Dream ฝันค้างบนทางรัก Yuri
บทที่ ๓๐ : รักแรก
ยามวิกาลท้องฟ้าที่มืดสนิท มีเพียงแสงรำไรจากพระจันทร์ที่ไม่เต็มดวง ความเงียบรอบข้างทำให้ได้ยินเสียงหรีดหริ่งเรไรที่พากันประสานเสียงกันระงม ดวงแขสีเงินยวงแขวนอยู่บนผืนนภา ณ อุทยานหลวงแห่งนครภวรัตน์ภูตามิต่างจากค่ำคืนอื่น
แสงจันทร์สาดส่องอาบพระวรกายของพระนางภวรัตน์ราชเทวีองค์กษัตริยาผู้ครองนคร ซึ่งบัดนี้ทรงประทับนั่งนิ่งบนบัลลังก์ทองคำสุกปลั่งภายในอุทยาน
“ถวายบังคมเพคะเสด็จแม่” เจ้าหญิงมณีจันทร์ทรงนำแจกันทองซึ่งทรงนำดอกรักแรกมาจัดได้อย่างประณีตงดงาม
เมื่อแลดอกดอกไม้ที่เจ้าหญิงมณีจันทร์นำมาถวาย พระทัยของพระนางครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ซึ่งยังติดตรึงอยู่ในความทรงจำมาเนิ่นนานหลายทศวรรษ
“เสด็จแม่ทรงเป็นอะไรไปฤๅเพคะ ทรงประชวรฤๅ” พระธิดาตรัสถามด้วยความร้อนพระทัย
“มิมีอันใดหรอกลูกหญิงมณี ดอกไม้ที่ลูกจัดงดงามมิต่างจากจิตใจและดวงพักตร์ของลูก” พระมเหสีภวรัตน์ราชเทวีรับส่งด้วยพระสุรเสียงแผ่ว ทรงรับดอกรักแรกในแจกันทองที่พระธิดาพระองค์เล็กนำมาถวายไว้ในพระหัตถ์
“ไปนอนได้แล้วลูกดึกแล้ว แม่เองก็จักไปนอนแล้วเหมือนกัน
“เพคะเสด็จแม่” ตรัสตอบด้วยพระสุรเสียงหวาน ก่อนจะพระราชดำเนินออกไปจากอุทยานหลวง
เมื่อพระราชธิดาเสด็จกลับไปแล้ว พระนางก็เสด็จพระราชดำเนินกลับพระตำหนัก โดยไม่ลืมนำดอกไม้นั้นกลับตำหนักด้วย ยามได้ทอดพระเนตรดอกรักแรกคราใด ในพระทัยของพระนางทรงประหวัดถึงความหลังครั้งกระนั้นเสียทุกครา...
สองทศวรรษก่อน
พระสนมสวรินทร์ทรงถวายตัวต่อพระเจ้าชัยวรเมธเพียงไม่นานก็ทรงพระครรภ์ สร้างความปลาบปลิ้มแก่พระสวามีและพสกนิกรทั่วหล้ายิ่งนัก หากแต่พระนางภวรัตน์ราชเทวี ผู้เป็นพระมเหสีเอกกลับยังไม่มีวี่แววจะทรงพระครรภ์ทั้งที่ทรงพระราชอภิเษกสมรสกับองค์ชัยวรเมธมาแรมปี
รัตติกาลหนึ่งในฤดูฝน ดาวฤกษ์ส่องแสงสุกสกาวระยิบระยับเต็มท้องนภา พระนางภวรัตน์ราชเทวีเสด็จพระราชดำเนินประทับยังสระรมย์นลิน ริมธารน้ำมีศิลาใหญ่น้อยระเกะระกะรายรอบ พระนางทรงประทับที่ศิลาเรียบก้อนหนึ่งใต้ต้นไม่ใหญ่ก่อนที่จะทรงทอดพระเนตรดอกไม้นานาพันธุ์ซี่งปลูกไว้รายรอบสระน้ำ
บนคาคบไม้มีต้นกล้วยไม้ป่ากอใหญ่หลายกอเกาะอยู่ ซึ่งขณะนี้กำลังออกดอกสะพรั่งหลากหลายสีสันทั้งเหลือง ชมพู ฟ้า ขาว สีน้ำตาลลายจุด ฯลฯ ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณ
พระนางภวรัตน์ราชเทวีทรงละสายพระเนตรจากกล้วยไม้งามไปยังมวลบุปผารายรอบพระองค์ ฉับพลันดอกไม้ดอกหนึ่งสีชมพูอ่อนก็ร่วงหล่นลงมา ณ ฝ่าพระหัตถ์นุ่ม
‘รักแรก’ ดอกไม้ชนิดหนึ่งกลีบดอกคล้ายรางน้ำซ้อนกันเป็นชั้นๆ ซึ่งครั้งหนึ่งพระสวามีอันเป็นที่รักเคยพระราชทานให้ในคราที่ทั้งสองพระองค์ประสบพระพักตร์กันคราแรก
‘ดอกไม้งามพี่มอบให้ในวันรัก เพื่อรู้จักผูกใจน้องปองสุขสันต์
จะรักน้องคนเดียวชั่วนิรันดร์ ไม่แปรผันเปลี่ยนใจให้ระทม
กลีบดอกไม้หล่นหักลืมรักแรก ใจแปลบแปลกทั้งชังชื่นทั้งขื่นขม
ดอกไม้ร่วงคล้ายฤทัยพี่ลอยลม มีรักใหม่สุขสมลืมรักเรา’
พระนางทรงทอดพระเนตรมาลีดังกล่าวอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะละสายพระเนตรไปยังทัศนียภาพรอบพระวรกาย ทัศนียภาพรอบพระวรกายช่างงดงามต่างจากพระทัยของพระนางที่มีม่านหมอกมาบดบังเสียจนมืดมนทั้งพระทัย
“น้องหญิงมาอยู่ที่นี่เอง พี่ตามหาเสียทั่วเลย” พระสุรเสียงหวานของพระสวามีทำให้พระนางทรงแย้มพระโอษฐ์ หากแต่เมื่อทรงทอดพระเนตรเห็นผู้ที่ติดตามพระสวามีมา พระนางก็ทรงปรับพระพักตร์ให้ราบเรียบดังเดิม
“เสด็จพี่ทรงมีอันใดให้น้องรับใช้เพคะ”
“ใครจะใช้มเหสีของตัวเองได้ลงคอกันเล่าน้องหญิง” ตรัสพร้อมกับประทับเคียงข้างพระมเหสี
“ถ้าเยี่ยงนั้นเสด็จพี่ทรงตามหาน้องด้วยเหตุอันใดเพคะ”
“คือว่าตอนนี้ สวรินทร์กำลังตั้งครรภ์ลูกของพึ่”
“แล้วเสด็จพี่มาบอกน้องทำไมเพคะ พระองค์ต้องการให้น้องแสดงความยินดีกับนางฤๅเพคะ”
“มิใช่เยี่ยงนั้น เพียงแต่พี่คิดว่า หากลูกของนางเป็นพระโอรส พี่จะแต่งตั้งนางให้เป็นพระมเหสีฝ่ายซ้าย เพื่อให้เหมาะสมกับตำแหน่งพระราชมารดาของพระโอรสแห่งพี่ น้องจะว่าเยี่ยงไร”
“สุดแล้วแต่เสด็จพี่เถิดเพคะ สิ่งไรที่เสด็จพี่เห็นควร น้องฤๅจะกล้าขัดพระบัญชา” ตรัสพร้อมแย้มพระโอษฐ์ หากแต่ในพระทัยของพระนางมิได้สุขสราญเหมือนดั่งสีพระพักตร์ที่ทรงแสดงออก
“ขอบใจน้องมาก พี่นึกไว้อยู่แล้วว่าน้องต้องเห็นด้วย”
“เพคะ”
นางกำนัลถือพระสุพรรณภาชน์บรรจุพระกระยาหารนานาชนิดที่พระสนมสวรินทร์ทรงลงมือปรุงด้วยพระองค์เอง ซึ่งนางใช้ความประณีตบรรจง ในการปรุงแต่งให้พระกระยาหารให้มีหน้าตาออกมาวิจิตรงดงามชวนเสวยมาถวายพระนางภวรัตน์ราชเทวีผู้เป็นสหายเก่าและพระราชาผู้เป็นพระสวามีอันเป็นที่รักของนาง
“เครื่องเสวยนี้ สวรินทร์ปรุงขึ้นเพื่อน้องและพี่” องค์ชัยวรเมธตรัสพร้อมกับเลื่อนสำรับอาหารวางตรงเบื้องพระพักตร์ของพระนางภวรัตน์ราชเทวี
“มัสมั่นไก่ กระหม่อม” พระสนมสวรินทร์เลื่อนถ้วยแกงให้พระนางชิม ราวกับให้ระลึกถึงสัมพันธมิตรครั้งเก่าก่อน
“รสชาติอาหารของเจ้ายังเหมือนเดิมมิเปลี่ยน” พระนางเอ่ยชมแลเสวยเงียบๆ
พระเจ้าชัยวรเมธลอบส่งสายตาให้พระสนมสวรินทร์ที่นั่งอยู่เบื้องล่าง ท่าทีโปร่งใจนักเมื่อเห็นว่าพระนางภวรัตน์ฯมีท่าทีอ่อนลง พระกระยาหารมื้อนี้จึงเลิศรสยิ่งนักมิว่าจะเป็นรสมือพระสนมทรงโปรด หรือบรรยากาศในการร่วมเสวยของพระนางภวรัตน์ราชเทวี องค์ชัยวรเมธทรงเอาใจพระนางทั้งตักโน่นเติมนี่มิให้พร่อง ฝ่ายพระสนมสวรินทร์จัดถวายทั้งพระกระยาหารคาวและหวาน และไต่ถามพระประสงค์แม้พระนางจะทรงเพียงแย้มพระโอษฐ์เล็กน้อย แต่เพียงเท่านี้ก็ทำให้พระสนมสวรินทร์รู้สึกดีใจมากแล้ว
ราตรีนี้หม่นมัวนัก พยับเมฆเคลื่อนทับบดบังแสงดาวแสงเดือนจนดูอึมครึมไปทั่วทั้งพระนคร สายฝนกระหน่ำลงในกลางดึกคืนนั้น คืนที่องค์ชัยวรเมธประทับร่วมกับพระสนมสวรินทร์ด้วยพระทัยที่เปี่ยมสุข ตรงข้ามกับพระนางภวรัตน์ราชเทวีที่ทั้งดวงพักตร์และพระทัยของพระนางเจิ่งนองไปด้วยหยาดน้ำแห่งความทุกข์ระทมมิต่างจากสายฝนที่กระหน่ำอยู่ภายนอกพระตำหนัก
....................................................................................