บทที่ 8
หญิงพบว่ามันง่ายเหลือเกินที่จะปล่อยให้ริมฝีปากนุ่มของคนที่รักพาล่องลอยไปไกล กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ทำให้อยากอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ
"ไม่ได้" หล่อนกลั้นใจผลักอีกฝ่ายออก ดวงตาคู่สวยงุนงงเล็กน้อย
"พิม" เธอประคองหน้า จ้องลึกเข้าไปในตาสีน้ำตาลอ่อนสวย
"เราอย่าทำผิดซ้ำเป็นครั้งที่สองเลยนะ" หยาดน้ำหยดลงบนมือใหญ่ กิตติญาปาดมันออกอย่างแผ่วเบา จากนั้นจูบเปลือกตา ห่มผ้าผืนหนาให้อีกฝ่ายเป็นการบอกให้นอนเสีย
อกของคนร่างบางขึ้นลงเป็นจังหวะการหลับสนิท จิณณพัตเจออะไรหลายอย่างวันนี้ ไม่ว่าเจ้าตัวจะจำได้หรือไม่ก็ตาม เธอทำถูกแล้วที่ไม่ยอมปล่อยอารมณ์ให้เลยเถิด เป็นสิ่งที่ยอมไม่ได้
คนตัวสูงลืมตาขึ้นเมื่อแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาอย่างเต็มที่เพราะผนังฝั่งที่เป็นกระจกไม่ได้ปิดม่านเอาไว้ เมื่อคืนหล่อนนอนที่โซฟาแล้วมองออกไปข้างนอก คิดเรื่องของคนที่หลับอยู่ในห้องแล้วตัวเองก็เข้าสู่ภวังค์ตอนไหนก็ไม่รู้
"อ้าวหญิงทำไมมานอนโซฟาล่ะ" สาวผมสั้นทัก คนตัวเล็กอยู่ในชุดยูนิฟอร์มของร้านสะดวกซื้อชื่อดัง
"นอนคิดอะไรนิดหน่อยน่ะแล้วเผลอหลับไปน่ะ" หล่อนบอกความจริงครึ่งหนึ่ง
"ดูแลตัวเองบ้างสิ" อีกฝ่ายส่ายหน้า คงไม่ชอบที่เธอมานอนข้างนอกแบบนี้
"หญิงรู้" สาวหน้านิ่งสวยตอบ พลางยิ้มเล็กน้อย
"อือ กวางไปทำงานแล้ว เดี๋ยวเย็นๆ จะซื้อของเข้ามาทำกับข้าวให้นะ" คนผมสั้นไม่รอคำตอบพูดเสร็จก็เดินออกจากห้องไป
กัลยาคงเริ่มที่จะเปลี่ยนตัวเองบ้างแล้ว แววตาคู่นั้นไม่โศกอีกต่อไป มันดูมีความสุขอย่างที่กิตติญาไม่เคยเห็นมาก่อน
เธอยืดเส้นยืดสายสักพักก่อนจะเดินไปยังห้องนอนของตัวเอง เพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อคืนแค่หยิบเสื้อนอนมาเปลี่ยนไม่ได้ชำระล้างตัว เพราะไม่อยากให้เสียงรบกวนคนที่เพิ่งหลับไป
จิณณพัตยังคงหลับอยู่ในชุดเดิมและท่าเดิมไม่มีเปลี่ยน แตกต่างตรงที่ชุดราตรีสวยๆ นั้นดูยับยู่ยี่ไปหมด สายที่คล้องไหล่มนตก เผยให้เห็นเนินเนื้อรำไร หล่อนเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วจัดการให้อีกฝ่ายไม่ล่อแหลมเกินไป ถึงจะมีความอดทนแค่ไหน แต่ถ้าเจอแบบนี้บ่อยๆ ตัวเธอเองจะฝืนความต้องการได้แค่ไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน
อืม...รู้สึกปวดหัวจัง ความคิดแรกของหล่อนเมื่อตื่นนอน แสงแดดลอดผ้าม่านสีดำบางเข้ามา แต่ไม่ใช่เพราะแสงยามเช้าหรอก เสียงน้ำไหลรินต่างหากที่ปลุกเธอจากการนอน
ที่นี่ที่ไหนเนี่ย เธอมองรอบห้อง นึกไม่ออก ไม่ใช่ห้องของหล่อนหรือโรงแรมแน่ๆ เมื่อสายตาพบรูปที่หัวเตียงก็รู้ทันทีว่าเป็นคอนโดของเพื่อนสาว หญิงสาวรู้สึกโล่งใจ
คนร่างบางนึกถึงเมื่อคืน เธอจำได้ว่าดื่มกับสาวน้อยไปแก้วหรือสองแก้วแล้วความจำก็หายไปดื้อๆ นี่หล่อนเมาง่ายขนาดนี้เชียวเหรอ มันแปลก จริงๆ แล้วหญิงสาวไม่ใช่คนเมาง่าย สมัยเรียนก็ดื่มบ่อย เหล้า เบียร์ ไวน์ วอดก้า ฯลฯ เธอผ่านมาหมดแล้ว อย่าว่าแต่แก้วเดียวเลย บางทีหมดขวดหรือยกลังยังไม่ทำให้หมดสติไปแบบนี้
ยังไม่ทันคิดอะไรไปมากกว่านั้น สาวร่างสูงก็เดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ ผมยาวที่เคยสลวยเปียกชุ่มแต่ยังคงดูเงางาม
"ตื่นแล้วเหรอพิม เดี๋ยวอาบน้ำต่อจากหญิงนะ หญิงจะไปทำอาหารเช้าให้" นัยน์ตาสีเกือบดำมีบางอย่างวูบไหว หล่อนกำลังจะอ้าปากถามว่ามีอะไรรึเปล่า อีกฝ่ายยกมือขึ้นห้าม
"ไว้ทานข้าวเช้าเสร็จแล้วค่อยคุยกันนะ" เธอพยักหน้ารับ คิดว่าดีเหมือนกัน ตอนนี้รู้สึกเหมือนสมองไม่ค่อยทำงานยังไงไม่รู้
บนโต๊ะกระจกสีดำเล็กๆ มีอาหารเช้าแบบตะวันตกวางอยู่ เคียงคู่กับสลัด ไม่ใช่อาหารที่ปกติเธอทานยามเช้า ส่วนมากถ้าไม่ซื้ออาหารแบบไทยๆ ข้างทางทาน หล่อนก็ทำอะไรง่ายๆ ไม่ข้าวต้มก็ผัดผัก แต่เช้านี้ได้เปลี่ยนบ้างก็ดี
น้ำสลัดที่ราดไว้อร่อยมาก เปรี้ยวหวานกำลังดี เธออยากลองทานคู่กับมันฝรั่งต้มบดเสียจริง คงอร่อยมากๆ เหมือนกัน ไข่ดาวโดยเฉพาะไข่แดงตรงกลางเป็นตานีแบบที่หญิงสาวชอบ เธอละเลียดทีละน้อย ไส้กรอกหมูก็เนื้อแน่น กัดแต่ละคำรู้สึกเหมือนเนื้อเด้งอยู่ในปาก ไม่ยักรู้ว่าคนตรงหน้าทำอาหารได้ดีขนาดนี้ ที่ไม่เคยรู้เพราะไม่เคยทานอาหารฝีมือกิตติญาเลยสักครั้ง เจอหน้ากันทีไรก็ชวนกันไปทานข้างนอกเสียทุกที
เมื่ออิ่มกันทั้งคู่ก็ช่วยกันล้างจานชามให้สะอาด คนตัวสูงล้างมือบ่อยเหมือนเคย โรครักสะอาดไม่เคยเปลี่ยน
"พิม...จำเรื่องเมื่อคืนได้ไหม" คนหน้าคมถามด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกใดๆ เหมือนเช่นเคย
"ก็น้องฝนชวนพิมดื่มไวน์ แล้วพิมก็จำไม่ได้อีก" หล่อนตอบตามจริง
"พิมต้องระวังน้องคนนั้นไว้ให้ดีนะ เขาคงวางยาพิมน่ะหญิงว่า เพราะพิมน่ะปกติถ้าเมาต้องพูดนู่นพูดนี่เยอะแยะ แต่นี้ไม่รู้ตัวเลย นอนนิ่ง" คนตัวสูงบอก สันกรามเห็นชัดขึ้นเหมือนกัดฟันอยู่
"อืม คงเป็นอย่างนั้นจริงๆ พิมเองก็รู้สึกว่าแปลกๆ" เธอเห็นด้วย
"แล้วรู้ไหม เขาถอดเสื้อผ้าพิมจนหมด หญิงพาตัวพิมมาจากห้องนอนเด็กคนนั้น ถ้าหญิงช้าป่านนี้ไม่รู้พิมจะเป็นยังไงบ้าง" เสียงนุ่มแฝงความโกรธ
"ขอบคุณนะที่ช่วยพิม" เธอยิ้ม เรื่องดวงฤทัยหล่อนจะเก็บไปจัดการในภายหลัง
คนตรงหน้าถอนหายใจ จิณณพัตรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่แววตาคมๆ นั้นบอกว่าเป็นห่วงเป็นใยเธอแค่ไหน
"หญิง" หญิงสาวเรียกชื่ออีกฝ่าย
"หือ"
"พิมลองคิดแล้ว และพิมก็คิดอะไรไม่ออก เราลองคบกันไม่ได้เหรอ" หล่อนคิดว่าถ้าเป็นแฟนกัน บางทีอาจจะทำให้ความรู้สึกต่างๆ กระจ่างขึ้นมาบ้างก็เป็นได้
"พิมแล้วภาคล่ะ" คนตัวสูงแสดงความเป็นกังวลสงสัย
"กับภาคก็ยังเหมือนเดิม" เธอตอบ สีหน้าอีกฝ่ายเปลี่ยนไปในทันที
"ขอโทษนะพิม แต่หญิงไม่เคยคิดที่จะเป็นชู้ใคร" น้ำเสียงดุดันอย่างที่พิมไม่เคยเจอมาก่อน กิตติญาไม่เคยทำท่าเหมือนโกรธหล่อนขนาดนี้เลย
"พิมขอโทษ แค่...เอ่อ แค่ทางใจก็ได้" หญิงสาวหาทางออกให้กับสถานการณ์ที่เริ่มตรึงเครียด
คนตรงหน้าคลายอารมณ์ลง แลดูครุ่นคิด ชั่งใจ เธอภาวนาให้ตอบตกลง เพราะไม่สามารถทนความรู้สึกแบบนี้ได้โดยที่ไม่มีสิทธิ์อะไรเลยสักอย่าง
"ตกลง" คนตัวสูงตอบออกไป
แค่ได้ผูกพันกันทางใจ หล่อนก็ยอมเสียแล้ว ทำไมใจถึงง่ายแบบนี้นะ เธอควรปฏิเสธหรือไม่ก็ตัดขาดไปเลย จะได้ไม่ลังเลอะไรอีก แต่ถ้าให้เจอความปวดร้าวเหมือนที่ผ่านมา ก็ไม่อาจชนะข้อเสนอนี้ได้ มันหอมหวานเชื้อเชิญกว่ามากมายนัก
"ดีใจจังเลย" จิณณพัตกลายร่างเป็นเด็กตัวเล็กๆ ทันตา คนร่างบางลุกมานั่งข้างๆ พลางกอดเธอเสียแน่นบอกให้รู้ว่ามีความสุขแค่ไหน
"ไหนว่าแค่ทางใจไงคะ" หล่อนถามย้ำ
"แค่กอดไม่นับนะหญิง นิดๆ หน่อยๆ เอง" จมูกเล็กๆ เชิดขึ้นอย่างคนไม่ยอมแพ้ หญิงสาวอดส่ายหน้าไม่ได้ เจ้าเล่ห์จริง แต่หล่อนก็ชอบ
"เอ...อะไรเหม็นๆ นะ" กิตติญาแกล้งพูดลอยๆ ทำหน้าให้กลับไปเรียบเฉย สาวตาสวยดมผิวเนื้อตัวเองทันที จมูกฟุดฟิด เธอเกือบหลุดขำไปเสียแล้ว
"ไม่เห็นมีอะไรเหม็นเลย" เสียงหวานตอบงอนๆ
"เหม็นสิ ชุดเนี้ยตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ เอาชุดหญิงไปใส่สิคะ" คนตัวสูงแนะ
"จะใส่ได้เหรอ หญิงตัวใหญ่กว่าพิมนะ" เธอมองคนในอ้อมกอด จริงๆ ก็ไม่ได้ห่างกันมากนัก จิณณพัตคงห่างจากหล่อนเพียงไซส์เดียว น่าจะพอมีชุดที่ใส่ได้อยู่บ้าง
"ลองดูก่อน" หญิงสาวจูงมืออีกฝ่ายกลับไปที่ห้องนอน
เสื้อยืดไว้ใส่อยู่บ้านพิมใส่ได้ถึงจะไม่พอดีตัวนัก แต่ก็ไม่ได้ดูหลวมโพรกจนน่าเกลียด ส่วนกางเกงเธอเลือกแบบยางยืดขาสั้นให้ เพราะถ้าใส่กางเกงยีนส์อาจจะหลุดได้ เอวอีกฝ่ายบางเหลือเกิน
"เหมือนกลับไปเป็นวัยรุ่นเลย" สาวหน้าใสยิ้มขำๆ
"วัยรุ่นคลั่งรักด้วย" เธอเสริมติดตลก ล้ออีกฝ่าย
"บ้า แหมเป็นแฟนแค่นี้ได้ใจนะหญิง" คนตัวสูงแค่ไหล่ตีหล่อนเบาๆ แก้เขิน
กิตติญาไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่ยักคิ้วว่าเป็นต่ออยู่ยั่วคนตรงหน้าเล่น ได้ตกลงทำอะไรสักอย่างลงไปก็ดีไม่น้อยเหมือนกัน ดีอย่างที่รู้ว่าตัวเองทำอะไรได้บ้าง
"เอาชุดราตรีใส่ถุงนี่ดีกว่าจะได้ไม่ต้องพาดแขนให้เกะกะ" พิมค่อยๆ พับชุดอย่างช้าๆ ก่อนจะใส่ถุงกระดาษอย่างระวัง
"จะกลับบ้านเลยไหม" เธอถามต่อ
"อือ ก็ดีเหมือนกัน" คนตัวบางพูดก่อนทำตาโต
"รถพิมอยู่ที่บ้านน้องฝนอ่ะ กระเป๋าถือพิมล่ะ หญิงได้หยิบมาไหม" คนหน้าหวานเริ่มร้อนลน มองหากระเป๋าสีเดียวกับชุด
"อยู่ในรถหญิงน่ะ งั้นเดี๋ยวเราไปที่บ้านน้องคนนั้นกัน พิมไม่ต้องกลัวนะ หญิงไม่ให้น้องคนนั้นทำอะไรพิมอีกแน่นอน" เธอพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มแต่หนักแน่น ไม่อยากให้อีกฝ่ายเป็นกังวลหรือกลัวอะไร
"อืม พิมเชื่อ" เสียงหวานพูดเบาๆ ก่อนจะกอดเธออีกครั้ง
มีข้อความจากสามีของเธอพร้อมกับสายที่ไม่ได้รับอีกจำนวนหนึ่ง จิณณพัตไม่ได้เปิดอ่านในทันที รู้ว่าเขาต้องเป็นห่วงที่หล่อนไม่รับโทรศัพท์จึงส่งข้อความมาหา แต่ทำไมถึงรู้สึกไม่อยากสนใจก็ไม่รู้เหมือนกัน ยังกับว่าเขาเป็นคนอื่นไม่ใช่คนที่แต่งงานกันมา 5 ปี หรือว่าเธอเริ่มเบื่อความสัมพันธ์อันราบเรียบกันนะ
การคบพร้อมกันทั้งสองคนหญิงสาวรู้ว่ามันผิด จริงๆ แล้วหล่อนผิดตั้งแต่ยินยอมเพื่อนในคืนนั้น และก็บาปเรื่อยมาจนกระทั่งคิดว่าตัวเองรักคนสองคน แถมแยกไม่ออกว่าคนไหนกันแน่ที่รักจริง ถ้านนทพันธ์รู้เข้าเขาจะรู้สึกยังไงนะ จะโกรธไหม เกลียดไหม เธอไม่รู้ ไม่อยากคิด ขอแค่เพียงได้มีความสุขก็พอ
เสียงเพลงถูกฮัมก้องไปทั่วระเบียง หญิงสาวได้ยินชัดเจน จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากกัลยา เสียงใสๆ แบบนี้ เธอเดินไปเปิดประตู จำได้ว่าอีกฝ่ายบอกจะซื้อของมา
"ขอบใจหญิง" หน้าขาวสะอาดใสยิ้มแป้นบวกกับตัวไม่สูงจึงดูน่ารัก
"เยอะไปรึเปล่ากวาง" คนตัวสูงทัก เมื่ออีกฝ่ายวางถุงลงบนโต๊ะทานข้าวในห้องครัว
"ไม่หรอก ถ้าทำทานเรื่อยๆ ก็หมด ผักบางชนิดอยู่ได้นาน" คนตัวเล็กตอบแทรกเพลงที่ร้อง
"อารมณ์ดีจริง ไหนมีอะไรให้หญิงช่วยบ้าง" หล่อนขันอาสา ยืนเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรก็รู้สึกเหมือนเอาเปรียบเพื่อนสาวจนเกินไป อีกฝ่ายอุตส่าห์เปลืองเงินทองซื้อของมาตั้งมากมาย
"งั้นปอกเปลือกอันนี้นะ แล้วก็แบ่งเป็นซีกๆ หั่นตามแนวขวางธรรมดา" สาวผมสั้นส่งผักชนิดหนึ่งมาให้ รูปร่างประหลาด
"เขาเรียกว่าฝักแม้ว มะระหวาน หรือซาโยเต้ก็ได้ ไม่เคยทานล่ะสิ" ปากเล็กยิ้ม
"อือ ไม่เคย แต่ยอดมะระหวานหญิงเคยทานนะ อร่อยดี" หล่อนรับลูกอวบๆ ผิวเขียวอ่อนไม่เรียบมาแล้วเริ่มปอกเปลือกออกอย่างช้าๆ ด้วยความไม่ชำนาญ
"อันนี้ก็อร่อยเหมือนกัน" อีกฝ่ายบอก มือเล็กๆ วุ่นกับการเอาของออกจากถุง ส่วนหนึ่งใส่ตู้เย็น อีกส่วนวางเรียงรายรอการใช้
ไม่นานคนตัวเล็กก็เริ่มลงมือเอาฝักแม้วที่เธอหั่นบางๆ ลงกระทะผัด ใส่น้ำมันหอย ซีอิ๋วขาว น้ำตาล น้ำมันเล็กน้อย จากนั้นก็ตอกไข่ลงไป กลิ่นหอมเตะจมูก กัลยาดูชำนิชำนาญยังกับแม่ครัวมืออาชีพ บางทีคนตรงหน้าอาจจะเคยเป็นแม่ครัวมาแล้วก็ได้ เธอไม่ค่อยได้ถามหรือรับรู้ข่าวว่าอีกฝ่ายไปทำอะไรอยู่หลังจากเรียบจบม.ปลายแล้ว นานๆ ทีจะมีโทรศัพท์มาซึ่งก็มีแต่เรื่องเสียน้ำตาทั้งนั้น
ตอนที่คนตรงหน้าบอกว่าที่บ้านไม่ให้เรียนต่อให้ทำงานเลย หล่อนยังแย้งว่าเรียนต่อเถอะ ค่าเรียนเธอรับผิดชอบให้ได้ คนตัวเล็กกลับบอกว่าไม่เป็นไร ที่บ้านอยากให้ทำงาน มีหนี้ที่ต้องใช้ กิตติญาเลยไม่รู้จะช่วยยังไง ถึงจะมีเงินแต่ถ้าต้องให้ใช้หนี้แทนครอบครัวของเพื่อนมันก็คงจะมากเกินไป จึงได้ปล่อยเพื่อนไปตามนั้นไม่ได้ทักท้วงอะไรอีก
"เสร็จแล้ว" เสียงใสบอก พลางตักฟักแม้วที่เปลี่ยนจากสีขาวขุ่นๆ กลายเป็นใสๆ ลงในจาน
กัลยายังไม่หยุดมือ หันไปหยิบหม้อใบเล็กออกมา ใส่น้ำเปล่าลงไป เมื่อเดือดจึงตักพริกแกงจากถุงลงไปผสม เติมนู่นนิดนี่หน่อย ใส่มันฝรั่งกับแครอทหั่นเต๋า แล้วก็ข้อเอ็นไก่ สักพักใหญ่จึงตามด้วยหอมใหญ่หั่นเสี้ยว ใบมะกรูด ปิดเตาแล้วเติมน้ำมะนาวเป็นอันเสร็จ
เป็นต้มยำที่น่าทานไม่น้อย ปกติกิตติญาเคยทานแต่ข้อเอ็นไก่ทอด ไม่เคยทานแบบมาต้มเสียที คงกรุบดีไม่น้อย คนตัวเล็กดูจะภูมิใจกับผลงาน เพราะยิ้มจนเห็นฟันขาว
"กวางนี่ก็แม่ศรีเรือนเหมือนกันนะ ใครได้เป็นภรรยาคงโชคดี" เธอพูดพลางคดข้าวใส่จาน
"แล้ว...เอ่อ หญิงชอบไหมอ่ะ" เสียงใสพูดอ้อมแอ้ม
"ชอบสิ กับข้าวน่าทานออก" หญิงสาวตอบมองอาหารบนโต๊ะ
"กวางไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น"