับมือถือแบรนด์ผลไม้สีขาวที่แนบหู  เข้าใจเลยว่า  ที่น้องพูดหมายความว่ายังไง

ถึงตัวจะไม่ปรากฏ  เสียงก็ส่งมาได้นี่หว่า..

ใครฟ่ะ แหกตาโทรมาแต่เช้า! 

และความอยากรู้อยากเห็นก็เป็นแรงกระตุ้นของความกล้า  ไม่ทันไรก็พบว่าตัวเองมานั่งอยู่ที่เบาะข้างๆสาวลูกครึ่งที่สวมเสื้อคลุมมีฮู้ดสีขาวเสียแล้ว  แต่หล่อนก็ยังดูไม่สนใจอะไรนอกจากมือถือในมือ 

มองจนหงุดหงิดเอง  นานแล้วไม่มีใครสนใจ  ในที่สุดก็ตัดสินใจเอาหน้าไปซบหัวไหล่หล่อน  เหลือบตามองเจ้าของไหล่หวังให้มองมาหาสักที   มันได้ผลที่อีกคนยอมหันมามอง  แต่ปฏิกิริยาตอบสนองไม่ค่อยเวิร์กเท่าไหร่  หล่อนใช้มือที่ป้องปาก  เปลี่ยนมาดันหน้าผากเธอพร้อมทำตาดุ 

คริสตินหน้ามุ่ยแต่ไม่ยอมแพ้  สู้แรงมือแข็งแรงนั้นอยู่นานจนหล่อนพ่นลมหายใจหนักก่อนจะบอกลาคนในสาย  และคิ้วเรียวสีน้ำตาลทองนั่นก็เลิกขึ้นพร้อมมองหาเรื่อง  เหมือนถ้าเธอไม่มีคำตอบที่ดีว่ามาวุ่นวายทำไม  ก็คงโดน...

โดนอะไรเหรอ..  โดนจูบหรือเปล่า.?

โดนตบน่ะสิ!

“คุยกับใคร.?” คำถามราบเรียบแต่น้ำเสียงเหมือนไม่พอใจมาก ยิ่งอีกคนทำท่าไม่อยากบอก  หัวคิ้วเธอก็กดลงแทบจะติดตา  อ้าปากจะพูดอะไรอีก  ก็โดนขัดเสียก่อน

“แฟน..”   

ดวงตาสีฟ้าดอกไอริสเบิกกว้างเหมือนจะแหกออกมาจากเบ้า  อารมณ์กำลังจะเศร้า  กลับได้ยินเสียงเดิมพูดต่อ

“ถ้าเป็นแฟนก็คงดี..” 

ประโยคนี้ทำคนฟังงงจนไปไม่ถูก  หันไปอีกทีเห็นคนพูดนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง  ท่าทางแบบนี้ทำให้อดห่วงไม่ได้จริงๆ เมื่อคืนดื่มเหล้า  ตอนนี้ก็นั่งเหม่อไม่อยากพูดอยากจา  ว่าแต่..เสียงหวานๆแหบน้อยๆนี่มีเสน่ห์ดีนะ  เพราะแอลกอฮอล์หรือเปล่า..

“เฮ้..  มีอะไรอยากเล่าไหม..  ฉันฟังได้นะ”  ที่สุดก็ตัดสินใจเลิกกวนใจหล่อนสักที   ขืนพยายามเอาชนะ  ก็คงไม่ได้อะไร  หล่อนไม่ใช่คู่ปรับที่เธอจะรับมือได้เหมือนคนอื่น   ลืมเรื่องแพ้ชนะไปก่อนได้ไหม..

ดวงตาสีน้ำเงินใสๆเหลือบมองกลับมาจนได้  แต่มันคล้ายมีแววความไม่ไว้ใจอยู่  คิ้วเรียวสีน้ำตาลทองเลิกขึ้นสูง  ริมฝีปากอิ่มเม้มน้อยๆ  ไม่รู้เลยว่าหล่อนกำลังคิดอะไร   อยากอ่านใจคนได้จริงๆ

“ก็แค่ไม่ชอบเห็นเธอเงียบ..”  เสียงตัวเองดังออกไปเร็วกว่าที่ใจคิด  มิกิดูแปลกใจ  แต่ไม่ใช่ทางที่ไม่ดี  และสาบานได้เลยนะ  เธอเห็นหล่อนยิ้ม  ถึงมันจะแค่วินาทีเดียว  ก่อนที่หล่อนจะหันมองไปนอกรถ  เห็นตึกน่าสนใจมากกว่า

เกือบจะถอดใจแล้วว่าคงไม่มีทางได้อย่างที่หวัง  หากเสียงเบาๆที่เข้าหูก็ฉุดให้คนคอตกเงยหน้าขึ้นมาอีก

“คนที่บ้านฉันน่ะ  คืนนี้ฉันต้องกลับเกียวโต”

ดวงตาสีน้ำเงินสบตาเธอเพียงชั่วครู่ก่อนที่มันจะหันจากไป  อยากจะเอ่ยถามว่าเกิดอะไรขึ้น  หากมือที่ยกขึ้นมาห้ามก็ทำให้ถอนหายใจเหนื่อยอ่อน

“ฉันขออยู่เงียบๆนะ” 

ขอกันแบบนี้  คริสตินจึงทำได้เพียงพยักหน้ารับ  และนั่งมองคนขอที่นั่งเหม่อมองไปนอกหน้าต่างอย่างไม่เข้าใจ  พวกเธอไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลย  มีเพียงความเงียบที่น่าอึดอัดใจเท่านั้นระหว่างกัน  โชคดีที่ไม่นานนักก็ถึงบริษัทเสียที  เธอมองตามหลังหล่อนที่เดินออกจากรถไปจากประตูรถด้านที่หล่อนนั่ง 

มิกิสวมแว่นดำ  เอาฮู้ดคลุมหัว  ดึงจนมันปิดหน้าปิดตาไปหมด  ก้มหน้างุดไม่ทักทายใคร  แม้กระทั่งแฟนๆที่มายืนรอรับหรือถ่ายรูป  ดูเหมือนจะผิดวิสัยความเป็นหล่อนไปจนน่าสงสัย  แต่ถึงอย่างนั้น  เธอจะทำอะไรได้  เมื่อหล่อนไม่ไว้ใจจะพูดกับเธอ

เฮ้อ..  แล้วเราก็ก้าวถอยหลังกันอีกแล้วสินะ..

........................................

คริสตินนั่งเหม่อ  กอดเข่าอยู่บนโซฟาหน้าทีวีจอยักษ์ในห้องนั่งเล่น  วันนี้เธอได้เลิกซ้อมเร็วกว่ากำหนดเพราะคนในทีมคนหนึ่งมีธุระต้องจับเครื่องให้ได้ก่อนหกโมงเย็น  หล่อนมีธุระสำคัญ  ธุระที่ไม่บอกเธอ  ไม่แม้จะปริปากพูดอะไร..

ชัดเจน..  เธอคงไม่สำคัญกับหล่อนจริงๆ  ก็คงเพราะไม่ได้เป็นอะไรกัน..

แต่ทำไมปวดใจอย่างนี้นะ  ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย..

“เอาละครเก่าๆของเค้ามาดูอีกแล้วสิ”  อิงกริดเข้ามาพร้อมเสียงและขนมกับน้ำผลไม้ที่ติดมือมา  ยื่นน้ำแอปเปิ้ลของโปรดของพี่สาวให้เขาไป  คริสตินยิ้มแห้งแล้งมาให้ก่อนจะรับมันไปแกะดื่ม  ท่าทางซึมๆทำให้เธอห่วง  แต่มันคงไม่พ้นเรื่องของคนที่อยู่ในหน้าจอตรงหน้านี้หรอก

มันเป็นเรื่องแปลกสำหรับคนที่ไม่เคยสนใจละครอะไรมาก่อน  แต่กลับเอาเทปละครเรื่องเก่าๆของสาวลูกครึ่งตาสีน้ำเงินมาเปิดดู  ไม่บอกก็รู้ว่าคิดยังไง แล้วทำไมปากแข็งนักนะ  หรือว่ากลัวจริงๆ.? 

“สวยและดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าตัวจริงนะ”  วิจารณ์เบาๆ พี่สาวก็ทำเพียงพยักหน้าน้อยๆ ถอนหายใจก่อนจะนั่งเหม่อเอาคางวางไว้บนเข่าตัวเองที่แนบอยู่กับอก  อาการเหมือนเด็กสาวอกหักยังไงบอกไม่ถูก  เห็นแล้วก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี  ใครจะรู้ว่าตัวจริงของแฝดพี่ของเธออ่อนไหวมาก 

คริสตินมีความเป็นผู้หญิงมากกว่าที่ใครๆคิด  ดูชุดที่ใส่นอนนี่ก็รู้  แฝดพี่เธอชอบสวมกระโปรงนอน และไม่ใช่แนวเซ็กซี่ด้วย  ชุดนอนกระโปรงแบบเด็กๆนั่นแหละ  แต่เพราะบุคลิกที่แสดงออกสื่อ  เงียบขรึม  มีฟอร์ม  พูดน้อย  ยิ้มบางๆ และรูปร่างสูงเกินพิกัดสาวๆทั่วไป  ทำให้ดูเหมือนเป็นเจ้าชายมาดเท่ในสายตาของบรรดาแฟนเกิร์ล  ส่วนแฟนบอยก็จะเห็นหล่อนเหมือนราชินี 

อืม..  ราชินีเหรอ..  ราชินีกับเจ้าหญิง..  อยู่ด้วยกันได้ไหม..

“เค้าคงมีธุระสำคัญ.. ไม่งั้นคงไม่กลับบ้านด่วน”  พยายามหาคำพูดมาช่วยให้พี่มีความรู้สึกดีขึ้น  หากอาการหน้าตึงขึ้นทันตาก็บอกเลยว่า  เธอทำพลาด  แล้วยังไงต่อ  “คุณพ่อหรือคุณแม่อาจจะไม่สบาย..”

“ฉันไม่สนใจผู้หญิงบ้านั่นหรอก  เลิกพูดถึงสักทีได้ไหม!” 

อิงกริดชะงักไปหลายวิกับเสียงที่โพล่งออกมาด้วยความโกรธ  กำลังคิดจะขอโทษพี่สาว  กลับให้อีกฝ่ายซุกหน้าอยู่กับเข่าตัวเอง  แต่ไหล่ไหวสั่นแบบนี้  ไม่อยากจะคิดเลยว่า  พี่ร้องไห้..

ร้องไห้จริงๆเหรอ.? 

งั้นก็แสดงว่า....

เพราะอยากรู้จึงตัดสินใจยกมือขึ้นแตะไหล่เปลือยของพี่สาวที่ใส่ชุดนอนกระโปรงยาวถึงเข่า  อยากจะปลอบใจถ้าพี่ร้องไห้จริงๆ อยากบอกพี่ว่าไม่ต้องอายที่จะงอแงเหมือนเด็กสาว  เพราะพวกเธอก็เหมือนคนเดียวกัน  เกิดมาในท้องแม่พร้อมกัน  มีหรือที่เธอจะไม่เข้าใจพี่   คริสตินเองก็เข้าใจเธอดีเหมือนกัน  ถึงไม่ได้ผลักไสไล่ความห่วงใยนี้ไปเสีย 

“ฉันไม่ชอบเลยแบบนี้..”  คริสตินกระซิบอู้อี้อยู่กับหน้าขาตัวเอง  และรู้สึกว่ามือที่แตะไหล่  เปลี่ยนมาลูบหลังเบาๆ นี่เธอเป็นฝ่ายให้น้องปลอบอีกแล้วสิ
เป็นพี่ประสาอะไรนะ..

“ไม่ชอบอะไร  ไม่ชอบที่เค้าทำให้พี่เป็นห่วงเหรอ”  อิงกริดถาม เลื่อนมือที่ลูบหลังมาลูบหัวแทน  และมันก็เหมือนจะทำให้ท่าทางแข็งๆของอีกคนอ่อนลง  ได้ยินเสียงพี่พึมพำ

“หล่อนป่วนหัวใจฉัน  ทำให้หงุดหงิด  ทำให้กลัว  สารพัด  จนฉันทำอะไรไม่ถูก  ฉันไม่รู้ว่าหล่อนทำแบบนี้ได้ยังไง  ฉันไม่เคย...” 

เสียงพูดสั่นน้อยๆดูเหมือนคนพูดจะพยายามไม่อ่อนแอเกินไปกลับทำให้คนฟังดึงร่างพี่สาวมากอดปลอบ  มือลูบหลังเบาๆ ส่วนคนถูกปลอบก็ถอนหายใจ  ไม่อยากเชื่อตัวเองว่าจะต้องมาอยู่ในสภาพนี้

“ยัยนั่น..  มีอะไรก็น่าจะบอกกันบ้าง  ทำไมชอบเก็บไว้คนเดียว”

แฝดน้องยิ้มอย่างเข้าใจ  มองตามพี่สาวที่ผละออกไปนั่งกอดเข่า  หล่อนหันมองจอทีวีที่มีใบหน้าคุ้นเคยของสาวที่ถูกพูดถึงอยู่  ไม่บอกก็รู้ว่า  คิดถึงมากแค่ไหน  นี่ถ้ารีเบคก้ามาเห็น  จะน้อยใจหรือเปล่า  พวกเขาเคยมีอะไรกันมาก่อนนี่  แต่คงไม่ล่ะมั้ง  ทุกวันนี้เมเนเจอร์สาวกับพี่สาวเหมือนเพื่อนกันมากกว่า  หวังว่าคงไม่ได้คิดผิด

“เค้าคงมีเหตุผลของเค้าแหละพี่  บางทีเค้าอาจจะบอกตอนที่พร้อม”

“แล้วถ้าไม่บอกล่ะ  ฉันสำคัญขนาดนั้นเลยหรือไง..” 

อิงกริดถอนหายใจระอา  อยากจะทำให้ได้เหมือนรีเบคก้าที่โบกหัวผู้หญิงคนนี้ได้โดยไม่รู้สึกผิด  แต่อย่างเธอคงทำได้แค่ส่ายหน้าให้  “ไม่สำคัญเหรอ ไม่สำคัญจะยอมแหกซีนนั้นไปช่วยไม่ให้พี่โดนผู้ชายลวนลามหรือไง..  ทำไมแค่นี้ก็คิดไม่ออกนะพี่สาว  พี่ไม่เคยงี่เง่าแบบนี้เลย..” 

คริสตินหันขวับไปจ้องหน้าน้องสาวที่แขวะเธอเสียเต็มที่  ว่าจะอ้าปากว่าน้องสักหน่อย  ฝ่ายนั้นกลับรู้ทัน  ชิงพูดตัดหน้า

“ฉันว่า  เค้าชอบพี่มากๆ แต่คงมีบางเรื่องที่ทำให้ไม่กล้ายอมรับ”

“ไม่กล้ายอมรับ.?”  แฝดพี่ทวนคำน้อง  อิงกริดพยักหน้าหงึกหงัก  เธอก็หันมานั่งเงียบทบทวน  ใช่สินะ  เธอเองก็มีเรื่องที่กลัวจนไม่กล้ายอมรับมันเช่นกัน
เธอไม่กล้าจะยอมรับว่า  เธอหลงรักสาวลูกครึ่งคนนี้แล้วจริงๆ  แต่นั่นก็เพราะเธอกลัวความผิดหวัง   แล้วหล่อนล่ะ  กลัวอะไร..

“ครั้งหนึ่งคานาเดะซังเคยเล่าว่า ที่บ้านมิกิจังเป็นพวกหัวเก่า  โดยเฉพาะคุณพ่อและคุณย่า  บอกด้วยว่า  ถ้าพี่ชอบเธอ  พี่ต้องเข้าทางคุณแม่  เพราะท่านใจดีมาก  ที่มิกิจังได้ทำงานในวงการเพราะคุณแม่ช่วย” 

คริสตินมองน้องสาวทึ่งๆ นึกไม่ถึงว่าจะน้องมันจะข้อมูลเป๊ะได้ขนาดนี้  มาคิดอีกที  เธอเองต่างหากที่ไม่เคยรู้อะไรของสาวหน้าหวานนั่นเลย 

หรือมัวแต่มองหน้าหล่อนแล้วลืมทุกอย่างไปหมด.?

“ถ้างั้น..  ฉันควรทำยังไงดี  หรือฉันต้องตามไปเกียวโต.?”  ถามขึ้นเหมือนพูดกับตัวเองมากกว่า  เครียดๆก็เอามือมากัดเล็บอย่างลืมตัว  ไม่เท่าไหร่ก็โดนดึงมือออก  มองหน้าคนดึงตาขวาง  หากน้องก็ส่ายหน้าให้และพูดเสียงเข้ม

“กัดเล็บไม่ช่วยอะไรหรอกน่า  โทรไปหาเค้าดีกว่าไหม  ดีกว่ามานั่งคิดถึงเป็นบ้าอยู่คนเดียว”

นั่งฟังกับนั่งอึ้งไปสักพักก็พยักหน้าช้าๆให้น้องสาว  “ก็ได้ๆ แต่ถ้ายัยนั่นไม่พูดกับฉันอีก  ฉันจะเตะก้นเธอนะ”

“เออน่า.. ไปโทรเถอะ”  อิงกริดดันตัวพี่สาวให้ลุกขึ้น  พี่เธอก็ยังมองอย่างไม่ไว้ใจอยู่  ไม่รู้จะทำยังไงให้เชื่อก็ได้แค่ส่ายหน้าหัวเราะ  คริสตินมองน้องอย่างคาดโทษอีกครั้งแล้วลุกขึ้นเสียที  หากตอนที่กำลังจะลุกขึ้นไปหามือถือที่วางทิ้งไว้ที่เคาท์เตอร์เครื่องดื่มด้านหลังโซฟา  สาวตัวเล็กก็โผล่ออกมาจากห้องทำงานของหล่อนพร้อมสีหน้าไม่ดีนัก  ไปทะเลาะอะไรกับใครมาหรือเปล่าเนี่ย.? 

แฝดพี่เลิกคิ้วถามผู้หญิงที่เพิ่งเข้ามา   ทำท่าสงสัยหล่อนเหมือนแฝดน้องที่มองไปทางเดียวกัน  แต่มองอยู่นานแล้ว  ผู้จัดการบาร์บี้นั่นก็เอาแต่ยืนนิ่งอยู่ได้ไม่พูดสักที  เห็นท่าไม่ดีก็ว่าจะเอ่ยถามไถ่นึกว่าไม่สบาย  แต่หันไปเห็นมือถือในมือหล่อนเสียก่อน  “เบคก้า..  ใครโทรมาแล้วทำไมต้องทำหน้าแบบนั้น.?” เป็นเธอที่ถามออกไปก่อนพร้อมอิงกริดที่มีแววตาอยากรู้อยากเห็นเต็มที 

คริสตินกดหัวคิ้วลงเมื่อเห็นเพื่อนสนิทเม้มปากแน่น  เดาได้เลยกับท่าทางนี้  มันมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นจริงๆ แต่มันเรื่องอะไรล่ะ  “เฮ้...”

“คานาเดะโทรมาน่ะ”

แฝดพี่หันมองแฝดน้องทันใด  และเหมือนพวกเธอจะมีลางสังหรณ์ไม่ดีเหมือนกันจึงหน้าเสียด้วยกันทั้งคู่   ถึงอย่างนั้นยังพยายามไม่คิดแง่ร้าย  สงบใจค่อยๆตะล่อมถาม  “แล้ววางไปหรือยัง..  มีเรื่องอะไรด่วน  หรือยัยเพี้ยน---”

“ชวนไปงานหมั้นมิกิพรุ่งนี้..” 

ประโยคนี้ประโยคเดียวเท่านั้น  ทำให้คนที่จะลุกจากโซฟากลับลงไปนั่งทันทีเหมือนเข่าอ่อนไปชั่วขณะ  คริสตินยิ้มเศร้าอย่างเลื่อนลอย  แทบไม่รู้สึกถึงมือที่มาแตะบ่าอย่างเห็นใจ  แต่หูยังแว่วได้ยิน

“ไปเกียวโตกันเถอะ” 

ดวงตาสีฟ้าดอกไอริสหันขวับหาเจ้าของเสียงและเจ้าของมือนั้นทันใด  และเห็นรอยยิ้มแปลกๆจากเมเนเจอร์ร่างเล็ก  ถึงอย่างนั้นก็สนใจมันน้อยเต็มที

“ไปงานหมั้นเหรอ..  ไปทำไม  หางานให้ฉันทำดีกว่านะผู้จัดการ”  ร่างสูงผุดลุกขึ้นเร็วจนมือที่แตะบ่าอยู่หลุดร่วงไป   

ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก  มารู้ตัวอีกทีก็พบว่ากำลังเดินจ้ำขึ้นชั้นสองของบ้าน  ไปยังห้องตัวเอง  ใจมันอยากไปถึงให้เร็วที่สุด   ก็รู้ว่าไม่ควรทำแบบนี้แต่เธออยู่ตรงนั้นไม่ได้อีกแล้ว  กลัวความอ่อนแอจะแสดงออกไปจนหมด  โกรธตัวเองมากด้วยที่หลวมตัวปล่อยใจให้ใครก็ไม่รู้ที่ไม่ได้รู้จักกันดีพอ

ในที่สุดทุกคนที่เธอรักก็ทำให้เธอเสียใจ..  ทุกๆคน..

หญิงสาวยืนสะอื้นอยู่หลังประตูห้องนอนตัวเอง  หมดกันแล้ว ตอนนี้เธอไม่ไหวจริงๆ หมดแรง  ปวดใจและอะไรอีกหลายอย่างที่ไม่อยากจะเป็น  แต่เจ็บใจคงจะมากที่สุด  ผู้หญิงคนนั้นทำร้ายเธอได้รุนแรงกว่าตอนที่รีเบคก้าบอกเธอว่า  หล่อนไม่สามารถเป็นแฟนเธอได้อีกแล้ว  ทำไมกันนะ.?

“คริส.. เปิดประตู”  นั่นไงล่ะ  พูดถึงเป็นไม่ได้เลย  หล่อนมากวนใจเธออีกรอบ  ต้องการอะไร  หรือเธอเสียใจไม่พอ

“ไม่เบคก้า  พรุ่งนี้ค่อยคุย”  คริสตินปิดหูสองข้างด้วยสองมือ   ไม่อยากรับรู้อะไรอีก  เธอตรงดิ่งไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียง  นั่งเอาเข่าชิดอก  ปิดหูไว้รอจนแน่ใจว่าคนตัวเล็กจากไปแล้วจึงทิ้งมือลง  ดึงหมอนมากอดน้ำตาซึม  แต่ไม่รู้ทำไมสายตาถึงดีนัก  หันไปเห็นบางอย่างที่ถูกสอดมาใต้ประตู  มือถือของเธอเอง

ว่าจะไม่ลุกไปเอามันมาเพราะคิดว่ารีเบคก้ามีลูกไม้อะไรอีก  แต่ก็อดไม่ได้เพราะความอยากรู้อยากเห็นยังมี   และมือถือเครื่องนั้นมันก็ส่งแสงกวนใจอีกต่างหาก  คราวนี้เองที่เธอได้พบบางอย่างที่ทำให้ต้องยืนตะลึงอยู่นานกว่าสมองจะทบทวนและรับรู้มันได้สักทีทั้งที่มันอยู่ที่หน้าจอมือถือของเธอ

“คริสตินซัง  ช่วยคุณหนูด้วยค่ะ  ขอร้องนะคะ..”   



..............................................


ตอนที่ 20 ค่ะ  มาถึงตอนนี้  ดราม่าเลยเนอะ  เหอๆๆ

แต่นิยายอ่ะนะ  จะให้ไม่มีมาม่ามาให้คนอ่านต้มกินบ้าง  ก็คงจะเป็นไปไม่ได้  แต่ขอรับรองค่ะว่า ไม่ได้มีเยอะนักหรอก  กินมาม่ามาก เดี๋ยวท้องอืด อิอิ

มาถึงตอนนี้แล้วสินะคะที่บอกไว้ว่า เป็นตอนสุดท้ายที่จะลงให้อ่านระหว่างรอหนังสือ 

แต่!!!

เพราะพรุ่งนี้เป็นวันปิดจอง  เราอาจจะให้คุณอีกตอนก็ได้ค่ะ  รอดูกันต่อไป  ถ้าอยากอ่านต่ออีกตอนก็เม้นท์มาบอกกันนะคะ

สุดท้าย ขอบคุณมากค่ะ ที่ติดตามนิยายเรื่องนี้มาตลอด  และหลงรักมิกิจังของเรา  ขอบคุณจริงๆ   :45:           



เจอกันได้อีกที่ที่นี่นะคะ https://www.facebook.com/Crimsonmaiden, https://twitter.com/Anh29, http://leslybooks.lnwshop.com/ (ร้านหนังสือ)

 

ออฟไลน์ EastJose

  • หน้าใหม่
  • *
  • กระทู้: 1
Re: My little sweet devil vol.1 Chapter 20 : หวัง และ สิ้นหวัง
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 27 เมษายน 2018 เวลา 15:11:21 »
เรื่องนี้ยังมีอยู่หรือเปล่าครับผม

ออฟไลน์ anhann

  • Moderator
  • ขาประจำ
  • *****
  • กระทู้: 174
    • Crimson Maiden Les-books
Re: My little sweet devil vol.1 Chapter 20 : หวัง และ สิ้นหวัง
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 27 เมษายน 2018 เวลา 19:15:11 »
มีค่ะ  สั่งซื้อตามลิงก์นี้ได้เลยค่ะ http://leslybooks.lnwshop.com/product/38/my-little-sweet-devil-set  ทั้งสองภาค (มีสองเล่มจบค่ะ)  :21:
เจอกันได้อีกที่ที่นี่นะคะ https://www.facebook.com/Crimsonmaiden, https://twitter.com/Anh29, http://leslybooks.lnwshop.com/ (ร้านหนังสือ)

 

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.