web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 31
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 149
Total: 149

ผู้เขียน หัวข้อ: บทที่ ๕ : เคราะห์ซ้ำ....กรรมซัด  (อ่าน 1953 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทอถักอักษรา

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 73
บทที่ ๕ : เคราะห์ซ้ำ....กรรมซัด
« เมื่อ: 13 เมษายน 2014 เวลา 21:56:09 »
ปาฏิหาริย์สายธารแห่งรัก
บทที่ ๕ : เคราะห์ซ้ำ....กรรมซัด

   แสงอรุณได้สาดส่องลอดม่านหน้าต่างเข้ามาในห้องนอน  ปลุกให้กานต์พิชชาลืมตาตื่นขึ้นมา ก่อนตกใจสุดตัวเมื่อเห็นร่างบางของปภาวรินทร์ซุกกายหลับใหลอยู่บนเตียงเดียวกัน สายตาของเขากวาดไปรอบๆห้อง ห้องที่เขาเคยอาศัยอยู่กับปภาวรินทร์ รูปคู่แสนหวานบนหัวเตียง เสื้อผ้าของเขา นาฬิกาข้อมือ ฯลฯ ข้าวของทุกชิ้นยังวางอยู่ที่เดิม 
เขามองอยู่ชั่วครู่ก่อนละสายตากลับมาที่ใบหน้าสวยของปภาวรินทร์ ก่อนที่จะโน้มตัวลงพินิจดูอย่างใกล้ชิด เกลี่ยเส้นผมบางๆที่ปรกใบหน้าออกเผยให้เห็นแก้มใสเรื่อผุดผ่องอย่างที่เขาเคยหลงใหล จึงทรงก้มลงไปหาหมายจะจุมพิตแก้มใสนั้น แต่อีกใจหนี่งมันค้านให้เขารีบลุกจากที่นอนและมองร่างนั้นด้วยแววตาเคียดแค้นแทน กานต์พิชชาจึงลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวและออกไปจากห้องนั้นอย่างเงียบกริบ
   หลังจากที่กานต์พิชชากลับไปไม่นานนัก ปภาวรินทร์ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกปวดระบมไปทั่วร่าง เธอมองหากานต์พิชชาแต่ก็ไม่เจอแม้แต่เงา ทิ้งไว้เพียงความรุนแรงที่ปรากฏเป็นรอยช้ำในบางจุดของร่างกายเธอเท่านั้น อยากจะคิดว่าตัวเองฝันไปกับเรื่องราวเมื่อคืนแต่ร่องรอยที่เกิดกับร่างกายเธอนั้นเล่า มันใช่เป็นเพียงความฝันจริงๆหรือ ?
   ยังไม่ทันที่ร่างบางจะลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว ก็ปรากฏเสียงเคาะประตูขึ้น หล่อนรีบลุกขึ้นเปิดประตูด้วยอารามดีใจเพราะนึกว่าเป็นกานต์พิชชา แต่ทว่าเมื่อเปิดประตูออกไปแล้ว เขาคนนั้นหาใช่คนที่เธอกำลังคิดถึงอยู่ไม่ ! แต่กลับเป็นคนอีกคนหนึ่งซึ่งเธอไม่ต้องการแม้แต่จะเห็นหน้าแทน ร่างบางจึงรีบปิดประตูโดยไวแต่ช้ากว่าใครคนนั้นที่ยื่นแขนแข็งแรงออกมาดันประตูเอาไว้ ก่อนที่จะย่างสามขุมเข้ามาในห้อง
   “กรี๊ด ! อย่าเข้ามานะ ออกไป !”
ร่างบางกรีดร้องอย่างตื่นตระหนก แต่เขาคนนั้นได้ใช้ฝ่ามืออันใหญ่โตอุดปากเธอเอาไว้เสียแน่น  แม้เธอจะพยายามส่งเสียงร้องออกมาเพียงใดก็ไร้ซึ่งสรรพสำเนียงเล็ดลอดออกมา !!!!
“เงียบก่อนสิหนิง แล้วเราจะปล่อย”
“อืม” ร่างบางส่งเสียงอู้อี้ในลำคอ ก่อนที่อีกฝ่ายจะปล่อยให้เป็นอิสระ
“เข้ามาทำไม เดี่ยวยามก็เห็นหรอก”  ร่างบางตวาดเสียงแหวด้วยความไม่พอใจ
“เราอยากจะมาขอโทษที่ทำให้ผึ้งเข้าใจหนิงผิด คือว่าเรา....”
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นต้น จัดการเรื่องของตัวเองให้รอดก่อนเถอะ เรื่องเรากับผึ้ง ถ้าไม่มีคนนอกอย่างเธอเข้ามา มันคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหรอก”
“เราคงเป็นได้เพียงแค่คนนอกสินะ ความเป็นเพื่อนที่เคยมีให้กันมามันคงไม่เหลือแล้งใช่ไหม”
“เพื่อนกันเขาคงไม่ทำแบบนี้หรอกต้น เราไม่น่าช่วยต้นพิสูจน์อะไรบ้าบออย่างนั้นเลย”
   “เรากลับก็ได้ แต่เราแค่อยากให้หนิงให้อภัยเรา” เต็งหนึ่งพูดก่อนเปิดประตูออกไปจากห้องของปภาวรินทร์
เมื่อเต็งหนึ่งออกจากห้องไปแล้ว ปภาวรินทร์จึงอาบน้ำแต่งตัว ชุดกระโปรงติดกัน ตัวเสื้อเป็นสีขาวคอเต่าพอดีตัวกับกระโปรงทรงพลีทยาวคลุมเข่า ใบหน้ารูปไข่เนียนละเอียดขาวอมชมพูระเรื่อ ผิวขาวนวล เปล่งปลั่งด้วยเลือดฝาด คิ้วเรียว  ดวงตาสองชั้นกลมโต จมูกโด่ง ผมยาวสีดำสลวยเรือนร่างสูงโปร่งทำให้ใครๆต่างเหลียวมอง  เมื่อปภารินทร์ขับรถจักรยานยนตร์คันเก่งไปยังหอพักที่กานต์พิชชาไปอาศัยอยู่กับอาทิตยาและศิรภัสสร ประตูปิดสนิทถูกล็อคอย่างแน่นหนาด้วยแม่กุญแจขนาดใหญ่ ปภาวรินทร์ได้แต่มองด้วยความผิดหวัง ก่อนเดินออกหอพักแล้วขับรถจักรยานยนตร์ไปตามถนนอย่างไร้จุดหมายปลายทาง...
............................................................................

   ขณะนั้นเป็นเวลาบ่ายกว่าๆแสงแดดเจิดจ้าและร้อนแรง กานต์พิชชา อาทิตยา และศิรภัสสรพากันเดินลัดเลาะไปตามสุมทุมพุ่มไม้และซอกหิน ภายใต้เงาไม้อันร่มรื่น จนกระทั่งเดินมาถึงเชิงเขามุ่งหน้าไปทางน้ำตก ต้นไม้ยังแน่นขนัดสูงสล้างมีเถาวัลย์ใหญ่น้อยเลื้อยพันตามธรรมชาติ
   สองข้างทางเล็กๆที่สองสาวหล่อและหนึ่งสาวสวยเดินอยู่นั้น  เสียงจักจั่นเรไรกรีดเสียงร้องเจื้อยแจ้วสนั่นป่า นกหลายชนิดบิขวักไขว่ส่งเสียงร้องอยู่บนต้นไม้ใหญ่ กระรอกตัวน้อยหางเป็นพวงสวยงามกระโดดหยอยๆอยู่บนกิ่งไม้ ดอกไม้ป่าหลากสีชูช่อบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมมาตามลม ผีเสื้อบินตอมขวักไขว่ ผีเสื้อสีเหลืองบินลดเลี้ยวตามกันระหว่างซอกหิน  พวกเขาเดินไม่เร็วนักเพราะทางเดินสูงชันและขรุขระ บางครั้งทางก็ลาดต่ำมีก้อนหินโผล่ขึ้นมาระเกะระ กะตะปุ่มตะป่ำจึงต้องค่อยๆเดิน
ไม่ช้าได้ยินเสียงน้ำตกดังซ่าๆมาแต่ไกล อากาศเริ่มเย็นและชื้นขึ้น ต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาประสานกันเป็นร่มครึ้ม มีเถาวัลย์ขึ้นพันจนมองไม่เห็นลำต้น พอเลี้ยวโค้งก็เห็นลำธารซึ่งมีน้ำใสสะอาดไหลเซาะโขดหินคดเคี้ยวไปมาระหว่างสุมทุมพุ่มไม้ สามสาวเดินเลียบไปตามริมธารน้ำ เสียงน้ำตกดังใกล้เข้ามาทุกที อากาศก็เย็นและชื้นขึ้นเป็นลำดับ
ครู่ใหญ่ก็มาถึงหน้าผาสูงชัน ที่ในเวลานี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมาเที่ยวชมความงาม ธารน้ำแห่งนี้มีสายน้ำไหลตกลงมากระทบลานหินเบื้องล่างแตกกระเซ็นเป็นฟองฝอย มีเสียงซ่าๆอยู่ตลอดเวลา น้ำนั้นไหลลงจากลานหินระเรื่อยไปตามลำธารซึ่งมีลักษณะกว้างทางต้นน้ำแล้วค่อยแคบเข้าตอนปลาย บางแห่งแยกกันเป็นหลายสาย น้ำในสำธารใสจนมองเห็นท้องธารประดับประดาด้วยกรวดทราย และหินก้อนเล็กใหญ่หลากสีแลดูงดงามราวภาพฝัน
ฝูงปลาแหวกว่ายทวนน้ำขึ้นไปเป็นกลุ่ม กลีบดอกไม้ป่าร่วงโรยลง ลอยตามกระแสน้ำท้องธารที่ใดตื้นเขินก็ไปติดค้าง ลอยปริ่มน้ำวกวนอยู่ตรงนั้นราวกับใครมาโปรยปรายไว้ ผีเสื้อสีเหลืองพากันมาเกาะหุบปีกนิ่ง บ้างก็บินตามกันเป็นแถวลดเลี้ยวไปตามผิวน้ำและซอกโขดหิน เห็นเงาของมันไหวๆอยู่ในน้ำที่ใสปานกระจก  เสียงนกและแมลงต่างๆร้องประสานกันอยู่ในป่ารอบบริเวณนั้น ฟังไพเราะเหมือนเสียงดนตรีหลายชนิดประสานกัน
หญิงสาวทั้งสามยืนตะลึงชมความงดงามของธรรมชาติด้วยความรู้สึกเป็นสุข  ทัศนียภาพอันของน้ำตกแห่งนี้ช่างงดงามยิ่งนัก กานต์พิชชาเดินลงไปล้างมือล้างไม้ในธารน้ำ ฝั่งลำธารตรงนั้นค่อนข้างชัน
“ระวังหน่อยนะผึ้ง น้ำมันลึก” ศิรภัสสรร้องเตือนด้วยน้ำเสียงใสแต่เจือไปด้วยความห่วงใยในตัวเพื่อนสนิทที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาไม่นาน
“ไม่เป็นไรหรอก ขอบใจนะอัยย์” กานต์พิชชาพูดก่อนเดินลุยน้ำขึ้นไปเล่นน้ำบนลานหินที่น้ำไหลตกลงมา สาวหล่อหน้าใสลงไปแหวกว่ายธารน้ำเคล้าคลอกับฝูงปลาอย่างเพลินเพลิดใจ   
ทุกคนต่างก็แสวงหาความสุขสำราญจากความงามของธรรมชาติตามอัธยาศัยของตน ศัรภัสสรค่อยๆเดินลุยลงลำธารตรงที่ตื้นๆแล้วเลือกเก็บก้อนหินที่มีสีและรูปร่างสวยๆ ในขณะที่อาทิตยานั่งมองเหล่าผีเสื้อสีเหลืองที่เกาะผิวน้ำหุบปีกนิ่งอย่างสำราญใจ....
ในขณะที่กานต์พิชชากำลังแหวกว่าธารน้ำด้วยหัวใจที่เปี่ยมสุข  จู่ๆน้ำตรงนั้นก็กลายเป็นวังน้ำวนดึงร่างของกานต์พิชชาลงไปเบื้องล่าง เธอพยายามตะเกียดตะกายดันตัวเองให้โผล่ไปเหนือน้ำแต่ไม่สำเร็จ จนในที่สุดร่างของสาวหล่อหน้าหวานหมุนคว้างก่อนจมดิ่งหายไปในห้วงวารี...
“ผึ้ง!” อาทิตยาตะโกนออกมาอย่างตื่นตระหนก ก่อนที่เสียงตูมจะดังขึ้นของผู้ที่ลงไปช่วยเหลือ
         ........................................................................................




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.