web stats

ข่าว

+-User

Welcome, Guest.
Please login or register.
 
 
 
Forgot your password?
ปัญหาการสมัครสมาชิก
วิธีเปลี่ยนสถานะเป็นนักเขียน
วิธีลงนิยาย
วิธีใช้งานบอร์ด

+-สถิติการใช้งาน

Members
Total Members: 880
Latest: Levitra5a
New This Month: 0
New This Week: 0
New Today: 0
Stats
Total Posts: 1553
Total Topics: 886
Most Online Today: 39
Most Online Ever: 601
(21 กันยายน 2024 เวลา 08:04:58 )
Users Online
Members: 0
Guests: 39
Total: 39

ผู้เขียน หัวข้อ: กำแพงหัวใจ ตอนที่ 27  (อ่าน 4242 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ meAyou

  • Moderator
  • ขาจร
  • *****
  • กระทู้: 69
กำแพงหัวใจ ตอนที่ 27
« เมื่อ: 25 เมษายน 2014 เวลา 12:11:46 »
   คนถูกขังมองดูประตูที่ปิดสนิทอย่าท้อใจก่อนจะหันไปสำรวจจุดต่างๆที่พอจะใช้เป็นทางออกได้แต่กลับพบว่าทุกจุดถูกปิดตายไปหมดแล้ว 
   เวลาผ่านไปไม่นานประตูที่คิดว่าถูกปิดตายก็ค่อยๆเปิดออกพร้อมกับใครบางคนที่มัทนาแน่ใจว่าไม่ใช่คนที่จับเธอมาขังแน่ๆ
   ปาลิตาจ้องมองคนที่ยืนอยู่ในห้องอย่างชิงชังก่อนจะเดินเข้าไปแล้วรีบปิดห้องเพื่อไม่ให้ใครสงสัย
   “คุณเข้ามาทำไม”
   “ทำไมฉันจะเข้ามาในนี้ไม่ได้ล่ะในเมื่อที่นี่ก็บ้านฉันเหมือนกัน”
   “ต้องการอะไร”
   น้ำเสียงห้วนๆที่ถูกเอ่ยออกมาไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกโกรธแต่อย่างใดเพราะมีสิ่งอื่นที่สำคัญยิ่งกว่า
   “อย่าระแวงไปเลยฉันมาดี”
   “คุณเนี้ยนะ!”
   “ทำไมล่ะฉันไม่น่าเชื่อถือขนาดนั้นเลยเหรอ”
   “ลองไปส่องกระจกสิ”
   ปาลิตาแทบจะระงับอารมณ์ไม่อยู่หากไม่มีแผนป่านี้เธอคงได้ลงไม้ลงมือกับคนตรงหน้าไปแล้ว
   “เอาเถอะเธอจะคิดยังไงก็ช่างแต่อยากให้รู้ว่าวันนี้ฉันมาดี”
   คนพูดพยายามส่งยิ้มที่เป็นมิตรไปให้มัทนาแต่กลับได้รับเพียงหน้านิ่งๆกลับมาทำให้ปาลิตาเริ่มชักสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาบ้าง
   “ฉันไม่อยากให้เธออยู่ที่นี่และเธอก็ไม่ต้องการอยู่ที่นี่เท่ากับว่าตอนนี้เรามีเป้าหมายเดียวกัน”
   “หมายความว่า…”
   “ฉันพูดขนาดนี้คงไม่ต้องแปลอะไรให้มากความแล้วล่ะมั้งแต่ถ้าเธอยังไม่ค่อยเข้าใจฉันจะบอกให้…”
   จากนั้นปาลิตาก็เล่าแผนการช่วยเหลือให้คนถูกขังฟังก่อนจะบอกเส้นทางลับที่ตัดผ่านไปถึงถนนใหญ่ที่สามารถเรียกรถประจำทางได้ง่ายๆและเพียงแค่รู้หนทางที่จะสามารถไปจากที่นี่ได้มีหรือที่มัทนาจะไม่ตอบตกลง
   นั่นคือคำพูดสุดท้ายระหว่างเธอกับปาลิตาเพราะตอนนี้มัทนากำลังเร่งฝีเท้าให้เร็วที่สุดเพราะหากครั้งนี้เธอพลาดนั่นก็อาจหมายถึงโอกาสที่จะไม่มีวันได้รับอีกและเหมือนท้องฟ้าจะเป็นใจเมื่อจู่ๆแสงแดดที่สามารถแผดเผาให้ละลายกำลังค่อยๆถูกเมฆดำปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าและไม่ทันได้คิดอะไรต่อเมื่อเริ่มมีหยดน้ำหยดลงมาทีละหยดๆจนในที่สุดแปรเปลี่ยนเป็นสายน้ำที่เทลงมาแบบไม่ขาดสาย
   มัทนามองดูหนทางที่เหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุดอย่างท้อใจเพราะเธอกำลังเริ่มคิดได้ว่าแผนการที่ปาลิตาวางไว้อาจจะเป็นการกลั่นแกล้งเธอซะมากกว่าแต่ในเวลานี้การหันหลังกลับจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอจะทำ

   ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วบ้านโดยเฉพาะภายในห้องนั่งเล่นที่ตอนนี้มีเพียงสามพี่น้องเท่านั้นที่นั่งอยู่
   ปาลิตาเหลือบมองหน้าพี่สาวคนโตด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะเพราะบัดนี้อีกฝ่ายรู้แล้วว่าคนที่อยู่ในห้องหายไปและหากเธออ่านสายตาที่มองมาทางตัวเองไม่ผิดเชื่อว่าหทัยภัทรกำลังสงสัยเธออยู่
   “ใครเป็นคนทำ”
   ในที่สุดหทัยภัทรก็เอ่ยแทรกความเงียบออกมาจนได้แต่ทั้งๆที่คำถามไม่ได้ระบุชื่อคนทำผิดแต่ไม่รู้ทำไมสายตาของคนพูดถึงได้จับจ้องไปทางน้องสาวคนเล็กตลอดเวลา
   “ตาเปล่านะคะ ตาไม่ได้ทำอะไร”
   ปาลิตาปฏิเสธเสียงแข็งหากแต่สีหน้าที่ลนลานกลับไม่สามารถปิดได้มิด
   “พี่จะให้โอกาสตอบอีกครั้งอย่าคิดที่จะโกหกเพราะเธอทั้งสองคนก็น่าจะรู้ดีว่าพี่เกลียดคนโกหกมากแค่ไหน”
   คนพูดเอ่ยออกมาด้วยสีหน้านิ่งๆจากนั้นก็เดินเข้าไปใกล้ผู้ต้องสงสัยที่ตอนนี้เริ่มมีเม็ดเหงื่อซึมออกมามากขึ้นทุกที
   “ตาเป็นคนทำใช่มั้ย”
   “คือ คือตา…”
   “ขอให้พูดความจริงแล้วพี่จะไม่เอาโทษ”
   เท่านี้ปาลิตาก็รู้แล้วว่าหทัยภัทรรู้เรื่องทุกอย่างหมดแล้วใบหน้าที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อค่อยๆซีดลงอย่างเห็นได้ชัดก่อนที่เจ้าตัวจะใช้มือสั่นๆเช็ดเหงื่ออย่างมีพิรุธ
   “ตาทะ ทะทำเองค่ะ”
   “ทำไมถึงขัดคำสั่งพี่”
   “ตาแค่ไม่อยากฝืนใจใครถ้าเค้าไม่อยากอยู่เราก็ปล่อยเค้าไปสิคะจะรั้งให้เสียศักดิ์ศรีทำไม”
   ถึงจะกลัวคนตรงหน้ามากแค่ไหนแต่ปาลิตาก็ยังสามารถเอ่ยความคิดของตัวเองออกมาได้หมด
   “มันเรื่องของพี่อย่าทำอะไรนอกเหนือจากคำสั่งพี่อีกไม่งั้นอย่ามาหาว่าพี่ใจร้าย”
   น้ำเสียงบวกกับสีหน้าจริงจังของคนพูดสามารถตรึงคนฟังได้แบบอยู่หมัดเพราะตอนนี้ปาลิตาแทบจะกระดุกกระดิกตัวไม่ได้เลย
   “แล้วมัทนาไปทางไหนทำไมพี่ให้คนไปหาแล้วไม่เจอ”
   “ตาไม่ทราบค่ะ”
   “ปาลิตา! ”
   การตวาดเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงดุดันทำให้ปาลิตาถึงกับถอยหนีอย่างลืมตัวก่อนจะหันไปเจอใบหน้านิ่งๆของคนตรงหน้าที่มองมาทำเอาเธอถึงกับเข่าอ่อน
   “ตา ตาให้ยัยนั่นไปทางป่าท้ายไร่ค่ะแต่ตาหวังดีนะคะยัยนั่นจะได้เจอรถอย่างที่ต้องการ”
   ประโยคบอกเล่าที่ได้ยินทำเอาคนฟังถึงกับหัวใจหล่นวูบ มิน่าเธอให้คนงานหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอซะทีที่แท้คนที่ตามหาก็เข้าไปในสถานที่ที่ไม่มีใครอยากเข้าไปนี่เองและไม่ต้องรอช้าเมื่อหัวใจสั่งการให้เท้าทั้งสองข้างก้าวเดินไปยังสถานที่อันตรายแห่งนั้นด้วยตัวเองเพราะหากปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปอีกเธออาจจะเสียมัทนาไปตลอดกาล
   
   “มัทนา มัทนา”
   หทัยภัทรตะโกนเรียกชื่อคนที่ตามหาเสียงดังพร้อมกับการมองหาไปรอบๆโชคดีที่เธอชำนาญเส้นทางและรู้ว่าควรหลีกเลี่ยงยังไงให้พ้นจากเจ้าถิ่นที่มีพิษรุนแรงแต่หากพวกมันรวมตัวกันขึ้นมาเธอก็อาจจะแย่ได้
   “มัทนาตอบฉันสิเธออยู่ไหน”
   เสียงตะโกนดังก้องไปทั่ว ในบางครั้งก็เป็นเสียงสะท้อนกลับมาให้ได้ตกใจเป็นระยะๆแต่หทัยภัทรก็ไม่ลดละความพยายามในการตามหาแม้ร่างกายจะเริ่มหมดแรงไปทีละน้อยก็ตามและในที่สุดความพยายามก็เป็นผลเมื่อเธอเห็นเงาร่างๆของคนที่ตามหาแต่พออีกฝ่ายหันมาเห็นเธอก็หนีหายไปทันทีแต่มีหรือที่หทัยภัทรจะปล่อยไปง่ายๆ
   หญิงสาววิ่งตามคนคิดหนีมาติดๆอาจเพราะความสนใจได้ถูกดึงดูดไปที่คนตรงหน้าหมดแล้วการระวังตัวจึงละหลวมมีช่องโหวงขึ้นมาทันทีและเหมือนศัตรูตัวฉกาจจะล่วงรู้มันจึงค่อยๆเลื้อยออกมาและจัดการฉกที่ขาจนเจ้าของขาสวยถึงกับล้มลงไปกองกับพื้น
   หทัยภัทรมองงูที่เลี้อยกลับเข้าไปในพุ่มไม้ด้วยอาการตาลาย เธอพลาดที่ลืมระวังตัวจนถูกกัดแล้วกลางป่าที่ใกล้มืดแบบนี้จะมีใครผ่านเข้ามาเพื่อช่วยเธอบ้างนะ
   ดวงตาปรือๆที่เกือบปิดหันไปสะดุดเข้ากับใบหน้าขาวที่ดูซีดเพราะเปียกจากสายฝนที่เพิ่งหยุดไปแต่เธอก็จำได้ดีว่าคนตรงหน้าเป็นใครแม้จะมองไม่ถนัดก็ตาม
   “ไม่รู้จะตามมาทำไมให้เป็นภาระ”
   คนพูดเอ่ยหน้านิ่งก่อนจะย่อตัวนั่งลงดูรอยกัดที่ขาของคนที่นั่งอยู่ก่อนจะรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาพันบนแผลเพื่อกันพิษงูจะไหลเข้าสู่หัวใจจากนั้นก็ก้มลงดูดพิษออกเพื่อช่วยบรรเทาให้เจื่อจางลง
   “ไม่ต้อง”
   เจ้าของแผลร้องห้ามพร้อมกับออกแรงดึงขาของตัวเองออกมาแต่ด้วยพิษของงูที่เริ่มออกฤทธิ์ทำให้หทัยภัทรรู้สึกมึนงงและไม่มีแรงเอาเสียเลยนั่นจึงทำให้เธอไม่สามารถขัดขืนคนตรงหน้าได้เลยแม้แต่น้อย
   มัทนาดูดพิษออกมาก่อนจะพ่นออกไปอีกทางทำแบบนี้ราวสามสี่ครั้งก่อนจะค่อยๆช้อนตัวคนเจ็บขึ้นมาอุ้มอย่างเบามือ
   “ตัวเล็กแค่นี้ตัวหนักชะมัด”
   คนพูดเหลือบตาลงมองคนที่อยู่ในอ้อมแขนที่ตอนนี้ไม่มีแรงตอบโต้เธอแม้แต่น้อยก่อนจะเขย่าตัวคนใกล้หลับแรงๆ
   “อย่าหลับสิ”
   “ฉันง่วง”
   “อย่ามาหลับแบบนี้นะ คุณควรจะพูดขอบใจหรือทำอะไรเพื่อเป็นการตอบแทนที่ฉันช่วยคุณบ้าง”
   “ไว้ตื่นก่อนแล้วค่อยคุยกัน”
   ท่าทางอ่อนแรงของหทัยภัทรทำให้มัทนารู้สึกใจเสียขึ้นมาทันทีก่อนจะเร่งฝีเท้าให้เร็วมากขึ้นเพราะขืนชักช้าคนที่เธออุ้มอยู่คงได้หลับไปตลอดกาล
   “มองหน้าฉันสิ”
   เงียบไม่มีเสียงตอบกลับแต่อย่างใดนั่นทำให้มัทนาถึงกับหยุดการก้าวเดิน
   “คุณคงเกลียดขี้หน้าฉันมากถึงได้ไม่ยอมมองกัน”
   เมื่อการบังคับไม่ได้ผลมัทนาจึงเปลี่ยนเป็นบทเศร้าทันทีและดูเหมือนจะได้ผลเมื่อดวงตาที่ใกล้ปิดสนิทค่อยๆเปิดออกพร้อมกับการส่ายหน้าไปมา
   “ถ้าเธออยากให้ฉันมองฉันก็จะมองหรือแม้เธอไม่ให้ฉันมองฉันก็จะมอง…ฟังแล้วงงมั้ย”
   “ก็นิดหน่อย”
   “ฉันจะมองเธอแม้เธอไม่อยากให้มอง”
   “แล้วตะกี้ทำไมไม่มอง”
   “ก็ฉันง่วง”
   “ง่วงก็ต้องมอง มองหน้ามัทไว้เพราะถ้าคุณหลับตื่นมามัทอาจจะไม่อยู่ตรงนี้แล้ว”
   “ไม่ได้นะ”
   หทัยภัทรพยายามเปิดตาให้กว้างที่สุดเพราะเกรงว่าหากตัวเองจะเผลอหลับจะเป็นอย่างที่อีกคนพูดจริงๆ
   การกระชับวงแขนที่คอของคนตัวเล็กทำให้มัทนายิ้มออกมาน้อยๆหากตัดเรื่องแย่ๆออกไปหทัยภัทรก็ถือได้ว่าเป็นคนน่ารักคนหนึ่งแต่ถึงไม่ตัดเรื่องแย่ออกไปเธอก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดีว่าผู้หญิงคนนี้ได้ขโมยหัวใจของเธอไปแล้วโดยใช้ความร้ายกาจที่เธอคิดจะตัดทิ้งในตอนแรกเป็นเครื่องมือ

   คนบนเตียงค่อยๆลืมตาก่อนจะรีบลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับอาการหน้ามืดเกือบล้มดีที่ได้ใครอีกคนในห้องเข้ามาประคองไว้
    “มัท”
   หทัยภัทรมองหน้าคนเข้ามาช่วยประคองด้วยรอยยิ้มที่ค่อยๆจางลงก่อนจะหันไปมองรอบๆห้องด้วยใบหน้าที่ผิดหวัง
   “ในห้องนี้มีแค่เราสองคนเท่านั้นแหละค่ะส่วนคนที่พี่หทัยหาอยู่ตอนนี้เค้าไป…”
   “ไปไหน! ไปได้ยังไงพี่ไม่ได้อยากจะหลับซะหน่อยเค้าจะทิ้งพี่แบบนี้ไม่ได้นะ”
   ปาลิตามองท่าทางร้อนใจของคนบนเตียงด้วยหัวใจที่เจ็บปวด ตอนนี้เธอคงต้องยอมรับความพ่ายแพ้เสียทีเพราะยิ่งเธอทำอะไรมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้พี่สาวของตัวเองเผยความรู้สึกออกมามากเท่านั้น
   ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับเงาลางๆของคนที่คิดว่าหนีหายไปแล้วนั่นทำให้หทัยภัทรถึงกับผละตัวออกจากน้องสาวก่อนทำท่าทางเหมือนจะลุกขึ้นจนมัทนาต้องรีบวางข้าวต้มในมือไว้ที่โต๊ะแล้วรีบวิ่งมาประคอง
   “ทำไมไม่ระวังเลยไม่รู้ตัวเองหรือไงว่าเป็นคนเจ็บอยู่”
   “ก็ฉันดีใจ”
   “คนรอดตายก็ต้องดีใจกันทั้งนั้นแหละ”
   “เธอก็รู้ว่าฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น”
   มัทนายกมือขึ้นแตะหน้าผากคนพูดก่อนจะประคองให้นั่งลงที่เตียงช้าๆ
   “คนป่วยมักจะเพ้อไปเรื่อยกินข้าวแล้วก็กินยาซะจะได้หายแล้วเลิกพูดเรื่องไร้สาระซะที”
   ประโยคที่ถูกเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งๆทำเอาคนฟังถึงกับจุกเพราะไม่เคยมีใครมาทำท่าทางแบบนี้ใส่ตัวเองสักครั้งหากเป็นคนอื่นเธอคงให้คนงานหิ้วปีกไปทิ้งนอกไร่แล้ว
   “ฟังพูดเข้าไม่ถนอมใจคนป่วยเลยนะ”
   “จะกินมั้ย”
   ประโยคคำถามทำให้คนฟังหน้างอลงไปอีกแต่หทัยภัทรก็ทำอะไรได้ไม่มากเพราะหากเล่นตัวในตอนนี้อาจจะทำให้คนป้อนลุกหนีไปได้เพราะฉะนั้นการอ้าปากเพื่อให้คนตรงหน้าป้อนข้าวจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดและเธอก็พอใจที่สุดแล้วในเวลานี้
   มัทนามองคนป่วยที่ตอนนี้กลายร่างเป็นเด็กไปแล้ว ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าตอนนี้หทัยภัทรกำลังพยายามอ้อนเธออยู่แต่เธอก็ต้องเก็บความรู้สึกยินดีเอาไว้เพราะอยากเอาคืนบ้าง หญิงสาวหันไปมองด้านหลังของคนที่เดินออกไปเงียบๆก่อนจะหันกลับมาจ้องหน้าคนที่กำลังกินข้าวต้มอย่างใช้ความคิด
   ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคนที่เดินออกไปถึงได้ยอมเข้ามาพูดขอร้องให้คนที่ตัวเองเกลียดอยู่ต่อแถมยังอ้อนวอนให้ช่วยดูแลคนที่ตัวเองหวงอีกแต่ถึงปาลิตาไม่ขอเธอก็ไม่คิดจะทิ้งคนบนเตียงไปไหนในเวลาแบบนี้หรอก

นิยายเรื่องอื่นๆ
   คุณหนูที่รัก yuri  http://my.dek-d.com/melike/writer/view.php?id=975576
   ลิขิตรักยัยตัวร้าย yuri  http://writer.dek-d.com/melike/story/view.php?id=552259
   เกมรัก สะดุดใจ yuri http://writer.dek-d.com/melike/story/view.php?id=847672
   ปีกรัก yuri  http://writer.dek-d.com/melike/writer/view.php?id=1003521
   สัญญาวิวาห์กำมะลอ yuri  http://my.dek-d.com/melike/writer/view.php?id=1044762
   ไออุ่นรัก http://www.yuriread.com/index.php?board=117.0
   สามารถสั่งซื้อได้แล้วจ้า
   แบบe-book ก็มีนะค่ะเข้าไปดูได้ที่ http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookSearchResults&type=author&search=meAyou

   ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ   




 

Powered by EzPortal
    ต้นฉบับในเว็บไซต์เป็นลิขสิทธิ์ของผู้แต่งต้นฉบับที่นำมาลง
    copyright © Yuriread.com All rights reserved.