web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 31
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 79
Total: 79

ผู้เขียน หัวข้อ: คืนนั้น...ของฉันและเธอ บทที่ 9  (อ่าน 1506 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ อาพัทธ์ อันธการ

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 74
คืนนั้น...ของฉันและเธอ บทที่ 9
« เมื่อ: 26 ธันวาคม 2013 เวลา 23:40:38 »
บทที่ 9

"แล้วยังไง" หล่อนขมวดคิ้วโดยอัตโนมัติ

"เอ่อ...เปล่า ทานกันดีกว่า เดี๋ยวจะเย็นหมด" อีกฝ่ายดูแปลกๆ เหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง เธอยักไหล่ เพื่อนสาวอยากพูดเมื่อไหร่คงบอกเอง


"คิดถึงนะ" หล่อนส่งข้อความไปหาคนหน้าหวาน เพิ่งแยกจากกันได้ไม่กี่ชั่วโมงจะโทรไปหาก็กลัวว่าจะมากเกินไป ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะพร้อมคุยไหม เวลาอยู่ที่บ้านกับสามี

"คิดถึงเหมือนกัน นิ่งๆ อย่างหญิงหวานเป็นกับเขาด้วย" จิณณพัตส่งข้อความกลับมาทันที

'ไม่ได้หวาน ก็แค่พูดความจริง' คนตัวสูงยิ้มกับคำล้อนั้น

'พูดไรก็ไม่รู้ พิมนอนแล้วนะ ราตรีสวัสดิ์' ดูเหมือนคนหน้ารูปหัวใจจะเขินเลยตัดบทเสียอย่างนั้น หล่อนแอบขำ

'ค่ะ ฝันดี ฝันหวาน ฝันถึงหญิงบ้างนะ' ข้อความสุดท้ายถูกส่งไป หล่อนรู้สึกมีความสุข การแสดงความรู้สึกแบบเพื่อนกับแบบแฟนช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ถ้าก่อนหน้านี้เธอคงไม่มีวันพูดอย่างนี้เลย เพราะไม่มีสิทธิ์ แต่ตอนนี้สามารถทำได้แล้ว แม้จะเป็นเพียงข้อความไม่ใช่การโทรศัพท์คุยกัน

"หญิงยิ้มไรน่ะ" กัลยาทักขณะเดินออกมาจากห้องนอนด้านซ้ายซึ่งตรงข้ามกับห้องของเธอ

"ไม่มีไรหรอก หญิงก็แค่มีความสุข" หญิงสาวพูดคลุมเครือ อมยิ้ม

"แปลกจัง ปกติหญิงยิ้มยากจะตาย กวางเพิ่งเคยเห็นหญิงยิ้มรู้ไหม ยิ้มสวยจัง" คนตัวเล็กทำหน้าสงสัยปนประหลาดใจ

"เหรอ ขอบใจนะ" หล่อนรับคำชม เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองเป็นเสือยิ้มยาก คงเพราะชีวิตของเธอไม่ได้มีความสุขอะไรขนาดต้องยิ้มตลอดล่ะมั้ง งานก็แสนเคร่งเครียด ชีวิตความรักก่อนหน้านี้ก็เจ็บปวด ครอบครัวไม่ต้องพูดถึงไม่มีอะไรดีสักอย่าง แถมเจอคนตรงหน้าทีไรก็เอาแต่ร้องไห้ทุกที แล้วเธอจะยิ้มด้วยเรื่องอะไรได้ล่ะ

"อือ พรุ่งนี้กวางหยุดแหละ ไปเที่ยวกันไหม" เสียงใสกระตือรือล้น หน้าเล็กๆ นั่นตื่นเต้นคาดหวังว่าหล่อนจะตอบรับ

"ที่ไหนล่ะ" เธอถาม

"อืม ห้างที่เปิดใหม่ดีไหม ชื่ออะไรนะที่อยู่แถวเอกมัย" คนตัวเล็กผอมทำท่านึก

"Gateway" กิตติญาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

"นั่นแหละ เห็นเพื่อนที่ทำงานบอกว่ามีแมวยักษ์หน้าห้างด้วย ไปถ่ายรูปกันนะ ถือว่าพักผ่อน หญิงน่ะเอาแต่ทำงาน กลับห้องก็ดึกดื่นทุกวันเลย" คนผมสั้นพูดเหมือนงอนๆ

"ก็ได้" หญิงสาวตอบตกลง รู้สึกผิดที่ไม่มีเวลาให้เพื่อน หล่อนเอาแต่ทำงานจริงๆ น่ะแหละ ซึ่งมันก็ช่วยไม่ได้ เธอเพิ่งเปิดบริษัทได้ไม่นาน หลายอย่างยังไม่ลงตัว

"ไปนอนกันเหอะ พรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้า" กัลยายิ้มดีใจ พลางฉุดเธอให้ลุกขึ้น อีกฝ่ายดูเหมือนเด็กเล็กๆ ไม่มีผิด น่ารักใสซื่อ รู้สึกอย่างไรก็แสดงอย่างนั้น



เพื่อนสาวปลุกเธอตั้งแต่ยังไม่แปดโมงเช้า เดินทางด้วยรถไฟฟ้าก็สะดวกดีเพราะคอนโดเธอก็อยู่ใกล้ๆ สถานีอยู่แล้ว เดินแค่ไม่กี่เมตรก็ถึง

คนผมสั้นถ่ายรูปตั้งแต่ยังไม่ออกจากห้อง กล้องก็ไม่ใช่ของใครนอกจากเธอ เพราะเห็นว่าที่ถ่ายรูปของอีกฝ่ายช่างความละเอียดต่ำเหลือเกิน อาจจะเพราะซื้อมาหลายปีแล้ว จึงคิดว่าใช้ของหล่อนน่าจะดีกว่า กิตติญาซื้อมาก็มีโอกาสใช้ไม่กี่ครั้ง

"นั่นไงแมวยักษ์" สาวน้อยในร่างผู้ใหญ่ชี้ไม้ชี้มือ

"อือ ไปยืนสิ เดี๋ยวถ่ายรูปให้" เพื่อนทำตามอย่างว่าง่าย รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังเจ้าเหมียวตัวเท่าตึกทันที

เธอชูนิ้วเป็นสัญญาณให้รู้ว่าจะถ่าย ก่อนจะกดชัตเตอร์ กัลยาโพสหลายท่าหล่อนก็ถ่ายให้หมดไม่มีเกี่ยง

"หญิงไปถ่ายบ้างสิ" กวางเดินกลับมาหาพร้อมบอก

"ไม่เอาล่ะ ไม่ชอบถ่ายรูป" หล่อนบ่ายเบี่ยง

"มาทั้งทีถ่ายเหอะนะ" เสียงใสแอบอ้อนเล็กน้อย

"ก็ได้" เธอจำใจรับปาก และเดินไปยังจุดเดียวกันกับที่กัลยาโพสท่า

คนตัวเล็กไม่ถ่าย นิ้วชี้มายังปากเล็กๆ เป็นเชิงว่า ยิ้มหน่อยสิ หญิงสาวถอนหายใจ ก่อนจะยิ้มเล็กน้อย แต่ดูเหมือนคนถ่ายยังไม่พอใจยิ้มกว้างให้ดูเป็นตัวอย่าง กิตติญาขำจนหลุดหัวเราะออกมา จากภาพยิ้มเลยกลายเป็นหัวเราะแทน

"เข้าไปข้างในเถอะ สายแล้ว แดดร้อน" เธอบอกเมื่อให้คนตัวเล็กกดชัตเตอร์จนพอใจ เหงื่อเม็ดเป้งผุดพราย หล่อนเป็นคนขี้ร้อน ยิ่งวันๆ อยู่แต่ในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศตลอดยิ่งไม่เคยชินกับอากาศคุกรุ่นแบบนี้สักเท่าไหร่นัก



เห็นอีกฝ่ายตัวเล็กอย่างนี้ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน พาเดินขึ้นเดินลงห้างทั้งวันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย มีกี่ชั้นก็สำรวจไปทั่ว หล่อนไม่ค่อยเห็นความแตกต่างสักเท่าไหร่ ตัวห้างตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น ร้านก็มีแต่อาหารญี่ปุ่น ทั้งร้านของคนไทยและคนญี่ปุ่นแท้ๆ ตัวเธอเองก็ทานอยู่บ้างแม้ไม่บ่อยเท่ากับอาหารตะวันตก ส่วนคนผมสั้นดูจะตื่นตาตื่นใจไปเสียหมด คนตัวสูงจึงแวะร้านราเม็งกับร้านไอศครีมให้ได้ลองชิม จะได้มาไม่เสียเที่ยว

กลับถึงคอนโดก็สองเกือบสามทุ่มแล้ว เล่นเอาเธอขาแข็งไปหมด เพราะวันๆ เอาแต่นั่งบนเก้าอี้เซ็นเอกสาร ไม่ได้ออกกำลังกายหรือเดินมาก อยู่ๆ มาเดินทั้งวันจึงปวดขาอย่างช่วยไม่ได้

"ปวดมากไหม" เพื่อนสาวถามน้ำเสียงใสเป็นห่วง

"นิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอก" เธอคิดอย่างนั้น แต่คนตัวเล็กขมวดคิ้วเป็นเชิงว่าไม่เห็นด้วย

"ไม่ได้เคล็ดอะไร หญิงแค่เอาขาไปแช่น้ำร้อนก็หาย" สีหน้าบอกให้รู้ว่าต้องทำตาม อย่าได้ขี้เกียจหรือแกล้งลืมเชียว

"อือ ทำอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง กวางไปอาบน้ำนอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้า" คนตัวสูงรับปาก หล่อนต้องทำอย่างแน่นอนก็ปวดขนาดนี้นี่นา



หล่อนลังเลไม่รู้ว่าจะทำดีหรือไม่ ขัดเขินอย่างบอกไม่ถูก เพราะสถานะเปลี่ยนความรู้สึกเลยเปลี่ยนไปด้วย แต่สุดท้ายนิ้วเรียวก็กดโทรออก

"ฮัลโหล" เสียงนุ้มคุ้นเคย

"หญิง" เธอเอ่ยเสียงเบา

"มีไรเหรอ" กิตติญาตอบกลับมา

"คิดถึง" คำสั้นๆ แต่ส่งผลให้คนพูดหน้าแดงเป็นลูกตำลึง

"หญิงก็เหมือนกัน" เสียงปลายสายดูอบอุ่นเหลือเกิน

"โทรมาบอกแค่เนี้ยแหละ ขี้เกียจจะพิมพ์ข้อความหา" หล่อนบอกแก้เขิน

"อือ ฝันดีค่ะที่รัก" คนหน้านิ่งไม่วายหยอด หญิงสาวฟังแล้วหัวใจเต้นแรง รู้ว่าเขินยังมาพูดอย่างนี้อีก แล้วจะไม่ให้รักและรู้สึกดีได้อย่างไร

"คุยกับใครเหรอครับ" เสียงทุ้มดังจากข้างหลัง หล่อนหันไปมองพบสามีในชุดทำงานยืนอยู่

ก้อนเนื้อในอกเต้นแรงอีกครั้งด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไป มือเล็กกำโทรศัพท์แน่น ไม่รู้ว่าภาคได้ยินอะไรบ้างรึเปล่า น้ำเสียงเขาเรียบเฉยเดายากเหลือเกิน

"เอ่อ...คุยกับหญิงน่ะค่ะ" หล่อนบอกน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย

"อือ ครับ" เขาพยักหน้ารับรู้เล็กน้อย ไม่แสดงอาการอะไรเป็นพิเศษ

เธอค่อยรู้สึกโล่งใจที่สามีไม่สะกิดใจ รู้อย่างนี้ส่งข้อความคุยกับหญิงเหมือนเดิมก็ดี ไม่น่าโทรเลย ถ้าพูดว่ารักออกไปคงแย่ นี่แค่คิดถึงยังพอถูไถไปได้บ้างไม่น่าเกลียดอะไร



เมื่อเข้าบ้านมาเขาเห็นภรรยาเดินไปเดินมา ในมือถือโทรศัพท์หน้าตายิ้มแย้มมีความสุข หลายเดือนแล้วที่พิมไม่ได้ยิ้มแบบนี้ เสียงหวานบอกว่าคิดถึงคนปลายสาย เท้าของชายหนุ่มชะงัก มีความกลัวแทรกเข้ามาในจิตใจ นนทพันธ์กลัวว่าเธอจะมีคนอื่น แม้ว่าที่ผ่านมาจิณณพัตไม่ได้มีทีท่าว่าจะนอกใจเขาเลย แต่พักหลังหล่อนเปลี่ยนไป ไม่ยอมร่วมหลับนอน ทำอะไรร่วมกันก็ดูเหมือนทำไปอย่างนั้นไม่มีความสุขเลยสักนิด

เขาพยายามพูดอะไรตลกหรือขำๆ หล่อนก็หัวเราะแกนๆ เหมือนฝืน นัยน์ตาน้ำตาลกลมโตมองเหม่อไปที่อื่นไม่ได้มองมาที่เขาเลยแม้แต่น้อย ภาคยอมรับว่ารู้สึกน้อยใจอยู่บ้าง บางที 5 ปีอาจจะทำให้ความรักจืดจาง ไม่หวานเหมือนเก่า แต่เขาก็พยายามทั้งบอกรักภรรยา ผ่านการกระทำ คำพูด และสายตา ซึ่งมันก็ไม่ได้ผลเลยสักนิดเดียว พิมเปลี่ยนไป

เมื่อได้ฟังคำตอบชายหนุ่มรู้สึกโล่งใจไปบ้าง แต่น้ำเสียงที่บอกคิดถึงนั้นมันช่างหวาน หล่อนไม่ค่อยบอกว่าคิดถึงเขาสักเท่าไหร่ ส่วนมากจะพูดว่ารัก และน้ำเสียงก็ไม่เคยหวานเช่นที่บอกกับเพื่อนเลย นนทพันธ์รู้สึกว่าตัวเองดูด้อยลงไปทันที หรือรักที่พิมมีจะจืดจางไปแล้วจริงๆ



วันนี้จิณณพัตตื่นเร็วกว่าปกติ เธอนอนไม่ค่อยหลับสักเท่าไหร่ พลิกตัวไปมาทั้งคืน หล่อนกังวลไปหมด ไหนจะเรื่องน้องฝน ต้องเจอหน้ากันทุกวัน ไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไร ใจจริงเธอไม่โกรธ เพราะอย่างน้อยอีกฝ่ายก็ยังไม่ได้ทำอะไรให้เสียหาย แต่ความรู้สึกรักและเอ็นดูในความน่ารักมันหายไป เห็นได้ชัดว่าสาวน้อยคนนั้นร้ายกาจเพียงไหน การทำงานต่อจากนี้ไปคงมีแต่ความอึดอัดไม่ดีเหมือนเคย

ไหนจะเรื่องกิตติญาอีก หญิงสาวเป็นคนไปขอคนตัวสูงเองว่าให้คบกันเพียงใจ หล่อนรู้ว่าเป็นความพยายามในทางที่ไม่ถูกทั้งศีลธรรมและความต้องการด้วย เธออยากได้มากกว่าใจ แต่คนหน้านิ่งแสดงออกว่าไม่พอใจ เห็นนิ่งๆ อย่างนั้นหญิงก็หยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเองมาก ต่อให้อ้อนวอนหรือขอร้องก็คงไม่มีวันยอมคบซ้อนอย่างแน่นอน เมื่อเป็นอย่างนั้นเธอจึงต้องหาวิธีหลีกเลี่ยงมาแบบนี้



เพิ่ง 7 โมงเช้าออฟฟิตไม่มีใครอยู่สักคน อาจจะเพราะคนส่วนมากมักจะมากันหลังเจ็ดโมงครึ่งก็ได้ เธอไม่สนใจเริ่มหยิบแฟ้มที่ทำค้างไว้มาอ่านต่อ หล่อนเบื่อที่จะคิดแล้ว คิดไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา

เสียงรองเท้าดังขึ้นเบาๆ จิณณพัตไม่ได้หันไปสนใจ เพราะคิดว่าพนักงานคนอื่นๆ คงมาทำงานกัน หญิงสาวยังคงพลิกหน้ากระดาษไปเรื่อยๆ จนกระทั่งรู้สึกถึงความอุ่นที่หัวไหล่

เธอหันกลับไปมองพบว่าดวงฤทัยนั่นเองที่เอามือมาวางบนไหล่ของเธอ หล่อนทำเฉยเสียไม่พูดอะไรออกไป อยากรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร

"พี่พิมคะ ฝนขอโทษ" เสียงใสฟังดูเศร้า ดวงตาไม่เชิงสำนึกผิด

"ฝนสัญญาว่าจะไม่ทำอย่างนั้นอีกค่ะ ให้โอกาสฝนอีกครั้งนะคะ" สาวน้อยอ้อนวอน เธอถอนหายใจ ชั่งใจว่าจะเอาอย่างไรกับคนตรงหน้าดี

"พี่ให้อภัย" หล่อนพูดแค่นั้น เรื่องโอกาสปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงใจของสาวคนนี้ดีที่สุด ถ้าเธอยอมง่ายๆ ไปหมด เด็กคนนี้จะได้ใจ

"ขอบคุณค่ะ" น้องฝนยิ้มกว้างเห็นฟันสวย สาวตาน้ำตาลไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป หันกลับไปทำงานต่อ หล่อนไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกยังไงกับการกระทำนี้ เด็กน้อยสมควรได้รับบทเรียนเสียบ้าง



หัวหน้าเรียกจิณณพัตเข้าพบที่ห้องทำงาน มือใหญ่ผายเชิญให้นั่งเก้าอี้ตรงกันข้าม เธอแอบสงสัยไม่ได้ว่าเรื่องอะไร เพราะถ้าเป็นเรื่องงานหล่อนมั่นใจว่าตรวจเช็กทุกอย่างเรียบร้อยดี

"วันนี้เป็นไงบ้างครับ" เขาเอ่ยเสียงทุ้มลึก

"ก็ดีค่ะ" หญิงสาวตอบกลางๆ วางสีหน้าเรียบเฉย

"ถ้ารู้สึกไม่ค่อยสบายก็ลาพักได้นะครับ ผมอนุญาต" ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหมือนจะปลอบใจและปลอบประโลม

"ไม่เป็นไรคะ ดิฉันสบายดี"

"ผมทราบจากเพื่อนคุณกนกน่ะว่าเมื่อวานซืนมีเรื่องไม่ค่อยดีเกิดขึ้น ถ้าคุณพิมไม่สบายใจผมสามารถย้ายลูกสาวของคุณกนกไปไว้แผนกอื่นได้นะ" หล่อนเข้าใจในทันทีว่าทำไมเขาถึงบอกให้พักได้ จริงๆ ได้พักวันอาทิตย์ก็เพียงพอแล้ว

"ให้ดิฉันทำงานเถอะค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว น้องเขาก็มาขอโทษแล้ว ดิฉันไม่ติดใจ" เธอตอบตามที่คิด

"โอเคครับ แต่ถ้ามีเรื่องอะไร บอกผมได้ทุกเมื่อ" เจ้านายพยักหน้ารับรู้ และยอมรับการตัดสินใจ ในดวงตาคู่คมนั้นหล่อนว่ามีความไม่พอใจแฝงอยู่ เขาเป็นคนยุติธรรมพอได้รับรู้เรื่องไม่ดีไม่งามเลยไม่ชอบเป็นธรรมดา เธอเข้าใจ



กลิ่นอาหารหอมๆ โชยมาเตะจมูกทันทีที่คนตัวสูงเปิดประตูห้อง เพื่อนสาวตัวเล็กหันมามอง ยิ้มสวยให้หนึ่งทีก่อนจะกลับไปดูอาหารที่กำลังทำ

"ไม่เห็นต้องทำเลย กลับมาจากที่ทำงานเหนื่อยๆ" เธอบอกคนตัวเล็ก

"ไม่เป็นไร กวางอยากทำ หญิงแหละไปนั่งพักก่อน" สาวผมสั้นสีน้ำตาลน้ำเสียงฟังดูร่าเริง

หล่อนยิ้ม ดีใจที่เพื่อนไม่โศกอีกต่อไปแล้ว หัวใจคงหายสนิท นับว่าการพูดวันนั้นได้ผลไม่น้อย รู้อย่างนี้เธอคงพูดเสียตั้งนานแล้ว

หญิงสาวเปิดเพลงสบายๆ ฟังระหว่างรอให้เพื่อนทำอาหาร หล่อนนึกภาพว่าตัวเองได้กอดคนร่างบาง มือพาดที่เอวคอด หน้าซุกที่ซอกคอ จูบเบาๆ ถ้ากลับบ้านมาแล้วคนที่ยืนต้อนรับเป็นพิม เธอคงจะเลิกบ้างานได้เป็นแน่

"ฟังเพลงแล้วทำหน้าเคลิ้มเชียว คิดถึงใครอยู่เหรอ" คิ้วเรียวบางขมวด ถามด้วยความสงสัย

"อยากรู้จริงๆ เหรอ" เธอยักคิ้วอย่างเป็นต่อ ถามด้วยน้ำเสียงยียวนเล็กน้อย

"ลีลาจริงหญิงนี่ ไม่อยากรู้จะถามเหรอ" กัลยาส่ายหน้าเบาๆ แต่ปากยิ้ม คงชอบใจไม่น้อยที่มีการสนทนาอย่างอื่นนอกจากไต่ถามกัน

"คิดถึงคนที่รักอยู่น่ะ" สิ้นคำตอบ เสียงตะหลิวตกลงบนพื้นเสียงดัง



email+facebook : N.Rattanawadikant@gmail.com
fanpage : www.facebook.com/อาพัทธ์-อันธการ/107884562739822

 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.